ตอนที่ 808 : เนตรศักดิ์สิทธิ์

ตอนที่ 808 : เนตรศักดิ์สิทธิ์
 
ฉินหยุนก้าวเดินเข้าไปด้านข้างสระเชียน หลันซูเหยาลืมตาขึ้น ดวงตาของนางได้รับสีครามกลับคืนอีกครั้ง ฉินหยุนค่อยรู้สึกโล่งใจไม่น้อย เนตรศักดิ์สิทธิ์ของหลันซูเหยากลับคืนมาแล้ว
 
“ฉินหยุน ขอบคุณเจ้าแล้ว” หลันซูเหยากล่าว
 
“ยินดีแล้ว ท่านช่วยเหลือพี่สาวซาลาเปานึ่งกับพี่สุ่ยเอาไว้ ข้าเองก็ต้องขอบคุณ” ฉินหยุนนั่งลงที่ข้างสระเซียนพร้อมหัวเราะกล่าว “อาการคงดีขึ้นมากแล้วกระมัง?”
 
“แล้วชิงเฉิงกับเทียนสื่อเล่า? พวกนางเป็นอย่างไรบ้างแล้ว?” หลันซูเหยากล่าวถาม
 
“พวกนางถูกผนึกเอาไว้แล้ว เช่นนี้จะได้ไม่ต้องแบกรับอาการเจ็บปวดจากคําสาป วางใจพวกนางเป็นสหายที่ดีต่อข้าเสมอมา ข้าย่อมต้องหาทางช่วยทําลายคําสาปนั้นให้จงได้ และข้าก็ตระเตรียมไปยังตระกูลหลงแห่งแคว้นมังกรทะยานฟ้าด้วย” ฉินหยุนกล่าว
 
“ให้ข้าร่วมทางไปด้วย” หลันซูเหยาหลับตาลง นางกล่าวเสียงเบา “ข้าจะรักษาให้หายโดยเร็วถึงตอนนั้น ข้าจะร่วมทางไปแคว้นมังกรทะยานฟ้ากับเจ้า”
 
ปิงชิงพยักหน้ารับให้แก่ฉินหยุน นางทราบดีว่าหลันซูเหยาแข็งแกร่งเพียงใด ร่วมทางไปกับนางฉินหยุนมีแต่จะปลอดภัยมากขึ้น
 
ฉินหยุนเดิมคิดมาดูอาการบาดเจ็บของหลันซูเหยา กระนั้นตอนนี้ได้เห็นนางหายดีเกือบหมดสิ้นแล้ว เขาจึงคิดไปยังคฤหาสน์รัศมีมังกรพร้อมหลันซูเหยา ถึงตอนนั้น แม้ต้องเจอครึ่งเซียนที่ แข็งแกร่ง ด้วยกําลังของหลันซูเหยา คิดรับมืออีกฝ่ายย่อมไม่ใช่เรื่องยาก
 
“พี่สาวปิงชิง โดยคร่าวแล้วกว่านางจะรักษาหายดีต้องใช้เวลาเพียงใด?” ฉินหยุนกล่าวถาม
 
“สภาพการฟื้นฟูตอนนี้เป็นไปได้ด้วยดี เพียงแต่นางอ่อนแรงอยู่ ที่จําเป็นตอนนี้คือฟื้นฟูพลังงาน” ชิงชิงมองทางหลันซูเหยาและกล่าว “อีกไม่นานนางก็สมควรหายดีแล้วพลังอํานาจการนตัวของนางแข็งแกร่งไม่ใช่น้อย”
 
หลันซูเหยากล่าว “ตราบเท่าที่ข้ามีเนตรศักดิ์สิทธิ์ แม้บาดเจ็บปางตาย ข้าก็สามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว”
 
ฉินหยุนพยักหน้ารับ เขากล่าวคําเบา “ข้าตอนนี้เผชิญปัญหา มีหนี้แค้นต้องสะสางกับ คนกลุ่มหนึ่งยิ่งเร็วยิ่งดี ราชินีซูเหยา ท่านไปกับข้าได้หรือไม่?”
 
