Advent of the Archmage Chapter 463: ความโกรธของผู้อาวุโส
ที่หอคอยเวทมนตร์
เอร์เรร่ากวักมือแล้วพูดขึ้น “ไปกันเถอะ นานๆที่เจ้าจะกลับมาข้าไม่ควรทําให้เจ้าต้องกังวลด้วยเรื่องพวกนี้เลย เดี๋ยวพวกทหารก็ จัดการเองแหล่ะแถมเมื่ออาทิตย์ที่ก่อนผู้อาวุโสก็เดินทางไปที่นั่นแล้วด้วยพวกเขาน่าจะควบคุมสถานการณ์ได้นะ”
นี่ดูเหมือนจะเป็นเรื่องเร่งด่วน แต่ว่าพวกคนที่เป็นบ้าไปนั้นต่างก็เป็นประชาชนธรรมดา ถึงยังไง ทักษะการต่อสู้ของพวกเขาก็มีจํากัดพวกนักเวทย์กับทหารน่าจะสามารถรับมือได้
ลิงค์ส่ายหัว “อาจารย์ คุณดูเป็นกังวลนะ นี่จะต้องไม่ใช่โรคธรรมดาแน่…ที่สถาบันไม่ได้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นใช่ไหม?”
เอร์เรร่าถอนหายใจ “ก็มีบ้างหน่ะ มีคนนึงอยู่ในกรงเวทมนตร์ของข้าด้วย”
“พาผมไปหาเขาหน่อยสิ” ลิงค์พูด ไม่เพียงแค่เวทย์ศักดิ์สิทธิ์ของเทพแห่งแสงจะรักษาพวกเขาไม่ได้ แต่พวกเขายังแสดงให้เห็นว่าเป็นโรคติดต่อด้วยเรื่องนี้มันแปลกมากและทําให้เขารู้สึกไม่สบายใจ
ในเมื่อลิงค์อยากไปหา เอร์เรร่าก็ไม่ปฏิเสธเธอยืนขึ้นแล้วพูด“ตามข้ามาสิ”
ทั้งสามคนเดินออกไปจากห้อง ไรไลเองก็รู้สึกสงสัยและอยากตามไปดูด้วย แต่ว่าลิงค์ก็ไล่เธอกลับ “นี่เป็นเรื่องของผู้ใหญ่เธอกลับไปอ่านหนังสือเถอะ”
ไรไลเบ้ปากและเดินออกไปอย่างเศร้าๆ จากนั้นลิงค์กับเอร์เรร่าก็เข้าไปในชั้นใต้ดินของหอคอยเวทมนตร์
ชั้นใต้ดินนั้นมีทั้งหมด 3 ชั้น ชั้นแรกมีไว้สําหรับเก็บอาหารชั้นต่อไปคือบ่อพลังงานด้านลบของหอคอยเวทมนตร์ และชั้นสุดท้ายก็มีไว้สําหรับกรงเวทมนตร์
ส่วนใหญ่พวกที่ถูกขังอยู่นั้นจะเป็นสัตว์ประหลาดทั่วๆไป อย่างเช่น มนุษย์หมาปาระดับต่ํา แวมไพร์หนุ่ม วิญญาณกลืนกินศพพวกมันไม่ได้แข็งแกร่งมากและถูกใช้ในการให้ความรู้แก่นักวิชาการ
นักโทษที่เป็นบ้าเองก็ถูกขังอยู่ที่นี่เช่นกัน
มีกรงที่ถูกแยกขังเดี่ยวอยู่มากมายในคุกนี้ กรงทั้งหมดมีรูปร่างเหมือนกับรังผึ้ง และทางเข้าจะถูกล็อคเอาไว้ด้วยประตูเวทม นตร์โปร่งแสงในตอนที่ประตูเปิดออก สัตว์ประหลาดทุกตัวจะเริมส่งเสียงคํารามและร้องไห้ในตอนที่พวกมันเห็นเอร์เรร่า พวกมันก็จะยิ่งตะโกนดังกว่าเดิม แถมบางตัวที่ดูเหมือนมนุษย์จะขู่เธออี กด้วย
