บทที่ 289 จ้างใครสักคน

บทที่ 289 จ้างใครสักคน
โดย

บทที่ 289 จ้างใครสักคน

ร้านเกี๊ยวของโจวชิงไป๋เปิดมาได้ 2 เดือนก่อนที่จะอยู่ตัว

กำไรในทุกเดือนล้วนมากกว่าเดือนก่อนหน้าเล็กน้อย

เดือนแรกได้กำไรทั้งหมดราว 70 หยวน เดือนที่สองได้เกือบ 80 หยวน ซึ่งโจวชิงไป๋ก็รักษากฎของเขาไว้เสมอ

เขาเหลือเงิน 10 หยวนไว้เป็นค่าต้นทุนและให้ภรรยาเก็บส่วนที่เหลือไว้

ตอนนี้เข้าสู่เดือนที่สามแล้ว โจวชิงไป๋จะออกไปซื้อผักและเนื้อตอนตีห้าครึ่งในทุกเช้าและมุ่งหน้าไปที่ร้านแต่เช้าตรู่ เป็นเช่นนี้ทุกวัน

เมื่ออากาศอุ่นขึ้นเรื่อย ๆ ทุกคนก็จะต้องตื่นเช้าขึ้น และแน่นอนว่าร้านของเขาจะต้องเปิดเร็วขึ้น

เดิมทีหลินชิงเหอต้องการให้เขาซื้อผักผลไม้ทั้งหมดล่วงหน้าก่อนหนึ่งวัน แต่โจวชิงไป๋อยากให้วัตถุดิบของเขาสดใหม่ที่สุด หลินชิงเหอจึงต้องยอมตามใจเขา

บอกตามตรงว่าทุกคนที่ร้านเห็นนิสัยเช่นนี้ของโจวชิงไป๋ เขาจึงมีลูกค้าประจำอยู่หลายคน

เกี๊ยวของเขามีแป้งหนาและมีไส้อัดแน่นทั้งลูก ยิ่งกว่านั้นยังสดใหม่อย่างยิ่ง ทุกคนจึงรู้สึกพอใจมากที่ได้กิน

เมื่อใดที่ใครก็ตามอยากกินเกี๊ยว พวกเขาก็มักจะมาแวะที่ร้านนี้

ในสองเดือนที่ผ่านมา โจวชิงไป๋ก็ได้ลูกค้าขาประจำเป็นจำนวนมากจากการจัดการร้านแบบฉบับของเขา

โจวชิงไป๋เติมเครื่องเคียงให้อีก 2 อย่าง อย่างหนึ่งเป็นแตงกวาและอีกอย่างหนึ่งเป็นมะเขือเทศ

ไม่ว่าจะเป็นแตงกวาหรือมะเขือเทศก็กินสดได้ทั้งนั้น และโจวชิงไป๋ก็คิดกำไรน้อยมากกับของสองอย่างนี้ ไม่ต่างจากราคาขายที่ตลาดมากนัก

ถึงอย่างนั้นก็มีหลายคนร้องขอ พวกเขาได้กินกันคนละหนึ่งหลังสวาปามเกี๊ยวไปแล้ว หรือไม่ตอนที่จะออกจากร้านไปก็ซื้อมะเขือเทศเป็นของทานเล่นขณะชำระเงิน

หลินชิงเหอถึงกับชื่นชมทักษะธุรกิจของโจวชิงไป๋อยู่ในใจ เรื่องนี้เธอไม่เคยสังเกตมาก่อนเลย

และคืนนั้นเองโจวชิงไป๋ก็ได้เอ่ยขึ้นมาขณะจัดทำบัญชีรายรับว่า “ภรรยาครับ ผมอยากหาใครสักคนมาช่วยล้างจานจริง ๆ”

หลินชิงเหอชะงักไป จากนั้นก็พยักหน้า “งั้นก็ได้เวลาจ้างใครสักคนแล้วล่ะค่ะ”

ตอนนี้ธุรกิจที่ร้านกำลังไปได้สวย ในสถานการณ์ช่วงนี้เขาได้กำไรเกือบ 5 หยวนต่อวัน นับว่าธุรกิจกำลังเติบโตดีขึ้นเรื่อย ๆ