หลันซูเหยาลืมตาสีครามงดงามคู่นั้นมองฉินหยุน “พวกมันแข็งแกร่งเพียงใด?”
 
“แข็งแกร่งที่สุดก็แค่ครึ่งเซียน!” ฉินหยุนกล่าวตอบ
 
ฟื้บ!
 
หลันซูเหยาพลันลุกพรวดจากสระเซียน นางตอนนี้สภาพคือเปลือยเปล่า! ฉินหยุนราวกับโดนแสงเจิดจ้าสาดส่อง ร่างอันงดงามสมบูรณ์แบบของนางทําให้เขาต้องลอบอุทานชื่นชมหลันซูเหยาหาได้เขินอายอันใดไม่ ทั้งยังหันหน้าเผชิญฉินหยุน นางนําเอาชุดสีน้ําเงินออกมาก่อนสวมใส่เชื่องช้า
 
ปิงชิงจับจ้องที่ฉินหยุนพร้อมกล่าวเสียงเบา “หันไปได้แล้ว!”
 
ฉินหยุนยิ้มซุกซนกล่าวคํา “ราชินีซูเหยายังไม่ใส่ใจเลย ท่านเหตุใดต้องใส่ใจ?”
 
ใบหน้าของหลันซูเหยาเผยความเย็นเยือก ราวกับมันไร้ซึ่งความรู้สึกใด แม้นาง เปลือยเปล่าต่อหน้าบุรุษนางก็หาได้ใส่ใจอันใดไม่
 
ฉินหยุนและปิงชิงพบว่าแปลก หลันซูเหยาชัดเจนว่าเป็นสตรีเย็นเยือกและงดงาม กระนั้นนางกลับงดงามอย่างอาจหาญไม่สนใจสายตาผู้ใด
 
ตามปกติ ฉินหยุนคงหันไปมองทางอื่นและไม่มีวันหันกลับมองมาเป็นแน่ หลิงหยุนเอ๋อเวลานี้เปรียบดังมารร้ายกระซิบกระซาบต่อเขาให้ลงมือต่อหลันซูเหยา…
 
“ พวกเราออกเดินทางกันได้แล้ว” หลันซูเหยากล่าว นางเวลานี้สวมใส่ชุดเรียบร้อย ทั้งยังมัดผมรวบขึ้น
 
“รอประเดี๋ยว…” ฉินหยุนเร่งรีบนําหลงเฉียวเฟิงที่ได้รับบาดเจ็บออกมาจากวิญญาณเทวะเก้าตะวัน
 
ปิงชิงย่อมจดจําหลงเฉียวเฟิงได้ เดิมนางคิดอยากกล่าวอันใด ทว่าพอได้เห็นสภาพการณ์ของหลงเฉียวเฟิงไม่สู้ดี นางจึงเร่งรีบตรวจสอบโดยละเอียด
 
หลงเฉียวเฟิงได้พบเห็นบิงชิง นางตระหนักได้ว่าผู้นี้คือผู้อาวุโสสูงสุดซึ่งอาศัยอยู่ในตําหนักพระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์ ฉินหยุนเวลานี้เกิดความกระดากใจ ทุกครั้งที่สตรีที่เขารู้จักบาดเจ็บเขามักจะนําพวกนางมาให้ปิงชิงช่วยรักษา
 
“ข้าช่วยให้อาการนางดีขึ้นได้ แต่เรื่องวิญญาณยุทธ์ข้าคงไม่อาจช่วย” ชิงชิงกล่าว
 
“ข้าจะไปนําวิญญาณยุทธ์ของนางกลับมาเอง” ฉินหยุนตอบกลับ
 
หลงเฉียวเฟิงได้เห็นฉินหยุนและปิงชิงมีสัมพันธ์อันดีต่อกัน นางจึงไม่กล้ากล่าวคําใด นางเพียงแต่ซาบซึ้งต่อฉินหยุนและบิงชิง
 
ปิงชิงเริ่มกระบวนการรักษา โดยนําหลงเฉียวเฟิงไปยังเบื้องล่างสระเชียนที่ซึ่งเป็นต้นกําเนิดเซียนก่อนจะนํานางนอนลงที่บรรทมเซียนตะวันจันทรา
 
จิตวิญญาณของหลงเฉียวเฟิงเสียหายหนัก เพราะวิญญาณยุทธ์ของนางถูกฝิ่นนําออกมาหากนางได้พักฟื้นในเขตแดนกาลอวกาศตะวันจันทรา จิตวิญญาณของนางจะฟื้นฟูได้อย่างรวดเร็ว
 
ฉินหยุนเห็นบิงชิงออกจากสระเซียน เขาจึงหัวเราะอย่างกระดากใจกล่าวคํา “พี่สาวบิงชิงรบกวนท่านอีกแล้ว ข้ามักจะนําผู้คนมาเป็นภาระให้ท่านรักษาอยู่เรื่อย”
 
ปิงชิงย่อมบ่นออดแอดตามประสา อย่างไรแล้ว นางก็คือผู้ที่กล่าวเองว่าให้ฉินหยุนนําสตรีทุกผู้ที่รู้จักมาพบกับนาง เพราะนางต้องการทราบ ว่าอีกฝ่ายมีชาติภพก่อนหรือไม่ เพราะบรรดาผู้ซึ่งเกลียดชังฉินหยุนในชาติภพก่อนมีมากมายนัก
 
“เจ้าควรเร่งรีบไปจัดการเรื่องของตนเองได้แล้วกระมัง?” บิงชิงกล่าว
 
“อา” ทั้งฉินหยุนและหลันซูเหยาพยักหน้ารับก่อนเดินจากไป
 
ขณะฉินหยุนและหลันซูเหยาออกจากตําหนักพระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์ ทั้งสองได้พบกับแม่เฒ่าหม่า
 
แม่เฒ่าหม่ากล่าวคําเบา “ฉินหยุน ที่นอกประตูหลักมีกลุ่มคนตระกูลหลงดักรออยู่”
 
ฉินหยุนกล่าวคิ้วขมวด “เหตุใดพวกมันมาถึงเร็วนัก?”
 
“เจ้าหนู เป็นเจ้าสังหารราชันยุทธ์ตระกูลหลงไปหลายคนในอาณาเขตพวกมัน อย่างนั้นแล้วจะไม่เร่งรีบมาได้อย่างไร?” แม่เฒ่าหม่ายิ้มกล่าว “จริงด้วย แล้วเฉียวเฟิงเล่า?”
 
“วิญญาณยุทธ์ของนางถูกตระกูลหลงนําไป!” ฉินหยุนพอกล่าวถึงเรื่องนี้พลันเดือดแค้นขึ้นมา
 
“ตระกูลหลง… รอจนกว่าพวกเราจะจัดการพวกนอกประตูนั่นเรียบร้อยก่อน จากนั้นพวกเราจะบุกโจมตีคฤหาสน์รัศมีมังกร!” แม่เฒ่าหม่าที่ได้ยินพลันนึกโกรธแค้น
 
“ไม่จําเป็นแล้ว ข้ากับสหายผู้นี้จะไปจัดการเอง” ฉินหยุนมองทางหลันซูเหยาที่ข้างกาย
 
“ผู้นี้คือ…” แม่เฒ่าหม่าไม่ทราบว่าเมื่อใดมีสตรีเช่นนี้พํานักอยู่ในตําหนักพระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์
 
“ข้านามหลันซูเหยา เป็นสหายของฉินหยุน” หลันซูเหยากล่าว
 
“โอ้” แม่เฒ่าหม่าพยักหน้ารับ “ พวกเราสมควรเร่งรีบไปยังประตูหลัก จ้าวสํา นักและผู้อื่นกําลังขวางพวกมันเหล่านั้นไว้”
 
