คุริยามะรับความผิด
คอรัลสู้ประจันหน้ากับกองทัพของคิตามุระด้วยอาวุธครบครันท่ามกลางกองทัพกว่าพันคนด้วยความไม่เกรงกลัวอะไรทั้งนั้น
ค้อนกุงเนียร์ในมือคอรัลเก็บสะสมพลังไว้แต่เธอยังไม่ได้ปล่อยพลังออกไป อสนีบาตถูกฟาดฟันออกไปโดนผู้บำเพ็ญทั้งหลายที่ไม่สามารถตั้งตัวหลบได้ทันจนร่างกายแตกออกเป็นเสี่ยงๆ!
นักรบสองคนเดินเข้ามาในพื้นที่ว่าง แต่ไม่เห็นวี่แววของคิตามุระ
ส่วนทาคาชิมะยืนอยู่บนกำแพงรอบๆ และมองลงมาที่อัศวินระดับ B สองคนข้างล่าง เด็กหญิงผมสีบลอนด์เงินแพลตตินัมที่นั่งอยู่บนไหล่ของอัศวินมองขึ้นมาที่ทาคาชิมะอย่างเย็นชา
เมื่อเห็นภาพตรงหน้า ทาคาชิมะก็เข้าใจว่าคิตามุระคงตายไปแล้วในสนามรบ ถึงแม้ว่าอัศวินพวกนี้จะรูปร่างใหญ่โตเทอะทะ แต่ความแข็งแกร่งของมันนั้นเทียบเท่ากับผู้มีพลังระดับ B เลยทีเดียว เรียกได้ว่าแข็งแกร่งน่ายำเกรงมาก
พวกมันดูจะใช้แค่อาวุธโจมตีเท่านั้น พวกมันฟาดฟันดาบออกไปที่ศัตรูอย่างไร้ความเมตตา การใช้แค่อาวุธเพียงอย่างเดียวดูน่าจะจัดการได้ไม่ยาก
แต่ถึงอย่างนั้นตราบใดที่พวกผู้บำเพ็ญอยู่ในรัศมีหนึ่งกิโลเมตร ความเร็วของพวกเขาก็จะตกลงไปสามสิบเปอร์เซ็นต์หากไม่มีพลังจิตวิญญาณเป็นเกราะกำบังร่าง
ทาคาชิมะไม่ได้รับผลกระทบอะไรกับสิ่งนี้อยู่แล้ว แต่เขาจะจัดการพวกมันสามคนได้ด้วยตัวคนเดียวได้ยังไง พลังของเขายังอยู่แค่ระดับ B ชั้นกลางเท่านั้น!
แต่ปัญหาหลักเลยคือกลุ่มทวยเทพกับกลุ่มเทพเจ้าไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันมาก่อน แล้วถึงแม้จะมีก็เถอะ มันก็ไม่น่าถึงกับต้องตรากตรำเดินทางเอาเป็นเอาตายมาเพื่อรบรากับพวกเขาขนาดนี้
เขาไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าทำไมพวกเทพเจ้าถึงมุ่งเป้ามาที่กลุ่มทวยเทพ และดูเหมือนว่าพวกเขาเตรียมใจที่จะสู้จนตัวตายเลยด้วย!
สีหน้าของทาคาชิมะเคร่งเครียดขึ้นเรื่อยๆ เขาเปิดป้อมปราการแห่งนี้ก็เพื่อจะใช้มันเพื่อการทำพิธีกรรมช่วยเลื่อนสู่ระดับ A ได้เร็วๆ ซึ่งจะช่วยให้เขาจัดการกับการแทรกแซงภายในและการโจมตีจากภายนอกได้ด้วย
คิตามุระนั้นเต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน ตอนที่โนกิวะ ทาเกะโนบุยังมีชีวิตอยู่ พวกเขาสามคนยังคอยตรวจสอบและรักษาสมดุลระหว่างกันได้ แต่เมื่อโนกิวะ ทาเกะโนบุตายไป ปมระหว่างพวกเขาสองคนที่เหลือก็เริ่มแย่ลง อย่างที่เขาว่าว่าเสือสองตัวไม่สามารถอยู่ในถ้ำเดียวกันได้ จะต้องมีใครคนใดคนหนึ่งยึดครองอำนาจไปอย่างเด็ดขาด
ผู้มีระดับ A สองคนจากเครือข่ายฟ้าดินทำให้ทาคาชิมะกดดันเป็นอย่างมาก หากเนี่ยถิงแห่มาโจมตีด้วยอีกคน แล้วจะรับมือยังไงไหว
ถ้าเกิดเป็นอย่างนั้นจริง ทาคาชิมะก็คงต้องยอมเสี่ยง เขาต้องจับตัวพวกที่ต่อต้านแนวคิดเขาแลพวกที่เป็นกลางไม่ยอมลงข้างใคร ทั้งข้างเขาหรือข้างคิตามุระไปไว้ในป้อมปราการและรอให้พวกมันบูชายัญตัวเอง
แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังไม่พออยู่ดี!
ทาคาชิมะเริ่มเครียดหนัก เขาสั่งการให้ลูกน้องไปจับผู้บำเพ็ญลับที่แฝงตัวมาแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่น่าจะทันการ
เขาหันไปมองกองทัพที่เตรียมพร้อมเข้าสู่สนามรบ แล้วดวงตาของเขาก็หม่นลง ทาคาชิมะรู้ว่ากองกำลังเพียงเท่านี้ไม่สามารถต้านศัตรูได้หรอก มีทางเดียวเท่านั้นที่จะปกป้องทวยเทพได้ นั่นคือเขาต้องเลื่อนขั้นเป็นระดับ A!
ทาคาชิมะเดินเข้าไปในป้อมปราการ เขาสั่งการไปยังลูกน้องคนสนิทว่า “แบ่งคนกลุ่มหนึ่งไปเอานักโทษทั้งหมดขึ้นมาที่ป้อม แล้วก็อีกกลุ่มไปเตรียมการจัดพิธีบูชายัญในป้อมนี้ให้เรียบร้อย”
ของที่จะต้องใช้ในพิธีบูชายัญถูกตระเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว พื้นที่ชั้นล่างสุดของฐานใต้ดินเป็นสถานที่ทำพิธีกรรมลับนี้ กระนั้นเขาก็ยังไม่เคยมีโอกาสได้พาคนไปที่นั่นเลยสักครั้ง
ความขุ่นข้องใจก่อตัวขึ้นเรื่อยๆ ในใจของทาคาชิมะ หากพวกศัตรูโจมตีช้ากว่านี้สักสองวัน พิธีกรรมก็คงสำเร็จไปเรียบร้อยแล้ว!
“ไปเตรียมศิลาวิญญาณมาด้วย พิธีกรรมจะได้เสร็จสมบูรณ์สักที” ทาคาชิมะสั่งการ
ลูกน้องของทาคาชิมะต่างเป็นชนชั้นสูงในกองทัพ ในกลุ่มกองกำลังร้อยคน มีระดับ C มากกว่าสิบคน บอกได้เลยว่าทาคาชิมะนั้นทุ่มเททรัพยากรลงทุนไปกับพวกเขามากจริงๆ ในแต่ละเดือนพวกเขาใช้ศิลาวิญญาณมากถึงสามสิบเม็ด
ลูกน้องคนสนิทที่สุดของทาคาชิมะสั่งการต่อให้คนไปเปิดโกดังหมายเลข 19 หมายเลข 17 และหมายเลข 15 มีศิลาในโกดังหมายเลข 17 กับ 15 ไม่มากนัก ทาคาชิมะอยากล่อราชันฟ้ามา เพราะฉะนั้นศิลาวิญญาณกว่าหกสิบเปอร์เซ็นต์จึงถูกเก็บไว้ที่โกดังหมายเลข 19
ศิลาวิญญาณในโกดังหมายเลข 17 และ 15 ถูกถูกลำเลียงออกมา หลี่ว์ซู่มองขึ้นไปบนฟ้าแล้วคิดว่า นี่เขาจะถูกจับได้รวดเร็วขนาดนี้เลยเหรอ…
ตามแผนที่วางไว้ตอนแรก เขากะจะให้พวกทวยเทพรู้ตัวว่าศิลาหายไปตอนเขาออกจากที่นี่ไปแล้ว แต่เขาไม่คิดเลยว่าพวกมันจะรู้ตัวกันก่อนที่เขาจะออกไปเสียอีก
หลี่ว์ชู่ตัดสินใจคว้าตัวผู้บำเพ็ญที่รูปร่างคล้ายๆ เขาออกมาจากกลุ่มระดับ E ร้อยยี่สิบคน “นายอยากเลื่อนขั้นเป็นหัวหน้าป่ะ ถ้าอยากก็ตามมานี่ ฉันมีอะไรจะพูดด้วย”
ผู้บำเพ็ญคนนั้นงงตึ้บ ในสถานการณ์โกลาหลแบบนี้ทำให้ยากที่จะมีปากมีเสียงอะไรอยู่แล้ว พอได้ยินว่ามีโอกาสจะได้เลื่อนขั้น ก็คงต้องติดตามหัวหน้าไปก่อนแล้วล่ะ เรื่องอื่นเดี๋ยวค่อยคิด
หลี่ว์ซู่พยายามพูดเกลี้ยกล่อมผู้บำเพ็ญคนนั้นขณะที่ลากเขาไปยังในมุมลับตาคน แล้วในที่สุดหลี่ว์ซู่บีบคอกำจัดเขาทิ้งแล้วเอาร่างไร้วิญญาณของผู้บำเพ็ญคนนั้นยัดเข้าไปในตราแผ่นดิน จากนั้นก็ปล่อยให้ธารน้ำศักดิ์สิทธิ์ทำลายหลักฐาน เขารีบเปลี่ยนเสือผ้าแล้วเดินกลับไป
พวกลูกกระจ๊อกที่ไปขนศิลาในโกดังหมายเลข 19 ร้องลั่น “กล่องพวกนี้ว่างเปล่าหมดเลยครับ! ศิลาวิญญาณหายไป! หายไปทั้งหมดเก้าหมื่นสองพันเม็ดเลยครับ!”