ลูกชายแสนซนทั้งสามคงจะไปช่วยงานที่ร้านได้หมด แต่พวกเขาคงไปที่นั่นได้ไม่บ่อยนัก

“หาคนที่แก่กว่านะคะ” หลินชิงเหอบอก

“คุณป้าหม่าทำได้ไหม?” โจวชิงไป๋มีคนอยู่ในใจของเขาแล้ว

หลินชิงเหอไม่ได้นึกถึงคุณป้าหม่า เธอถึงกับชะงักและเอ่ยกลับ “คุณป้าหม่าจะไม่แก่เกินไปเหรอคะ?”

คุณป้าหม่ามีอายุเกิน 50 ปีแล้ว

“แต่ป้ายังแข็งแรงมากนะ” โจวชิงไป๋ให้เหตุผล

นางสามารถเดินขึ้นบันไดมาที่ชั้นสามได้โดยไม่เหนื่อยหอบ เป็นคนจริงใจและรักความสะอาด อีกทั้งยังมีความสัมพันธ์อันดีกับครอบครัวของเขาด้วย

โจวชิงไป๋ครุ่นคิด นางจะรับงานนี้ไหมนะ?

“งั้นพรุ่งนี้ฉันไปถามให้เอาไหมคะ?” หลินชิงเหอเอ่ย

เวลานี้ต้องเข้านอนแล้ว หลินชิงเหอจึงตัดสินใจว่าจะไปถามคุณป้าหม่าในวันรุ่งขึ้น บอกตามตรงคือถ้าคุณป้าหม่าเต็มใจจะช่วยล้างจานที่ร้านจริงมันคงจะดีมาก

อีกอย่างจากเหตุการณ์นั้น นางคงจะเป็นหูเป็นตาให้ได้ถูกไหม? คงจะดีกว่าหากไม่ปล่อยให้คนไร้ยางอายพวกนั้นมาคุกคามชิงไป๋ของเธอ

“ก็ได้ครับ” โจวชิงไป๋พยักหน้า

“คิดค่าจ้างเท่าไหร่ดีคะ?” หลินชิงเหอถาม

โจวชิงไป๋จึงบอกว่าเขากะจะให้เงินเดือน 20 หยวนรวมอาหารหนึ่งมื้อ เริ่มงานตอนแปดโมงเช้าและพักกลางวันตอนบ่ายสองจนกระทั่งถึงสี่โมงเย็น จากนั้นก็ทำงานต่อจากสี่โมงเย็นจนถึงหนึ่งทุ่ม

เวลาทำงานดูยาวก็จริง แต่ก็ค่อนข้างว่างอยู่เพราะนางทำแค่เช็ดโต๊ะและล้างจานชามเท่านั้น

เวลาส่วนใหญ่จึงเป็นการพักผ่อน เพราะกิจการทางร้านนับว่าดีแต่ไม่ได้ดีถึงขนาดต้องต่อแถวรอซื้อ

หลินชิงเหอพยักหน้าและเอ่ยขึ้น “งั้นพรุ่งนี้ฉันจะไปหาและคุยเรื่องนี้กับคุณป้าหม่านะคะ”

โจวชิงไป๋ออกจากบ้านแต่เช้าตรู่ในวันต่อมา ส่วนหลินชิงเหอก็ให้เจ้าใหญ่ทำอาหารเช้าก่อนจะไปหาคุณป้าหม่า

“ที่ร้านขาดคนล้างจานเหรอจ๊ะ?” คุณป้าหม่าอึ้งไปหลังจากได้ยิน

“ค่ะ ฉันไม่รู้ว่าคุณป้าพอจะแนะนำใครได้บ้างไหม? ขอแค่เป็นคนที่ว่องไว ไม่ต้องทำอะไรอย่างอื่นเลยนอกจากล้างจานกับเช็ดโต๊ะน่ะค่ะ” หลินชิงเหออธิบาย

“แล้วเธออยากได้คนอายุประมาณไหนเหรอ?” คุณป้าหม่ารู้สึกสนใจขึ้นมา

“ตราบใดที่ยังมีสภาพร่างกายดีอยู่เหมือนกับคุณป้าหม่าก็ถือว่าใช้ได้ค่ะ” หลินชิงเหอหัวเราะเมื่อได้ยินคำถามนี้

เธอบอกว่าเธอแค่พูดเล่น ๆ แต่คุณป้าหม่ากลับเอ่ยขึ้น “อาจารย์หลิน ถ้าป้าเป็นคนไปทำจะว่ายังไงจ๊ะ?”

