ราชินีพลิกสวรรค์ – ตอนที่ 165 สงครามเป่ยฝาง

ปัง!

 

 

เสียงดังอื้ออึงดังออกมาจากหน้าอกของหรงจิ่ง

 

 

เขารับหมัดนี้ของเจียงหลี พลังหกหมัดหนักของตระกูลลู่เข้าสู่ร่างกายทำลายเส้นลมปราณของเขาอย่างบ้าคลั่ง

 

 

“หรงจิ่งรับไว้ง่ายๆ เช่นนี้เลยหรือ”

 

 

“คุณชายจิ่งกำลังคิดสิ่งใดอยู่ ทำไมถึงออมมือให้นางตลอด”

 

 

“…”

 

 

การต่อสู่หยุดชะงักอีกครั้งหมัดของนางกดทับที่หน้าอกของหรงจิ่ง เขาไม่หลีกหนีเพียงแค่ใช้พลังวิญญาณของตัวเองในการข่มความพุ่งพล่านในร่างกายของเขาอย่างรุนแรง

 

 

ติ๋งๆ!

 

 

หยดเลือดไหลออกมาจากมุมปากของเขารินรดลงบนหลังมือของเจียงหลีเป็นดวงราวกับดอกเหมยสีแดงเบ่งบาน

 

 

เจียงหลีหรี่สายตามองหยดเลือดบนมือของตนเอง พลังวิญญาณที่กำหมัดมลายหายไปอย่างไร้ร่องรอย

 

 

นางไม่เข้าใจจึงช้อนสายตามองชายหนุ่มผู้นี้ที่ไม่เคยสู้กลับเลยตั้งแต่แรก

 

 

เมื่อนางมองไปที่หรงจิ่งนางก็พบกับดวงตาสุกใสของเขา เขากำลังยิ้ม รอยยิ้มเหมือนดั่งสายลม

 

 

“ตอนนี้เจ้ายังฆ่าข้าไม่ได้” หรงจิ่งเอ่ยขึ้นเบาๆ

 

 

เรื่องราวความเป็นความตายเอ่ยออกมาจากปากของเขาราวกับกำลังพูดคุยสัพเพเหระก็มิปาน

 

 

“ข้ารู้ดี” เจียงหลีชักมือกลับคืนลุกขึ้นยืนตรงหน้าหรงจิ่ง

 

 

อาภรณ์ของนางย้อมสีเลือด ส่วนหรงจิ่งมีสภาพกระเซอะกระเซิง

 

 

การต่อสู้ครั้งนี้น่าตื่นเต้นตกตะลึงและเป็นที่น่าจดจำทำให้ผู้คนรู้สึกถึงความมุ่งมั่นของเจียงหลี อย่างไรก็ตามไม่มีใครลืมว่าตั้งแต่ต้นจนจบหรงจิ่งทำได้เพียงยอมรับกระบวนท่าอย่างอดทนและไม่เคยโจมตีก่อน

 

 

“ฉะนั้นแล้วเจ้าทำเยี่ยงนี้แค่อยากให้ข้าเห็นความมุ่งมั่นของเจ้าที่จะปกป้องเขาใช่ไหม” หรงจิ่งเอ่ยถาม ที่จริงเขารู้คำตอบตั้งแต่แรกอยู่แล้วแต่ไม่รู้เพราะเหตุใดถึงยังอยากจะให้นางพูดให้ได้ยินกับหู

 

 

ดวงตาที่สุกใสของเจียงหลีเบิกกว้าง “ต่อไปอย่ารังแกเขาอีก หากข้ารู้ครั้งต่อไปข้าฆ่าเจ้าแน่” ทุกครั้งที่นางคิดถึงภาพตอนที่หรงจิ่งบังคับให้ลู่เจี้ยลงมือก็ทำให้นางโมโห

 

 

หรงจิ่งยิ้มด้วยความมึนเมาเหมือนสายลมในฤดูใบไม้ผลิ “ลู่เจี้ยได้รับพรมากเพียงใดถึงให้เจ้าสามารถใช้ชีวิตปกป้องเขาได้เยี่ยงนี้”

 

 

ประโยคนี้ของเขาทำเอาเจียงหลีนิ่งค้าง

 

 

นั่นสิ เพราะเหตุใด

 

 

ทำไมลู่เจี้ยจึงคู่ควร

 

 

ทำไมนางถึงทำได้ขนาดนี้

 

 

เจียงหลีหวั่นไหวในใจแล้วถามตัวเองอยู่เหมือนกัน เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดในวันนี้ไม่ใช่จุดประสงค์ที่แท้จริงนางเลย

 

 

สุดท้ายก็กลายเป็นการแสดงให้ผู้อื่นเห็นว่านางโกรธแทนลู่เจี้ย

 

 

ลู่เจี้ย นี่เจ้าคู่ควรได้รับการปกป้องจากจักรพรรดินีอย่างข้าขนาดนี้เชียวหรือ เจียงหลีถามตัวเองในใจ จากนั้นนางจึงมอบรอยยิ้มโลกละลายให้กับหรงจิ่งที่จ้องนางอยู่ “เขาจะมีพรสวรรค์ในการฝึกฝนหรือไม่ ข้าไม่รู้ ข้ารู้แต่ว่ามีเพียงข้าที่รังแกเขาได้คนเดียวเท่านั้น!”

 

 

ห้ะ?!

 

 

“…”

 

 

“…”

 

 

คำพูดกำกวมแต่กลับดุเด็ดออกมาจากปากของเจียงหลีทำเอาผู้คนไม่น้อยตกตะลึง

 

 

ไม่สิ ควรจะบอกว่าตกตะลึงไปทั้งลานต่างหากล่ะ

 

 

“แม่…แม่สาวน้อยตอนนี้…กละ…กล้าได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ”

 

 

“หัวใจดวงน้อยๆ ของข้า…เต้นตึกๆ ตักๆ ไปหมดแล้ว”

 

 

“ไม่รู้ว่าทำไมแม่นางจะพูดกล้าดีเดือดแต่ข้ากลับรู้สึกชอบนางจัง”

 

 

“…”

 

 

ดวงตาของจิ่งเยี่ยกระตุกอย่างรุนแรงและเข่นเขี้ยวจนฟันแทบแตกละเอียด

 

 

น้องสาวยอดดวงใจของเขา ไม่คาดคิดเลยว่า…

 

 

“วาจาบังอาจ แต่ถึงอย่างไรนางก็เป็นเพียงทาสคนหนึ่ง” โจวยวนเอ่ยอย่างประชด

 

 

แต่มู่ชิงเหยียนกลับมองเจียงหลีด้วยความชื่นชม “ยวนเอ๋อร์ เจ้าไม่คิดว่าคำพูดของนางจะเป็นความจริงบ้างหรือ กล้ารักกล้าแค้นแสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญ”

 

 

โจวยวนกัดริมฝีปากพึมพำ “ข้าก็กล้ารักกล้าแค้น” นางมองไปยังลู่เสวียนที่อยู่ท่ามกลางกลุ่มคนด้วยสายตาซับซ้อน

 

 

เขาบอกว่าคนโปรดของเขาคือเจียงหลี แต่ทำไมเจียงหลีกลับทำเพื่อพี่ชายของเขาเช่นนี้…

 

 

“หึ ก็เป็นได้แค่ผู้หญิงชั่วร้ายที่หลอกล่อผู้ชายได้ทุกที่” โจวยวนกล่าวด้วยความเคียดแค้นชิงชัง

 

 

มู่ชิงเหยียนหันไปมองนางขมวดคิ้วเล็กน้อย นางไม่ยอมรับว่าเจียงหลีจะเป็นดั่งที่โจวยวนกล่าวมา เพียงแต่นางไม่จำเป็นต้องเถียงเรื่องนี้กับโจวยวน

 

 

“ผู้หญิงดุเดือดข้าชอบ!” คำพูดของเจียงหลีทำให้หลายคนตกใจ รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของฉินเทียนอีอีกครั้งและความสนใจในดวงตาของเขาก็รุนแรงขึ้น

 

 