“ปล่อยข้าไปนะ ไอ้นักเวทย์ ไม่อย่างนั้น ซักวันนึ่งข้าจะฉีกเจ้าเป็นชิ้นๆ!” มนุษย์หมาป่าที่มีกรงเล็บแหลมคมพูด
“นังแม่มดปีศาจ ไปตายซะ! ตาย! ตาย!” เสียงนี้ดังมาจากแมงมุมแม่หม้ายที่มีใบหน้าเป็นมนุษย์ มันเดินไปมาบนใยของมันและพูดด้วยเสียงแหลมแสบแก้วหู
“โอ้ อิ่ม อร่อยมาก ช่างอร่อยจริงๆ!” นั่นคือเสียงของวิญญาณกลืนกินศพดวงเล็กๆ
จากนั้นลิงค์ก็เข้ามาในห้องโถง
ห้องขังที่ตั้งอยู่เมื่อซักครู่เงียบลงในทันที สัตว์ประหลาดบางตัวรู้สึกกลัวจนเข้าไปหลบที่มุมห้องขัง แมงมุมแม่หม้ายหน้ามนุษย์นั้นตั๋วสั่นและตกลงมาจากใยของมัน
เอร์เรร่าหัวเราะ “เจ้าพวกนี้จะกลัวเฉพาะพวกที่น่ากลัวจริงๆสินะ”
สัตว์ประหลาดนั้นมีความรู้สึกไวและรู้ว่าเอร์เรร่าสามารถจัดการได้ง่ายดังนั้นพวกมันจึงชอบขมขู่เธอ ยังไงก็ตาม ลิงค์เคยฆ่าคนมาแล้วนับไม่ถ้วนที่สนามรบทางเหนือและมีออร่าแห่งความตายอยู่รอบตัวเขาคนอื่นอาจจะไม่สามารถสัมผัสถึงมันได้แต่ว่าสัตว์ประหลาดพวกนี้สัมผัสมันได้ในทันทีในตอนที่เผชิญหน้ากับเขา พว กมันทุกตัวจึงพากันหวาดกลัว
พวกเขาเดินเข้าไปในอุโมงค์ และเอร์เรร่าก็หยุดลงที่มุมห้องทางขวาที่อยู่ด้านใน “กรงนี้แหละ”
ด้วยเสียงเบาๆ เธอก็ร่ายเวทย์แสงใส่เพดานและทําให้มันสว่างพอข้ามผ่านประตูเวทมนตร์โปร่งแสงไป ลิงค์ก็เห็นคนๆนึงนั่งอยู่ที่มุมห้องเขาเป็นคนหุ่นล่ําและมีอายุประมาณ 35 ปี เขาสวมชุดพ่อค้าทั่วไปแต่ว่ามันถูกฉีกเละเทะแล้วห้อยเป็นริ้วๆอยู่รอบตัวเขา
ด้วยความที่ถูกกระตุ้นจากแสงสว่าง ชายคนนั้นจึงเงยหน้าขี้นมองแสงบนเพดานอย่างเฉยชา ซึ่งนั่นทําให้ลิงค์มองเห็นดวง
ตาของเขา
มันมีสีดําสนิทโดยที่ไม่มีลูกตาหรือตาขาว ดวงตาของเขาเหมือนกับช่องดําๆ 2 ช่อง จากนั้นลิงค์ก็มองไปที่มือ เท้าและฟันของเขาไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลย พวกมันเหมือนกับคนปกติทั้งหมด
“ที่เปลี่ยนไปมีแค่ดวงตา” เอร์เรร่ากระซิบ “ความผิดปกติของแต่ละคนนั้นขึ้นอยู่กับพฤติกรรมและนิสัย ดูวิธีที่เขานั่งตอนนี้สิดูเหมือนกับเขาเป็นคนธรรมดาเลยใช่มั้ยล่ะ?”
แน่นอนว่า เขานั่งพร้อมกับเอามือยันไว้ที่พื้นมันดูเหมือนกับว่าเขาพร้อมที่จะกระโจนอยู่ตลอดเวลา
“เปิดประตูเวทมนตร์ ขอผมดูทักษะการต่อสู้ของเขาหน่อย”ลิงค์พูด
เอร์เรร่าพยักหน้า ก่อนที่จะเปิดประตู เธอก็เตือนเขา “อย่าคิดว่าเขาจะสงบอยู่ตลอดหล่ะ ในตอนที่เขาตื่นตัว เขาจะรวดเร็วมากๆ”
” ผมเข้าใจแล้ว”
พรบ ในตอนที่ประตูเปิด หัวของชายคนนั้นก็สบัดมาเสียงของเขาดังมาจากลําคอและเขาก็กระโจนเข้าใส่ลิงค์ เขานั้นค่อนข้าง รวดเร็วเทียบเท่ากับนักรบเลเวล 1 แต่ว่าในสายตาของลิงค์การเคลื่อนไหวของเขาดูเชื่องช้ามาก
โดยที่ไม่ได้ใช้คทา เขาก็ยื่นมือไปข้างหน้า แล้วพลังมังกรก็ไหลออกมาและลูกบอลมิติก็ปรากฏขึ้น ชายคนนั้นถูกหยุดเอาไว้กลางอากาศ
ลิงค์เดินเข้าไปตรวจสอบดูใกล้ๆ ใบหน้าของเขาดุร้าย เขาแยกเขี้ยวและกล้ามเนื้อก็ตึงเปรี้ยะ ผิวหนังของเขาซีดและเหี่ยวย่น เขามีแผลเน่าเปื่อยอยู่หลายจุด จุดที่เลวร้ายที่สุดคือขาซ้าย ซึ่งผิวหนังและกล้ามเนื้อบริเวณนั้นได้ถูกย่อยสลายไปจนเห็นกระดูกแล้วแต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นเขาก็ดูไม่รู้สึกเจ็บปวดเลย เขาดูปาเถื่อนและดุร้าย
ดูเหมือนว่าเขาจะกลายเป็นสัตว์ป่าไปแล้ว
ลิงค์เดินวนรอบตัวเขาและพบเจอบางอย่างที่ไม่สมเหตุสมผล
“ไม่มีหนอนอยู่ในแผลเน่าๆพวกนี้เลย นี่อาจารย์รักษาเขาหรอ?” ลิงค์ถาม แผลเน่านั้นลึกมากและรอบตัวเขาก็สกปรกมันควรจะมีหนอนอยู่ยั้วเยี้ย แต่ว่าชายคนนี้กลับไม่มีเลย
เอร์เรร่าสายหัว “เปล่านะ บางทีเลือดของเขาอาจจะเป็นพิษก็ได้”
“ผมสัมผัสถึงออร่าแปลกๆในตัวเขาไม่ได้เลยนะ แถมมันยังดูเหมือนกับโรคติดต่อทั่วๆไปด้วย ปกติโรคนี้จะอยู่ได้นานแค่ไหนหรอ
ครับ?”
“ข้าก็ไม่รู้ระยะเวลาที่แน่นอนหรอก แต่ว่าชายคนนี้มาจากกลุ่มแรกและมันก็ผ่านมา 3 อาทิตย์แล้ว เขากินทุกอย่างและจนถึงตอนนี้มันก็ไม่มีอาการอะไรเลยนอกจากแผลเน่าๆนั่น”
ลิงค์ไม่ได้คุ้นเคยกับเชื้อโรคนักและไม่สามารถหาความผิดปกติจากการใช้ตาสังเกตได้ หลังจากผ่านไปหลายนาทีเขาก็ส่ายหัว “นอกจากอาการเสียสติ ผมก็มองอะไรไม่ออกเลย มันดูเหมือนกับพิษสุนัขบ้า แต่ว่าอาการมันอยู่นานกว่า”
โรคนี้ไม่สามารถรักษาได้ด้วยเวทย์ศักดิ์สิทธิ์และแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว นอกจากนั้นก็ไม่มีอะไรเป็นพิเศษเลย แถมมันดูไม่ค่อ ยมีภัยคุกคามด้วยตอนนี้ทหารกับนักเวทย์ได้ร่วมมือจัดการมันแล้วพวกเขาน่าจะควบคุมได้
ก่อนหน้านี้ลิงค์รู้สึกไม่สบายใจ แต่หลังจากที่เห็นผู้ป่วยเขาก็รู้สึกมั่นใจมากขึ้น เขาออกมาจากกรงและเอร์เรร่าก็ปิดประตูอีกครั้ง
“ปกติแล้วอาจารย์จัดการผู้ป่วยพวกนี้ยังไงหรอ?”
“พวกเรายังไม่พบยารักษา วิธีเดียวที่พวกเราสามารถทําได้ก็คือ ฆ่าพวกเขาและเผาศพ” เอร์เรร่าพูด
ลิงค์พิจารณาจากนั้นก็ถามขึ้น “ถ้าคนธรรมดาอยู่ใกล้กับพวกเขามันมีความเป็นไปได้ที่จะติดโรคหรือเปล่า?”
“มี แต่ก็ไม่ได้ง่ายขนาดนั้นหรอก มันสามารถติดได้ถ้าคนๆนั้นอ่อนแอถ้าเป็นคนที่แข็งแกร่งอย่างเจ้า ก็จะมีโอกาสติดน้อย ณ ตอนนี้ไม่มีใครที่มีเลเวลมากกว่า 4 ติดเชื้อเลยเว้นเสียแต่ว่าพวกเขาจะโดนกัด”
คําอธิบายของเอร์เรร่านั้นละเอียดมาก เห็นได้ชัดว่าเธอกําลังศึกษาโรคนี้อยู่จริงๆ
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ความกังวลของลิงค์ก็หายไปเกือบหมด เขาถอนหายใจ “คงเป็นอย่างที่อาจารย์ว่า ทหารกับนักเวทย์น่าจะควบคุมการแพร่กระจายของโรคได้ ผมหวังว่าพวกเขาจะรีบจัดการให้เสร็จไวๆนะจํานวนคนตายจะได้ลดลง”
“ข้าก็หวังว่าอย่างนั้นนะ และข้าก็หวังให้นักปรุงยาสามารถหายารักษาให้ได้โดยเร็วด้วย” เอร์เรร่าเดินออกมาและพูด “เอาหล่ะพวกเรากลับมาคุยเรื่องของเจ้าเถอะ”
ลิงค์พยักหน้าและยื่นหนังสือเสริมพลังทั้ง 2 เล่มให้ “ผมวางแผนที่จะเปิดโรงงานเสริมพลังในเฟิร์ด สําหรับเรื่องนี้ ผมต้องการจะเกนฑ์นักเวทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในการเสริมพลังจะเป็นนักเวทย์ฝึกหัดก็ได้นะ ผมสามารถฝึกพวกเขาได้ ผมเขียนห นังสือทั้ง 2 เล่มขึ้นมาก็เพื่อสิ่งนี้”
เอร์เรร่าหยุดดูหนังสือ เธอรู้สึกตกตะลึงและพูดขึ้นมา “กลับไปที่ชั้นบนสุดกันเถอะ ข้าต้องการจะอ่านมันให้ละเอียด
“ได้ครับ”
ทั้งสองคนไปที่ห้องโถงชั้นบนสุด และเอร์เรร่าก็เริ่มอ่านอย่างจริงจัง เธออ่านเร็วมาก และหนังสือก็เข้าใจง่าย ไม่ค่อยลงลึกซักเท่าไหร่เธออ่านมันจบอย่างรวดเร็ว และในท้ายที่สุด เธอก็เงยหน้าขึ้นมาเหมือนกับจะบอกว่าอยากอ่านมากกว่านี้อีก “มีแค่นี้เองหรอ?”
หนังสือพวกนี้เริ่มอย่างซับซ้อนและจบลงอย่างง่ายดาย มันน่าสนใจมากและไม่มีส่วนที่น่าเบื่อเลย วิธีการที่ใช้เสริมพลังเองก็ดูแปลกใหม่มากแม้แต่เธอก็ยังได้รับแรงบัลดาลใจจากมันและอยากเอาไปทดลองเลย
หนังสือนั้นมีแค่ 2 เล่ม เอร์เรร่านั้นรู้สึกเหมือนกับว่าเธอได้กินอาหารอันแสนอร่อยไปแค่ 2 คําแล้วมันก็หมด มันไม่ได้ทําให้เธอพอใจ
เลย!
“ใช่ ตอนนี้ผมเขียนไปแค่ 2 เล่ม” ลิงค์ยักไหล่
“ไอ้เรื่องมองหานักเวทย์ไม่ใช่ปัญหาหรอก” เอร์เรร่าพูด “ข้าจะเอาข่าวนี้ไปบอกต่อให้ คงจะมีนักเวทย์หลายคนอยากไปหาเจ้าแน่ๆแต่ว่านะหนังสือสองเล่มนี้มันยังไม่พอที่จะเป็นของขวัญขอบคุณหรอกมันดีมากสําหรับหนังสือพื้นฐาน แต่ว่ามันธรรมดาเกินไปไม่มีส่วนไหนเลยที่มีเนื้อหาดีจริงๆ”
พอพูดจบ เอร์เรร่าก็มองไปที่ลิงค์ด้วยรอยยิ้ม เห็นได้ชัดว่าเธออยากได้ของขวัญมากกว่านี้
ลิงค์ถอนหายใจ “ถ้าผมเขียนเสร็จเดี๋ยวส่งมาให้อีก แต่ว่าตอนนี้มีแค่สองเล่มนี้เท่านั้นที่เอาไปตีพิมพ์ได้ ส่วนเล่มอื่นๆที่จะให้หลังจากนี้จะต้องเป็นของอาจารย์คนเดียวเท่านั้น”
“ดีมาก ว่าแต่ทําไมหน้าคํานําถึงยังว่างอยู่หล่ะ?” เอร์เรร่าถาม
ลิงค์หัวเราะ “ผมอยากให้คุณเขียนให้หน่ะ”
เอร์เรร่ายิ้ม “ข้ารู้สึกเป็นเกียรติมาก”
จากนั้นเธอก็หยิบปากกาขึ้นมาในทันที ลิงค์หยิบหนังสืออกมาและเริ่มอ่านมันอย่างสบายๆ ในระหว่างที่เขาอ่าน หูของเขาก็กระตุกเขามองออกไปนอกหน้าต่าง
ที่นอกหน้าต่าง มีกลุ่มรถม้าจํานวนมากเข้ามาในสถาบันเวทมนตร์อีสโควฟ ในตอนที่พวกมันหยุด ลิงค์ก็เห็นผู้อาวุโสแอนโทนีพากลุ่มของนักเวทย์มา ดูจากสีหน้าของเขาแล้ว เขากําลังอารมณ์ไม่ดีมากๆ
“อาจารย์ ผู้อาวุโสกลับมาแล้ว ดูเหมือนว่าสถานการณ์จะไม่ค่อยดีเท่าไหร่นะ”
เอร์เรร่าเดินมาดูและถึงกับต้องขยี้ตา เธอเห็นผู้อาวุโสแอนโทนี่โยนหมวกของตัวเองลงกับพื้น เธอขมวดคิ้ว “ข้ารู้จักกับเขามากว่า 20 ปีแล้วข้าไม่เคยเห็นเขาอารมณ์เสียขนาดนี้เลยเกิดอะไรขึ้นกัน
นะ?”