ราชาเหนือราชัน – ตอนที่ 88 : คุณชายผู้นี้ยุ่งมาก

เมื่อเหล่าศิษย์ได้ยินหยางเกาฉวนเรียกให้เซี่ยงเส้าหยุนอยู่ก่อน พวกเขามองไปที่เด็กหนุ่มทันที ทั้งสิบคนในห้องนั้น มีเพียงเซี่ยงเส้าหยุนคนเดียวที่มีระดับยุทธ์ต่ำสุด แต่กลับได้รับการดูแลอันยอดเยี่ยมจากท่านเจ้าตำหนัก ดังนั้น เข้าใจได้ว่าเด็กหนุ่มจะต้องตกเป็นเป้าหมายแน่นอน

“ท่านเจ้าตำหนักต้องการสิ่งใด?” เซี่ยงเส้าหยุนถาม

หยางเกาฉวนมองไปที่เซี่ยงเส้าหยุนเพียงเล็กน้อย ก่อนจะเผยใบหน้าอ่อนโยน ขณะที่กล่าว “เส้าหยุน กงฉินหยินไม่งดงามหรือ?”

คำถามนั่นสร้างความงุนงงต่อเซี่ยงเส้าหยุน “ท่านไปเอาคำพวกนั้นมาจากไหน ท่านเจ้าตำหนัก? จะว่าไงดี นางก็ดูดีนะ ข้าคิดว่า”

“เจ้าหนู เจ้าไม่ต้องพูดปดเช่นนี้หรอก ข้าเห็นเจ้าจ้องมองนาง” หยางเกาฉวนแกล้ง คำกล่าวของเขาไม่เหมือนกับผู้ที่มียศสูงเช่นนี้

“อ้อ ข้าเพียงมองไปเรื่อย มีปัญหาหรือ?” เซี่ยงเส้าหยุนสวนกลับด้วยความหลงตัวเอง

“ฮ่า ฮ่า เจ้าพูดถูก ผู้เยาว์เช่นเจ้าไม่เกรงกลัวเลยที่จะเผยความรัก มันไม่ใช่สิ่งที่แย่นักหรอก” หยางเกาฉวนกล่าว และหัวเราะเสียงดัง สร้างความสับสนแก่เซี่ยงเส้าหยุนมากขึ้นไปอีก

หยางเกาฉวนเริ่มพูดถึงความเป็นจริง “ถ้าให้ข้ากล่าวละก็ กงฉินหยินเป็นศิษย์ที่น่าภาคภูมิใจที่สุดของข้า และพรสวรรค์ของนางไม่ได้ด้อยไปกว่าเจ้าเลย พวกเข้าทั้งสองช่างเป็นคู่ที่ยอมเยี่ยม ข้าหวังว่าพวกเข้าทั้งสองจะสามารถ”

แต่ก่อนที่เขาจะทันกล่าวจนจบ เซี่ยงเส้าหยุนพูดแทรกขึ้น “หยุดก่อน ท่านเจ้าตำหนัก ท่านคิดมากไปแล้ว ข้าไม่เคยคิดเช่นนั้นเลย” นี่มันเรื่องตลกอะไรกัน ในสายตาของเขา กงฉินหยินดูราวกับเสือที่ดุร้าย

“ทำไมเล่า? เจ้าคิดว่านางไม่คู่ควรงั้นหรือ?” หยางเกาฉวนถามด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก

เซี่ยงเส้าหยุนตอบกลับ “นี่ไม่ใช่คำถามว่าใครคู่ควรกับใคร พวกเราต่างยังเยาว์ คงยังไม่ถึงเวลาที่เราจะพูดเรื่องความรัก และการแต่งงาน”

“เจ้าโกหก ให้ข้าได้บอกเจ้าสักอย่างเถิด เจ้ามีทั้งพรสวรรค์ และผู้อาวุโสเจิ้นเผิงคอยติดตาม แต่หากเจ้าสามารถรับความรักของฉินหยินได้ ข้ามั่นใจว่าเจ้าจะบรรลุเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับราชาแน่นอน” หยางเกาฉวนล่อลวงเซี่ยงเส้าหยุน

เมื่อเซี่ยงเส้าหยุนได้ยินคำของท่านเจ้าตำหนัก ยิ่งทำให้สับสนมากขึ้น ด้วยรู้สึกว่าท่านเจ้าตำหนักต้องการจับคู่ตนเองกับเสือร้ายตนนั้น

“ท่านเจ้าตำหนัก นั่นเป็นเพียงความปรารถนาของท่านเพียงผู้เดียว ท่านต้องถามความเห็นของแม่นางฉินหยินก่อนจะตัดสินใจ หากนางเต็มใจข้าก็ไม่รังเกียจที่จะยอมรับเช่นกัน” เซี่ยงเส้าหยุนกล่าว เขาไม่จำเป็นต้องกังวลกับการอธิบายอีก ภายในความคิด เด็กหนุ่มเพิ่มประโยค ‘เราไม่รังเกียจที่จะรับนางเป็นสาวใช้เพื่ออุ่นเตียงหรอก’

หากหยางเกาฉวนได้ยินคำในความคิดของเขาล่ะก็  อาจจะไอเป็นเลือดด้วยความโกรธ กงฉินหยินเป็นศิษย์ที่เขาภาคภูมิใจ และจำนวนชายหนุ่มที่มีความสามารถมากมายต่างไขว่คว้าตัวนาง แต่เจ้าเด็กบ้านี่กลับคิดเพียงให้นางเป็นคนรับใช้คอยอุ่นเตียงแค่นั้นหรือ?

เฮ้อ นี่เจ้าไม่เข้าใจว่าสิ่งใดจะส่งผลดีกับเจ้า ก็ได้ อย่ามาโทษข้าแล้วกัน” หยางเกาฉวนกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย และกล่าวเสริม “ในอีกราวสี่เดือนก่อนจะถึงการประลองประจำเมือง เจ้ามีความมั่นใจจะเพิ่มระดับยุทธ์ให้บรรลุสามขั้นก่อนถึงตอนนั้นไหม?”

“สักสองขั้น” เซี่ยงเส้าหยุนกล่าว และเสริม “มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย”

ความจริงแล้ว เขามั่นใจว่าจะทำมันได้ แต่พยายามถ่อมตัวเท่านั้น หลังจากทั้งหมด เขามีแผ่นจะบรรลุระดับแปรสภาพภายในหนึ่งปี หากเขาต้องการบรรลุเป้าหมาย โดยธรรมชาติแล้วจะต้องทำบางอย่าง เช่นการฝึกยุทธ์เพื่อบรรลุสามขั้นในสองถึงสามเดือน

“ข้ารู้ว่ามันยาก แต่ข้าหวังว่าเจ้าจะทำมันได้ ข้าเชื่อว่าเจ้าจะสร้างปาฏิหาริย์ได้อีกครา” หยางเกาฉวนกล่าว เขาตั้งความหวังไว้กับเซี่ยงเส้าหยุน

ด้วยเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับดวงดาวขั้นสี่ เซี่ยงเส้าหยุนยังสามารถเอาชนะหลี่เถียนปา ซึ่งเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับดวงดาวขั้นแปดได้ หลังจากเพิ่มพูลการฝึกยุทธ์ถึงสี่ขึ้น เขาจะสามารถเผชิญหน้ากับผู้ฝึกยุทธ์ช่วงท้ายของระดับดวงดาวได้ นั่นจะยิ่งเพิ่มความหวังให้กับตำหนักยุทธ์ได้สิบอันดับแรกอีกด้วย

“ท่านเจ้าตำหนัก ท่านทำให้ข้าเครียดนะ” เซี่ยงเส้าหยุนยักไหล่ “เหตุใดจึงไม่มอบยาวิญญาณระดับกลาง และสูงสักสองสามก้านให้ข้าเล่า? ด้วยสิ่งนั้น มันจะง่ายกว่ามากสำหรับข้า ที่จะพัฒนาการฝึกยุทธ์ให้ได้ถึงสามขั้น

“เจ้าหนู เจ้าคิดว่ายาวิญญาณเป็นดั่งพืชผักทั่วไปหรือไร? ไม่นานมานี้ ผู้ดูแลโถงโอสถากล่าวกับข้าเรื่องที่เจ้านำยาวิญญาณระดับต่ำมากมายไปขาย นั่นยังไม่พออีกหรือ? นอกจากนี้การใช้ยาวิญญาณจะทำให้รากฐานของเจ้าต้องสั่นคลอน หากเจ้าไม่เพิ่มพูลการฝึกยุทธ์ควบคู่ไปด้วย เจ้าสามารถรอคอย และเข้าร่วมการประลองประจำเมืองได้อีกสามปีข้างหน้า ถึงตอนนั้น ข้าคิดว่าเจ้าคงบรรลุระดับแปรสภาพแล้ว และการเข้าถึงสิบอันดับแรกคงจะไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป” หยางเกาฉวนกล่าว

ในตอนนั้น หยางเกาฉวนดูเหมือนจะหนักถึงบางสิ่ง ก่อนจะกล่าว “นั่นสินะ ข้าคงจะเร่งรีบเกินไป เจ้าควรเข้ารวบงานนั่นในครั้งหน้านะ ใช่แล้ว เจ้าควรจะได้นั่งตรงนี้ในอีกสามปี ใช่แล้ว ทำไมเราถึงไม่คิดเรื่องแบบนี้ก่อนหน้านี้เล่า? เพียงสามปีคงไม่มีผลอะไรกับเรา!”

“หือ? ไม่ใช่ ข้าคิดว่าไม่เหมาะสม” เซี่ยงเส้าหยุนร้องออก แม้เขาจะไม่ทราบว่าการประลองประจำเป็นจะเป็นแบบใด แต่เขาก็รู้ดีว่ามันคือโอกาสที่จะได้ปรับอารมณ์ตนเอง ความจริงแล้ว การเข้าร่วมจะช่วยให้เติบโตได้อย่างรวดเร็ว และที่สำคัญกว่านั้น เขาไม่สามารถนั่งรอได้ถึงสามปี

“สิ่งใดไม่เหมาะสมกัน? ข้ามุ่งเน้นไปที่ชัยชนะที่เหนือกว่าหลี่เถียนปา เป็นเหตุผลว่าทำไมเราจึงตั้งความหวังกับเจ้า แต่ตอนนี้ข้าคิดว่าสิ่งที่ควรทำที่สุดคือรอคอย” หยางเกาฉวนกล่าว

“ไม่มีทาง สามปีนั่นมันยาวนานนักนะขอรับ” เซี่ยงเส้าหยุนกล่าวจมดิ่งสู่ความมืดมน

“ไม่เลย มันไม่ได้นานเพียงนั้น เอาล่ะ เจ้าไปได้แล้ว” หยาวเกาฉวนผายมือ

เซี่ยงเส้าหยุนเผยสีหน้าตื่นตระหนก ขณะกล่าว “ยังมีเวลาอีกตั้งสี่เดือน ข้ามั่นใจว่าจะสามารถบรรลุได้สองหรือสามขั้นอย่างแน่นอน!”

“แม้จะเป็นเช่นนั้น แต่ก็ยังเสี่ยงอยู่ดี การรอคอยให้ถึงงานประลองครั้งหน้าดูจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด เมื่อถึงตอนนั้น เจ้าคงจะบรรลุระดับแปรสภาพแล้ว และยังมีคุณสมบัติตามข้อกำหนดในด้านอายุด้วย” หยางเกาฉวนแนะนำ

“หากให้ข้ารอ ข้าก็จะไม่เข้าร่วม” เซี่ยงเส้าหยุนเริ่มเกรี้ยวกราด หากรอถึงสามปี คงไม่มีเหตุผลให้เข้าร่วมแน่ หากถึงเวลานั้น การแข่งขันคงไม่ใช่ตัวเลือกที่สมบูรณ์สำหรับเขาอีกต่อไปแล้ว

“เหตุใดจึงใจร้อนเช่นนี้ เจ้าหนู? ความใจร้อนจะเป็นผลเสียต่อการฝึกยุทธ์ของเจ้านะ” หยางเกาฉวนแนะนำอีกครั้ง

เซี่ยงเส้าหยุนรู้สึกไม่อยากสนทนากับคนผู้นี้อีก เขาหันกลับ และสะบัดมือ เข้ากล่าว ก่อนจะออกไป “อย่ามองหาข้าหากไม่มีสิ่งสำคัญใด หรือหากแม้มีบางสิ่งสำคัญ ก็อย่ามองหาข้าด้วย คุณชายผู้นี้ยุ่งมากนัก”

เซี่ยงเส้าหยุนผู้โกรธเคืองนั้น ไม่แม้จะแสดงความเคารพต่อเจ้าตำหนักเสียด้วยซ้ำ

หยางเกาฉวนตกใจ ก่อนจะกล่าว “ก็ได้ ก็ได้ เจ้าหนู กลับมาก่อน เรายังคุยกันไม่จบ”

เซี่ยงเส้าหยุนแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินสิ่งใด และยังคงก้าวออกไป

“ก็ได้ เจ้ายังสามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็วใช่หรือไม่? หากเจ้าสามารถทำได้ ก็จงอย่ากลับมาอีก “ หยางเกาฉวนบ่น และกล่าวเสริม “เดิมทีข้ามีแผนจะเปิดวังวรยุทธ์เพื่อช่วยให้เจ้าฝึกยุทธ์ แต่ดูเหมือนเจ้าจะไม่สนใจสิ่งนี้เสียแล้ว”

หยางเกาฉวนดูราวกับหมาจิ้งจอกชรา เมื่อหว่านล้อมเซี่ยงเส้าหยุนได้สำเร็จ เด็กหนุ่มสนใจคำเหล่านั้น

“ท่านเจ้าตำหนัก วังวรยุทธ์ที่ท่านว่าคือสิ่งใด?” เซี่ยงเส้าหยุนหันกลับมา และถาม

“เพียงแค่ปล่อยมันไว้ เหมือนกับว่าเราไม่เคยมีศิษย์” หยางเกาฉวนกล่าวอย่างไม่พอใจ หากเป็นศิษย์ผู้อื่น คงจะโดนเขาตบตีจนตายแล้วหากไม่แสดงความเคารพเช่นนี้ น่าเสียดายที่เจ้าเด็กนี่เป็นคนที่เขาไม่กล้าแตะต้อง

