บทที่ 306 เติบโตเป็นคนใจคด

บทที่ 306 เติบโตเป็นคนใจคด

บทที่ 306 เติบโตเป็นคนใจคด

ในตอนนั้นเธอกับชิงไป๋ของเธอคงกำลังท่องเที่ยวอยู่

บรรดาเด็กผู้ชายก็นอนในห้องของเจ้ารองไป ส่วนบรรดาเด็กผู้หญิงนอนในห้องของเธอ ทั้งนี้ใครจะนอนตรงไหนขึ้นอยู่กับการตกลงกันเองของเด็ก ๆ

เมื่อสะใภ้ใหญ่กับสะใภ้สามได้ยินดังนี้ พวกหล่อนก็รู้ว่าเธอไม่ถือถ้าจะมีเด็ก ๆ ไปด้วยและสร้างความไม่สะดวกบางอย่างให้

สะใภ้ใหญ่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “งั้นก็ให้พวกเขาไปเพิ่มพูนความรู้ที่นั่นแล้วกันจ้ะ”

โจวลิ่วนีเห็นดังนั้นก็ขยิบตาให้แม่ยิก ๆ

สะใภ้รองจึงเอ่ยขึ้นมา “สะใภ้สี่ ที่ร้านเกี๊ยวของน้องชายสี่ยังขาดคนช่วยงานอยู่หรือเปล่าจ๊ะ?”

“ไม่ขาดหรอกค่ะ ปีหน้าฉันวางแผนจะให้เอ้อร์นีมาช่วยงานอยู่พอดี” หลินชิงเหอเอ่ยตามตรง แล้วยิ้มให้กับสะใภ้ใหญ่ “คราวที่แล้วหยางหยางกับอู่นีมาทำการบ้านที่บ้าน ฉันก็คุยเรื่องนี้กับคุณแม่แล้ว ตอนนั้นเองฉันก็รู้ว่าพี่สะใภ้ใหญ่กำลังหาคู่ให้เอ้อร์นีอยู่”

“อาสะใภ้สี่คะ หนูยังเด็กอยู่ ยังไม่อยากแต่งงานเร็วนักหรอกค่ะ” โจวเอ้อร์นีรีบเอ่ยขัด

น้องชายของหล่อนกลับมาบอกเรื่องนี้แล้ว โจวเอ้อร์นีจึงบอกแม่ไปว่าหล่อนอยากไปช่วยงานคุณอาสี่กับคุณอาสะใภ้สี่ที่เมืองหลวงโดยไม่ต้องคิดเลย

หล่อนทำอะไรได้ไม่มากนัก แต่จะขยันทำงานหนักอย่างแน่นอนหากไปถึงที่นั่นแล้ว

ยิ่งกว่านั้นหล่อนยังคุ้นเคยกับคุณอาสี่และคุณอาสะใภ้สี่ ตราบใดที่ขยันทำงาน พวกเขาก็ไม่ปฏิบัติแย่ ๆ กับหล่อน โจวเอ้อร์นีรู้สึกไม่อยากแต่งงานเร็วมากจริง ๆ

แต่แม่ของหล่อนก็บอกว่าหล่อนไม่ใช่เด็กแล้ว พี่สาวคนโตของหล่อนก็แต่งงานตอนอายุ 18 ปีจนตอนนี้มีลูกอายุครบ 2 ขวบ

โจวเอ้อร์นีรู้สึกเคว้งคว้างไม่น้อย

แต่ก่อนจะถึงตอนนั้น หล่อนคงทำได้แต่ให้แม่เป็นคนหาคู่ให้

แต่หลังจากที่น้องชายกลับมาแล้วพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ หล่อนก็กลับมามีชีวิตชีวาในทันที เพราะหล่อนไม่อยากแต่งงาน อยากไปช่วยงานคุณอาสี่กับคุณอาสะใภ้สี่มากกว่า

ในอนาคตหล่อนจะได้ส่งเงินเดือนทุกเหมากลับมาที่บ้านได้!

สะใภ้ใหญ่รู้สึกเช่นกันว่าเป็นเรื่องดีที่จะปล่อยให้ลูกสาวคนรองไปเมืองหลวง ยิ่งกว่านั้นลูกสาวของหล่อนก็อยู่ในความดูแลของคุณอาสี่และคุณอาสะใภ้สี่ ไม่อย่างนั้นสิ่งดังกล่าวคงไม่เกิดขึ้น

สะใภ้ใหญ่จึงไม่คัดค้าน

เมื่อหล่อนกลับมาจากการทำงานในเมืองหลวง หล่อนก็คงจะได้แต่งงานกับคนที่ดีกว่า ถูกไหมล่ะ?

“ชิงเหอ พี่ไม่มีปัญหากับเรื่องของเอ้อร์นีหรอก เธอก็รู้จักเด็กคนนี้ หล่อนเรียบร้อยและแคล่วคล่องว่องไวเสมอ ตอนไปถึงที่นั่นแล้ว ถ้าเกิดหล่อนดื้อไม่เชื่อฟังก็ดุด่าว่ากล่าวได้เลยนะ ไม่ต้องยั้งมือกับหล่อน” สะใภ้ใหญ่บอก

“ฉันไม่มีทางดุด่าว่ากล่าวหรอกค่ะ เพราะฉันมองหาลูกสาวแบบนี้มาตลอด” หลินชิงเหอยิ้มกริ่ม “แต่ในเมื่อพี่ไม่คัดค้านแล้ว ฉันก็จะพาเอ้อร์นีไปด้วยในปีหน้านะคะพี่สะใภ้ใหญ่ ฉันจะดูแลเรื่องอาหารและที่อยู่อาศัยให้ ส่วนค่าจ้างไม่ขอบอกว่าเท่าไหร่ แต่จะให้เอ้อร์นีทุกเดือนเลยค่ะ”

“ยังให้เงินเดือนด้วยเหรอ? ปล่อยให้หล่อนมีประสบการณ์ก็ดีมากพอแล้วจ้ะ” สะใภ้ใหญ่ตอบรวดเร็ว

“ฉันไม่ทำอะไรแบบนั้นหรอกค่ะ” หลินชิงเหอยิ้ม

“สะใภ้สี่ เธอจะพาแค่เอ้อร์นีไปคนเดียวเหรอจ๊ะ? ลิ่วนีเองก็ไปช่วยงานได้นะ” สะใภ้รองเอ่ย

“พี่สะใภ้รองอย่าหาว่าฉันพูดคนเดียวเลยค่ะ ลิ่วนีมีนิสัยแบบไหน? พี่ถามบรรดาพี่น้องของหล่อนในบ้านแล้วพี่จะรู้ หล่อนทำงานอะไรที่บ้านบ้าง? แค่ไม้กวาดตกบนพื้นหล่อนยังไม่หยิบขึ้นมาเลย ทุกอย่างโยนไปให้ซานนีทำหมด พี่ยังจะให้หล่อนไปช่วยงานอีกเหรอคะ? ตลกหรือเปล่า?” สะใภ้สามหัวเราะ และใส่คำพูดไม่ยั้งแม้แต่นิดเดียว

ช่วยไม่ได้นี่นะ มีคนบางคนทำตัวเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ หล่อนจึงไม่ลังเลที่จะเอ่ยเตือนสติบ้าง

สะใภ้รองถึงกับนิ่งไป

“เอ้อร์นีอาจไม่เก่งเรื่องอื่น แต่เรื่องงานบ้านหล่อนทำได้แคล่วคล่องว่องไวดี ถ้าครอบครัวฝั่งแม่ของฉันไม่ได้จน ฉันก็คงจะพูดเรื่องนี้อย่างไม่อายปากกับพี่สะใภ้ใหญ่ตอนได้ยินว่าพี่สะใภ้ใหญ่อยากหาใครสักคนให้เอ้อร์นีแล้วค่ะ แต่ตอนนี้มันช่างสมบูรณ์แบบแล้ว…เอ้อร์นี ถ้าหนูไปอยู่ที่ร้านของคุณอาสี่กับคุณอาสะใภ้สี่แล้ว หนูต้องขยันทำงานนะ ในอนาคตจะได้มีคนทางนั้นที่เหมาะสมพอจะมาเป็นคู่ครองของหนู” สะใภ้สามเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

“หล่อนจะหาใครสักคนจากที่นั่นได้เหรอ? คนเมืองหลวงคงไม่อยากได้ชาวชนบทอย่างเรา ๆ หรอกกระมัง?” สะใภ้ใหญ่เอ่ยด้วยรอยยิ้มพลางส่ายหน้า

“ทำไมล่ะคะ? ฉันคิดว่าเอ้อร์นีเป็นเด็กดีออก น้ำและดินที่เมืองหลวงสามารถหล่อเลี้ยงผู้คนได้ พอหล่อนไปถึงที่นั่น หล่อนก็จะสวยสดงดงามขึ้นมาก เมื่อถึงเวลาอาจะเลือกเสื้อผ้าที่ดูดีสองตัวให้หนู แล้วหนูก็จะกลายเป็นสาวสวยคนหนึ่ง ใครล่ะจะไม่ชอบหล่อนเมื่อได้เห็นแล้ว?” หลินชิงเหอยิ้ม

“เกรงว่าพื้นฐานครอบครัวเราจะเข้ากันไม่ได้น่ะสิจ๊ะ” สะใภ้ใหญ่เอ่ยพลางส่ายหน้า

หล่อนรู้ตัวดี ด้วยสภาพครอบครัวของพวกเขาแล้ว หล่อนจะมีลูกเขยเป็นคนเมืองหลวงได้อย่างไร?

“ถ้าเป็นเรื่องความเข้ากันได้ ทำไมครอบครัวเราจะเข้าไม่ได้ล่ะคะ? คุณอาสี่ของหล่อนก็มีทะเบียนบ้านอยู่ในเมืองหลวง อาสะใภ้สี่ของหล่อนก็สอนภาษาต่างประเทศที่มหาวิทยาลัยปักกิ่ง น้องชายของหล่อนก็จะเข้าเรียนในโรงเรียนเตรียมทหารปีหน้าก่อนจะเข้ากองทัพ ถ้าพื้นฐานแบบนี้ถือว่าไม่เหมาะสมแล้วอย่างไหนจะเรียกว่าเหมาะสมล่ะคะ?” หลินชิงเหอกล่าว

สะใภ้ใหญ่ยังคงยิ้มและส่ายหน้า

หลินชิงเหอจึงหันไปมองโจวเอ้อร์นี “อย่ากังวลกับแม่ของหนูไปเลยนะ แม่หนูเป็นคนหัวโบราณ เราเป็นผู้หญิงยุคใหม่ เราต้องมองไปข้างหน้า”

โจวเอ้อร์นีเม้มปากยิ้มฝืด “อาสะใภ้สี่คะ หนูยังไม่มีแผนจะทำอย่างนั้นเลยค่ะ”

“อืม ค่อยเป็นค่อยไปก็ได้จ้ะ ไม่ต้องรีบหรอก” หลินชิงเหอพยักหน้า

โจวลิ่วนีที่อยู่ข้าง ๆ ขยิบตาให้แม่ถี่ยิบจนแทบล้า เมื่อเห็นว่าผู้เป็นแม่ไม่เอ่ยอะไร หล่อนก็เอ่ยออกมาเอง

“อาสะใภ้สี่ อาจะไม่ช่วยหนูเหรอคะ” โจวลิ่วนีเอ่ยด้วยความเสียใจ

หล่อนไม่อาจคว้าโอกาสมาได้ไม่ว่าจะดิ้นรนต่อสู้เพียงใด โจวเอ้อร์นีกำลังจะแต่งงานแล้วแต่หล่อนกลับกลายเป็นที่ต้องการของสะใภ้สี่!

“หนูอายุเท่าไหร่ล่ะ? การช่วยแม่หนูทำงานบ้านเป็นเรื่องสำคัญกับตัวหนูมากกว่านะ” หลินชิงเหอบอก

“หนูจะทำค่ะ แต่ติดที่ว่าพี่สาวหนูขยันเกินไปหนูก็เลยไม่ได้ทำสักที…อาสะใภ้สี่คะ ถ้าหนูได้ไปเมืองหลวง หนูจะทำให้ดีไม่ด้อยไปกว่าพี่เอ้อร์นีเลยค่ะ” โจวลิ่วนีอธิบาย

“แต่ที่ร้านอาไม่ต้องการคนเพิ่มแล้วล่ะ” หลินชิงเหอมองเด็กหญิง

โจวลิ่วนีเม้มปากและเอ่ยต่อ “อาสะใภ้สี่ อารังเกียจหนูเหรอคะ?”

…แล้วในตัวหนูมีอะไรให้น่ารักใคร่บ้างล่ะ?…

หลินชิงเหอหัวเราะ “หนูพูดอะไรน่ะ? ทุกครอบครัวต่างได้เป็ดย่างจากอากันครอบครัวละตัว ทุกคนเป็นหลานสาวของอาหมด อาจะไม่ชอบหนูได้ไง? เพียงแต่หนูยังเด็กนัก ดังนั้นอยู่ช่วยแม่ที่บ้านจะดีกว่านะ ในปีนี้พ่อแม่หนูมีที่ดินหลายไร่เลยล่ะ”

“พี่สะใภ้รอง พี่ควรจะสั่งสอนลิ่วนีบ้างนะคะ” สะใภ้สามพูด

สะใภ้รองถลึงมองลูกสาวคนรองและเอ่ยขึ้น “ลูกจะพูดอะไรอีก ได้ยินแล้วนี่ว่าทางร้านอาเขาไม่ขาดคน คงไม่สายเกินไปหรอกถ้าจะรอที่ว่างในอนาคต”

“ในอนาคตร้านฉันไม่ขาดคนหรอก ให้ลิ่วนีอยู่ในความดูแลของพี่สะใภ้รองเถอะค่ะ” หลินชิงเหอพลันเอ่ยขึ้น

เธอจะไม่ยอมให้ลิ่วนีได้ไป อย่าแม้แต่จะคิดเชียว

“อาสะใภ้สี่ หนูเข้าใจล่ะ ว่าอาดูถูกครอบครัวสายรองของเรา” โจวลิ่วนีทำตาแดงและวิ่งหนีไปหลังได้ยินดังนี้

“พี่สะใภ้รอง ถ้าพี่ไม่สอนหล่อนให้ดี ๆ ฉันเกรงว่าหล่อนจะทำให้พี่ขายหน้าในอนาคตนะคะ” หลินชิงเหอมองหลังโจวลิ่วนีด้วยท่าทางเคร่งขรึมและเอ่ยกับสะใภ้รอง

“นังเด็กบ้านี่!” สะใภ้รองส่งเสียงก่นด่า จากนั้นก็ลุกขึ้น “พี่ขอกลับไปสั่งสอนหล่อนก่อนล่ะ”

จากนั้นหล่อนก็ผละจากไปก่อน

หลินชิงเหอไม่แม้แต่จะกระพริบตา

“อย่าสนใจหล่อนเลยจ้ะ” สะใภ้สามพูด

“ยัยเด็กลิ่วนีคนนี้นับวันชักเติบโตเป็นคนใจคด ต่อให้เอ้อร์นีไม่ไป พี่ก็จะหยุดหล่อนไว้เองหากว่าหล่อนได้รับอนุญาตให้ไป” สะใภ้ใหญ่เอ่ยตามตรง

……………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

อดนะคะลิ่วนี ยังไม่รู้ตัวอีกว่าหนูเป็นคนยังไง จะมาสู้กับอาสะใภ้สี่ยังเร็วไปร้อยปีจ้ะหนู

สะใภ้รองจะสั่งสอนลูกสาวคนนี้อย่างไร ติดตามตอนหน้าค่ะ

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

*นิยายเรื่องนี้อยู่ในยุค 1960 เทียบกับ พ.ศ. คือ 2503 เป็นยุคที่ประเทศจีนอยู่ในช่วงปฏิรูปการปกครองโดยมีพรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นผู้นำ ดังนั้นสรรพนาม ฉากเรื่อง ตัวละคร จะไม่เหมือนกับภาพในนิยายจอมยุทธ์กำลังภายใน จู่ ๆ ก็ทะลุมิติมาเป็นคุณแม่ลูกสามในยุคปฏิรูปการปกครองปี 60 … ใครจะไปคิดว่าชีวิตธรรมดาของ หลินชิงเหอ ผู้จัดการฝ่ายขายสาวจะเผชิญกับความไม่ธรรมดา หลังทะลุมิติเข้าไปเป็นตัวประกอบในนิยายที่เธออ่าน ซึ่งต้องเผชิญกับความยากลำบากของสถานการณ์ในช่วงเวลานั้น ไม่มีอะไรจะกินและไม่มีแม้แต่เสื้อผ้าจะสวมใส่ แต่โชคยังดีที่เธอได้พื้นที่มิติส่วนตัวไว้เก็บของ ทำให้เธอรอดตายไปได้ชั่วคราว แต่สิ่งที่น่ากังวลมากกว่านั้นก็คือ บุตรชายทั้งสามของเธอดันเป็นตัวร้ายในอนาคตของนิยายเรื่องนี้น่ะสิ แถมสามีในมิตินี้ของเธอยังต้องพบกับจุดจบน่าอนาถอีกด้วย ตัวประกอบแม่ลูกสามอย่างเธอจะเปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่องและเอาตัวให้รอดอย่างไรดีเนี่ย…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset