วู่ เฟิง ยังคงหมกหมุ้นอยู่ในความคิดของตัวเอง
ข้าควรย้อนกลับไปที่ถิ่นฐานหลักอื่น หรือกัดฟันเข้ายึดถิ่นฐานราชสีห์คำรามนี้ก่อน?
วู่ เฟิง รู้สึกลังเลมาก อย่างไรก็ตามในท้ายที่สุดเขาก็ตัดสินใจที่จะรอต่อไป 1 ชั่วโมงถือว่าไม่นานมากนักสำหรับการรอทหารทั้ง 300 นายที่จะกลับมาพร้อมข่าวคราว
กลุ่มเมฆหมอกหนาทึบปกคลุมรอบประตูทางเข้าถิ่นฐานราชสีห์คำรามไปกว่า 500 เมตร
พวกเขาสงบใจรอข่าวคราวจากทหารทั้ง 300 นาย
สายลมพัดผ่านใบหน้าของเหล่าทหาร มันค่อนข้างหนาวเย็น เป็นตัวบ่งชี้ว่าฤดูหนาวที่แท้จริงใกล้เข้ามาแล้ว พวกเขาก็รู้อยู่เรื่องหนึ่ง เมื่อถึงฤดูหนาวการทดสอบจะสิ้นสุดลง
อาณาจักรเซี่ยที่ยิ่งใหญ่จะไม่ปล่อยให้เหล่าทหารต้องทนความหนาวเย็นอยู่ในดินแดนภูเขาทางใต้
เพราะทหารของอาณาจักรไม่สามารถทนความหนาวเย็นในดินแดนภูเขาทางใต้ได้ ไม่ว่าจะเรื่องที่เมื่อหิมะตก มันจะทำให้เป็นการต่อการเคลื่อนทัพมากเกินไป
ถ้าพวกเขาต้องถูกบังคับให้ใช้ชีวิตช่วงฤดูหนาวในดินแดนภูเขาทางใต้
สิ่งที่ต้องแลกนั้นใหญ่หลวงเกินไป
เมื่อเวลาค่อยๆผ่านไป วู่ เฟิง ก็คิดถึงความเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่ง ทหารทั้ง 300 นายจะเข้าไปได้ แต่จะออกมาได้หรือไม่กัน? ถ้าเป็นแบบนั้น ข้าควรเข้าโจมตีหรือไม่?
ขณะที่เขาคิด …
มีทหารกลุ่มเล็กจากที่ไกลๆ พวกเขาคือทหารทั้ง 300 นายที่หายเข้าในเมืองนั่นเอง
เมื่อเขาเห็นสิ่งนี้ วู่ เฟิง ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก การที่ทหารนั้นสามารถออกมาได้อย่างปลอดภัย ก็สามารถยืนยันเรื่องหนึ่งในความคิดเขาได้
“รายงานขอรับ ท่านแม่ทัพ!“
“พูดมา“
“เราได้ลาดตระเวน 1 รอบ นอกจากชาวเมืองในดินแดนภูเขาทางใต้แล้ว ไม่มีทหารคนใดเฝ้ารักษาการที่ถิ่นฐานราชสีห์คำราม ดูเหมือนจะไม่มีทหารอยู่แม้แต่คนเดียวเลยขอรับ “ผู้นำทัพทหารทั้ง 300 นายกล่าวรายงานทุกอย่างที่เขาได้เห็นให้ วู่ เฟิง ได้รับรู้
“เจ้าคิดจะใช้กลยุทธ์เมืองที่ว่างเปล่าต่อกรข้าจริงๆใช่ไหม เฉิน เฟยยู่!“เมื่อ วู่ เฟิง ได้ยินเช่นนี้เขารู้สึกทึ่งเล็กน้อย
การที่ไม่มีทหารแม้แต่คนเดียวในถิ่นฐานราชสีห์คำราม แผนการที่ดีที่สุดสำหรับเขาในตอนนี้ก็คือการนำกองทัพของเขาเข้าสู่ถิ่นฐาน อย่างไรก็ตามเขาไม่สามารถปฏิเสธความรู้สึกที่ว่าจะมีกับดักบางอย่างรอเขาอยู่ได้
เฉิน เฟยยู่ คนนี้พยายามทำอะไรอยู่กันแน่?
