OPEN A CLINIC TO CULTIVATE MYSELF
บทที่ 51 คนขับจักรยานยนต์ปริศนา
หลังจากออกจากคลินิกแล้วหนิงเถาก็ได้นั่งแท็กซี่มุ่งตรงไปที่สวนพฤกษศาสตร์ของบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพ
พระอาทิตย์ยามบ่ายร้อนแรงถึงขนาดที่คนขับรถแท็กซีได้หันเครื่องปรับอากาศทั้งหมดมทางผู้โดยสารและปรับมันให้อยู่ในอุณหภูมิต่ําสุดแล้ว แต่มันก็ยังรู้สึกร้อนมากอยู่ดี
หนิงเถาเปิดโทรศัพท์มือถือของเขาหลังจากที่มันได้ถูกปิดไปเป็นหลายวัน ก่อนที่จะโทรไปยังเบอร์ของหลินชิงหัว ทันทีที่อีกฝ่ายรับสาย เขาก็ได้พูดเข้าประเด็นทันที ” คุณชิงหัว! ผมต้องการวัตถุดิบยาบางอย่าง พอดีว่าก่อนหน้านี้ผมได้ไปสวนพฤกษศาสตร์ของคุณ และเห็นสมุนไพรมีค่ามากมายในสวนพฤกษศาสตร์นั้น บางทีมันอาจจะมีสมุนไพรบางอย่างที่ผมต้องการ ผมจึงอยากรู้ว่าคุณพอจะแบ่งให้ผมได้ไหม?”
เมื่อหนิงเถาพูดจบ หลินชิงหัวเองก็พูดโดยไม่ลังเลว่า “หมออยู่ที่ไหน? ผมจะไปรับคุณทันทีและพามาที่สวนพฤกษศาสตร์ ผมรับรองว่าจะให้ทุกอย่างที่คุณต้องการ”
“ คุณไม่ต้องมารับผมหรอกเพราะตอนนี้ผมอยู่ในรถแท็กซี่ที่กําลังมุ่งหน้าไปยังสวนพฤกษศาสตร์ของคุณแล้ว” หนิงเถาตอบกลับมา
“ โอ้! ตอนนี้ผมเองก็อยู่ในแล็บเหมือนกัน งั้นผมจะรอหมออยู่ที่นี้แล้วกัน” หลินชิงหัวแสดงน้ําเสียงแปลกใจออกมาเล็กน้อย
จากนั้นหนิงเถาก็วางหูและมองออกไปนอกหน้าต่าง การแสดงออกของหลินชิงหัวไม่แปลกใจสําหรับเขา แต่เขาไม่สามารถหยุดคิดเกี่ยวกับค่าเช่าที่เพิ่มขึ้นและการอัพเกรดเป็นคลินิกได้ แล้วก็มีคําถามที่ซับซ้อนกว่านั้นคือ – ค่าเช่าที่ทางคลินิกเก็บเขาไปทุกเดือนนั้นจะถูกนําไปใช้ทําอะไร? ไม่ใช้ว่ามีตัวตนที่อยู่สูงกว่านี้ขึ้นไปหรอกนะ?
ระหว่างที่หนิงเถากําลังตกอยู่ในความคิดของตัวเองนั้น ทันใดนั้นก็มีรถจักรยานยนต์คันหนึ่งได้ขี่เข้ามาทางเขาอย่างเร็ว มันเร็วมากจนแทบจะชนเข้ากับตัวรถแท็กซี่
คนขับรถแท็กซี่ที่เห็นแบบนั้นก็รีบเหยียบเบรกทันที ก่อนที่จะพูดสบถออกมาว่า “แม่*” มันจะรีบไปตายไหนวะ??”
หนิงเถาเองก็ได้มองออกไปนอกหน้าต่างก่อนที่จะเห็นมอเตอร์ไซค์เจ้าปัญหาคันนั้น มอเตอร์ไซค์คันนั้นดูเจ๋งมาก มันอาจจะมีมูลค่านับแสนหยวน ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์เองก็แปลกเช่นกัน เขาสวมหมวกไม้ไผ่แทนหมวกนิรภัย ใส่เสื้อคลุมโบราณสีดําแทนที่จะสวมใส่ชุดหนังสําหรับขี่รถจักรยานยนต์ ความประทับใจครั้งแรกของเขาที่มีต่อหนิงเถาคือเขาอาจเป็นคนรักคอสเพลย์หรือผู้ที่ชื่นชอบเครื่องแต่งกายโบราณ ซึ่งมันเป็นอะไรที่แปลกอย่างมาก
เมื่อมาถึงจุดนี้คนขี่รถจักรยานยนต์ก็หันกลับมามองเขา
จากนั้นพวกเขาจ้องมองตากันและกัน
เส้นประสาทในร่างของหนิงเถาถึงกับตื่นตัวขึ้นมาในพริบตา เมื่อเขาเห็นดวงตาสีเขียวซีดนั้น! ดวงตาของคนขี่รถจักรยานยนต์ดูเหมือนกับของหลินชิงหัวเมื่อเขาอยู่ในสภาพที่เป็นปีศาจอย่างมาก! แต่มันเป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่เขาเห็นดวงตาของอีกฝ่ายเพียงแวบเดียว ก่อนที่อีกฝ่ายจะหันกลับไป
จากนั้นคนขี่รถจักรยานยนต์ที่สวมหมวกไผ่ได้หันหน้ามาทางเขา ก่อนที่จะโยนกระดาษแผ่นหนึ่งบินไปในอากาศ และติดอยู่ที่หน้าต่างของรถแท็กซี่
หนิงเถามองไปที่กระดาษแผ่นนั้นและเห็นประโยคที่เขียนไว้ว่า “ ไปที่หมู่บ้านชามใหญ่ของภูเขามังกรดําในคืนวันที่ 15 ของเดือนจันทรคตินี้ ไปคนเดียว อย่าบอกคนอื่นเด็ดขาด”
แผ่นกระดาษอยู่เพียงสองวินาทีก่อนที่มันจะบินจากไป
หนิงเถาที่เห็นแบบนั้นก็รีบตั้งสติก่อนที่จะตะโกนให้ตามรถจักรยานยนต์ปริศนานั้นไป
“คุณลูกค้าล้อเล่นใช่มั้ยครับ?” คนขับรถแท็กซี่ร้องออกมาด้วยเสียงที่พูดเกินจริง “นั้นมันเป็นรถจักรยานยนต์นําเข้าที่มีมูลค่าหลายแสนหยวน แม้ว่าคุณจะให้ค่าจ้างผมเพิ่มเป็นสิบเท่าของค่าโดยสารปกติ รถของผมก็ไม่สามารถขับตามไปทันได้!” จากนั้นเขา ก็เสริมว่า ” ไม่ใช้ว่าตอนนี้เรากําลังอยู่ในกองถ่ายอยู่หรอกนะครับ? แบบว่าถ่ายแกล้งกันอะไรแบบนั้น?”
ขณะที่คนขับแท็กซี่กําลังพูดอยู่นั้นรถจักรยานยนต์ปริศนาก็ได้ เร่งความเร็วเข้าโค้งและหายไป เมื่อถึงตอนที่รถแท็กซี่ของเขาผ่่านโค้งนั้นเช่นกัน มันก็ไม่มีสัญญาณของรถจักรยานยนต์อยู่แล้ว
หนิงเถาที่เห็นแบบนั้นก็รู้สึกสะพรึงกลัวออกมานิดหน่อย “ มีบางอย่างผิดปกติกับคนขับขี่นั้นคนนั้น ดวงตาของเขาเหมือนกับหลินชิงหัวเมื่อเขาอยู่ในสภาพที่เป็นปีศาจเลย? หรือว่าเขาเองก็อาจจะเป็นปีศาจและอาจเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้ แต่ทําไมเขาถึงขอให้ฉันไปพบเขาที่ภูเขามังกรด้วย?”
วันที่นัดคืนวันที่ 15 ของเดือนจันทรคติ ซึ่งมันยังอยู่ห่างออกไปกว่า 10 วัน และนั้นหมายความว่าหนิงเถายังมีเวลาอีก 10 วันในการตัดสินใจว่าจะไปพบชายคนนั้นหรือไม่
เมื่อรถแท็กซี่มาถึงที่สวนพฤกษศาสตร์ของบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพ หนิงเถาก็ได้จ่ายเงินค่าโดยสารและลงจากรถ
ไม่เพียงแค่หลินชิงหัวเท่านั้นที่รออยู่ แต่ยังมีหลินชิงวู่ที่รอเขาอยู่ที่ประตูเหมือนกัน หนิงเถาไม่รู้ว่าหลินชิงวู่มาที่นี่ในเช้านี้หรือเธอมา เมื่อเธอรู้ว่าเขาจะมา
หลินชิงวู่แสดงรอยยิ้มที่ดูดีออกมา ในวันนี้เธอใส่กระโปรงสั้นสีฟ้าที่พอดีตัวพร้อมกับเสื้อยืดสีขาวไซต์เล็ก มันจึงทําให้รูปร่างส่วนโค้งมนของหน้าอกใหญ่และเอวที่เพรียวบางของเธอ
หนิงเถาได้เดินไปหาพวกเขาพร้อมกับทักทายพวกเขาด้วยรอยยิ้ม
หลินชิงบูรีบไปหาเขาและถามด้วยความรักว่า “หมอหนิง! ทําไมโทรศัพท์มือถือของคุณถึงปิดอยู่ตลอดเวลากัน? ฉันนี้ได้โทรไปหา คุณทุกวันหลังจากที่เราแยกกันที่โรงพยาบาล แต่จนถึงเมื่อวานนี้โทรศัพท์ของคุณปิดอยู่ตลอดเวลาจนฉันคิดจะโทรเรียกตํารวจเลยรู้ไหม? ”
หนิงเถาได้แสดงรอยยิ้มออกมา ก่อนที่เขาจะพูดขึ้นว่า ” ผมต้องขอโทษด้วย พอดีโทรศัพท์ของผมมันแบตหมดนะ”
หลินชิงวู่เห็นแบบนั้นก็ขยิบตาเป็นเชิงล้อเล่นและพูดว่า “คุณไม่รู้วิธีชาร์จโทรศัพท์หรือไง? หรือว่าที่แท้คุณไปทําอะไรไม่ดีมากัน? บอกฉันได้ไหมว่ามันเป็นอะไร?”
หนิงเถาเพียงแค่ยิ้มออกมาโดยไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่มเติม ที่เขาปิดโทรศัพท์เพราะเขาต้องการสมาธิเพื่อใช้ในการฝึก ถึงแม้ว่าเขาจะบอกเรื่องนี้กับเธอ ก็มีความเป็นไปได้มากที่เธอจะไม่เชื่อเรื่องที่เขาพูด
หลินชิงหัวมองไปยังหนิงเถาและพูดด้วยรอยยิ้มว่า ” หมอหนิง! คุณไม่รู้ว่าน้องสาวของผมนั้นกระตือรือร้นที่จะเห็นคุณมากแค่ไหน เธอถึงกับพูดถึงคุณข้างหูของผมหลายครั้งต่อวันเลยที่เดียว จนผมเริ่มรู้สึกแล้วว่าหูของตัวเองจะดับอยู่แล้ว “
หลินชิงวู่รีบมองที่พี่ชายของเธอและพูดว่า “ชิงหัว! พี่ยังเป็นพี่ชายของฉันอยู่ไหม? ทําไมพี่ถึงกล้าพูดเรื่องหน้าอายแบบนี้ออกมาต่อหน้าหมอหนิงกัน? ระวังตัวเอาไว้เลยนะ! ฉันจะไม่พูดอะไรกับพี่อีกเลย!”
จากนั้นเธอก็บอกให้หนิงเถาเลิกเรียกเธอว่าคุณได้แล้ว เธอพยายามบอกให้หนิงเถาเรียกเธอว่าชิงรู่ก็พอ
อันที่จริงแล้วหนิงเถาไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไรแบบนี้ แต่ในเมื่ออีกฝ่ายบอกให้เขาเรียกแบบนั้นเขาก็จะเรียกแบบนั้น
“คุณชิงหัว! นี่คือสมุนไพรที่ผมต้องการ! คุณพอจะมีไหม?” หนิงเถาได้นํารายการสมุนไพรที่เขาเตรียมออกมาก่อนที่จะส่งมอบให้กับหลินชิงหัว และนี้ก็เป็นการเปลี่ยนหัวข้อที่หน้าอึดอัดใจก่อนหน้านี้ด้วย
หลินชิงหัวดูรายการสมุนไพรเสร็จก็ได้พับเก็บพวกมันเอาไว้ใน กระเป๋ากางเกงของเขา โดยไม่ได้บอกว่ามีหรือไม่ เขาเลือกที่จะพูดว่า “พวกเรามาคุยกันข้างในกันเถอะ”
หนิงเถาที่ได้ฟังแบบนั้นก็พยักหน้าแล้วพูดว่า “โอเค! เราเข้าไปคุยกันข้างในกันเถอะ”
หลังจากเข้าสู่สวนพฤกษศาสตร์ หลินชิงหัวได้ขับรถพาหนิงเถา และหลินชิงวู่ไปที่ห้องแล็บที่เขาทํางานทันที
สวนพฤกษศาสตร์กลายเป็นสถานที่เงียบสงบอย่างมาก มันเหมือนว่าจะไม่มีคนทํางานอยู่ที่นี้เลย
” ทําไมที่นี้ถึงได้เงียบแบบนี้ละ? ไม่ใช้ว่าต้องมีคนคอยดูแลสมุนไพรเหรอ?” หนิงเถาถามออกมาด้วยความอย่างสงสัย
“ ผมจะปิดสวนพฤกษศาสตร์แล้วละ” หลินชิงหัวตอบกลับมา
“ปิดสวนพฤกษศาสตร์เหรอ?” หนิงเถารู้สึกประหลาดใจกับสิ่งที่ได้ยิน นี่เป็นสวนพฤกษศาสตร์ขนาดใหญ่ที่มีราคาอย่างน้อย 10 ล้านหยวน ใครๆก็ต้องรู้สึกประหลาดใจเมื่อรู้ว่าสถานที่แห่งนี้กําลังถูกปิด
หลินชิงหัวหันกลับมาด้วยรอยยิ้มและพูดต่อว่า “ไม่เพียงแต่ผมจะปิดสวนพฤกษศาสตร์และห้องแล็บของผมเท่านั้น แต่ผมจะยกเลิกโครงการต้นกําเนิดบรรพบุรุษอีกด้วย”
เมื่อหนิงเถาได้ฟังแบบนั้นเขาก็ตระหนักว่าหลินชิงหัวกําลังทําตามสัญญาที่ตัวเองทําเอาไว้ แน่นอนว่าใบสั่งยานั้นมีเงื่อนไขเพียงข้อเดียวนั้นคือ ทําลายต้นตอปิศาจ และดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะเคร่งคัดกับเรื่องนี้มาก
และเหตุผลที่หลินชิงหัวได้กลายเป็นปีศาจก็เพราะโครงการนี้ ดังนั้นจึงไม่แปลกที่เขาคิดจะทําลายมันให้จบๆไป ก่อนที่เขาจะกลับมาใช้ชีวิตประจําวันตามเดิม
“ ฉันเองก็คิดว่ามันดีเหมือนกัน ด้วยวิธีนี้ในอนาคตฉันก็ไม่ต้องมาคอยกังวลว่าพี่ชายของฉันจะประสบอุบัติหรือเป็นโรคปริศนาอะไรอีก” หลินชิงวู่เองก็เห็นด้วยกับเรื่องนี้
หนิงเถาที่ได้ยินแบบนั้นพยักหน้าเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ก็ดีแล้วล่ะ”
แม้ว่าเรื่องทุกอย่างจะลงเอยแบบนี้ แต่แท้จริงแล้วเรื่องมันยังไม่จบอย่างที่คิด ด้วยข้อมูลและวัตถุดิบที่ทางตํารวจมี มันเป็นไปไม่ได้ เลยที่จะทําลายต้นตอปีศาจได้จริงๆ
ในความเป็นจริงเมื่อเขาทําข้อตกลงกับหลินชิงหัวก่อนหน้านี้ เขาได้เตรียมใจไว้ว่าอีกฝ่ายจะทําตัวเหมือนเจียงหยีหลง พูดอีกอย่างคือเขาคิดว่าอีกฝ่ายคงจะพยายามผัดวันประกันพรุ่ง แต่เขาไม่ได้คาดหวังว่าหลินชิงหัวจะรีบทําสัญญาเร็วแบบนี้
” คุณคิดอะไรอยู่?” หลินชิงวู่ผลักแขนของหนิงเถาเบาๆ “มีอะไรไม่ถูกต้องเหรอ?”
หนิงเถาที่ได้ยินแบบนั้นก็รวบรวมความคิดของเขาเล็กน้อย ก่อนที่จะพูดขึ้นว่า “ไม่มีอะไร! ผมแค่คิดว่ามันเป็นอะไรที่น่าเสียดายเท่านั้น”
“ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร?” หลินชิงวู่พูดต่อว่า “เราจะประมูล มันที่บ้านประมูลในเดือนหน้า ด้วยวิธีนั้นเราจะไม่ขาดทุนอะไรเลย”
” สถานที่นี้จะถูกประมูล?” หนิงเถามองไปรอบๆเรือนกระจกทันสมัยทั้งสองด้านของถนน รวมถึงสมุนไพรหายากทุกชนิดในทุ่งสมุนไพร เขารู้สึกว่าเขาเองก็อยากได้สวนพฤกษศาสตร์แห่งนี้เหมือนกัน
หลินชิงวู่ยังคงพูดเน้นต่อว่า ” นี่คือสิ่งที่พี่ชายและพ่อของฉันตัดสินใจไปแล้ว ดังนั้นมันจะไม่มีทางเปลี่ยนแปลง”
หนิงเถานึกถึงหมอยาบุปผาที่เขาเพิ่งค้นพบและแผนการทําเงิน มันจะดีแค่ไหนถ้าที่เขาได้สวนพฤกษศาสตร์แห่งนี้ ด้วยวิธีนี้เขาสามารถใช้สมุนไพรที่นี่เพื่อทําสิ่งที่ดีได้มากมาย เช่น ยา เครื่องเทศ ผลิตภัณฑ์ความงาม เป็นต้น
นอกจากนี้เขายังมีความมั่นใจในการสร้างรายได้มหาศาลจากมัน
ยังไงก็ตามเขาไม่สามารถซื้อสวนพฤกษศาสตร์นี้ได้อยู่ดี
รถเที่ยวชมไฟฟ้าได้หยุดที่ทางเข้าห้องแล็บ จากนั้นทั้งสามก็เดินลงไปและเข้าสู่ห้องแล็บ
ห้องแล็บได้ว่างเปล่าทั้งหมด ไม่มีพนักงานแม้แต่คนเดียว
ในสํานักงาน หลินชิงหัวพูดว่า “ชิงวู่! น้องช่วยไปชงชามารับหมอหนึ่งที่สิ! พอดีว่าพี่จะคุยอะไรกับเขาก่อน ”
“ได้ค่ะ” หลินชิงวู่ตอบรับก่อนที่จะเดินแยกจากไป
หลังจากที่หลินชิงวู่เดินออกจากห้องไป หลินชิงหัวจากเดิมที่ยังดูปกติก็เปลี่ยนไป สิ่งที่บ่งบอกได้ชัดเจนที่สุดคือสีตาของเขาเปลี่ยนไป จากเดิมเป็นสีดําตอนนี้เปลี่ยนไปเป็นสีเขียวเข้ม
หนิงเถาที่สังเกตเห็นแบบนั้นก็รู้สึกตกใจเป็นครั้งที่สองในรอบวันนี้ ก่อนที่จะตะโกนออกมาว่า “คุณกําลังทําอะไร? คุณต้องตั้งสติเอาไว้นะ! อย่าปล่อยให้ปีศาจมันสิงร่างคุณได้อีก”
ในอีกภาพลักษณ์หนึ่งของหลินชิงหัว เขา ไม่สิ เธอเป็นปีศาจที่เซ็กซี่สุดๆ ด้วยขนาดของหน้าอกและก้นใหญ่ๆของเธอ
หนิงเถาเคยเห็นปีศาจตัวนี้มาแล้วครั้งหนึ่งในคลินิกของเขาเอง ในครั้งนั้นถ้าไม่ใช้เพราะตัวคลินิกช่วยเขาเอาไว้ ไม่อย่างนั้นเขาก็คงไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้อย่างที่เป็น ในทีแรกเขาก็คิดว่าด้วยยาอมตะที่เขาให้อีกฝ่ายกินเข้าไป มันจะทําลายอีกตัวตนหนึ่งของเขาไปแล้ว เขาไม่คิดว่าอีกฝ่ายยังคงอยู่ ถ้าในเวลานี้อีกฝ่ายเข้ามาโจมตีเขาละก็มีความเป็นไปได้ว่าเขาจะเจ็บตัวเป็นแน่
ถ้าพูดกันตามตรงแล้วเมื่อหลินชิงหัวทานยาเข้าไปมันควรจะทําให้โรคหายไป แต่ดูเหมือนว่าโรคที่อีกฝ่ายเป็นนั้นจะไม่ใช้โรค แต่เป็นปีศาจจริงๆ
“ช่วยฉัน ไม่…ช่วยผมด้วย”