คนที่ตกตะลึงรวมหรงจิ่งอยู่ในนั้นด้วย

 

 

เขาผงะไปชั่วขณะหลังจากความประหลาดใจแวบในดวงตาที่ชัดเจนของเขา เขาก็เงยหน้าขึ้นและหัวเราะ รอจนหว่าเขาหยุดหัวเราะ เขามองไปที่เจียงหลีแล้วเอ่ยขึ้น “นายน้อยลู่เป็นผู้ชายที่โชคดีเสียจริง”

 

 

เจียงหลีขมวดคิ้วอย่างไม่สบอารมณ์กับคำพูดของเขา

 

 

“ได้ ข้ารับปากเจ้าต่อไปนี้จะไม่ไปหาเรื่องเขาอีก” หรงจิ่งหุบยิ้มแล้วเอ่ยคำสัญญาของตัวเองออกมา

 

 

เจียงหลีถึงได้พอใจแล้วแย้มยิ้ม

 

 

แล้วประโยคถัดมาของหรงจิ่งกลับกระตุ้นความโกรธนางขึ้นมาอีก

 

 

“แต่เจ้าทราบข่าวลือหรือไม่ว่าเขามีชีวิตได้แค่ไม่กี่ปี”

 

 

ดวงตาของเจียงหลีเย็นเยียบใบหน้าเรียบตึงเอ่ยเสียงนิ่ง “นั่นเป็นเพียงข่าวลือภายนอก”

 

 

หรงจิ่งอมยิ้มไม่ต่อปากต่อคำอีก เพียงแต่พูดบางอย่างที่กำกวม “ข้าก็หวังว่านี่เป็นแค่ข่าวลือเช่นกัน”

 

 

หลังจากพูดแล้วเขาก็หันกลับไปและจากไปด้วยท่าทางสบายๆ

 

 

ถึงแม้ว่าตอนนี้เห็นได้ชัดว่าเขาหน้าเสียแค่ไหน แต่เขาก็ยังทำให้ผู้คนรู้สึกถึงความงดงามราวกับมวลเมฆาและสายน้ำที่ไหลริน

 

 

เจียงหลีจ้องมองไปที่ด้านหลังของหรงจิ่งที่กำลังจากไป นางขมวดคิ้วคาดเดาความหมายในคำพูดของเขาก่อนจากไป

 

 

เสียดายที่ตอนนี้นางยังเดาไม่ออก

 

 

“ซ้อเล็ก เจ้าเก่งมาก ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเจ้าจะเป็นต้นแบบของข้า” จู่ๆ ลู่เสวียนปรากฏออกมาข้างกายเจียงหลี เขามองนางด้วยความชื่นชมบูชาในดวงตาเป็นประกายดาวเล็กๆ

 

 

จากนั้นเจียงหลีแทบล้มลงกับพื้นด้วยความตกใจเนื่องจากการเปลี่ยนชื่อเรียกอย่างกะทันหัน “ซ้อเล็กอะไรกัน เจ้าอย่ามาปากพล่อย!”

 

 

น้ำเสียงโกรธเล็กน้อยของเจียงหลีไม่ได้ทำให้ลู่เสวียน ตกใจแต่อย่างใด เขาจึงอธิบายอย่างจริงจัง “ไม่มีทาง เจ้าอายุน้อยกว่าข้าให้เรียกซ้อตรงๆ ข้าก็กระดากปาก ฉะนั้นข้าจึงเติมคำว่า ‘เล็ก’ ไปหนึ่งคำ”

 

 

“…” เจียงหลีขบกรามแน่น เค้นคำพูดที่ละคำ “ใคร เป็น ซ้อ เล็ก ของเจ้า!” ล้อเล่น นางออกจะหลงใหลความหน้าตาดีของลู่เจี้ยและสงสารร่างกายของเขาแต่ไม่ได้หมายความว่าจะแต่งงานกับเขานี่นา!

 

 

“เจ้าอ่ะ เจ้าดูสิเจ้าเป็นสาวน้อยอุ่นเตียงพี่ชายข้าอีกทั้งยังท้าทายมู่หว่านโหรวกับหรงจิ่งเพื่อเขาอีก ในใจของข้าเจ้าก็เป็นซ้อ…”

 

 

“สาวน้อยอุ่นเตียง?” จู่ๆ น้ำเสียงเย็นชาแฝงความกรุ่นโกรธเอ่ยแทรกขัดจังหวะลู่เสวียนที่กำลังพูด

 

 

คุณชายน้อยลู่ขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจหันไปกำลังเตรียมง้างปากด่าแต่กลับผมว่าสีหน้าของเจียงหลีที่ยืนข้างๆ เปลี่ยนไปเผยให้เห็นยิ้มเยาะอย่างช่วยไม่ได้

 

 

“อ่าคือ…ไว้วันหลังข้ามีโอกาสจะอธิบายอีกทีนะ” เจียงหลีพูดกับจิ่งเยี่ยที่เดินเข้ามาหา

 

 

ตอนที่เล่าเรื่องนางให้ฟังตอนเจอครั้งแรก นางไม่ได้บอกเรื่องอุ่นเตียง

 

 

ใบหน้าของจิ่งเยี่ยทะมึงถึงด้วยความโกรธและความทุกข์ในดวงตาของเขาทำให้เจียงหลีไม่กล้าแม้แต่มองหน้ากัน ด้วยความรู้สึกผิดบางอย่างนางจึงหลบตาและมองไปที่ลู่เสวียน ด้วยความมึนงง “อ่ะแฮ่ม เสี่ยวเสวียนจื่ออย่าบอกเรื่องวันนี้ให้พี่ชายเจ้ารู้ล่ะ…”

 

 

“เกิดสงครามๆ!”

 

 

ด้านนอกพื้นที่ล่าสัตว์ข่าวสารเร่งด่วนจากม้าเร็วดึงดูดความสนใจของทุกคน

 

 

รายงานสงครามอย่างนั้นหรือ

 

 

เจียงหลีคิ้วกระตุกแล้วหันไปมองคนส่งสาส์นด่วนพร้อมกับทุกคน

ราชินีพลิกสวรรค์

ราชินีพลิกสวรรค์

หลังศึกใหญ่กับมู่เทียนอินร่างของ เจียงหลี ก็ถูกดูดเข้าไปในมิติอื่นจนเหลือเพียงวิญญาณที่ล่องลอยอยู่ในมิติเคว้งคว้างไร้ขอบเขต แม้จะมีเพียงวิญญาณอ่อนแอ แต่จิตใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังของนางนั้นกลับไม่อนุญาตให้ตัวเองยอมพ่ายแพ้ นางจะต้องกลับไปให้ได้ เพื่อไปหาสหายสนิทของนางผู้นั้น… ในสนามประลองยิ่งใหญ่แห่งแคว้นซูหนาน สถานที่ที่ชีวิตของทาสทั้งหลายมีค่าเท่าเศษธุลี สถานที่ที่มีไว้เพื่อให้ความบันเทิงกับบรรดาผู้สูงศักดิ์ และนาง เจียงหลี ก็ดันฟื้นขึ้นมาในร่างของนางทาสแห่งสถานที่นี้เสียได้! โลกแปลกหน้าที่ยึดถือผู้แข็งแกร่งเป็นใหญ่ หลิงซือ เนี่ยนซือ วิญญาณยุทธ์ สิ่งต่างๆ เหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องแปลกใหม่สำหรับเจียงหลี แต่นางคือผู้ใด นางคือราชินีผู้เก่งกล้าแห่งแคว้นกู่วูเชียวนะ ก็แค่ต้องฝึกฝนเบิกเนตรญาณด้วยร่างเด็กน้อยอ่อนแอ สถานะกลับตาลปัตรจากผู้สูงศักดิ์กลายเป็นทาสในเรือนของ ลู่เจี้ย ผู้ที่ได้รับฉายาหนุ่มรูปงามขี้โรค ไหนจะยังต้องฝ่าฟันกับอุปสรรคนานัปการเพื่อหาหนทางกลับไปยังโลกเดิมของตนเองอีก เพียงเท่านี้เอง นางทำได้สบายอยู่แล้ว!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset