บทที่ 186 ซุปเห็ดหูหนูขาวกับพุทราจีน

บทที่ 186 ซุปเห็ดหูหนูขาวกับพุทราจีน
โดย

บทที่ 186 ซุปเห็ดหูหนูขาวกับพุทราจีน

มันใช้เวลาสองวันกว่าที่เจ้าสามจะหายดี

เด็กชายตัวน้อยไม่มีเรี่ยวแรงมากนักในสองวันที่ผ่านมา แต่โชคดีที่หลินชิงเหอให้การดูแลเขาเป็นอย่างดีโดยมีตัวช่วยอย่างยาแก้ไข้สำหรับเด็กที่เตรียมไว้ในมิติแล้ว จึงมีแค่ความประหลาดใจไร้อันตรายใด ๆ

อาการเป็นไข้ในเด็กเป็นเรื่องไม่อาจประมาท แม้แต่ผู้ใหญ่ที่โตแล้วก็สามารถเป็นไข้อย่างกะทันหันได้ อย่าว่าแต่เด็กตัวเท่านี้เลย

เมื่อหายดีแล้วเจ้าสามก็ทนนั่งเฉย ๆ ไม่ได้อีกต่อไป เขาวิ่งออกไปพลางกระโดดโลดเต้น ซึ่งหลินชิงเหอเองก็ไม่ห้ามเขาเหมือนกัน

ไม่กี่วันก่อนเด็กชายตัวน้อยคนนี้เอาแต่คิดว่าแม่ของเขาไม่สนใจและไม่รักเขาแล้ว แต่หลังจากมีไข้ ในที่สุดเขาก็รู้ว่าแม่รักเขามากเพียงใด

เธอสามารถทำอะไรก็ได้ที่เขาอยากกิน อีกทั้งยังยอมให้เขานอนบนเตียงเตาของเธอในตอนกลางคืนแถมยังเล่านิทานให้ฟังอีก เรื่องนี้มันช่างสุดยอด

เจ้าสามที่มีความสุขอยู่กับความรักจากแม่สองวันเต็มก็ได้กลับคืนสู่ชีวิตปกติ…ร่าเริงและเปี่ยมพลัง

วันเวลาผ่านไปจนกระทั่งถึงวันล่าปา ซึ่งหลินชิงเหอก็ตื่นมาหุงโจ๊กล่าปาแต่เช้า

ในตอนนี้เองโจวชิงไป๋ได้เอ่ยขึ้นมา “เดี๋ยวคุณไปเยี่ยมสหายในกองทัพพร้อมผมได้ไหมครับ?”

หลายวันที่ผ่านมานี้มีหิมะตกอย่างต่อเนื่อง ในที่สุดมันก็ถึงวันนี้ซึ่งเป็นวันท้องฟ้าปลอดโปร่งอย่างหาดูได้ยาก

“ตกลงค่ะ” หลินชิงเหอรู้ว่าเขาอยากจะแนะนำเธอให้สหายในกองทัพรู้จักอยู่ตลอด ยิ่งกว่านั้นสหายของเขาที่อยู่ในกรมตำรวจยังมีเส้นสายที่แกร่งกล้ามากด้วย

ดังนั้นทั้งคู่จึงมุ่งหน้าออกจากบ้าน และยังพาเจ้าสามไปด้วย ส่วนเจ้าใหญ่กับเจ้ารองไม่ได้ตามพวกเขาไป

ลูกหมีน้อยอย่างเจ้าสามรู้สึกว่าได้รับความรักจากพ่อแม่อีกครั้งก็ปิติยินดีอย่างมาก

“อย่ายิ้มกว้างนักสิ เดี๋ยวลมเย็นก็เข้าท้องแล้วทำให้ลูกท้องเสียหรอก” หลินชิงเหอบอก

“แม่ครับ เดี๋ยวซื้อถังหูลู่ให้ผมกินได้ไหมครับ” เจ้าสามเริ่มร้องขอ

“แม่จะซื้อให้พี่ ๆ ของลูกด้วยสองไม้นะ รอจนกว่าเราจะกลับบ้านลูกถึงจะได้กินพร้อมพี่ ๆ” หลินชิงเหอบอก

“ครับ” เจ้าสามพยักหน้า

เจ้าใหญ่กับเจ้ารองไม่ใส่ใจกับเรื่องที่น้องคนเล็กได้ไปกับพ่อแม่โดยที่พวกเขาไม่ได้ไปด้วย ทั้งคู่รู้ว่าสองวันมานี้เจ้าสามไม่สบายจนมีท่าทางเซื่องซึม ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องผิดที่จะพาเขาออกไปเที่ยวบ้าง

เมื่อพวกเขามาถึงตัวอำเภอ สองสามีภรรยาก็แวะไปเยี่ยมกรมตำรวจโดยจูงมือเจ้าสามไปด้วย

ในชนบทไม่จำเป็นต้องให้ของขวัญพิเศษอะไรมากมาย หลินชิงเหอจึงนำไหน้ำพริกมาด้วยไหหนึ่ง

น้ำพริกไหนี้มีน้ำหนักราว 1 ชั่งและยังมีรสชาติอร่อยโดยแท้ โจวชิงไป๋ที่ชอบทานเผ็ดชอบกินมันมาก

สหายในกองทัพของเขาก็มีลิ้นเหมือนกับเขา อย่างที่คิดไว้ เขาก็ชอบมันเหมือนกัน

หลังนั่งอยู่ในกรมตำรวจอยู่นานกว่าหนึ่งชั่วโมง โจวชิงไป๋กับหลินชิงเหอก็จากมาพร้อมกับเจ้าสาม โดยสหายของโจวชิงไป๋เป็นคนมาส่งด้วยตัวเอง และยังคะยั้นคะยอให้พวกเขาแวะมาเยี่ยมเยียนอีกหากมีเวลาว่างในคราวหน้า

โจวชิงไป๋เห็นด้วย จากนั้นก็พาภรรยาไปที่ร้านค้าสหกรณ์เพื่อซื้อสิ่งของที่จำเป็นในบ้าน

หลินชิงเหอขอให้โจวชิงไป๋เข้าไปในร้านค้าสหกรณ์ก่อน ส่วนตัวเธอเองจะเข้าไปในตลาดมืด เธอสารภาพเรื่องนี้กับโจวชิงไป๋แล้ว ชายหนุ่มจึงไม่ได้ตามไป แม้แต่สุนัขที่ดีที่สุดในค่ายก็ไม่สามารถหาเบาะแสของภรรยาของเขาได้

ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเธอถึงกล้าให้สัญญากับเขาว่าหากมีคนเห็นแม้แต่ครั้งเดียว เธอก็จะล้างมือของตัวเองจนขาวสะอาด

มีสิ่งที่เรียกว่ามิติอยู่ ใครจะหาของกลางเจอล่ะ?

โจวชิงไป๋ส่ายหน้าอย่างจนใจ

ทางฝั่งหลินชิงเหอเองก็ระบายขายสินค้าที่เหลืออยู่ เธอซื้อไข่ในตลาดมืด 2 ตะกร้าและหยิบออกมาราว 1 ชั่ง จากนั้นก็นำไปให้เสิ่นอวี้

เสิ่นอวี้ได้ลูกสาว

ก่อนหน้านั้นที่เธอเข้าไปในกรมตำรวจกับโจวชิงไป๋ เธอก็เจอกับเฉินเจี๋ยผู้เป็นสามีของเสิ่นอวี้พอดี และเฉินเจี๋ยก็ได้บอกเรื่องนี้กับพวกเขา

หากเขาไม่บอก เธอก็ยังไม่รู้ ตอนนี้เธอรู้แล้วเธอจึงต้องนำของไปให้ เนื่องเพราะการมีเสิ่นอวี้อยู่ในร้านค้าสหกรณ์ทำให้เธอสามารถซื้อของหลายสิ่งที่คนอื่นไม่อาจซื้อได้

เมื่อรู้ว่าหล่อนกำลังอยู่ในช่วงฟื้นฟูร่างกายหลังคลอด การนำไข่ไปให้จึงนับว่าเป็นการทักทายที่เอาใจใส่

เสิ่นอวี้เองก็ดีใจที่เห็นเธอมาหา “พี่สาว แค่พี่มาเยี่ยมฉันก็พอแล้วล่ะค่ะ ทำไมต้องนำไข่มาให้เยอะขนาดนี้? พี่เอากลับไปให้เจ้าใหญ่กับน้อง ๆ เถอะค่ะ”

“พี่ซื้อมาให้เธอ ดังนั้นรับไว้เถอะ” หลินชิงเหอเอ่ยด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็มองเด็กหญิงในอ้อมแขนมารดาและเอ่ยขึ้น “ถ้าพ่อเจ้าใหญ่ได้มาเห็นล่ะก็คงต้องอิจฉาแน่ เขาอยากได้ลูกสาวมาตลอดเลย”

เสิ่นอวี้พองแก้มหัวเราะ ต้องบอกตามตรงว่าเธอกับสามีไม่มีความคิดลำเอียงรักลูกชายมากกว่าลูกสาวเลย ดังนั้นการมีลูกสาวคนนี้จึงไม่ใช่เรื่องผิดแต่อย่างใด

ขณะที่ทางแม่สามีของหล่อนถือในเรื่องนี้บ้าง แต่นางก็แค่พูดเท่านั้น มากกว่านั้นพวกเขายังไม่ได้อยู่ด้วยกัน

“หน้าหนาวแบบนี้ผ้าอ้อมจะแห้งช้านะ ที่บ้านพอมีถ่านอยู่บ้างหรือเปล่า? พี่พอจะรู้จักคนบางคนอยู่ ถ้าถ่านไม่พอพี่ให้ที่อยู่เขาไว้กับเธอได้นะ เธอจะได้ให้เฉินเจี๋ยไปเอามา” หลินชิงเหอบอก

“พี่สาวช่างมีน้ำใจเหลือเกินค่ะ เฉินเจี๋ยซื้อกลับมาแล้ว มันมีปริมาณเพียงพอแล้วค่ะ” เสิ่นอวี้ยิ้ม

“ดีแล้วล่ะ” หลินชิงเหอพยักหน้า จากนั้นก็เตือนให้หล่อนดื่มน้ำแกงปลามากขึ้น ส่วนที่เหลือเธอไม่มีเรื่องอะไรจะพูดแล้ว เธอทิ้งไข่ตะกร้านั้นไว้ให้หล่อนก่อนจะกลับมา

“แม่หายไปไหนมาเหรอครับ? พ่อกับผมรอแม่อยู่นานเลยล่ะครับ” เจ้าสามบอก

“ฉันแวะไปเยี่ยมเสิ่นอวี้ที่บ้านมาเมื่อครู่น่ะค่ะ” หลินชิงเหออธิบายกับโจวชิงไป๋

ชายหนุ่มพยักหน้า เขารู้เรื่องนี้เช่นกัน และเพิ่งได้ยินว่าภรรยาของเฉินเจี๋ยเพิ่งคลอดลูก จึงเป็นมารยาทที่ต้องไปเยี่ยม

หลินชิงเหอเห็นว่าทั้งพ่อและลูกยังไม่ได้ซื้อของอะไรจึงเดินมาที่โต๊ะคิดเงินและตรวจทานของด้วยตัวเอง เมื่อถามพนักงานขายก็พบว่าปีนี้เพิ่งมีเห็ดหูหนูขาวเข้ามา!?

ของสิ่งนี้ช่วยเติมความชุ่มชื้นได้เป็นอย่างดีเลยล่ะ

หลินชิงเหอซื้อมาครึ่งชั่งอย่างไม่ลังเลย จากนั้นก็ซื้อถังหูลู่สองไม้ หลังดูของอย่างอื่นเสร็จ เธอก็ซื้อสิ่งที่ต้องการและทิ้งสิ่งที่ไม่ต้องการ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ซื้อเมล็ดแตงโมกับกาแฟมาด้วย สำหรับเอาไว้ต้อนรับแขกในวันแรกของเทศกาลปีใหม่

นมผงนั้นไม่จำเป็นต้องซื้อเพราะที่บ้านยังเหลืออยู่ 1 ถุง และยังมีนมผงรสมอลต์อีก 1 กระป๋องด้วย เท่านี้ก็มีของไว้ดื่มแล้ว

หลังจับจ่ายใช้สอยไปกับของพวกนี้เสร็จ ทั้งครอบครัวก็กลับบ้าน

ทันทีที่หลินชิงเหอกลับถึงบ้าน เธอก็ให้ถังหูลู่กับเจ้าสามและพี่ชายทั้งสอง พวกเขาสามารถเอาไปแบ่งกันกินได้ และแน่นอนว่าซูเฉิงน้อยก็มารับส่วนแบ่งนี้

หลินชิงเหอลงมือแช่เห็ดหูหนูขาวให้นิ่ม

เธอจะทำซุปเห็ดหูหนูขาวกับพุทราจีน จะมีอะไรที่ให้สารอาหารสำหรับหัวใจและปอดในระหว่างหน้าหนาวที่ขาวโพลนไปด้วยหิมะนี่อีกล่ะ?