หลินชิงเหอนิ่งไปครู่หนึ่ง “คุณป้าหม่าอยากจะสมัครเหรอคะ?”

“ขาป้ายังเดินเหินสะดวกอยู่แล้วป้าก็ชอบทำความสะอาด ดังนั้นเรื่องนี้ไม่มีปัญหาเลยจ้ะ” คุณป้าหม่าเอ่ยรัวเร็ว

“แต่ให้คุณป้าหม่าไปล้างจานแบบนี้ คุณลุงหม่ารู้เข้าคงโมโหมากนะคะ” หลินชิงเหอตอบ

“เขาจะไปโมโหอะไรได้ล่ะ? เธอไม่รู้หรอกว่าป้าเบื่อขนาดไหนที่ต้องอยู่กับบ้าน”คุณป้าหม่าบอก “ป้าอยากหาอะไรทำมานานแล้วล่ะ ติดแค่ว่าคนอื่นไม่ต้องการป้าเท่านั้นเอง”

คุณป้าหม่ากับคุณลุงหม่ามีลูกชาย 2 คน ลูกคนแรกเป็นทหารประจำการอยู่ชายแดน ทั้งลูกชายคนนั้น ลูกสะใภ้ และหลานต่างอยู่ที่นั่นกันหมด ซึ่งกว่าจะได้กลับมาเยี่ยมพ่อแม่ก็นานหลายปีทีเดียว

ส่วนลูกชายอีกคนหนึ่งถูกส่งไปยังชนบท เขาได้แต่งงานกับหญิงสาวชนบทและมีทะเบียนบ้านอยู่ที่นั่น ซึ่งพวกเขาจะกลับมาเยี่ยมในวันปีใหม่และกลับบ้านไปหลังจากปีใหม่แล้ว

ตอนนี้พวกเขาพยายามหาทางย้ายทะเบียนบ้านของครอบครัวลูกชายคนที่สองกลับมา

คุณลุงหม่ามีงานทำ ขณะที่คุณป้าหม่าไม่ได้ทำงานอยู่เป็นแม่บ้านเฝ้าบ้าน แต่ถึงอย่างนั้นหัวใจของคุณป้าหม่าก็ไม่ได้แก่ตามอายุ

นางอยากหางานทำเหลือเกิน แต่ก็ไม่มีใครจ้างนาง

“คุณป้าคะ ร้านเล็ก ๆ ของชิงไป๋อาจทำเงินได้ไม่มากนักนะคะ ให้ป้าได้แค่ 20 หยวนต่อเดือนเท่านั้น” หลินชิงเหอบอก

“ให้ป้า 10 หยวนป้าก็ทำ” คุณป้าหม่าเอ่ยตรงไปตรงมา

หลินชิงเหอหัวเราะ “เราไม่ปฏิบัติแย่ ๆ กับคุณป้าแน่นอนค่ะ ในเมื่อคุณป้าตัดสินใจแล้ว ฉันก็จะเล่ารายละเอียดของงานให้ฟังก่อนนะคะ”

เธอแจงชั่วโมงทำงานแล้วก็เอ่ยต่อ “คุณป้าเอากลับไปพิจารณากับคุณลุงก่อนนะคะ เราไม่ได้รีบค่ะ”

ดูเหมือนคุณป้าหม่าไม่จำเป็นต้องคิดทบทวนด้วยซ้ำ

มีอะไรให้ต้องคิดอีกล่ะ?

คุณลุงหม่าทำงานได้เงินเดือนมากกว่า 40 หยวน ทั้งสองอยู่กันอย่างประหยัดมัธยัสถ์ ในเดือนหนึ่งใช้เงินเพียง 10 หยวน หากเป็นในอดีตพวกเขาก็จะเอาไปแลกเป็นคูปองชาติเพื่อส่งให้กับลูกชายและลูกสะใภ้ได้ใช้

เป็นเพราะสามีภรรยาชราคู่นี้ด้วยที่ทำให้ลูกชายทั้งสองคนมีชีวิตนอกบ้านที่สุขสบายขึ้น

แต่ทั้งสองมีเงินเก็บไม่มากนัก พวกเขาไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต ใครล่ะจะไม่อยากหาเงินให้มากขึ้น?

ดังนั้นคุณป้าหม่าจึงบอกให้คุณลุงหม่ากินข้าวกลางวันที่บ้านคนเดียวเนื่องจากทำเผื่อไว้ตั้งแต่เช้าแล้ว หลังทำความสะอาดเรียบร้อยนางก็มาที่ร้านเกี๊ยวเพื่อช่วยงานโจวชิงไป๋

“คุณป้ามาเช้าจังครับ” โจวชิงไป๋ยิ้มให้

“ป้าอยู่บ้านว่าง ๆ ไม่มีอะไรทำน่ะจ้ะ” คุณป้าหม่าเอ่ยอย่างกระตือรือร้น

ทันทีที่ลูกค้าสองคนกินเสร็จ คุณป้าหม่าก็มาทำความสะอาด จากนั้นก็ล้างชามและวางผึ่งไว้เพื่อรอใช้งาน

หลังล้างจานเสร็จแล้ว นางก็มาช่วยโจวชิงไป๋ทำเกี๊ยว

“ป้าใส่ไส้มากกว่านี้หน่อยครับ นั่นล่ะครับ ขนาดเท่านั้นเลย” โจวชิงไป๋เต็มใจให้นางช่วย เขาจึงสอนนางห่อเกี๊ยวส่วนที่เหลือ

“ไส้เยอะขนาดนี้เลยเหรอ?” คุณป้าหม่ารู้สึกประหลาดใจนัก นางถึงกับเอ่ยกระซิบ “ไส้เยอะขนาดนี้ได้กำไรบ้างไหมเนี่ย?”

………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

ได้ป้าหม่าเป็นคนช่วยก็ดีเหมือนกันนะคะ ได้ประโยชน์หลายต่อเลย

คุณป้าจะทำงานเป็นอย่างไรบ้าง ติดตามตอนหน้าค่ะ

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

*นิยายเรื่องนี้อยู่ในยุค 1960 เทียบกับ พ.ศ. คือ 2503 เป็นยุคที่ประเทศจีนอยู่ในช่วงปฏิรูปการปกครองโดยมีพรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นผู้นำ ดังนั้นสรรพนาม ฉากเรื่อง ตัวละคร จะไม่เหมือนกับภาพในนิยายจอมยุทธ์กำลังภายใน จู่ ๆ ก็ทะลุมิติมาเป็นคุณแม่ลูกสามในยุคปฏิรูปการปกครองปี 60 … ใครจะไปคิดว่าชีวิตธรรมดาของ หลินชิงเหอ ผู้จัดการฝ่ายขายสาวจะเผชิญกับความไม่ธรรมดา หลังทะลุมิติเข้าไปเป็นตัวประกอบในนิยายที่เธออ่าน ซึ่งต้องเผชิญกับความยากลำบากของสถานการณ์ในช่วงเวลานั้น ไม่มีอะไรจะกินและไม่มีแม้แต่เสื้อผ้าจะสวมใส่ แต่โชคยังดีที่เธอได้พื้นที่มิติส่วนตัวไว้เก็บของ ทำให้เธอรอดตายไปได้ชั่วคราว แต่สิ่งที่น่ากังวลมากกว่านั้นก็คือ บุตรชายทั้งสามของเธอดันเป็นตัวร้ายในอนาคตของนิยายเรื่องนี้น่ะสิ แถมสามีในมิตินี้ของเธอยังต้องพบกับจุดจบน่าอนาถอีกด้วย ตัวประกอบแม่ลูกสามอย่างเธอจะเปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่องและเอาตัวให้รอดอย่างไรดีเนี่ย…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset