ซ่อน | รัก | ลับ – ตอนที่ 60 อย่ายุเราให้แตกแยกกันเลย

เวลายืนยิ่งนาน แสงอาทิตย์ที่ส่องลงมาก็ยิ่งร้อน ร้อนจนขั้นบันไดหินก็ร้อนระอุ่นแล้ว

ลำคอของเป๋ยเจี่ยนเริ่มแน่น ใต้หูถูกตากแดดจนแดง

มองดูเวลา

จากที่จี้ผิงโจวเข้าไปก็กว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว

ข้างในจะเกิดอะไรขึ้นบ้างก็ไม่รู้

แต่โดยรวมก็คงจะเป็นการรั้งเหอเจิงไม่ให้ออกไปแหละ

ผ่านไปอีกสิบกว่านาทีแล้ว

ประตูที่กึ่งปิดกึ่งเปิดเกิดช่องว่างที่ใหญ่ขึ้น ลมอุ่นจากข้างในรู้สึกว่าจางลง จี้ผิงโจวอยู่ในที่อับนานเกินไป ทั้งปอดและหัวใจเริ่มถูกอุดไว้ ใบหน้าของเขาซีดจาง มือข้างหนึ่งคล้องลงบนไหล่ของเป๋ยเจี่ยน “เสียวเจี่ยน ไปขับรถมา”

“พี่โจว…”

“รีบไป”

การหายใจเหมือนกับการเป่าอากาศเข้าไปในลูกโป่ง วนเวียนไปไม่รู้จบ ชนยังไงก็ชนไม่แตกผิวอันเบาบางนี้ จี้ผิงโจวรออยู่ที่ด้านนอกของตึกหลักรอให้เป๋ยเจี่ยนขับรถมารับ เขาเข้าไปนั่งในรถ เปิดลิ้นชักหน้ารถด้วยมือที่สั่นแล้วหยิบของเล็กๆนั้นออกมาปิดไว้ระหว่างจมูก

สูบเข้าไปไม่กี่คำ ปอดที่ตายแล้วฟื้นขึ้นมาใหม่

เวลาโรคของเขากำเริบ

เป๋ยเจี่ยนไม่รู้ว่าจะช่วยเขายังไงดี

คนที่ดูแลเขาตลอดคือเหอเจิง อยู่ข้างนอกเหมือนจะไม่เคยเปิดเผยเรื่องที่ตัวเองมีโรคด้วยซ้ำ

อาการหอบหืดไม่ได้รุนแรง แต่บวกกับความอ่อนแอของปอด จะไม่ใส่ใจเลยก็คงจะไม่ได้แล้ว

“พี่โจว….”เป๋ยเจี่ยนขวัญอ่อนใจส่อ “หรือไม่เราก็ไปโรงพยาบาลหน่อยไหม”

แม้ว่าจี้ผิงโจวจะทำงานในโรงพยาบาล

แต่ “ไปโรงพยาบาล”ครั้งนี้เป็นการเตือนเขาให้ไปดูอาการป่วย เขาไม่ชอบที่สุดคือการที่คนอื่นมองว่าตัวเองมีโรค เขาเอาของใส่กลับไปเหมือนเดิม เขานั่งนิ่งๆ ความรู้สึกป่วยยังลอยอยู่บนหน้าผาก บวกกับความอ่อนล้า”อืม ไปเถอะ”

น้ำเสียงที่เงียบขรึมแต่กลับไม่แยแส

เหมือนกับว่าเมื่อกี้โรคกำเริบ ทะเลาะกัน วิ่งมาด้วยอาการหอบ ล้วนแล้วเป็นการละเมอ

แต่ถ้าจี้ผิงโจวไม่เอ่ยออกมา

เป๋ยเจี่ยนก็คงไม่เสือกหาเหาใส่หัวเข้าไปถามหรอก

ทางวกเวียนไปมาอย่างนี้ กว่าจะถึงโรงพยาบาลก็เที่ยงแล้ว ตั้งแต่ที่จี้ผิงโจวรับช่วงเป็นเจ้าของโรงพยาบาลต่อ เขาก็เข้าห้องผ่าตัดน้อยมาก เหตุผลแรกคือการผ่าตัด ต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งชั่วโมง บางทียืนกว่าครึ่งวันก็มี ร่างกายของเขารับไม่ไหว

