หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา – บทที่ 1038 สนุกคนเดียวไม่สู้มาสนุกด้วยกัน!

หวังเป่าเล่อนัยน์ตาวาบวับ ตามติดไปทันควัน ซุนหยางกับคนอื่นๆ สีหน้าเปลี่ยนไป คิดจะขึ้นขวางแต่เซี่ยไห่หยางไหวร่างไปปรากฏตรงหน้าซุนหยางในทันใด มือขวายกขึ้นกดลงกลางอากาศ

“อาจารย์อาสิบหกกำลังลงมือ สหายซุน ยังไม่ถึงตาเจ้านะ”

“เซี่ยไห่หยาง!” ซุนหยางแววตากรุ่นโกรธ แต่สิ่งที่ตอบกลับกลับเป็นสายตาเยียบเย็นของเซี่ยไห่หยาง

และในขณะที่ทั้งสองกำลังเผชิญหน้ากัน ผู้คุ้มครองของกลุ่มซุนหยางก็รีบตามมาด้วยความรวดเร็วก่อนถูกเหล่าผู้เยี่ยมยุทธ์วิญญาณเพลิงเข้าขัดขวาง ต่างเข้าปะทะกันเกิดเสียงดังกัมปนาทขึ้นรอบๆ บริเวณ

ส่วนหวังเป่าเล่อในเวลานี้ก็ตามทันเจ้าหนุ่มหน้าม้าที่กระอักเลือดนั่นได้แล้ว ระเบิดพลังฆ่าฟันขึ้นข่มขวัญ ขณะที่ตั้งท่าจะลงมืออีกครั้ง หนุ่มหน้าม้าในใจเต็มไปด้วยความโกรธและคับแค้นใจ

อารมณ์ทั้งสองนี้ไม่ได้มีต่อหวังเป่าเล่อแต่เป็นซุนหยาง เพราะเขารู้สึกไม่เป็นธรรม เนื่องจากคนตัวตั้งตัวตีคือซุนหยาง แต่ตอนนี้คนที่โดนกลับเป็นตัวเอง ดังนั้นเมื่อเห็นหวังเป่าเล่อฉายแววฆ่าฟัน หนุ่มหน้าม้าก็ตะโกนออกมาทันควัน

“ข้าขอโทษ!!”

“แบบนี้สิถึงจะน่ารัก” เมื่อเสียงหวังเป่าเล่อลอยขึ้นมา เงาร่างเขาก็หายวับไปจากหนุ่มหน้าม้าทันที ก่อนปรากฏตัวขึ้นที่ข้างกายมหาศิษย์แห่งเต๋าอีกคน พร้อมเสียงหมัดรุนแรง

และก็กระอักพ่นเลือดออกมาเช่นกัน ร่างกายหมุนตลบไปเช่นกัน สำหรับพวกเขาแล้วความแข็งแกร่งของหวังเป่าเล่อได้เกินขีดที่พวกเขาจะรับไหวแล้ว แต่ละคนล้วนรีบเปิดปากเอ่ยขอโทษขึ้นฉับพลัน

แม้จะรักษาหน้าตาจะเป็นเรื่องใหญ่แต่เมื่อเผชิญกับความโหดของหวังเป่าเล่อ อีกทั้งยังไม่ใช่ผู้นำของเรื่องนี้ ดังนั้นเรื่องการขอโทษสำหรับพวกเขาแล้วไม่ใช่เรื่องที่จะรับไม่ได้

และการเอ่ยปากของพวกเขาแต่ละคนก็ทำให้สีหน้าซุนหยางยิ่งอึมครึมจนถึงขีดสุด ปราณระเบิดหมุนวน สายตาจ้องมองเซี่ยไห่หยางตรงหน้าก่อนเคลื่อนมองไปยังหวังเป่าเล่อ

“หวังเป่าเล่อ เช่นนี้ก็ดี ข้ากับเจ้า…”

“เสียงดังวุ่นวายจริงๆ ใช่ไหม เสี่ยวหลิงหลิง?” หวังเป่าเล่อเลิกคิ้ว มองไปยังสวี่อินหลิงที่ประมือกันก่อนหน้า ตอนนี้ยังถอยหลังไม่หยุด

เมื่อถูกเขาปรายตามอง สวี่อินหลิงพลันชะงักเท้า ใบหน้าซีดขาว สายตาที่จับจ้องหวังเป่อฉายแววซับซ้อน

“ข้าว่านะ สวี่อินหลิง เจ้าเสแสร้งแบบนี้ไม่เหนื่อยหรือไง? คนอื่นไม่รู้จักเจ้าดี แต่ข้าคิดว่าข้ารู้นะ” ระหว่างมองสวี่อินหลิงที่ท่าทางอ่อนแอเปราะบาง หวังเป่าเล่อก็เผยยิ้มเย็นขึ้นบนใบหน้า ไหวร่างคราหนึ่ง เมินซุนหยางอีกครั้งพุ่งหาสวี่อินหลิง รวดเร็วฉับไว ในพริบตาที่เข้าใกล้ หวังเป่าเล่อไม่ยั้งมือเผยดาวเคราะห์บรรพกาลเก้าดวงขึ้นด้านหลัง ในขณะที่กลายเป็นดาวเคราะห์เต๋า กฎเก้าประการก็ได้ปะทุขึ้น!

ผสานเป็นแสงทะเลเก้าสี คลื่นยักษ์เคลื่อนซัดไปยังสวี่อินหลิง

ซุนหยางที่เดิมทีเตรียมตั้งรับจะสู้กับหวังเป่าเล่อสักครา ในเวลานี้ได้ถูกละเลยอีกครั้ง เขาร่างกายสั่นเทาขึ้นทันใด สีหน้ายิ่งดูย่ำแย่ การถูกเมินเช่นนี้เป็นการเหยียดหยามมหาศิษย์แห่งเต๋าอย่างเขาที่สุด

“หวังเป่าเล่อ!!” ซุนหยางตะโกนโกรธจะบุกเข้าไป แต่เซี่ยไห่หยางกลับยิ้มน้อยๆ เข้าขวางอีกครั้ง ทำให้ซุนหยางราวกับเป็นตัวตลก ทำได้แค่กระโดดไปมา ในขณะที่เขากำลังลุกลี้ลุกลนอยู่ตรงนี้ เมื่อหวังเป่าเล่อลงมือ ตามด้วยระเบิดแสงทะเลเก้าสี เสียงกัมปนาททะยานขึ้นสูงจากกลางแสงทะเล

แสงทะเลผืนนั้นได้กลายสภาพเป็นกระดาษในทันตา พลังเทพทั้งหมดล้วนมลายหายไป ในขณะที่กำลังแผ่ไปทั่วบริเวณ ด้านในก็ปรากฏร่างสวี่อินหลิงที่ราวกับหลอมรวมกับนกยูงที่นั่งอยู่ขึ้น!

ใบหน้านางราวกับสักลวดลายนกยูง นกยูงนี้ได้ขึ้นเต็มทั่วร่าง ทำให้สวี่อินหลิงในเวลานี้ดูพิลึกพิสดารที่สุด และด้านหลังนางยังปรากฏดาวเคราะห์เต๋าขึ้นเพื่อบีบคั้นหวังเป่าเล่อ เผชิญหน้ากับดาวเคราะห์เต๋าของหวังเป่าเล่อ!

ท่ามกลางเสียงดังสนั่น ระลอกคลื่นที่เกิดจากทั้งสองระเบิดดาวเคราะห์เต๋าขึ้นก็ได้ปะทะชนกัน ในขณะที่เกิดเสียงกัมปนาทขึ้น สวี่อินหลิงกระอักเลือดคำโต ถอยหลังซวนเซ สีหน้ากล้ำกลืน

“หวังเป่าเล่อ ข้าผิดไปแล้ว ระหว่างข้ากับเจ้าไม่จำเป็นต้องทำขนาดนี้…”

“ยังจะแสดงต่ออีกรึ?” หวังเป่าเล่อประกายอาฆาตวาบวับ พุ่งออกไปอีกครั้ง ภายใต้แรงเสริมจากดาวเคราะห์เต๋า กฎดาวเคราะห์เต๋าเก้าดวงผสานกลายเป็นมือขนาดใหญ่ พุ่งออกไปอย่างรุนแรงอีกครั้ง

ขณะที่เสียงดังสนั่นสะท้อนก้อง สวี่อินหลิงพยายามหลบหลีก ขณะที่กระอักเลือด ดูน่าเวทนา

“ข้าไม่ได้หลอกเจ้า หวังเป่าเล่อ ข้ารู้ว่าแต่ไหนแต่ไรเจ้าต้องการชิงดาวเคราะห์เต๋าข้าให้ดาวเคราะห์เต๋าเจ้าสมบูรณ์แล้วจะได้เข้าสู่ระดับดารานิรันดร์และกลายเป็นดารานิรันดร์เต๋าสวรรค์ที่หาตัวจับได้ยาก แต่ข้าสู้เจ้าไม่ได้จริงๆ และก็ไม่มีทางชนะเจ้าได้ แต่เจ้าไม่ต้องฆ่าข้า ข้าสามารถผสานปราณแห่งเต๋าช่วยเจ้าได้เหมือนกันนะ!”

“ข้ายอมรับว่าที่ข้าทำไปก่อนหน้าทั้งหมดก็เพื่อจะจัดการเจ้า แต่ข้าก็ทำไปเพื่อปกป้องตัวเองเพื่อที่ระหว่างเราจะได้ไม่มีเรื่องเช่นนี้ เพื่อหลีกหนีการเข่นฆ่า”

“เพื่อเป็นการแสดงความจริงใจของข้า ข้ายินดีมอบโลหิตวิญญาณให้ แบบนี้เจ้าจะยอมเชื่อข้าสักครั้งได้ไหม” ในขณะที่สวี่อินหลิงคร่ำครวญ ในระหว่างที่กระอักเลือดเซถอย มือขวายกขึ้นกรีดลงหว่างคิ้ว ของเหลวสีทองหยดหนึ่งที่คล้ายจริงคล้ายภาพจำลองพลันลอยออกมากในพริบตา แผ่พลังวิญญาณไปยังหวังเป่าเล่อ

นี่ก็คือโลหิตวิญญาณ หากวันใดถูกควบคุมเข้า ถ้าโดนทำลายก็จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเจ้าของ สำหรับเหล่าผู้ฝึกตนหากไม่ถึงทางเลือกสุดท้ายจริงๆ ก็ไม่มีใครยอมมอบให้ เพราะสำหรับผู้ที่มีโลหิตวิญญาณอยู่ในกำมือก็เท่ากับได้อำนาจควบคุมเบ็ดเสร็จทั้งหมดแล้ว

และโลหิตวิญญาณนี้ก็มีพลังแห่งเต๋าของสวี่อินหลิงรวมอยู่ด้วยเป็นของจริงแน่นอน ในเวลาเดียวกันก็ทำให้ผู้ชมทั้งหลายจำนวนไม่น้อยจิตใจสั่นไหวเกิดความละโมบขึ้น แม้จะถูกการต่อสู้ระหว่างดารานิรันดร์กันไว้ให้อยู่รอบนอก แต่ก็ยังคงค่อยๆ เข้าใกล้..Aileen-novel

ทางด้านซุนหยางยิ่งนัยน์ตาลุกโชน แม้ดาวเคราะห์เต๋าของสวี่อินหลิงจะสู้ของหวังเป่าเล่อไม่ได้ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ยังเป็นดาวเคราะห์เต๋า!