[ได้แต้มจากทาคาชิมะ ทาอิรัตสึ +999]
[ได้แต้มจาก..]
หลี่ว์ซู่หันไปรอบๆ พอเห็นว่ายังไม่มีใครสงสัยท่าทีของเขา เขาเลยตะโกนผสมโรงไป “ศิลาวิญญาณจะหายไปได้ยังไง! เกิดอะไรขึ้นเนี่ย! ฉันไม่รู้เรื่องเลย นายรู้ไหมว่ามันเกินอะไร…”
“ศิลาเก้าหมื่นสองพันเม็ดต้องถูกขโมยไปแน่! น่ากลัวจริงๆ!”
เสียงอึกทึกเริ่มดังขึ้นเหมือนทะเลเดือดพล่าน หลี่ว์ซู่ได้แต้มอารมณ์เรื่อยๆ เหมือนคลื่นที่สาดซัดเข้ามา
หลี่ว์ซู่เล่นละครเนียนไปกับทุกคน แต่ในใจเขานั้นสุดระริกระรี้ ทุกคนน่ารักอะไรแบบนี้ แต้มอารมณ์ที่ได้มาเยอะมากจริงๆ น่าจะพอเอาไปปจุดประกายดวงดาวดวงที่เจ็ดแล้ว!
ทาคาชิมะไปที่โกดังหมายเลข 19 ด้วยความไม่เชื่อ พวกกล่องไม้ที่วางไว้อยู่หน้าโกดังถูกระเบิดออกให้พ้นทาง ในโกดังว่างเปล่าไม่เหลืออะไร เขาโกรธจนตชักดาบคาตานะออกมาจากเอวแล้วฟันไปที่ผู้บำเพ็ญที่อยู่ข้างๆ จนขาดออกเป็นสองท่อน “ใครหน้าไหนมันเอาไป!!!”
แต่จู่ๆ เขาก็นึกออกอีกอย่าง ทาคาชิมะโกรธจนเลือดขึ้นตา” คุริยามะกับมิยาซากิไปอยู่ที่ไหน”
ผู้คนต่างตกตะลึง จริงด้วย สองคนที่มีหน้าที่รับผิดชอบโกดังเก็บของนี่ ทำไมถึงไม่โผล่หน้ามาให้เห็นในเวลาแบบนี้กัน
หลี่ว์ซู่รู้สึกประหลาดนิดหน่อย พวกเขาลำเลียงศิลาวิญญาณออกมา แต่หลี่ว์ซู่ขโมยมันไปหมดแล้ว ตอนนี้ในกลุ่มกำลังตามหา ‘คนผิด’ อยู่ แล้ว ‘คนผิด’ ที่ว่าก็ถูกเขากำจัดไปเรียบร้อยแล้ว…
ถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะปลอมตัวเป็นอีกคน แต่ก็อดกลัวไม่ได้ว่าความลับของเขาจะถูกเปิดเผย…
เสียงหนึ่งดังขึ้นมาด้วยความสงสัย “อย่าบอกนะว่าคุริยามะกับมิยาซากิเป็นคนร้ายขโมยศิลาไป”
ข้อสงสัยนี้ดูใกล้ความจริงมาก ไม่อย่างนั้นคุริยามะกับมิยาซากิจะหายไปไหนล่ะ
ทุกคนกำลังตั้งข้อสงสัยและดูสับสนกันอย่างมาก แต่แล้วหลี่ว์ซู่ก็ตะโกนขึ้นมาอีกรอบ “ต้องเป็นคุริยามะกับมิยาซากิแน่นอนเลยที่ขโมยศิลาไป!”
ผู้คนที่อยู่รอบๆ เอ่ยเสริม “ใช่! ต้องเป็นสองคนนั่นแน่!”
แล้วแต้มอารณ์ระลอกใหม่ก็เด้งเข้ามาไม่หยุด!