อย่างที่สองคือ ช่วงสองปีมานี้เขากำลังทำวิจัย ไม่ได้เข้าไปทำงานเต็มเวลา

เข้าห้องผ่าตัดที่มากที่สุดก็คงจะเป็นการถ่ายเลือดให้จี้เหยียนเซียง

ช่วงบ่ายมีรายการบรรยายรายการหนึ่งต้องฟัง ฟังจนจบจิตใจของเขาก็ยังไม่สงบ ออกจากโรงพยาบาล ก็ไม่ได้กลับไปยังสวนซาง

ภารกิจของเป๋ยเจี่ยนคือการรับส่งจี้ผิงโจว สิ่งที่เขาถนัดก็คือการรอคอย ได้ข่าวว่าวันนี้จี้ผิงโจวมีนัดกับพวกเจิ้งหลาง สถานที่นัดหมายคือสถานบันเทิงที่อยู่ถัดจากจินกงไปไม่กี่เมตร ตึกที่สูงตระง่า เต็มไปด้วยแสงสี มองจากล่างขึ้นบน เหมือนจะมองไม่เห็นยอดตึกด้วยซ้ำ

“ไปหาพวกหลางๆกันไหม”

กับเป๋ยเจี่ยนแล้ว จี้ผิงโจวให้ความเป็นกันเองไม่ใช่น้อย เขาไม่เพียงแต่เป็นคนขับรถส่วนตัวเท่านั้น ยังเป็นคนสนิทของเขาด้วย

ถ้าไม่ใช่เพราะเมื่อก่อนเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้น ตระกูลเป๋ยเกิดเรื่องใหญ่ ทำให้กลับไปสภาพเดิมไม่ได้

เป๋ยเจี่ยนก็คงไม่ต้องมาหยุดอยู่เพียงแค่คนขับรถส่วนตัวผู้เล็กน้อยหรอก และก็ไม่ต้องอดเข้าเรียนต่อในระดับมหาลัยด้วย แต่เขาก็ไม่เคยโทษใครเลย ยังคงเป็นคนใจดีเหมือนเดิม “ไม่ไปล่ะ ผมขอรอคุณที่รถแล้วกัน”

เขาไม่ชอบคบหากับคนอย่างพวกหลางๆ

“ถ้าคืนนี้ฉันเมา ก็ให้ไปเรียกเหอเจิง”

ความมืดยามค่ำคืนได้ลงมาแล้ว เสียงคนเสียงรถผ่านข้างๆของจี้ผิงโจวไป ร่างของเขาได้จมเข้าไปในตึกที่สูงเทียบเทียมเมฆ หายไปต่อหน้าต่อตา

ฉวยโอกาสขณะที่เขาเดินเข้าไป

เป๋ยเจี่ยนก็ได้ครุ่นคิด อีกสักครู่จะพูดกับเหอเจิงยังไงดี อีกอย่างความสัมพันธ์ของเขาสองคนไม่ได้ลึกซึ้งเหมือนเมื่อก่อนแล้ว เหอเจิงเองก็ไม่ได้ควบคุมง่ายเหมือนเมื่อก่อนด้วย

อยากให้เธอมา ก็ต้องเตรียมคำพูดหน่อย

เมื่อจี้ผิวโจวไปถึงห้องที่เหมาไว้ก็ได้ดื่มไปเยอะแล้ว ยังมีเสียงเหมือนแกว่งตะแกรง เสียงหัวเราะอันแหลมคมของพวกผู้หญิงยิ่งแสบแก้วหู น้ำหอม ฟุ้งออกมาจากตัวพวกเธอ ปนเปื้อนไปทั่วทุกมุม

ที่แบบนี้แต่ไหนแต่ไรก็ไม่ใช่เป็นสถานที่ที่สะอาดอยู่แล้วนี่

โรคของเขาก็ไม่ได้หนักถึงขั้นที่ว่าอยู่ไม่ได้ ยังไม่จำเป็นต้องควบคุมความต้องการของตัวเองหรอก

ผลักประตูออก

มีคนที่นั่งอยู่พูดขึ้นมาว่า “โจวโจวมาแล้ว”

บนน่องขาของเจิ้งหลางมีผู้หญิงผมทองนั่งอยู่ ถูกเขาดันออกไป ผู้หญิงถึงลงไปอย่างไม่เต็มใจ แล้วก็พาเพื่อนๆพี่น้องของตนออกไปอย่างไม่พอใจเท่าไหร่

“มาแล้ว เข้ามานั่งก่อนสิ” เจิ้งหลางริมเหล้าที่ไม่ได้แรงมากให้เขาแก้วหนึ่ง “รออีกแป๊ปหนึ่ง เหล่าซุนกำลังจะถึง”

จี้ผิงโจวไม่ได้รับแก้วนั้นไว้ กลับขอแก้วที่มันแรงกว่านั้นอีก “เรียกเขามาทำไม”

ความสัมพันธ์ของเขาสองคนไม่ได้ดีและก็ไม่ได้แย่ พบหน้ากันน้อยครั้งมาก

“ครั้งก่อนที่เจอเมียนายที่จินกง นายไม่อยากถามเขาด้วยตัวเองหรือว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง”

ครั้งนั้นซุนไจ่อวี่กลายเป็นคนทรยศต่อเขา เพราะไม่โทรไปหาจี้ผิงโจวแต่กลับโทรไปหาฟางลู่เป่ยมารับเหอเจิงกลับไป

จี้ผิงโจวก็ไม่ได้เป็นคนคิดเล็กคิดน้อย และก็ไม่ได้เป็นคนที่เก็บความแค้นไว้ด้วย เรื่องนี้เขาลืมไปตั้งนานแล้ว “มีอะไรน่าถาม นายก็อย่าคิดยุให้คนอื่นแตกแยกเลย”

“นายสองคนยังต้องให้ฉันยุอีกหรอ”

เขาสองคนก็ไม่ได้ดีต่อกันแต่ไหนแต่ไรมาแล้ว

ซุนไจ่อวี่เป็นคนขี้ขลาด แม้ว่าจะมีอะไรหลายอย่างที่ไม่ชอบในตัวจี้ผิงโจว แต่ก็เก็บไว้ในใจ จี้ผิงโจวก็ไม่ใช่เป็นคนชอบหาเรื่องหรือเก็บกด ยิ่งกว่านั้นต่างก็เป็นคนก๊กเดียวกัน ยังไม่ถึงขั้นที่ทะเลาะกันจนแก่ก็ไม่ยอมให้อภัยกันหรอก

แต่จำได้ว่าซุนไจ่อวี่ชอบปกป้องเหอเจิงเพราะว่าเขาเป็นแฟนคลับวงดนตรีของเธอ จะไปเข้าร่วมทุกการแสดงเลย ไม่ว่าจะนอกหรือในประเทศไม่เคยพลาดเลยซักครั้ง

พวกเขาที่เป็นลูกคุณหนูคุณนายพวกนี้ เวลาว่างก็ชอบไปดูของพวกนี้ ได้ชื่อว่าเป็นแฟนพันแท้ แต่จริงๆแล้วก็แค่เป็นการล้างผลาญของที่ตัวเองมีอย่างฟุ่งเฟือยเท่านั้น ในสายตาของจี้ผิงโจวแล้ว ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องไร้สาระ

ต่อมาเพื่อแต่งเข้ามายังตระกูลจี้ เหอเจิงจำเป็นต้องลาออกจากวงดนตรี

วงดนตรีของพวกเขาขาดคนที่เป็นหัวใจหลักไปสองคน แน่นอนว่าทำต่อไปไม่ได้ ซุนไจ่อวี่ก็เศร้าไปหลายวันทีเดียว

เขาไม่คิดมาก่อนเลยว่า ครั้งต่อไปที่เจอเหอเจิง กลับเจอในงานเลี้ยงองค์กรของจี้ผิงโจว เขาแนะนำเหอเจิงให้ทุกคนรู้จัก คำนำหน้าเป็น—ว่าที่ภรรยาในอนาคต