แม้แต่หวังเป่าเล่อเองตอนนี้ก็สีหน้าเคร่งขรึมราวกับถูกการกระทำของสวี่อินหลิงทำให้สั่นคลอน เกิดความลังเลลงมือไม่เหมือนก่อนหน้า ยกมือขวาขึ้นคว้าโลหิตวิญญาณ

เมื่อเห็นหวังเป่าเล่อคว้าโลหิตวิญญาณไป สวี่อินหลิงก็โล่งอก นัยน์ตาฉายแววรอดตาย แต่ความขมขื่นกลับแสดงออกชัดขึ้นกว่าเดิม ขณะที่กำลังจะเอ่ยพูด

ในวินาทีนั้นหวังเป่าเล่อพลันยิ้มออกมา มือขวาที่คว้าจับโลหิตวิญญาณพลันออกแรงเต็มที่ เสียงดังสนั่นขณะบดขยี้โลหิตวิญญาณ!

สวี่อินหลิงตกตะลึงอย่างชัดเจน ก่อนกรีดร้องโหยหวนขึ้น กระอักเลือดก่อนร่างกายเซถอยอย่างรวดเร็ว หวังเป่าเล่อนัยน์ตาเย็นเยียบ

“สวี่อินหลิงเอ๋ยสวี่อินหลิง ถึงตอนนี้แล้วเจ้ายังจะแสดงต่อไปอีกล่ะก็ เจ้าอาจจะตายด้วยมือข้าจริงๆ แล้วนะ!” หวังเป่าเล่อกล่าวพลางระเบิดพลังอย่างรวดเร็ว ขณะที่ดาวเคราะห์เต๋าเป็นแรงหนุนก็ลงมืออีกครั้ง ครั้งนี้เฉียบขาดยิ่งกว่า ผสานเป็นนิ้วหมอกเมฆากดไปยังสวี่อินหลิงในทันที

“หวังเป่าเล่อ!!” เมื่อเห็นเช่นนี้ ขณะที่สวี่อินหลิงสีหน้าย่ำแย่ ในพริบตานั้นสายตาอาฆาตก็เผยขึ้นในดวงตา มวลพลังพลันระเบิดปะทุขึ้นในพริบตา ไม่ใช่แค่จำนวนเล็กน้อยแต่ระเบิดขึ้นหลายเท่าตัวสูงกว่าพลังของซุนหยางและก็สูงกว่าผู้ฝึกตนดาวพระเคราะห์ ณ ที่แห่งนี้ทุกคน ทุกคนยกเว้นหวังเป่าเล่อ!

กระทั่งในบางคราก็พอฟัดพอเหวี่ยงกับหวังเป่าเล่ออยู่เช่นกัน ดาวเคราะห์เต๋าด้านหลังนางก็ได้เปล่งแสงเรืองรอง

“ต้องแบบนี้สิ แบบนี้ถึงจะเป็นแม่นางกระพรวนที่อยู่ในความทรงจำข้า!” หวังเป่าเล่อหัวเราะ ในช่วงที่กำลังเข้าใกล้นั้นทั้งสองไม่รีรอ เข้ามาปะทะกันทันที เกิดระลอกคลื่นอันน่าสะพรึงและสิ่งที่ทำให้ทุกคนประหลาดใจที่สุดก็คือในระลอกคลื่นนี้มีกฎแห่งกระดาษแผ่กระจายออกมา!

ไม่ใช่แค่หนึ่ง แต่มีถึงสอง!

ดาวเคราะห์เต๋าของหวังเป่าเล่อในเวลานี้เมื่อโคจรรอบหนึ่ง นอกจากกฎเก้าประการแล้ว ในดาวเคราะห์เต๋าก็พลันปลดปล่อยกฎแห่งกระดาษ หลังการลงมือสิ่งที่ตามมาคือบริเวณโดยรอบของเขากับสวี่อินหลิงไม่ว่าจะเป็นพลังเวทหรือกระบวนเวทล้วนแปรสภาพเป็นกระดาษในทันตา ระเบิดขึ้นไม่หยุดหย่อน กระจัดกระจายไปทั่วจนทำให้รอบด้านเต็มไปด้วยเศษกระดาษที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ!

ภาพพิสดารเช่นนี้ทำให้ทุกคนตาค้าง ในขณะที่จ้องมองพลังแห่งดาวเคราะห์เต๋า ในใจก็อกสั่นขวัญแขวน สวี่อินหลิงในเวลานี้แข็งแกร่งกว่าก่อนหน้าเยอะมาก เยอะมากจริงๆ !

ซุนหยางก็ตะลึงตาค้าง ในใจสั่นไหว ในความทรงจำของเขาแม้จะมีดาวเคราะห์เต๋าแต่ไม่ว่าอย่างไรสวี่อินหลิงก็เพิ่งจะเข้ามายังดาวพระเคราะห์ได้ไม่นาน ไม่น่าจะแข็งแกร่งได้ขนาดนี้!

แต่ดูจากตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าความคิดก่อนหน้านั้นถือว่าไม่จริง แม้กระทั้งโลหิตวิญญาณเมื่อครู่นั่นก็ไม่ใช่ของจริง!

ความจริงก็เป็นเช่นนี้ สวี่อินหลิงได้ใช้ความอ่อนแอปกปิดมาโดยตลอด แอบพัฒนากฎแห่งเต๋าต่างๆ ของตน ในเวลาเดียวกันก็คอยชักจูงให้ผู้คนเบนความสนใจไปที่หวังเป่าเล่อ ตัวเองกลับเผยความอ่อนแอ

ทว่าตอนนี้ แผนการณ์ทุกอย่างของนางปกปิดต่อไปไม่ได้แล้ว และนี่ก็เป็นจุดประสงค์ของหวังเป่าเล่อ แทนที่จะแบกรับความโลภและความฝังใจของคนภายนอกทั้งหลายคนเดียวมิสู้สองคนช่วยกันแบกรับจะดีเสียกว่า

……………………………………….

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

นิยายกำลังภายใน แปลจีน จากนักเขียนขายดีตลอดกาล ‘เอ่อร์เกิน’ กับตัวเอกแปลกใหม่ ไม่มีใครเหมือน! บังอาจดูถูกความหล่อเหลาของข้า จงเรียกข้าว่า ‘บิดา’ แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า! ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศปักเข้าใจกลางดวงอาทิตย์ แรงกระแทกนั้นทำให้ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนและกระจัดกระจายไปทั่วทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก ก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัดขึ้นบนโลกในบัดดล พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ‘ปราณวิญญาณ’ เมื่อสหพันธรัฐและขุมอำนาจอื่นๆ เริ่มออกรวบรวมเศษชิ้นส่วนต่างๆ พวกเขาก็ได้รู้ถึงเคล็ดวิชาการฝึกตน การหลอมโอสถ การหลอมศิลาวิญญาณ และเคล็ดวิชาพิสดารนานัปการ ตัวอักขระที่จารึกอยู่บนเศษชิ้นส่วนเหล่านั้นล้วนเก่าแก่ยิ่งนัก นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ผู้คนกลับมานิยมใช้ภาษาจีนโบราณกันอีกครั้ง การถือกำเนิดของปราณวิญญาณ ทำให้แหล่งพลังงานรูปแบบเดิมตกยุค และได้เปลี่ยนวิถีชีวิตของมนุษย์โลกไปโดยสิ้นเชิง ไม่เพียงแต่เครือข่ายวิญญาณจะได้รับการคิดค้นขึ้นมา แต่ปราณวิญญาณยังพลิกโฉมอารยธรรมมนุษย์ นำพาโลกเข้าสู่ยุคสมัยแห่งการฝึกตน ซึ่งต่อมารู้จักกันในนามว่ายุคกำเนิดวิญญาณ หวังเป่าเล่อ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป ชายหนุ่มศึกษาอัตชีวประวัติของเจ้าพนักงานสหพันธรัฐจนขึ้นใจ และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาในสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความ ‘หน้าหนาหน้าทน’ ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ …เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตายหากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี!! ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

Options

not work with dark mode
Reset