เช่นนี้ ฉินหยุน หลันซูเหยา รวมถึงแม่เฒ่าหม่าต่างเร่งรีบมุ่งหน้าไป
 
ประตูหลักของนครเซียนยุทธภัณฑ์เปิดกว้าง กระนั้นผู้คนตระกูลหลงกลับไม่เข้ามา หากเป็นก่อนหน้าพวกเขาคงบุกไปจนถึงทางเข้าพระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์ก่อความวุ่นวายแล้ว
 
ทว่าตอนนี้พวกเขาไม่กล้าแม้เข้าเมือง เพราะพวกเขาเป็นกังวลว่าจะกระตุ้นโทสะเซียนที่อยู่ภายใน.
 
ผู้คนตระกูลหลงไม่กล้าเข้าไป กระนั้นก็ไม่คิดจากไปไหน เป็นฉินหยุนลงมือสังหารราชันยุทธ์ของพวกเขาในอาณาเขตหลัก เช่นนี้ถือเป็นการหยามเหยียดรุนแรง หากตระกูลหลงไม่ตอบโต้พวกเขาคงกลายเป็นที่ขบขันอย่างแน่นอนแล้ว ดังนั้น ผู้คนตระกูลหลงจึงเพียงมาชุมนุมกันที่ตรงนี้
 
ที่บนกําแพงเมืองหน้าประตูเมือง มีทั้งจักรพรรดิยุทธ์และครึ่งเซียนยืนหยัดคงอยู่ พวกเขาต่างเผยสีหน้ามาดมั่น เนื่องด้วยมีกําลังเสริมอันยิ่งใหญ่ อย่างไรแล้วที่นี่ก็คืออาณาเขตของพวกเขาและพระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์ก็หาได้มีกําลังแท้จริงอ่อนด้อยไม่
 
ตระกูลหลงนําครึ่งเซียนมาเพียงสอง รวมจักรพรรดิยุทธ์อีกสิบคน เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่คิดมาเปิดศึกสงคราม แต่มาที่นี่เพื่อโต้เถียงทางวาจา เพื่อเป็นการกระตุ้นฉินหยุนและพระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์ให้เกิดโทสะ
 
เปาเฉิงโฉ่วยืนต่อหน้าฝูงชนตระกูลหลง เขากล่าว “พวกเจ้าคิดมาที่นี่เพื่อประกาศสงครามกับพวกเราหรือ?”
 
ครึ่งเซียนตระกูลหลงพลันแค่นเสียง “ประกาศสงคราม? นครเซียนยุทธภัณฑ์ของพวกเจ้าหาได้คู่ควรให้ตระกูลหลงของพวกเราประกาศสงครามด้วยไม่ เจ้ามาที่นี่ก็ดี จงส่งมอบตัวฉินหยุนมาเสียมันก่อกรรมชั่วในอาณาเขตพวกเรา เจ้าสมควรทราบเรื่องนี้อยู่แล้วกระมัง?”
 
ฝูงชนที่รับชมต่างนับถือความหาญกล้าของตระกูลหลง เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่กล้าเข้าประตูเมืองกระนั้นกลับเผยวาจาเหยียดหยามอีกฝ่ายกล่าวว่าตนเองแข็งแกร่งเป็นล้นพ้น
 
“หลงเฉียวเฟิงคือศิษย์ของพระราชวังเขียนยุทธภัณฑ์ของเรา ไม่มีผู้ใดมีสิทธิ์แตะต้องนางทั้งสิ้น!แม้พวกเจ้าตระกูลหลงจับตัวนางไป พวกเราก็ต้องช่วยนางกลับคืนสู่ที่นี่!” เปาเฉิงโฉ่วกล่าว
 
“นี่เจ้า… หลงเฉียวเฟิงผู้นั้นร่วมมือก่อการกับฉินหยุน ทําให้พวกเราต้องเสียมังกรพิทักษ์สํานักเป็นเรื่องปกติที่พวกเราต้องจับตัวหลงเฉียวเพิ่งไปลงโทษ!” ครึ่งเซียนตระกูลหลงร้องตะโกน
 
“เหอะ… มังกรพิทักษ์สํานักของพวกเจ้าอ่อนแอถึงเพียงนั้น! ครั้งพวกเจ้าพบว่ามังกรสูญหายฉินหยุนยังไม่ก้าวถึงขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ําด้วยซ้ํา! หากมังกรพวกเจ้าถูกฉินหยุนนําไปจริงเช่นนั้นยังจะเก็บตัวสวะเช่นนั้นไว้ทําอะไร?” เปาเฉิงโจ่วกล่าวประกาศด้วยเสียงอันดังก้อง
 
ผู้คนของนครเซียนยุทธภัณฑ์ต่างหัวเราะดัง กระทั่งว่าพวกเขาสงสัยต่อฉินหยุน กระนั้นหากคิดตามให้ดี จะพบว่าฉินหยุนไม่มีทางก่อการได้สําเร็จ
 
“มังกรพิทักษ์สํานักแห่งตระกูลหลงซึ่งประจําการที่คฤหาสน์รัศมีมังกร ตามที่ท ราบกล่าวกันว่าแข็งแกร่งระดับครึ่งเซียน! และฉินหยุนยังไม่แม้ก้าวถึงขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ําเขาจะไปจับตัวมังกรพวกเจ้าที่คฤหาสน์รัศมีมังกรได้อย่างไรกัน?” คู่บินอวี่หัวเราะดังอย่างหยามเหยียด
 
“บางที่อาจเป็นตระกูลหลงเลี้ยงอาหารไม่อิ่ม มังกรนั่นเลยเผ่นหนีไปด้วยตัวเองกระมัง? ถึงตอนนั้นไม่ทราบทําอย่างไรดี จึงโยนความผิดให้ฉินหยุน? ตระกูลหลงพวกเจ้าถึงกับเลี้ยงมังกรตนเองได้แย่เพียงนี้เลยงั้นหรือ?” คํากล่าวของเจี้ยนรั่วหยาน เป็นผลให้ฝูงชนต่างหัวเราะดังยิ่งขึ้น
 
ผู้คนตระกูลหลงมีโทสะเป็นล้นพ้น ครึ่งเซียนผู้นั้นตะโกนเสียงดังกึกก้อง “ พวกเจ้าล้วนหุบปาก!นําตัวฉินหยุนและหลงเฉียวเฟิงออกมารับโทษทัณฑ์เดี๋ยวนี้!”
 
ขณะกล่าวคําจบ ผู้คนจึงได้เห็นฉินหยุนในชุดขาวพร้อมสตรีชุดสีครามสีหน้าเย็นเยือกร่อนลงมาที่ข้างกายเปาเฉิงโฉ่ว อู่ในอวี่ เจี้ยนหลิงหลง และผู้อื่นยามได้เห็นดวงตาสีครามของหลันซูเหยาที่มาพร้อมฉินหยุน เวลานี้ต่างตื่นตะลึง
 
“ฉินหยุน ข้าขอถาม…” ครึ่งเซียนตระกูลหลงถูกฉินหยุนขัดคํากล่าวก่อนจะทันได้พูดจบ
 
ฉินหยุนเผยน้ําเสียงเย็นเยือก “ข้าขอถาม วิญญาณยุทธ์มังกรและหงส์อมตะของหลง เฉียวเฟิงเป็นพวกเจ้านําไปใช่หรือไม่? จงรีบตอบข้า!”
 
ครึ่งเซียนตระกูลหลงกล่าวออกอย่างโกรธแค้น “ใช่แล้วทําไม?”
 
ฉินหยุนส่งสัญญาณบอกต่อหลันซูเหยาทางสายตา เปาเฉิงโจ่วพลันสัมผัสได้ถึงร่างหลันซูเหยาที่ทะลักล้นด้วยจิตสังหาร ดวงตาของนางระเบิดเอาแสงสีครามส่องสว่างปกคลุมผู้คนตระกูลหลง
 
กลุ่มคนตระกูลหลงไม่คาดคิด ทันทีที่ฉินหยุนปรากฏตัว อีกฝ่ายจะถึงขั้นลงมือโจมตีเช่นนี้
 
หลันซูเหยาเกลียดชังตระกูลหลงเป็นล้นพ้น เพราะสื่อชิงเฉิงและสุ่ยเทียนสื่อ ต่างถูกคําสาปของตระกูลหลงทําร้ายอย่างสาหัส เนตรศักดิ์สิทธิ์ของหลันซูเหยาเผยแสงสีครามสุกสว่างเป็นผลให้ผู้คนเชื่องช้าลง หรือไม่ก็กลายร่างเป็นก้อนหินสีน้ําเงิน เวลานี้ นางเพียงลงมือระดับที่ทําให้อีกฝ่ายเชื่องช้าลง
 
ฉินหยุนใช้โอกาสที่เกิดขึ้น นําเอากระบี่ศักดิ์สิทธิ์วิญญาณปรโลกออกมา พร้อมพุ่งทะยานเข้าหาครึ่งเซียนตระกูลหลง สับฟันร่างอีกฝ่ายออกเป็นสอง ก่อนจะนําเอาวิญญาณยุทธ์และผลึกแก้วชีวิตอีกฝ่ายออกจากร่าง
 
ฉัวะ วะ ฉัวะ!
 
ฉินหยุนใช้งานวิชากระบีพื้นฐาน พุ่งตรงเข้าหากลุ่มคนตระกูลหลง กระบี่สับฟันออกรวดเร็วและไหลลื่น ทําการปลิดปลงชีวิตของทุกผู้คน ไม่เว้นว่าเป็นครึ่งเซียนหรือจักรพรรดิยุทธ์พวกเขาต่างถูกนําแก่นเต๋และวิญญาณยุทธ์ออกมาจนหมดสิ้น
 
เรื่องราวเกิดขึ้นรวดเร็ว ฉินหยุนมาถึง เพียงไม่กี่ถ้อยคํา เขาก็ลงมือสังหารแล้ว! นอกจากนี้ผู้คนทั้งหมดของตระกูลหลงในที่นี้ยังตายในเวลาเพียงอึดใจ!
 
ฝูงชนที่ยืนชมเรื่องราวบนกําแพงเมืองต่างกายแข็งที่อ พวกเขาพบว่าเรื่องราวยากเกินเชื่ออีกฝ่ายถึงขั้นสังหารจักรพรรดิยุทธ์และครึ่งเซียนได้ง่ายดายราวถอนหญ้าในสวน!
 
สําหรับตระกูลหลง ฉินหยุนไม่เคยผ่อนปรนหรือเมตตาปรานี ยิ่งไปกว่านั้น กระบี่ศักดิ์สิทธิ์วิญญาณปรโลกของเขายังต้องการดูดกลืนจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งเพื่อฟื้นฟู
 
เปาเฉิงโจ่วรับชมด้วยสีหน้าว่างเปล่า ขณะเขาคิดอยากกล่าวคําใด ก็พบว่าฉินหยุนและหลันซูเหยาบินหายไปที่ใดไม่ทราบแล้ว
 

Related

Nine Sun God King

Nine Sun God King

Qin Yun, fallen crown prince of Qin Empire. Inherits the martial legacy of nine sun world. The superb martial legacy in his arsenal, insane inscription techniques in his fingertips, surrounded by enemies and beauties abound. But Qin Yun is not satisfied, he wants to go beyond the nine suns into the great astral infinity, to become a GOD.

Options

not work with dark mode
Reset