เหล้าที่แรงเข้าไปในท้องหลายแก้วแล้ว แต่จี้ผิงโจวกลับไม่รู้สึกเมาเลยสักนิด

เขาเป็นคนคอแข็ง

เทียบกับพื้นฐานของเหอเจิงแล้วคนละขั้วเลย

แต่ว่าสุขภาพของเขาไม่ดี ดื่มเยอะไม่ได้ ถ้าอยากให้เมา มันจะต่างจากพื้นฐานที่มีอยู่ แก้วแล้วแก้วเล่าดื่มอย่างสบายเหมือนกับดื่มน้ำเปล่าเลย เจิ้งหลางเห็นกลับใจสั่นเนื้อเต้น พูดออกมาอย่างระมัดระวังว่า “โจวโจว ทะเลาะกันอีกแล้วหรอ”

“ไม่ได้ทะเลาะกัน”จี้ผิงโจวดื่มอีกแก้วหนึ่ง ความคิดเริ่มจะเลือนลางแล้ว

มือที่ยกขึ้นมาอีกแก้วหนึ่ง กำลังจะดื่มอีก

เจิ้งหลางรีบห้ามเขาไว้ “พอเถอะไม่ต้องดื่มแล้ว”

ขณะที่กำลังห้ามเขาอยู่นั้น

ประตูถูกผลักเข้ามาจากด้านนอก

ซุนไจ่อวี่โผ่หน้าเข้ามาครึ่งหนึ่ง สายตาชนกับจี้ผิงโจวพอดี จ้องค้างไว้เสี้ยววินาที ด้วยความลังเล แต่ก็เดินเข้ามาอย่างช้าๆ

“เอ้ เหล่าซุน”

เจิ้งหลางพูดออกมาคำหนึ่ง ตบลงไปบนไหล่ของจี้ผิงโจวเบาๆ ตั้งใจส่งสายตาให้เขาสองคน

“นายสองคนไม่ได้เจอกันนานแล้วไม่ใช่หรอ”

ครั้งก่อนดื่มเหล้าในงานหมั่นของคู่บ่าวสาว ซุนไจ่อวี่ก็ไม่ได้ไป

เขารู้ว่าตัวเองต้องมาพบกับเรื่องไม่ดีแน่ๆ แต่ไม่คิดว่าจะเป็นการพบหน้ากับจี้ผิงโจว ท่ามกลางแสงไฟสลัวๆ เขามองไปยังเจิ้งหลางด้วยสายตาที่ไม่หนักไม่เบา “สามเดือนก่อนเจอกันรอบหนึ่ง”

เจิ้งหลางใช้แขนสะกิดเขาเบาๆ กระซิบข้างหูเขา “เรื่องที่เจอเหอเจิงที่จินกง นายอย่าลืมขอโทษจี้ผิงโจวด้วยล่ะ”

ขอโทษหรอ…

ซุนไจ่อวี่อดไม่ได้ พูดออกมาทันทีว่า “ทำไมล่ะ”

ซ่อน | รัก | ลับ

ซ่อน | รัก | ลับ

ฟางเหอเจิงแต่งงานกับจี้ผิงโจวในฐานะลูกสาวนอกกฎหมายของตระกูลฟาง เธอถ่อมตัวต่อหน้าเขา เธอเก็บความรู้สึกทุกอย่างได้จนสามารถกินข้าวร่วมโต๊ะเดียวกันกับคนรักของเขาได้ ระยะเวลาสามปีเต็ม ไม่มีใครเคยเห็นฟางเหอเจิงอิจฉาและเสียอารมณ์ จนกระทั้งมีการเปิดเผยข้อตกลงการหย่าร้างต่อสาธารณะ ไม่มีใครรู้เลยว่าฟางเหอเจิงรักใครอีกคน ในคืนแรกของการแต่งงานเธอจูบดวงตาของเขา เรื่องที่ฟางเหอเจิงแต่งงานกับเขา มีคนถามว่าเธอรัก ฟางเหอเจิงแต่งงานกับเพราะอะไร? เธอตอบว่าเพราะดวงตาเขา เธอรักดวงตาของเขาเท่านั้น ..

Comment

Options

not work with dark mode
Reset