วู่ เฟิง กัดฟันแน่นจนเกิดเสียงแตกร้าว เขากำลังคิดหนักอย่างมาก
“ท่านแม่ทัพ ตอนนี้พวกเราควรทำอย่างไร?“ผู้บัญชาการที่ยืนข้างๆ วู่ เฟิง เห็นท่าทีของเขาก่อนที่จะตัดสินใจถามออกมาเบาๆ
“เจ้ามีความคิดอะไรบ้าง?“หาได้ยากที่ วู่ เฟิง จะถามความเห็นจากผู้นำทหาร แต่คราวนี้เขาถาม เพราะเขาไม่เข้าใจจริงๆ
“ตามความคิดของข้า ข้าคิดว่าน่าจะส่งทหารส่วนหนึ่งเข้าไปยึดบริเวณที่สำคัญในถิ่นฐานราชสีห์คำรามก่อน หลังจากมั่นใจว่าทุกอย่างถูกยึดเป็นของเราหมดแล้วจะส่งทหารทั้งหมดเข้าไปก็ไม่สาย” ผู้นำทัพตอบกลับ
“อืม…” ดวงตาของ วู่ เฟิง สว่างขึ้นเล็กน้อย
นี่เป็นความคิดที่ยอดเยี่ยม ตราบเท่าที่ควบคุมพื้นที่สำคัญของถิ่นฐานราชสีห์คำรามไว้ได้ แม้ว่า เฉิน เฟยยู่ จะดักซุ่มโจมตีอยู่จริงๆ แต่ตัว เฉิน เฟยยู่ ก็ต้องเกิมความวิตกขึ้นมาแน่นอน
มันเป็นความแข็งแกร่งของทหารของเขา!
แน่นอนว่าเขาได้เปรียบกว่า เฉิน เฟยยู่ ในด้านนี้
ความสามารถในการต่อสู้!
เขามีพลังเหนือกว่า เฉิน เฟยยู่ อย่างชัดเจน
เขามีความได้เปรียบถึง 2 เรื่อง เขายังต้องกลัวอะไรอีก?
“แม่ทัพหวัง”
“รับสั่ง!“
“เจ้านำพลทหาร 3,000 นายเข้าไปในถิ่นฐานราชสีห์คำราม และเข้ายึดตามตามพื้นที่่สำคัญภายใน 1 ชั่วโมง แล้วส่งทหารกลับมารายงานข้า” วู่ เฟิง รีบออกคำสั่ง
“รับทราบ!”แม่ทัพหวังพยักหน้ารับทันที
ใต้คำสั่งของแม่ทัพหวัง ทหาร 3,000 นายเดินหน้าเข้าไปในถิ่นฐานราชสีห์คำรามอีกครั้ง
ในทางกลับกัน วู่ เฟิง ยังคงอดทนรออยู่ด้านนอก
อย่างที่พูดไป ปลอดภัยไว้ก่อนยอมดีกว่า
การทดสอบการต่อสู้ระดับสภาไม่ใช่การละเล่นของเด็ก ผิดพลาดเพียงครั้งเดียวอาจทำให้สถานการณ์พลิกกลับจากหน้ามือเป็นหลังมือได้เลย เมื่อถึงตอนนั้นมันคงสายไปแล้วที่จะมานั่งเสียใจ
ขณะที่ยืนมองดูทหาร 3,000 เดินเข้าไปที่ประตูหลักของถิ่นฐานราชสีห์คำราม เขามั่นใจมากขึ้นเมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ มีความเป็นไปได้สูงมากที่ เฉิน เฟยยู่ จะออจากถิ่นฐานราชสีห์คำรามเพื่อโจมตีเขาที่ถิ่นฐาน เหยียน เยว่ และ ฉือ ซุน
อย่างไรก็ตาม …
ถ้าเป็นอย่างนั้น วู่ เฟิง ก็รับมือไหว
อย่างแรกคือ เข้ายึดถิ่นฐานราชสีห์คำรามก่อน แล้วกลับไปที่ถิ่นฐาน เหยียน เยว่ และ ฉือ ซุนนั่นเป็นวิธีเดียวที่เขาสามารถกู้สถานการณ์ได้
“เฉิน เฟยยู่ ถ้าเจ้าโจมตีถิ่นฐาน เหยียน เยว่และ ฉือ ซุน ขอข้าจริงๆล่ะก็ …ข้าจะเลาะฟันของเจ้าทิ้งเสียให้หมด!“แน่นอน วู่ เฟิง ไม่สามารถทำอะไร เฉิน เฟยยู่ ได้จริงๆ
แม้เขาจะเป็นศิษย์ของ 1 ใน 4 เซียน แต่สถานะทางสังคมของ เฉิน เฟยยู่ ก็ไม่ใช่ธรรมดาเช่นกัน
อย่างไรก็ตามหลังจากจับเขาได้แล้ว จะให้เขาเห็นพลังที่แท้จริงของ วู่ เฟิง สักหน่อยก็ไม่เป็นไร
…
1 ชั่วโมงผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ท้องฟ้ามืดทึบเริ่มสว่างขึ้น ดวงอาทิตย์ยามเช้าทำให้เมฆหมอกค่อยๆจางหาย
น้ำค้างเกาะอยู่ตามใบไม้ ทำให้อากาศชื้นเล็กน้อย
การยืนนิ่งเฉยอยู่ท่ามกลางสายลมที่หนาวเย็น 2 ชั่วโมงเต็มนั้นก็เป็นเรื่องที่ทรมานเล็กน้อย
เหล่าแม่ทัพอยากจะควบม้าออกไปให้รู้แล้วรู้รอด แต่พวกเขาก็ไม่ได้ทำ
ลงโทษให้ยืนอยู่เฉยๆ 2 ชั่วโมง?
มีแต่ผู้ที่เคยยืนเช่นนี้มาก่อนเท่านั้นถึงจะเข้าใจความทรมานนี้
ความจริงแล้ว ไม่มีทหารคนใดรู้สึกสบายตัวเลยแม้แต่คนเดียว ผู้บัญชาการทหารเองก็รู้สึกไม่ค่อยดีนัก แม้พวกเขาจะอยู่บนหลังม้า แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะไม่เหนื่อยล้า
ทหารที่แม่ทัพหวังส่งมา กลับมาถึงในที่สุด
“รายงานถึงแม่ทัพ ทุกอย่างเรียบร้อยดี เราเข้าควบคุมพื้นที่สำคัญของถิ่นฐานราชสีห์คำรามไว้ได้แล้ว แม่ทัพหวังส่งข้ามาเพื่อรายงานให้ท่านส่งกองทหารเข้าไปได้ “
“แม่ทัพหวังล่ะ เขาอยู่ที่ไหน?“วู่ เฟิง ไม่ได้ออกคำสั่งในทันที เขาถามคำถามแทน
“เขายังคอยนำกองทหารอยู่ในถิ่นฐานขอรับ” ทหารตอบกลับทันที
“ไปบอกให้เขากลับมารายงานด้วยตัวเอง” ดวงตาของ วู่ เฟิง หรี่ลงเล็กน้อย เขาเงยหน้ามองท้องฟ้าที่เริ่มสางแล้ว
“รับทราบ!“ทหารได้รับคำสั่งและกลับเข้าไปในถิ่นฐานราชสีห์คำราม
ในทางกลับกัน วู่ เฟิง ยังคงรอคอยต่อไป
การรายงานของทหารตัวเล็กๆไม่พอให้เขามั่นใจได้ว่าถิ่นฐานราชสีห์คำรามได้อยู่ในการควบคุมของเขาทั้งหมดแล้ว มีแค่แม่ทัพหวังเท่านั้น ผู้ที่คอยติดตามของเขาเท่านั้นที่จะสามารทำให้เขามั่นใจได้อย่างแท้จริง
ไม่นานหลังจากนั้น แม่ทัพหวังก็ควบม้าออกมาอยู่ด้านหน้า วู่ เฟิง