โดยเฉพาะท่ามกลางอากาศแห้งผากตอนจุดเตียงเตาที่บ้าน การดื่มน้ำซุปเพื่อต้านอาการร้อนในจึงเป็นเรื่องที่ดี

ถึงอย่างนั้นก็ต้องกินอาหารหลักด้วย

อย่างเช่นน้ำแกงซี่โครงหมูรากบัว ผัดหมูสามชั้นกับถั่วแห้ง แล้วก็หมั่นโถวแป้งถั่ว

พูดแล้วเม่ยเจี่ยก็เพิ่งส่งรากบัวมาให้ เมื่อวานนี้เธอไปรับเนื้อและเม่ยเจี่ยก็ให้รากบัวกลับมา แต่มีไม่มากนัก แค่เล็กน้อยเท่านั้น

รากบัวมีรสชาติอร่อยมากยามหั่นแว่นและนำไปทอด แต่หลินชิงเหอชอบตุ๋นมันเป็นน้ำแกงมากกว่า เมื่อใส่ซี่โครงหมูไปด้วยมันก็กลายเป็นน้ำแกงกระดูกหมูรากบัว เหนือสิ่งอื่นใด หากใส่ถั่วลิสงไปอีกหนึ่งกำมือมันก็จะทำให้น้ำซุปมีรสชาติยอดเยี่ยมมากขึ้น

เมื่อคุณปู่คุณย่าของเด็ก ๆ มาถึง ทั้งครอบครัวก็เริ่มรับประทานอาหาร

สิ่งที่ได้กินในวันหิมะตกมีอยู่อย่างจำกัด มีเพียงกะหล่ำปลีหรือไม่ก็หัวไชเท้า แน่นอนว่ายังมีถั่วแห้ง สาหร่ายแห้ง เห็ดหูหนูและเห็ดต่าง ๆ แต่มันก็ยังสู้หน้าร้อนที่มีของกินให้เลือกกินอย่างมากมายหลากหลายไม่ได้

จึงไม่มีใครคาดคิดเลยว่ารากบัวนี้เป็นที่นิยมมากขนาดไหน

ทั้งครอบครัวมารวมตัวกันทานอาหารกลางวันแสนวิเศษในขณะที่ด้านนอกบ้านมีหิมะตกอีกรอบหนึ่ง

………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

เจ้าสามเลิกงอนแม่ได้แล้วนะคะ แม่รักหนูมากที่สุดแล้ว

ดีแล้วค่ะที่พ่อไม่ได้มาเยี่ยมเสิ่นอวี้พร้อมกับแม่ ไม่รู้ว่าเห็นเด็กผู้หญิงแล้วจะน้อยใจแม่อีกหรือเปล่า

อยากกินน้ำแกงกระดูกหมูรากบัวเหลือเกินค่ะ ผู้แปลเคยสั่งจากร้านอาหารจีนมากินครั้งหนึ่งหลังดูซีรีส์ปรมาจารย์ลัทธิมาร พอมาเจอปรากฏในนิยายตอนนี้อีก ดูท่าคงต้องหาทำกินเองบ้างแล้วค่ะ

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

*นิยายเรื่องนี้อยู่ในยุค 1960 เทียบกับ พ.ศ. คือ 2503 เป็นยุคที่ประเทศจีนอยู่ในช่วงปฏิรูปการปกครองโดยมีพรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นผู้นำ ดังนั้นสรรพนาม ฉากเรื่อง ตัวละคร จะไม่เหมือนกับภาพในนิยายจอมยุทธ์กำลังภายใน จู่ ๆ ก็ทะลุมิติมาเป็นคุณแม่ลูกสามในยุคปฏิรูปการปกครองปี 60 … ใครจะไปคิดว่าชีวิตธรรมดาของ หลินชิงเหอ ผู้จัดการฝ่ายขายสาวจะเผชิญกับความไม่ธรรมดา หลังทะลุมิติเข้าไปเป็นตัวประกอบในนิยายที่เธออ่าน ซึ่งต้องเผชิญกับความยากลำบากของสถานการณ์ในช่วงเวลานั้น ไม่มีอะไรจะกินและไม่มีแม้แต่เสื้อผ้าจะสวมใส่ แต่โชคยังดีที่เธอได้พื้นที่มิติส่วนตัวไว้เก็บของ ทำให้เธอรอดตายไปได้ชั่วคราว แต่สิ่งที่น่ากังวลมากกว่านั้นก็คือ บุตรชายทั้งสามของเธอดันเป็นตัวร้ายในอนาคตของนิยายเรื่องนี้น่ะสิ แถมสามีในมิตินี้ของเธอยังต้องพบกับจุดจบน่าอนาถอีกด้วย ตัวประกอบแม่ลูกสามอย่างเธอจะเปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่องและเอาตัวให้รอดอย่างไรดีเนี่ย…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset