วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ – ตอนที่ 1017 ฉันเฝ้าฝันถึงมันอยู่ทุกวันเลย!

ในขณะเดียวกันสิ่งที่สำคัญสำหรับหลงเจี่ยมากที่สุดคือการฝึกเอสเอเจ

หลังผ่านการฝึกและหลงเจี่ยมั่นใจว่าสมาชิกทุกคนในวงพร้อมที่จะเปิดตัวกับคนภายนอก ถึงเวลาเตรียมการกิจกรรมประชาสัมพันธ์ขั้นต่อไปของพวกเขา

วงใหม่นี้ยังไม่ได้รับความนิยมและชื่อเสียง พวกเขาไม่มีอะไรทั้งนั้น หากไม่อาจสร้างความฮือฮาได้ สิ่งที่ทำลงไปคงจะเสียเปล่า

ยังไม่ต้องพูดถึงสิ่งที่หลงเจี่ยทุ่มเททั้งชีวิตและจิตใจกับพวกเขา

เมื่อไม่มีถังหนิงอยู่ จู้ซิงมีเดียได้รับข้อกังขามามากกว่าที่เคย นั่นพาให้หลงเจี่ยยิ่งเครียดเป็นทวีคูณ ทว่าเธอไม่ได้ยอมแพ้ เธอกลับใช้สิ่งที่มีในการบันทึกการซ้อมเต้นของสมาชิกทั้งสี่ในวงและปล่อยลงในโลกออกไลน์พร้อมข้อความ วงเต้นน้องใหม่ พร้อมท้าลุย!

ด้วยข้อความประกอบที่ชวนให้อยากรู้ หลายคนกดเข้าไปดูวิดีโออย่างต้องการล้อเลียนพวกเขา พวกเขาอยากจะเห็นว่าใครกันที่กล้าจนโพสต์วิดีโออย่างนี้ได้ ทว่าในขณะที่พวกเขาเริ่มดู ความไม่พอใจก็เริ่มจางหายไปเพราะรูปร่างหน้าตาที่ดูดีของชายหนุ่มและหญิงสาวบนหน้าจอ

เสริมด้วยความสามารถของพวกเขาด้วยแล้ว ผลตอบรับที่ได้จึงดีเกินความคาดหมาย

หลังจากอุ่นเครื่องไม่นาน หลงเจี่ยก็ตัดสินใจใช้ประโยชน์จากนี้กระแสโดยการจ้างคนดังในโลกออนไลน์เพื่อประชาสัมพันธ์วิดีโอนี้โดยการออกมาล้อเลียน หมายจะทำให้เป็นประเด็นที่เป็นที่พูดถึง แม้ว่ามันจะสร้างความขัดแย้งในหมู่แฟนๆ หากแต่มันก็ได้ผลักดันภาพลักษณ์ของเอสเอเจ

ผู้คนค่อยๆ เริ่มรู้จักพวกเขาและรู้ว่าเป็นศิลปินวงใหม่ในสังกัดจู้ซิงมีเดีย

จากนั้นหลงเจี่ยพุ่งเป้าในการทำให้เป็นที่รู้จักในหมู่วัยรุ่นและนักเรียนนักศึกษา เธอรู้จุดยืนของวงดี ในเมื่อพวกเขาจะขายวงในฐานะกลุ่มวัยรุ่น แน่นอนว่าพวกเขาต้องใส่ใจกับรูปลักษณ์ที่ดูดี

แฟนคลับของเอสเอเจเริ่มก่อตัวขึ้นในโรงเรียนและมีแฟนขาประจำที่คอยตามพวกเขาไปทุกที่

หลังจากได้ผลประโยชน์มาบ้างแล้ว สมาชิกในวงจึงเชื่อในความสามารถของหลงเจี่ยขึ้นมาก ทว่าบ่อยครั้งมักมีบรรยากาศแปลกๆ เกิดขึ้นในวง สิ่งที่หลงเจี่ยไม่ทันได้สังเกตเพราะเอาแต่สนใจกับการวางแผนงานกิจกรรม

เมื่อซิงหลานเห็นว่าหลงเจี่ยตรากตรำมากแค่ไหน เป็นธรรมดาที่เธอจะต้องการช่วย เธอจึงตัดสินใจประชาสัมพันธ์วงเล็กน้อย ประจวบเหมาะกับช่วงที่เธอกำลังจะเริ่มจัดทัวร์คอนเสิร์ตและเวทีแรกของเธอคือปักกิ่ง การเชิญวงเอสเอเจมาเป็นแขกรับเชิญดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่เหมาะสม

อย่างไรก็ตามซิงหลานอยู่สังกัดไห่รุ่ยและพวกเขาก็ไม่ได้มีผลประโยชน์ร่วมกับจู้ซิงมีเดีย ผู้จัดการของเธอจึงไม่อนุญาตให้เธอทำเช่นนั้น เหตุผลหลักคือเพราะไห่รุ่ยไม่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังของวงที่หลงเจี่ยปั้นขึ้นมาแม้แต่น้อย

 กว่าซิงหลานจะมาถึงจุดนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายนัก พวกเขาจึงไม่อาจปล่อยให้เกิดเรื่องผิดพลาดขึ้นได้

ดังนั้นผู้จัดการของเธอจึงไม่อนุญาตให้ซิงหลานช่วยประชาสัมพันธ์วงเอสเอเจ

หลงเจี่ยเข้าใจในสิ่งที่ผู้จัดการของซิงหลานกังวล ว่ากันตามตรงเธอเองก็ไม่เคยคิดขอความช่วยเหลือจากใครอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นลัวเซิง ซิงหลาน หรือลัวอิงหง

“หลงเจี่ย ฉันจะพูดเรื่องนี้กับผู้จัดการเอง ฉันจะเชิญวงเอสเอเจมาเป็นแขกรับเชิญของฉัน

“ให้พวกเขาเตรียมตัวให้พร้อมนะคะ คอนเสิร์ตจะจัดช่วงปลายเดือนนี้ค่ะ”

ซิงหลานว่าอย่างจริงจังและบริสุทธิ์ใจผ่านทางโทรศัพท์ “ถึงเราจะไม่ได้เกี่ยวข้องกันทางกฎหมายแล้ว แต่จู้ซิงมีเดียจะเป็นบ้านของฉันตลอดไปค่ะ ฉันถึงยินดีที่จะช่วยไงคะ ยิ่งพอฉันได้ดูวิดีโอของเขาและมั่นใจว่าพวกเขามีความสามารถจริงๆ ด้วยแล้ว”

หลงเจี่ยวิเคราะห์สถานการณ์ที่เกิดขึ้น หากเธอปล่อยให้ซิงหลานช่วยเธอคงสามารถเลี่ยงความผิดพลาดได้ ทว่านั่นเป็นเหตุผลเดียวกับที่เธอไม่ยอมรับความช่วยเหลือ

“ตอนนี้เธอเป็นดาวรุ่งอยู่ที่ไห่รุ่ยนะ ทุกๆ อย่างที่เธอทำส่งผลต่อภาพลักษณ์ของไห่รุ่ย เอสเอเจยังมีรากฐานไม่มั่นคงดีแล้วยังมีข้อกำหนดในสัญญาที่เธอต้องทำตามด้วย เธอไม่ควรมีปัญหากับต้นสังกัดของเธอเพราะฉัน ฉันจะหาทางจัดการเรื่องของเอสเอเจเอง”

ซิงหลานใช้เวลาโน้มน้าวหลงเจี่ยทั้งคืน แต่สุดท้ายอีกฝ่ายกลับเอาแต่ปฏิเสธความช่วยเหลือของเธอ

เป็นโชคดีของเธอที่ไม่ได้ตอบตกลงไป ไม่อย่างนั้นหลงเจี่ยคงรู้สึกผิดเกินทนหากทำให้ซิงหลานพลอยติดร่างแหไปด้วยหากมีบางอย่างผิดพลาดไปจริง

“คุณอาจจะไม่เต็มใจจะยอมให้ซิงหลานช่วย แต่กับผมที่เป็นสามีของคุณล่ะครับ” ลู่เช่อถามขณะที่ยืนมองหน้าภรรยาของเขา “ผมรู้ว่าคุณอยากสร้างผลงานที่ดีเพื่อพิสูจน์ตัวเองนะครับ แต่คุณก็ไม่ควรจะมาขีดเส้นกีดกันระหว่างเราขนาดนี้สิครับ”

เมื่อได้ยินคำพูดของลู่เช่อ หลงเจี่ยก็ส่ายหน้าให้ “เชื่อฉันเถอะนะ ลู่เช่อ ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากให้คุณช่วยหรอกนะคะ แต่ฉันเองก็ยังไม่เข้าใจในตัวสมาชิกวงดีนักเลย อย่างที่คุณรู้แหละค่ะว่าทั้งหลินเฉี่ยนและลัวอิงหงต่างก็เตือนให้ฉันระวังหันซิวเช่อไว้ เพื่อไม่ให้คนอื่นพลอยซวยไปด้วย ฉันจะต้องระวังตัวไว้ไงคะ ฉันถึงได้ปฏิเสธความช่วยเหลือของซิงหลาน… คุณคิดว่าฉันจะต่อต้านความคิดที่จะทำให้ทั้งสี่คนนี้ดังเหรอคะ ฉันเฝ้าฝันถึงมันอยู่ทุกวันเลยนะคะ! ”

เมื่อเขาได้ยินเช่นนี้จึงสูดหายใจลึกก่อนพยักหน้าให้ “คุณกลายเป็นคนที่มีสติแล้วก็โตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมากเลยนะครับ”

“เพราะฉันพยายามมองสิ่งต่างๆ แบบที่ถังหนิงทำอยู่บ่อยๆ ไงคะ คิดว่าถ้าเธออยู่ที่นี่เธอจะทำยังไง”

“โอเคครับ ถ้าเป็นอย่างนั้นเวลาคุณจะลงมือทำอะไรก็บอกให้ผมรู้สักหน่อยนะครับ แล้วถ้าคุณทนไม่ไหวแล้วก็ต้องบอกให้ผมรู้เหมือนกันนะ” เขาว่าพลางรั้งหลงเจี่ยเข้ามากอดไว้ “ถึงผมจะไม่ได้เก่งรอบด้านอย่างท่านประธาน ผมก็ยังมีความสามารถในการปกป้องผู้หญิงของผมได้นะครับ โอเคไหม”

หลงเจี่ยหลับตาและสูดกลิ่นกายของลู่เช่อ การแต่งงานกับชายคนนี้ถือเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดในชีวิตของเธอ

หันซิวเช่อเฝ้ามองหลงเจี่ยหมกมุ่นกับเอสเอเจ ก่อนเผยรอยยิ้มชั่วร้ายออกมา การแจ้งเกิดอย่างไม่เป็นทางการของเอสเอเจเป็นสิ่งที่พิสูจน์ว่าหลงเจี่ยมีความสามารถจริงๆ น่าเสียดาย…ที่เธอมีความสัมพันธ์กับถังหนิง…

“หลงเจี่ย ผมสนิทสนมกับหลินเว่ยเซินอยู่นะ คุณอยากให้ผมติดต่อเขาเผื่อว่าจะได้งานสายแฟชั่นมาให้เอสเอเจไหมครับ”

หลงเจี่ยส่ายหน้าอย่างแน่วแน่ “อย่าทำให้ตัวเองเป็นหนี้บุญคุณใครเลย ต่อให้คุณจะได้งานมา มันก็ไม่มีประโยชน์อะไรกับวงหรอกค่ะ คุณต้องเข้าใจว่าทันทีที่พวกเขาโด่งดังขึ้นมางานจะเข้ามาหาเองนั่นแหละค่ะ”

“ถูกของคุณ…”             “สิ่งที่พวกเขาพลาดไปคือโอกาสในการแสดงต่างหาก…”

“ถ้าพวกเขามีโอกาสเมื่อไหร่ก็หมายความว่าพวกเขาจะได้เข้าวงการอย่างเป็นทางการสินะครับ”

หลงเจี่ยพยักหน้า ตอนนี้วิดีโอถูกใช้อย่างเป็นประโยชน์และวงก็ถูกประชาสัมพันธ์ให้คนรู้จักมากขึ้น “ฉันจะพยายามให้ถึงที่สุดเพื่อช่วยพวกเขาสร้างภาพลักษณ์ที่ดี จากนั้นก็จะหางานให้กับพวกเขา…”

“ถ้ามีอะไรให้ผมช่วยก็บอกได้นะครับ! ” หันซิวเช่อพยักหน้าให้พร้อมรอยยิ้ม

“แค่คุณช่วยแนะนำพวกเขาให้ฉันก็พอแล้วค่ะ ฉันยังไม่ได้ตอบแทนคุณด้วยซ้ำ” หลงเจี่ยกล่าวขอบคุณอย่างจริงใจ

ด้วยหวังว่าจะได้รับความจริงใจจากหันซิวเช่อกลับมาเช่นกัน

Related

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

ถังหนิง ผู้กำลังจะก้าวขึ้นไปเป็นนางแบบแนวหน้า แต่เพราะรักจึงสละสิ้นทุกอย่าง ทว่าคืนก่อนวันวิวาห์ที่เธอกำลังจะได้ครองรักดั่งหวังนั่นเอง คู่หมั้นของเธอกลับหนีออกไปกับหญิงอื่น ด้วยความเจ็บช้ำน้ำใจ เธอจึงเดินจ้ำไปหาผู้ชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่หน้าสำนักงานเขต “ประธานโม่คะ ในเมื่อเจ้าสาวของคุณยังไม่มาและเจ้าบ่าวของฉันก็หนีไปแล้วอย่างนี้… ฉันว่า… เรามาแต่งงานกันเสียเลยดีไหมคะ” … ก่อนแต่งงานเธอเอ่ยว่า “แม้เราจะนอนร่วมเตียงกัน แต่จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเรา” หลังแต่งงานเขาเอ่ยว่า “ถ้าไม่ลองแล้วจะรู้หรือ”

Options

not work with dark mode
Reset