ซ่อน | รัก | ลับ – ตอนที่ 91 นางเด็กกว่าเธอ

เรื่องของเหอหยุนซิ่งจี้ผิงโจวไม่ได้จำใส่ใจ

แต่ก็ให้เป๋ยเจี่ยนไปรับจ้าวถังชิวมาในคืนที่สอง พวกเขาอยู่ที่สนามกีฬาบิลเลียดของสโมสร เจิ้งหลางกับเพื่อนอีกไม่กี่คนกำลังเล่นกันอยู่ ได้ยินเสียงก็หันไปมองทีหนึ่ง

เจิ้งหลางร้องโอ้โหออกมา ปล่อยคิวลง กระตุกจี้ผิงโจว “โจวโจว แม่นางเสียวชิวมาแล้ว”

พวกเขาต่างก็รู้ว่าจ้าวถังชิวเป็นคนเปย์ใหม่ของจี้ผิงโจว แน่นอนว่าต้องแตกต่างกับผู้หญิงคนอื่น ยังเข้าไปพักที่บ้านของเขาด้วย จะไม่ปรับการมองก็คงจะไม่ได้แล้วล่ะ

จี้ผิงโจวออกจากการเล่นกลางทาง คนที่อยู่ข้างบนเฮ้อออกมาหลายคำ

เป๋ยเจี่ยนส่งจ้าวถังชิวแล้วก็จากไป แต่ก็ถูกเจิ้งหลางรังไว้ให้เล่นแทนที่ของจี้ผิงโจว

ข้างบนไม่มีคนแล้ว

พนักงานตักน้ำมาสองแก้ว จี้ผิงโจวก็รู้สึกเหนื่อยหน่อยเหมือนกัน เพราะการเล่นบิลเลียดกับพวกเจิ้งหลางมันเหนื่อยจริงๆ

ดื่มน้ำไปครึ่งแก้ว ช่วงคอที่แหบแห้งก็ชุ่มชื่นขึ้น เขาไม่ได้มองจ้าวถังชิว ถามเบาๆว่า “ได้ยินเป๋ยเจี่ยนบอกว่าเธอได้เจอกับลุงของภรรยาฉันหรอ”

พูดแบบนี้มันไม่เป็นธรรมชาติมากๆเลย

แต่จี้ผิงโจวจะไม่บอกว่าเหอหยุนซิ่งเป็นลุงของเขาหรอก ในใจคงคิดว่าไม่คู่ควรหรอก

เงยหน้าขึ้นมาถึงได้เห็นว่าจ้าวถังชิวมีอาการตกใจกลัวเล็กน้อย ถูกจี้ผิงโจวมองถึงจะรู้สึกตัวกลับมา เออๆอ่าๆ เผยท่าทางที่เหมือนกับถูกเอาเปรียบอย่างนั้น

“จริงๆฉันไม่ได้ตั้งใจจะบอกให้นายเลย เรื่องเล็กๆอย่างนี้ไม่ควรเอามา รบกวนนาย”

“เขาได้บอกอะไรกับเธอหรอ”

จี้ผิงโจวไม่หลงกลแบบนี้ อะไรความเป็นสุภาพบุรุษหายไปหมด

จ้าวถังชิวเอาน้ำขึ้นมาดื่มอย่างลืมตัว แต่กลับไปหยิบผิดเอาแก้วที่เป็นของจี้ผิงโจว รีบวางลงแล้วจึงหยิบของตัวเองขึ้นมาดื่ม

เอาความตื่นเต้นออกไป เธอพูดตัวอักษรหนึ่งเป็นคำหนึ่ง “เขาถามว่าความสัมพันธ์ของฉันกับคุณเป็นยังไงบ้าง…และบอกว่าถ้าหาก…ถ้าหากพี่สาวทำอะไรฉันไม่ดีไม่ร้าย ก็ให้ฉันเป็นคนรับผิดชอบ”

คำพูดแบบนี้จะเป็นคนที่มีแม่ปกติพูดได้ยังไง

ถึงขั้นให้คนรักคนหนึ่งมารับผิดชอบ

แต่ก็เป็นคำพูดที่ไม่คนไม่เข้าร่องเข้ารอยอย่างเหอหยุนซิ่งพูดออกมาได้ จี้ผิงโจวพอจะจินตนาการออกถึงสีหน้าของเขาตอนที่พูดคำพูดนี้ออกมา “แค่พวกนี้หรอ”

จ้าวถังชิวมองเขาทีหนึ่ง กลัวมาก เป็นความกลัวของร่างกายและวิญญาณ

สายตาแบบนั้นทำให้จี้ผิงโจวคิดถึงเหอเจิง

เธอก็มองเขาแบบนี้บ่อยๆ แฝงด้วยความรู้สึกที่ไม่อยากเข้าใกล้เขา แต่ว่าไม่ถึงขั้นกลัว เพราะเธอมีความกล้าที่จะจากไป จะไม่หันกลับเลย

จ้าวถังชิวดื่มอีกเฮือกหนึ่ง ยังคงไม่กล้าปริปาก

จี้ผิงโจวเหมือนกับโค้ชที่กำลังให้กำลังใจเธอ “กลัวอะไรล่ะ เขาเป็นคนพูดไม่ใช่เธอสักหน่อย ฉันไม่โทษเธอหรอก”

“เขายังบอกอีกว่า…นายกับพี่สาวจะหย่ากันอยู่แล้ว ให้ฉันทุ่มเทอีกหน่อย ให้ฉันรีบแทนที่พี่สาว”

คำหนึ่งก็พี่สาวทีหนึ่ง

จี้ผิงโจวฟังแล้วไม่สบายใจ คำนี้ฟังแล้วก็แสบหู

ในสายตาของคนตระกูลฟาง เขาก็เป็นคนพรรคนี้แหละ คือจะเอาใครเข้าพรรคที่ดีก็ทำได้ตามใจ

“นางเด็กกว่าเธอ”

จ้าวถังชิวอึ้ง “อ๋า”

“ไม่ต้องเรียกนางว่าพี่สาว นางเด็กกว่าเธออยู่”

แม้แต่เจียงเฉินยังเรียกว่าเหอเจิง ไม่เคยเรียกแบบนี้มาก่อน ทำให้เป็นเหมือนกับคนใช้หลังวังอย่างนั้นเลย

จี้ผิงโจวจำได้ว่าเขาแยกกับเจียงเฉินนั้นก็เพราะสร้อยคออัญมณีที่เขาสั่งเป็นเวลากว่าครึ่งปี มันแพงมาก เขาได้ขอให้คนหลายคนช่วยถึงได้มันมา

เหอเจิงกลับให้คนอื่นอย่างงายดาย

เจียงเฉินไม่ได้มีแววตาอะไรขนาดนั้น วิ่งไปอวดต่อหน้าของเขา หารู้ไม่ว่าเหอเจิงได้วางทางให้กับเธอ ทำให้จี้ผิงโจวโกรธ วันที่สองก็ได้รับการบอกต่อจากเป๋ยเจี่ยนว่าวันหลังไม่ต้องให้เห็นหน้าอีก

แต่ในใจของเธอก็รู้สึกมีความสุขอยู่ มีงานให้แสดง แล้วก็ได้สร้อยคอที่ล้ำค่าฟรีๆอันหนึ่ง ยังได้สละหน้าที่เย็นชาตลอดอย่างจี้ผิงโจวด้วย การค้าขายที่คุ้มนี้จึงทำให้เธอกลายเป็นเพื่อนที่ดีของเหอเจิง

แต่ว่าไม่ใช่ว่าผู้หญิงทุกคนจะเป็นเหมือนเธอ สายตาจริงจัง ไม่อยากได้ของคนอื่นที่ไม่ใช่ของตัวเอง

ในมุมมองของจ้าวถังชิวนั้น เจียงเฉินก็เป็นคนโง่คนหนึ่ง

เธอก้มหน้าลงไม่ได้พูดอะไรอีก จี้ผิงโจวเก็บเธอไว้เพราะยังใช้ได้อยู่ ฉะนั้นสีหน้าจึงได้ดีตลอด “ครั้งหน้าเจอเขาอีกก็ไม่ต้องสนใจเขา เขาไม่กล้าล่อกัดเธอหรอก”

แบบนี้ก็เท่ากับว่าเสริมความกล้าให้กับเธออีกแรง

“เธอกลับไปก่อน หลังปีใหม่ฉันจะติดต่อกับเธอเอง ช่วงนี้มีอะไรต้องการเพิ่มไหม”

จ้าวถังชิวส่ายหัว

จี้ผิงโจวเรียกเป๋ยเจี่ยนมาให้ไปส่งเธอกลับไป ก่อนไปคิดอะไรออก พูดขึ้นมาคำหนึ่ง ตอนที่พูดนั้นในตายังคงมีความอ่อนโยนอยู่ “อีกไม่กี่วันก็จะเป็นวันคริสตมาสแล้ว ไปเลือกของขวัญเลย ทั้งหมดอยู่ในรถ”

มันเป็นของที่เขาจะซื้อให้ผู้หญิงทุกคนในบ้านทุกปี

ของเหอเจิง ของจี้ซู ของจี้เหยียนเซียง แม้แต่แม่บ้านเหล่านั้นก็มีเหมือนกัน

ครั้งนี้เพราะเห็นว่าจ้าวถังชิวบริจาคเลือดไปมากขนาดนั้นจึงให้เธอมีโอกาสเลือกชิ้นหนึ่ง แต่ว่าในสายตาของเป๋ยเจี่ยนแล้วเหมือนกับว่าจี้ผิงโจวได้ยอมรับเธอแล้ว ดูแววตาของเธอก็ไม่เหมือนเดิม

กระโปรงหลังรถเก็บไว้ล้วนแล้วเป็นชิ้นใหญ่

ตัวอย่างเช่นจี้ซูอยากได้ของเล่นเล่อเกา จี้เหยียนเซียงอยากได้แจกันดอกไม้ ล้วนแล้วให้จ้าวถังชิวไม่ได้ เป๋ยเจี่ยนเปิดประตูรถหลัง ข้างในวาง กระเป๋า เสื้อผ้า น้ำหอม สร้อยคอ ไว้ เครื่องประดับอะไรก็มี “ท่านเลือกสามชิ้น เอาที่ท่านชอบ”

จ้าวถังชิวรู้ว่าจี้ผิงโจวเปย์อย่างใจกว้าง แต่ก็คิดไม่ถึงว่าจะเปย์ถึงขั้นนี้ ซื้อของหรูหร่าอย่างกับซื้อผักเลย

เธอรวดรวมความกล้าก้มมองเข้าไป

เธอเลือกกระเป๋าสีเงินใบหนึ่ง จะนับไปก็เป็นสินค้าระดับหก มันแพงพอแล้ว ถ้าเลือกแพงกว่านี้ก็จะถูกหาว่าเป็นคนเห็นแก่ได้ ตอนแรกตั้งใจจะหยิบน้ำหอมสองขวด แต่กลับเห็นถุงผ้าที่หนีบไว้เบาะด้านหลังของที่นั่งรถ ไม่ใหญ่และก็ไม่เล็ก เหมือนกับว่าใส่กล่องเล็กๆอยู่สองใบ

เป๋ยเจี่ยนยืนอยู่ข้างๆรถ ไม่ได้ใส่ใจเป็นพิเศษ

ในนี้ก็ไม่ได้มีของแปลกๆอะไร เธอจะเลือกอะไรก็ไม่ต่างกันหรอก

รออยู่หลายนาที จ้าวถังชิวจับกระเป๋าใบหนึ่งกับของเล็กๆสองชิ้น ของไม่ได้เยอะ ดูๆแล้วก็ไม่ได้แพง “ฝากขอบคุณคุณชายจี้ด้วยนะ”

“ไม่เป็นไร” เป๋ยเจี่ยนชี้ไปยังรถที่อยู่ข้างๆ “ฉันจะขับคันนั้นไปส่งท่านนะ”

พวเขาไม่ได้ไปทันที

เขาเหลือบมองถุงผ้าสีแดงเข้มที่อยู่ในมือของจ้าวถังชิว เห็นว่าบนนั้นเขียนไว้ว่า “เครื่องหยกเหลียงเหอ” เป็นของที่ไม่คุ้นเคยเลย เขาจำไม่ได้ว่าตอนที่ไปเก็บของที่จะมอบมีสิ่งนี้ด้วย

แต่ว่า “เครื่องหยกเหลียงเหอ”เป็นยี่ห้อของสินค้าของตระกูลบ้าน

เหลียงหมิงเหอ

อันนี้เขายังจำได้อยู่

แต่ว่าของก็ไปถึงมือของจ้าวถังชิวแล้ว เขาก็ไม่ได้ถามมาก เลยส่งเธอกลับไปที่โรงแรมโดยตรง

งานวันคริสตมาสอิฟถูกจัดขึ้นที่ศูนย์ดนตรีเหยียนจิง

หิมะตกโปรยๆ ฟ้ามืดเช้ากว่าปกติ เหอเจิงซ้อมเชลโลเสร็จก็รีบต่อรถไปทันที คนเข้าแถวต่อคิ้วแสดงบัตรยาวออกมาถึงข้างนอก เธอลำบากมากกว่าจะได้ เพิ่งจะหาที่นั่งได้ไม่นาน แสงไฟในงานดับกระทันหัน

มันเป็นสิ่งที่ปกติ

ความเงียบและสายตาของผู้ชมท่ามกลางความมืดจ้องมองไปยังเวที แสงสีค่อยๆฉายลงบนเวที การแสดงแรกเป็นการบรรเลงเดียวของเปียร์โน เหอเจิงกำลังชมอยู่นั้น ที่นั่งข้างๆก็ถูกนั่งลง กลิ่นไอที่คุ้นเคยสายหนึ่งลอยเข้าจมูก แฝงด้วยความหนาวเหน็บ

เธอจำได้ว่าตั้วใบนั้นตกอยู่ในมือใครแล้ว

แล้วก็รู้ว่าคนที่นั่งข้างๆนั้นเป็นใคร แต่ก็ยังจำคำพูดของคุณนายฟางได้ว่า ถ้าจะหย่าก็อย่าทำอะไรที่เป็นการเพิ่มความใกล้ชิดสนิทสนมกับจี้ผิงโจว

ขยับก้นไปข้างหน้าเล็กน้อย เธอตั้งใจฟังเสียงเปียร์โนที่ลอยมาจากเวที แต่ที่น่าแปลกก็คือว่าจี้ผิงโจวก็เงียบ เงียบจนรู้สึกว่าผิดปกติ

ฟังได้ไม่นาน คนที่อยู่ข้างๆก็ขยับช่วงคอเล็กน้อย ไม่ออกเสียงสักคำก็หลับต่อ

ทำให้คนที่อยู่ข้างๆสองคนมองมาด้วยสายตาที่มองแปลกๆ

เหอเจิงตัวแข็งทื่อ อยากจะผลักจี้ผิงโจวออก เพิ่งจะขยับไหล่ทีหนึ่ง เหลือบตามอง ด้วยระยะการมองเห็นที่จำกัดก็เห็นใบหน้าของจี้ผิงโจว หนังตาที่ตก ไม่มีเงาตกทอด เหมือนกับว่าใบหน้าทั้งหน้าก็กลมกลืนกับความมืดรอบตัวไปแล้ว

รอบๆมีแต่เสียงหายใจของเขา เป็นเสียงแผ่วเบาเข้าไปในหูของเหอเจิง ผสมกับเสียงของเปียร์โนที่นุ่มนวลอ่อนช้อยแล้วเข้ากันได้จริงๆ

แต่ให้ไม่ได้เปิดตา เหอเจิงก็รับรู้ได้ว่าเขาเหนื่อยมาก ความง่วงที่หนักหน่วงเอาเป็นว่าหลับไปแล้วจริงๆไม่ใช่ตั้งใจจะเอาเปรียบ

ช่างมันเถิด

ตอนนี้ถ้าผลักเขาออกไปอาจเป็นการรบกวนคนอื่นด้วย

เธอคิดได้แบบนี้แล้วก็กลับไปนั่งตัวตรงเหมือนเดิม แม้ว่าหน้าจะมองไปข้างหน้าอยู่แต่การฟังถูกจี้ผิงโจวกลบไว้แล้ว

ซ่อน | รัก | ลับ

ซ่อน | รัก | ลับ

ฟางเหอเจิงแต่งงานกับจี้ผิงโจวในฐานะลูกสาวนอกกฎหมายของตระกูลฟาง เธอถ่อมตัวต่อหน้าเขา เธอเก็บความรู้สึกทุกอย่างได้จนสามารถกินข้าวร่วมโต๊ะเดียวกันกับคนรักของเขาได้ ระยะเวลาสามปีเต็ม ไม่มีใครเคยเห็นฟางเหอเจิงอิจฉาและเสียอารมณ์ จนกระทั้งมีการเปิดเผยข้อตกลงการหย่าร้างต่อสาธารณะ ไม่มีใครรู้เลยว่าฟางเหอเจิงรักใครอีกคน ในคืนแรกของการแต่งงานเธอจูบดวงตาของเขา เรื่องที่ฟางเหอเจิงแต่งงานกับเขา มีคนถามว่าเธอรัก ฟางเหอเจิงแต่งงานกับเพราะอะไร? เธอตอบว่าเพราะดวงตาเขา เธอรักดวงตาของเขาเท่านั้น ..

Comment

Options

not work with dark mode
Reset