เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ – ตอนที่ 817 คุณเคยไตร่ตรองถึงพวกเขาหรือเปล่า

นอนไม่หลับทั้งคืน คำพวกนี้อยู่บนตัวของซูย้าวอย่างเต็มตา

แต่โชคดีที่มีลี่เฉินซี ถึงแม้ว่าเขาเองก็ไม่ได้มีง่วงเลย ในสมองทั้งหมดเต็มไปด้วยต่อไปจะต้องโน่นนั่นนี่ แต่ก็ยังทุ่มเทดูแลเธอที่อยู่ข้างกาย ปลอบโยนดูแลเอาใจใส่อย่างทั่วถึง กลัวว่าตัวเองจะขยับเขยื้อนจนรบกวนทำให้เธอตื่น หรือว่าทำให้เธอตื่นตระหนกตกใจ รักษาการเคลื่อนไหวอยู่ในท่าเดียวเป็นเวลาหลายชั่วโมง จนถึงเวลาเช้าแปดโมงกว่า ถึงจะยินยอมให้เธอลงจากเตียงไปอาบน้ำ

เขาบีบยาสีฟันให้เธอเรียบร้อย ส่งแปรงสีฟันและนำยาบ้วนปากส่งให้ข้างมือของเธอ และยังวางแปรงสีฟันเข้าไปในมือของเธออย่างเฉพาะเจาะจง จากนั้นตบฉาดใหญ่ไปที่หน้าเล็กของเธอ จริงจังทุกประโยคทุกคำ “ถ้ายังไม่ยอมนอนหลับพักผ่อนอย่างซื่อตรงแบบนี้อีกละก็ ระวังไว้ผมเองก็เหมือนเพ้ยส้าวหลี่ จะนวดน้ำมันหอมระเหย ‘ช่วยในการนอนหลับ’ให้คุณเอง”

เธอกลับไม่มีใจจะเกี้ยวพาราสีกับเขา ทำแค่เกาหัวอย่าขี้เกียจ ยัดแปรงสีฟันเข้าไปในปาก พร้อมกับยกมือไปคล้องคอของผู้ชาย “หรือว่า ให้ฉันไปฆ่าเขาดี!”

แบบนี้ถึงจะสามารถแก้ปัญหาให้สิ้นสุดลง ถอนรากถอนโคนไม่เกิดปัญหาภายหลังโดยสิ้นเชิง

ลี่เฉินซีมองตะลึงด้วยความแปลกใจ จิ้มหน้าผากของเธอโดยไม่ต้องคิดอะไร “พูดเหลวไหลอะไรกัน? ยังไม่ถึงขั้นนั้นหรอก!”

ถึงจะเป็นแบบนั้นจริง เขาเองก็สามารถลงมือด้วยตัวเองได้ เรื่องแบบนี้ ไม่สามารถจะให้เธอมาทำ

เขาบีบแก้มของเธอ พูดด้วยเสียงเบาอีกครั้ง “แล้วอีกอย่าง เพื่อคนแบบนั้นถึงกับทำให้ตัวเองกลายเป็นฆาตกร คุ้มค่าจริงเหรอ?”

ซูย้าวรู้ว่าเขาปลอบใจตัวเองอยู่ แต่ว่าเธอในตอนนี้คิดฟุ้งซ่าน ในสมองสับสนไปหมด “ตราบใดที่สามารถปกป้องลูกของฉันได้ อะไรก็ได้ทั้งนั้น”

เดิมที เธอเองได้ตัดสินใจที่จะตายไปด้วยกันแล้ว แต่ว่านี่เป็นแผนการที่ไม่ได้เรื่องอยู่เหมือนกัน ถ้าถึงคราวจำเป็นจริงๆถึงจะใช้

ลี่เฉินซีขมวดคิ้วโก่งแน่น ดวงตาเรียวยาวแคบปนไปด้วยความโกรธ มือใหญ่ลูบหัวของเธอ “นั่นก็ไม่ได้ อย่าคิดฟุ้งซ่านนะ ทั้งหมดปล่อยให้ฉันจัดการเอง คุณกับลูก ผมจะปกป้องทั้งหมดอย่างดี จะไม่ให้พวกคุณต้องเกิดเรื่องอีกแน่นอน”

คำพูดของเขาน่าเชื่อถือและมีน้ำหนัก พูดได้ทำได้เสมอ และระหว่างอานเจียเย้นนั้นมีความแค้นตั้งแต่เก่าก่อนที่ยังไม่ได้สะสาง ครั้งนี้ถือว่า ความแค้นเกลียดชังในอดีต จะได้สะสางไปพร้อมกันเลย!

จากการกำชับเป็นร้อยเป็นพันของเขา ภายใต้การปลอบหลากหลายรูปแบบ ซูย้าวบังคับให้จิตใจผ่อนคลายลงไปบ้าง แต่หลังจากลี่เฉินซีจากไป เธอเองก็รีบเปลี่ยนเสื้อผ้า หยิบกระเป๋าขับรถออกไป

ไม่ใช่ว่าเธอไม่เชื่อลี่เฉินซี และเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ให้เป็นหน้าที่ของเขาทั้งหมด เธอค่อนข้างรู้สึกเห็นใจ ลูกเป็นของพวกเขาสองคน การปกป้องเองก็ต้องเป็นพวกเขาทำด้วยกันถึงจะได้ เธอต้องการแบ่งเบาภาระแทนเขาบ้าง

เมื่อคืนวานโม่หว่านหว่านตรวจสอบอย่างละเอียดทั้งหมดที่มีความเกี่ยวข้องกับฟางเวย วันนี้เธอจะไปตรวจสอบความจริงเสียหน่อย

เพียงแค่ต้องให้แน่ใจว่าลูกสาวของฟางเวยคนนั้นยังอยู่ข้างกาย ไม่ได้เกิดเรื่องหายตัวไป นั่นก็พอแล้ว

เธอไปตามที่อยู่ที่โม่หว่านหว่านตรวจสอบหามาได้ ขับรถแล่นไปที่ชุมชน วนไปวนมาด้านล่างตึกที่ฟางเวยอาศัยอยู่ เห็นคนชราทั้งหลายนั่งอยู่ในศาลาพูดคุยกันอยู่ไกลๆ ซูย้าวคิดว่าจะเข้าไปสอบถามสักหน่อย เพิ่งจะลงรถมา ก็ถูกดึงดูดจากเสียงเด็กกำลังร้องไห้

เสียงร้องไห้ของเด็กไม่ได้ดังมาก เหมือนว่าจะดังออกมาจากที่ไหนสักแห่ง ซูย้าวตามหาเสียงนั้น จนเป้าหมายล็อกมาอยู่ที่รถหลายคันที่จอดทิ้งไว้อยู่ไกลๆ

รถคันหนึ่งในนั้นที่ไม่ได้สะดุดตามากนัก และในรถSUVที่ค่อนข้างจะธรรมดา เสียงร้องของเด็กดังขึ้นเรื่อยๆ ตอนที่ซูย้าวค่อยๆเดินเข้าไป ก็สังเกตเห็นเงาที่คุ้นเคย ทันทีทันใด แววตาของเธอก็ดำดิ่งลง

เธอเดินตรงเข้าไป ‘ก๊อกก๊อกก๊อก’เคาะกระจกรถ

โม่หว่านหว่านนั่งอยู่บนที่นั่งคนขับ มือหนึ่งกำลังอุ้มเด็ก ส่วนอีกมือหยิบผ้าอ้อม ได้ยินเสียงเคาะหน้าต่างตกใจจนตัวสั่น หลังจากจับจ้องมองดูแล้วเป็นซูย้าวถึงโล่งใจ

“รอสักครู่” เธอพูดออกมาก่อน จากนั้นจึงเปลี่ยนผ้าอ้อมให้เด็กด้วยความรวดเร็วที่สุด นำจุกนมยัดเข้าใส่ในปากของเด็ก จึงผลักประตูลงจากรถ

“นี่คุณมาได้ยังไงกัน? ฉันบอกแล้วไง ว่าฉันตรวจสอบก็พอแล้ว”โม่หว่านหว่านพูดไป ก็เอนตัวไปหลังรถ หยิบคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คของตัวเองออกมา ควบคุมคอมพิวเตอร์ไปด้วยพูดไปด้วย “ลูกของฟางเวยนั้นชื่อว่าฟางเสี่ยวซิน หายตัวไปได้สิบวันแล้ว เพื่อนบ้านโดยรอบไม่มีใครเห็นเด็กคนนั้น ถึงแม้ว่าตัวฟางเวยเองบอกว่าส่งไปที่บ้านเดิมแล้ว แต่ว่าตัวเธอนั้นเป็นกำพร้า ไม่มีญาติสนิทคนไหนเลย”

“และฟางเวยมีอุปนิสัยส่วนตัวเป็นคนเก็บตัว และไม่มีเพื่อนสนิทที่ไหน ดังนั้นเด็กคนนี้ มีความเป็นไปได้อย่างมากที่จะถูกจับไปควบคุมเอาไว้ คุณบอกหน่อยสิ น่าจะเป็นเพราะว่าอะไร?”

โม่หว่านหว่านพูดติดต่อกันเยอะมาก จากนั้น เงยหน้าขึ้นมามองซูย้าว “ที่คุณตรวจสอบคนพวกนี้ ที่จริงเอาไปทำอะไรกันแน่? หมิงเอ๋อหรือเปล่า? หมิงเอ๋อเป็นอะไรหรือเปล่า?”

เสียงพูดของเธอหายไป เหมือนจะคิดอะไรออกมาได้ อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจจนสูดเอาอากาศเย็นเข้าไป “คงไม่ใช่ทางฝั่งอานเจียเย้นต้องการทำอะไรกับเด็กหรอกนะ? ไอ้หยา มนุษย์กากเดนพวกนี้ ถึงกับลงมือกับเด็กอายุไม่กี่ขวบได้ลงคอ ไม่ใช่คนแล้ว……”

ไม่รอให้คำอุทานของโม่หว่านหว่านพูดจบ ซูย้าวใบหน้านิ่ง ยื่นมือออกไปแย่งคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คจากมือเธอ “หว่านหว่าน ก่อนหน้านี้เรื่องที่ฉันให้คุณช่วยตรวจสอบให้ฉัน ขอโทษนะ ฉันไม่ควรจะทำให้คุณตกใจ และไม่ควรให้คุณเข้ามายุ่งเรื่องนี้ แต่ต่อจากนี้ อย่าถามว่าเป็นเรื่องอะไรและอย่าตามสืบ ใช้ชีวิตด้วยกันกับลูกและลู่ส้าวหลิงอย่างสบายใจเถอะ”

หลังจากโม่หว่านหว่านตะลึงกับการตอบสนองกลับมา รีบคว้าแขนของเธอเอาไว้ “นี่พูดอะไรนะ? เรื่องของคุณก็เป็นเรื่องของฉัน ฉันช่วยคุณไม่ใช่ว่าเป็นเรื่องปกติมากไม่ใช่เหรอ? อีกอย่าง ฉันยังเป็นแม่ทูนหัวของหมิงเอ๋อนะ มีคนต้องการแตะต้องลูกบุญธรรมของฉัน ฉันสามารถนิ่งดูดาย?”

ความจริงแล้วตัวของโม่หว่านหว่านเป็นคนมีน้ำใจ จิตใจงดงามและตรงไปตรงมา ไม่ว่าจะกับคนหรือกับเรื่องต่างๆก็ชอบพุ่งชน และประพฤติตนอยู่ในคุณธรรมอย่างยิ่ง เพื่อเพื่อนโดยเฉพาะซูย้าวแล้วยินดียอมทำทุกอย่างเพื่อเพื่อนเสมอ และเพิ่มเติมด้วยความเป็นเพื่อนกันมาหลายปีขนาดนี้ ความเป็นเพื่อนจึงเกินกว่านั้นมานานแล้ว ยิ่งเหมือนความสัมพันธ์ของญาติสนิทที่ไม่เกี่ยวข้องทางสายเลือดเสียมากกว่า

และเพราะซูย้าวเองก็รู้เรื่องเหล่านี้ดี ถึงยิ่งไม่อยากให้เธอเข้ามาพัวพันอีก!

สองปีก่อน โม่หว่านหว่านก็ตกเป็นเป้าถูกjokeหมายตาเอาไว้แล้ว สามารถมีแฮกเกอร์แบบเธอที่มีทักษะสูงส่งที่มีน้อยมากจนนิ้วมือข้างเดียวยังนับได้ ในกลุ่มคนจำนวนไม่มากนี้ เธอเองก็ยังโดดเด่นเหนือคนอื่น ปีนั้นสามารถเอาพลังความสามารถของตัวเองถ่ายทอดให้กับหมิงเอ๋อ เด็กจึงสามารถแฮกระบบเครือข่ายภายในของจู้สือได้โดยง่าย นี่เป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้ดีที่สุด

ยิ่งโม่หว่านหว่านอยากจะช่วยเธอ การเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงก็จะยิ่งมากขึ้น

ซูย้าวยกมือขึ้นมากุมหน้าผากอย่างจนใจ ถอนหายใจลึกยาวออกมา “คุณฟังคำพูดของฉันหน่อยได้ไหม แค่ครั้งนี้ได้หรือเปล่า?”

โม่หว่านหว่านอึ้งตะลึงไปมา เมื่อมั่นใจแล้วว่าเธอจริงจัง รอยยิ้มบนใบหน้าก็ค่อยๆกวาดออกไป เปลี่ยนเป็นหนักแน่นและจริงจังอย่างน่าอัศจรรย์ ไม่เคยมีมาก่อน “ไม่ว่าอะไรฉันก็เชื่อฟังคุณได้ แต่ว่าเรื่องนี้เรื่องเดียวที่ไม่ได้ ฉันมีทักษะและยังมีความสามารถที่จะช่วยคุณได้ ต้องให้ฉันช่วยนะ!”

ซูย้าวปิดตาลงอย่างไร้เรี่ยวแรง ยังคิดอยากจะพูดอะไรอีก แต่กลับถูกเสียงร้องของเด็กในรถขัดจังหวะเสียแล้ว

เธอเอียงศีรษะไปมอง กำลังคิดจะโน้มตัวไปอุ้มเด็กเข้ามา แต่กลับถูกโม่หว่านหว่านขวางเอาไว้ เธอพูดเพียงว่า “อย่าเพิ่งสนใจเขา ปกติร้องไห้อยู่ชั่วครู่ ไม่ถึงกับตายหรอก มาพูดเรื่องของพวกเราก่อน ฉันอยากจะช่วยคุณ แล้วมันจะทำไมเหรอ?”

“ไม่มีเหตุผลอะไรทั้งนั้น เพราะว่าคุณคือซูย้าว ฉันก็ต้องช่วยคุณ ฉันรู้ว่าคุณคิดว่าทำแบบนี้มีความเป็นไปได้ที่ฉันจะมีอันตราย ไม่เห็นมีอะไรเลย ฉันไม่สน!”

ซูย้าวถูกการกระทำของเธอทำให้ตกใจ พูดอย่างตรงไปตรงมา “คุณไม่สน แต่คุณเคยคิดถึงครอบครัวของคุณหรือเปล่า? ลู่ส้าวหลิงกับลูกจะทำยังไง? คุณเองก็เป็นแม่คนแล้ว คุณเคยมีคิดเผื่อพวกเขาบ้างหรือเปล่า?”

คำพูดยังคงก้องหู

โม่หว่านหว่านค่อยๆไตร่ตรองอย่างใจเย็นสักครู่ จับมือของซูย้าวขึ้นมาอย่างตามใจอีกครั้ง “ตอนที่ฉันกับคุณรู้จักกัน ตอนนี้พวกเราเป็นเพื่อนสนิทกัน ยังไม่มีลู่ส้าวหลิงและยังไม่มีบูริน พวกนี้ทั้งหมดเป็นเรื่องรอง อย่าเพิ่งไปคิด!”

ซูย้าวขมวดคิ้วแน่น “นี่คุณไม่ใช่พูดเหลวไหลอย่างนั้นเหรอ? อะไรคืออย่าเพิ่งไปคิด คุณไม่คิด แต่ฉันจะคิด!”

ขณะเธอพูดไป หายใจเข้าลึก หลีกหนีออกจากการกักขังของโม่หว่านหว่าน ยกมือโยนคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คที่อยู่ในมือตกลงไปบนพื้นอย่างแรง

ทันทีทันใด โม่หว่านหว่านนิ่งอึ้งไป

ถ้าหากเป็นคอมพิวเตอร์ทั่วไป หรือเป็นส่งของอื่น ไม่ว่าซูย้าวจะจัดการอย่างไร เธอก็ระงับอารมณ์และสงบอยู่ได้ แต่คอมพิวเตอร์เครื่องนี้……

ด้านในมีโปรแกรมทั้งหมดที่เธอใช้บ่อยจนชิน ทั้งหมดนั้นเป็นเธอค่อยๆเขียนรหัสทำขึ้นมา ในเมืองไม่เพียงแต่ไม่มี และค่อนข้างหายากอยู่เหมือนกัน เมื่อก่อนเคยมีคนเสนอราคาสูงเพราะอยากที่ซื้อ ทั้งหมดก็ถูกเธอปฏิเสธไป ในเวลานี้คาดไม่ถึงว่านี่จะถูก……ทำตก?!

เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ

เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ

เธอเป็นสาวใบ้ เมื่ออายุ19ปีก็ถูกแม่เลี้ยงและพี่สาวบังคับแต่งงานกับเขาโดยการขาย ภายใต้การแต่งงานที่หรูหราได้ซ่อนแผนร้ายอันน่าทึ่งไว้….

Comment

Options

not work with dark mode
Reset