ออกมาจากโรงอาหาร
ผู้ช่วยประคองจ้าวถังซิ่งเข้าไปในรถ ข้างในรถกว้างและก็หายใจสบาย เป็นรถที่ราคาแพงมาก เมื่อก่อนนั้น เธอไม่เคยมีโอกาสได้นั่งเลย
แต่ว่าช่วงที่ผ่านมามีงานแสดงเพิ่มสองงาน เป็นงานที่มีฐานที่สูงซักด้วย อยู่ในกลุ่มอาชีพที่มีราคาสูงขึ้น ค่าตัวของเธอก็แพงขึ้นด้วย เหมือนน้ำขึ้นเรือก็ลอยขึ้นอย่างนั้น แน่นอนว่าของที่ใช้ก็มีคุณภาพที่สูงขึ้นอีกขั้นด้วย
แต่ว่าของพวกนี้ใครเป็นคนให้
เธอเข้าใจดี
ผู้ช่วยยื่นหลอดดูดน้ำเข้าใกล้ปากของจ้าวถังชิว “พี่สาว ดื่มน้ำหน่อยไหม ทำไมคุณออกมาช้าจัง เมื่อกี้ฉันเห็นผู้ชายคนหนึ่งตามหลังเธอด้วย มันเกิดอะไรขึ้น”
คำพูดของเหอหยุนซิ่งเหล่านั้นทำร้ายจิตใจ จ้าวถังชิวยังคงทำใจไม่ได้
น้ำก็ลืมดื่ม
“พี่สาว เธอต้องระวังหน่อย ครั้งก่อนที่เธอไปบ้านของคุณชายจี้ ก็มีคนรู้เยอะแล้วนะ แล้วก็อาจจะเอาเรื่องนี้มาเล่นงานเธอ เราเพิ่งจะตั้งเนื้อตั้งตัวได้ ไม่อยากให้คนอื่นทำลายหรอกนะ”ท่าทางที่เหมือนกับเอาลมพัดไฟของผู้ช่วย “โดยเฉพาะคนที่ได้ชื่อว่า เจ้าขิงสามแปด ”
“เออใช่แล้วล่ะ ได้ยินมาว่าเจ้าขิงสามแปดยังเป็นเพื่อนสนิทของเหอเจิงนี่ นายว่ามันจะไม่เว้อไปหน่อยหรอ ”
“ฉันไม่ได้กังวลภรรยาของเขาหรอก ได้ยินว่าเป็นลูกพลับที่นุ่มนิ่ม ไม่เคยเอาเรื่องใครมาก่อน แต่ว่าจะว่าไปแล้ว ฐานะอย่างเธอสามารถแต่งกับคุณชายจี้ได้ ไม่แน่อาจจะเป็นแค่กิ๊กเฉยๆก็ได้”
บรรยากาศในรถเย็นลงไปส่วนหนึ่ง
จ้าวถังชิวทำตาโต หน้านิ่งเป็นตอไม้ จ้องจนผู้ช่วยขนลุกไปหมด ตบปากทีหนึ่ง “ขอโทษพี่สาว ฉันไม่ได้หมายถึงพี่…”
จะว่าเป็นกิ๊ก ตอนนี้เธอเองก็เป็นกิ๊ก มีสิทธิ์อะไรจะไปว่าคนอื่นเล่า
แม้ว่าสถานะของเหอเจิงจะไม่ดีอย่างนี้ แต่ก็มีสายเลือดของบ้านตระกูลฟางครึ่งหนึ่ง อย่างน้อยก็เป็นคุณหนูครึ่งหนึ่ง เธอจะเทียบอะไรได้ ถ้าไม่ใช่เพราะว่ามีคนแนะนำให้ ชาตินี้แม้แต่รองเท้าของจี้ผิงโจวก็คงจะไม่ได้จับต้องด้วยซ้ำ
เมื่อคิดแบบนี้ อัตราการหายใจก็เร็วกว่าปกติแล้ว
ตั้งแต่ติดตามจี้ผิงโจวมาก็ไม่กล้าคิดเยอะ แต่ก็เตรียมใจที่จะอุทิศทั้งตัวอยู่แล้ว เมื่อเทียบกับคนที่มีฐานะเท่าๆกัน จี้ผิงโจวเป็นคนที่หล่อและสง่า ในวงการแสดงมีดาราชายมากมาย แต่ก็ไม่มีใครกล้าเทียบกับเขา
แต่ว่านานขนาดนี้ เขาแค่กอดก็ยังไม่เคยกอดตัวเองเลย
มองในถานะเป็นผู้หญิงนั้น มันเป็นการทำร้ายที่สาหัสมาก
ผู้ช่วยเห็นว่าสีหน้าของจ้าวถังชิวแย่ลงเรื่อยๆ พูดปลอบโยนอย่างขาดๆหายๆ “พี่สาว เธอไม่ต้องคิดมากหรอก ในเมื่อเราติดตามคุณชายจี้แล้ว ก็ต้องจริงจัง เขาเป็นคนที่ดี และก็ใจกว้างด้วย คนขึ้นมาใหม่ในช่วงที่ผ่านมาของวงการในเมืองจิงล้วนแล้วก็เป็นคนที่ติดต่อกับตระกูลจี้ทั้งนั้น”
“ถ้าเราเข้าไปในกลุ่มได้แล้ว ต่อไปก็ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีงานแสดงแล้ว”
ฉะนั้นเขาถึงให้เธอเลือกงานแสดงหลังจากที่ได้ถ่ายเลือดแล้ว ขอแค่เธอรู้สึกสนใจ ไม่มีอะไรที่เขาให้ไม่ได้
แต่เธอจำได้อีกว่าตอนที่เหอเจิงอยู่ข้างนอกห้องผ่าตัดแล้วกำลังจะจากไป จี้ผิงโจวก็ตัดสินใจออกไปตามเธอทันที
ยิ่งผู้ช่วยพูดเยอะเท่าไหร่ ในใจของเธอก็ยิ่งสับสนเท่านั้น
เพื่ออนาคตแล้วทำเป็นน่าสงสาร วิธีแบบนี้มันต่ำต้อยเกินไป แต่เธอก็ไม่เหมือนกับพวกอย่างเจียงเจิน ที่ถูกซื้อด้วยความดีเพียงเล็กน้อยของเหอเจิง แล้วก็ยอมทิ้งขนมปังที่ใหญ่กว่า
คิดตริตรองอยู่นาน
จ้าวถังชิวก็โทรไปหาจี้ผิงโจว
แต่น่าเสียดายที่คนรับสายยังคงเป็นเป๋ยเจี่ยน เขาไม่เคยยอมรับสายส่วนตัวกับผู้หญิงคนอื่นเลย เป๋ยเจี่ยนเป็นคนที่จัดการเรื่องนี้ตลอด
แต่ว่าเขาก็เป็นคนที่พูดแทนจี้ผิงโจวได้ และยังช่วยจี้ผิงโจวกำจัดสายที่ไร้สาระพวกนี้ได้เป็นอย่างดี “คุณหนูจ้าวดึกๆอย่างนี้ มีเรื่องอะไรหรอ”
“คุณชายจี้อยู่ไหม”
“กำลังยุ่งอยู่”
เงียบไปชั่วครู่ จ้าวถังชิวจำเป็นต้องทำน้ำเสียงเหมือนกับร้องไห้ออกมา “คือว่าเมื่อกี้ ฉันเห็นคุณหญิงจี้…”
“คุณหญิงจี้หรอ”
เป๋ยเจี่ยนรีบร้อนจนฟังคำพูดของเธอยังไม่ทันจบ ภาพที่อยู่ในหัวตอนนั้นมีแต่ภาพสีหน้าของเหอเจิงที่แสดงออกมาเวลาเห็นจี้ผิงโจวอยู่กับผู้หญิงอื่น ดีจนเหมือนกับว่าเป็นพี่สาวแท้ๆของพวกหล่อน
โดยเฉพาะกับเจียงเจินนั้นไม่มีอะไรจะพูดจริงๆ
ยังมีครั้งหนึ่ง เด็กนักเรียนหญิงคนหนึ่งตามจี้ผิงโจว อาศัยการที่ได้อยู่กับเขาไม่กี่เดือน ก็คิดว่าน่าจะเลื่อนสถานะตัวเองได้แล้ว ถึงกับกล้านัดเหอเจิงออกไปเจรจาด้วยตัวเอง
จี้ผิงโจวไม่อยากไปจัดการเรื่องระหว่างผู้หญิงสองคน
เลยส่งเป๋ยเจี่ยนไปแทน ตอนที่เขาไปถึง สิ่งที่เห็นกลับเป็นฉากของผู้หญิงคนนั้นกอดเหอเจิงพร้อมกับร้องไห้ฟุมฟาย เหอเจิงกลับเช็ดน้ำตาให้เธออย่างอ่อนโยน แล้วก็พูดปลอบใจเธอ ภาพแบบนั้น เหมือนกับว่าพวกเธอเป็นคู่รักกันแล้วจี้ผิงโจวเป็นมือที่สาม
เวลานี้เขาคิดว่าจ้าวถังชิวจะพูดว่าเหอเจิงดีกับเธออะไรอย่างนี้ ทำให้เธอซาบซึ้งอะไรอย่างนี้
แต่เสียงจมูกของเธอดังมาก เหมือนเพิ่งจะร้องไห้มา “ไม่ใช่…ฉันเห็นลุงของคุณหญิงจี้”
ท่ามกลางความหนาวในกลางคืน
กับคนที่ร่างกายไม่แข็งแรงคงทนต่อไปได้ไม่นาน
ตอนที่จี้ผิงโจวออกมาก็สวมผ้าพันคอกับถุงมือแล้ว อำลาผู้อาวุโสที่มีผมขาวกลุ่มหนึ่ง หรี่ตาส่งพวกเขาเดินทาง จากนั้นจึงเข้าไปในรถ
แต่ละเดือนเขาจะไม่ขาดการที่จะต้องมาทานข้าวกับคนกลุ่มนี้
ช่วงปีที่ผ่านมาก็เป็นแบบนี้ จนเขาก็เบื่อหน่ายแล้ว
เป๋ยเจี่ยนรู้ว่าคนเหล่านั้นเป็นคนที่ประสบความสำเร็จในวงการแพทย์ มีบางส่วนยังมีความสนิทสนมกับคุณปู่ของจี้ผิงโจวด้วย ถ้าเขาต้องการที่จะไต่เต้าไปในขั้นที่สูงกว่า จำเป็นต้องสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับคนแก่กลุ่มนี้
แต่ว่าจี้ผิงโจวกับพวกเขาคุยไม่เข้าคอ
การโต้เถียงกันในโรคโรคหนึ่ง พวกเขาสนับสนุนที่จะปกป้องวิธีการรักษาเดิมไว้ แต่จี้ผิงโจวชอบการคิดค้นใหม่ ดังนั้นทุกครั้งก็จะต้องมีข้อขัดแย้งกันตลอด
เอาจนทุกคนก็ไม่มีความสุข
เก็บเรื่งของจ้าวถังชิวไว้ก่อน เป๋ยเจี่ยนขับรถไปด้วยถามไปด้วย “เถียงกับพวกเขาอีกแล้วหรอ”
จี้ผิงโจวนวดตาที่อ่อนล้า “ก็ไม่เชิง”
พูดจบเขาก็ยิ้ม
เอามือลง มองเป๋ยเจี่ยนด้วยสายตาโมโหแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ “นายรู้ไหมว่าพวกคนเฒ่าพูดกันว่ายังไง พวกเขาบอกว่า นายยังเด็ก แล้วก็ยังไม่มีลูก การผ่าตัดหัวใจของเด็กไม่ควรรีบร้อนที่จะทำ ต้องค่อยๆเป็นค่อยๆไป เด็กยังอ่อนแออยู่ ไร้สาระสิ้นดี”
เป๋ยเจี่ยนก็หัวเราะทีหนึ่ง “ที่พวกเขาพูดมันก็มีเหตุผลนะ ร่างกายของเพื่อนตัวเล็กๆก็อ่อนแอหน่อย”
“คนป่วยเป็นโรคหัวใจที่ไหนจะไม่อ่อนแอล่ะ”
อันนี้ถึงเป็นเรื่องที่ไม่สำคัญ
สิ่งสำคัญคือ พวกเขากำลังคะยั้นคะยอให้มีลูก จี้ผิงโจวไม่ต้องคิดก็เดาออกว่าเป็นความคิดของใคร “ต้องเป็นคุณปู่บอกให้พวกเขาพูดแบบนี้แน่นอน”
เป๋ยเจี่ยนเม้มปากทีหนึ่ง “ถ้างั้นก็ลองอธิบายให้คุณปู่หน่อยไหม”
“อธิบายอะไรล่ะ”
“ก็อธิบายว่าทำไมนานหลายปีก็ยังไม่มีลูกไง”
มันก็ใช่สิ
ถ้าหากว่ามีลูกแล้ว
เวลาเหอเจิงบอกว่าจะหย่าก็คงจะไม่แข็งข้ออย่างนี้อีก
จี้ผิงโจวถอนหายใจเฮือกใหญ่ หลับตาเบาๆ “ฉันก็ไม่เข้าใจว่าทำไมไม่มีสักที”
ตอนเริ่มแรกๆพวกเขาได้ป้องกันจริงๆ ถ้าจี้ผิงโจวไม่สวมถุงยาง เหอเจิงก็จะกินยา
ต่อมาเขาปรับตัวกับสถานะของสามีแล้ว ส่วนตัวรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องมีการป้องกันแล้ว เหอเจิงเองไม่กินยาแล้ว ของแบบนั้นกินติดต่อกันนานๆไม่ดี มีผลเสียต่อสุขภาพ
แต่ว่าไม่กี่ปีมานี้ เธอก็ไม่เคยตั้งท้องเลยนี่
อาจจะเป็นเพราะว่าพระแม่แห่งทารกไม่สนใจพวกเขา หรือไม่ก็เป็นเคราะห์ร้ายของเขาสองคน
เป๋ยเจี่ยนทายอย่างไม่เกรงกลัว “เป็นเพราะว่าร่างกายมีปัญหาหรือเปล่า”
จี้ผิงโจวทำตาโต พริบตาถึงดวงจันทร์ “ใคร”
คราวนี้เป๋ยเจี่ยนไม่ปริปาก
เขาจะกล้าพูดที่ไหนกันเล่า
“ฉัน”จี้ผิงโจวรู้สึกว่าเป็นเรื่องน่าขำ “ฉัน ดูเหมือนคนที่มีปัญหาด้านร่างกายหรอ ต้องเป็นเธอแน่ๆ”
คำพูดแบบนี้พูดมั่วซั่วไม่ได้ บางทีอาจกลายเป็นเรื่องจริงก็ได้
เป๋ยเจี่ยนปิดปากไว้ด้วยความฉลาด เวลาหมุนตัวไปทางอื่นก็ไม่ได้แข็งทื่อ เหมือนกับว่าเมื่อกี้พูดถึงเหอเจิง แวบๆ ก็มีจ้าวถังชิวโผล่ขึ้นมาในหัว “พี่โจว เมื่อกี้จ้าวถังชิวโทรมา บอกว่าเธอได้เจอกับเหอหยุนซิ่ง”