“ท่านแม่ทัพ”
“ในถิ่นฐานราชสีห์คำรามไม่มีทหารอยู่เลยจริงๆรึ?“วู่ เฟิง มองไปที่แม่ทัพหวังที่ยืนอยู่ตรงหน้าและถาม
“เรื่องนี้… ข้าก็ไม่กล้าที่จะยืนยัน เพราะมีชาวเมืองจำนวนมากอยู่ในถิ่นฐานราชสีห์คำราม มันมีความเป็นไปได้ที่ศัตรูจะซ่อนตัวอยู่ตามสถานที่ที่เราไม่รู้จัก ยังไงก็ตาม ข้ายืนยันได้ว่าพื้นที่สำคัญในถิ่นฐานราชสีห์คำรามนั้นอยู่ใต้การควบคุมของเราแล้ว ไม่ผิดพลาดอย่างแน่นอน “แม่ทัพหวังลังเลอยู่ครู่นึงและตอบอย่างระมัดระวัง
“ข้าเข้าใจแล้ว ถ่ายทอดคำสั่งของข้า กองทัพของเราจะเข้าสู่ถิ่นฐานราชสีห์คำราม!”วู่ เฟิง กัดฟันแน่นและออกคำสั่ง
“รับทราบ!“
ขณะที่ วู่ เฟิง ออกคำสั่ง
กลุ่มเมฆหมอกดำก็เริ่มเคลื่อนตัว ค่อยๆเข้าปกคลุมถิ่นฐานราชสีห์คำราม
500 เมตร ใช้เวลาไม่นานนัก
กองทัพได้มาถึงหน้าประตูหลักของถิ่นฐานราชสีห์คำราม
วู่ เฟิง เงยหน้าขึ้นแล้วพยักหน้าเป็นสัญญาณให้ทหารที่เฝ้าระวังอยู่ที่ป้อมด้านหน้า เขาขมวดคิ้วอย่างเคร่งเครียด ไม่มีความสบายใจแม้แต่น้อย
จะเป็นกลยุทธ์เมืองที่ว่างเปล่าอย่างที่เขาคิดจริงๆหรือ?
นี่มันไม่ใช่แล่ว
ไม่ควรจะเรียกว่ากลยุทธ์อะไรทั้งนั้น มันเป็นเหมือนการหลบหนีชัดๆ?
วู่ เฟิง รู้สึกอึดอัดใจอย่างที่สุด ณ ขณะนี้ ความเป็นไปได้นับไม่ถ้วนได้พุ่งพล่านในหัวเขา ทำให้เขาไม่สามารถเข้าใจมันได้
เฉิน เฟยยู่สามารถป้องกันได้แน่นอน!
ทำไมเขาถึงหลบหนี?
มีความจำเป็นหรือไม่?
ถ้าเขาไม่กล้าที่จะต่อสู้ ทำไมเขาถึงส่งกองทัพไปจู่โจม? หลังจากจู่โจมแล้ว ถ้าเขาไม่ต้องการจะต่อสู้อีก เขาก็ไม่จำเป็นต้องส่งทหารไปอีก!
เขาส่งทหาร 2,000 นายเพื่อล่อให้ วู่ เฟิง เข้าโจมตีเมือง
แต่ล่อเพื่อให้เขามาเจอเมืองที่ว่างเปล่าเนี่ยนะ?!
ไม่ว่าเขาจะมองสถานการณ์อย่างไร …
ดูเหมือนว่า เฉิน เฟยยู่ ต้องเพี้ยนแน่ๆ!
ตอนนี้ วู่ เฟิง ไม่รู้ว่าควรจะถาม เฉิน เฟยยู่ หรือไม่ว่า
“เฉิน เฟยยู่ นี่มันบ้าอะไรกัน เจ้าเป็นตัวโง่งมหรือไงกัน?!“
เห็นได้ชัดเลยว่า เฉินเฟยยู่ ไม่ปกติ
วู่ เฟิง ไม่คิดจะสนใจอะไรอีก
ในเมื่อ วู่ เฟิง ได้รับการต้อนรับเช่นนี้จาก เฉิน เฟยยู่ ดูเหมือนเขาจะอารมณ์ดีขึ้น เขาโบกแขนเป็นสัญญาณให้กองทัพเดินหน้าเข้าสู่ถิ่นฐานราชสีห์คำรามในทันที…