“เอาน่า ท่านเจ้าตำหนักที่เคารพ ท่านเป็นผู้นำอันชาญฉลาด และยังเป็นผู้นำที่มีเมตตา และยุติธรรม ท่านทั้งยังเยาว์ และแข็งแกร่ง ตัวสูง และหล่อเหล่า” เซี่ยงเส้าหยุนเริ่มกล่าวเยินยอเจ้าตำหนัก

ความจริงแล้ว คำชื่นชมเหล่านั้นมันมากเกินไปจนเจ้าตำหนักเริ่มอับอาย

I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน

I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน

我不是大魔王
Score 7.8
Status: Ongoing Released: 2019 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน เรื่องย่อ นครขอบนภา เมืองอู่ ตำหนักยุทธ์ ตำหนักยุทธ์คือสถานที่ในเมืองอู่ ที่ได้คัดเลือกผู้ฝึกยุทธ์จากต่างเมืองมาเป็นลูกศิษย์ ทุกฤดูใบไม้ผลิ จะมีการคัดเลือกลูกศิษย์หน้าใหม่ เพราะเหตุนั้น บุตรหลานและผู้เยาว์จากหลากหลายหมู่บ้านใกล้เคียง ต่างก็หลั่งไหลกันมาเพื่อเข้ารับการทดสอบเข้าตำหนักยุทธ์ พวกเขาต่างมาแสวงหาซึ่งกำลัง ในปีนี้ การคัดเลือกเป็นลูกศิษย์ของตำหนักยุทธ์ ได้สิ้นสุดลงไปแล้ว วันนี้ได้มีเด็กหนุ่มผู้หนึ่งที่แต่งตัวราวกับบัณฑิตได้ยืนอยู่ตรงหน้าประตูหลักของตำหนักยุทธ์ อ้อนวอนขออนุญาตเพื่อให้ได้เข้าไป เด็กหนุ่มผู้นี้น่าจะมีอายุราวสิบห้าถึงสิบหกปีและมีคุณสมบัติที่ผ่านการขัดเกลามาอย่างดี เป็นเด็กหนุ่มที่มีใบหน้าที่หล่อเหลาเจิดจ้า ข้อบกพร่องคือร่างกายมีรูปร่างที่ผอมและเสื้อผ้าของเขาก็ขาดรุ่งริ่งราวกับผ่านพ้นอะไรมามากมาย ไม่ต่างกับบัณฑิตผู้ยากไร้ “เจ้าหนุ่ม ข้ากล่าวไปหลายครั้งแล้วไม่ใช่หรือ เหตุใดเจ้ายังดื้อรั้นอยู่อีก? ช่วงเวลาที่ตำหนักยุทธ์ได้คัดเลือกเหล่าลูกศิษย์ได้เสร็จสิ้นไปแล้ว ถ้าหากเจ้าอยากจะเข้าร่วมตำหนัก เจ้าจงรอฤดูใบไม้ผลิครั้งหน้าและจงกลับมาอีกครั้งหนึ่ง” ทหารยามที่ยืนเฝ้าสังเกตการณ์ข้างหน้าตำหนักได้กล่าวต่อสักคำหนึ่งกับเด็กหนุ่มราวกับใกล้จะหมดความอดทน ทหารยามอีกคนหนึ่งเผยท่าทีดุร้ายจับจ้องประหนึ่งคมมีดไปยังเด็กหนุ่มพร้อมตะคอกใส่ “เจ้ามาที่นี่ก็สามวันแล้ว หากเจ้ายังไม่ไปให้พ้นจากตรงนี้ อย่าหาว่าพวกข้าไม่เตือนนะ” ทหารยามทั้งสองเชี่ยวชาญในการรับมือกับบุคคลที่ไร้ยางอายที่จะคิดเข้าไปให้ได้ เด็กหนุ่มเผยรอยยิ้มเจิดจ้าและหัวเราะ พูดว่า “พี่ชายทั้งสองอย่าทำเช่นนี้เลยข้า เซี่ยงเส้าหยุนเป็นอัจฉริยะที่พบเห็นได้ในรอบร้อยปี! ตราบใดที่พวกท่านอนุญาตให้ข้าเข้าไปข้างใน ข้าก็จะได้เป็นลูกศิษย์ของตำหนักยุทธ์อย่างแน่นอน ไม่เพียงเท่านั้นนะ ข้ายังจะเป็นลูกศิษย์ที่เลิศล้ำที่สุดในประวัติศาสตร์ของตำหนักยุทธ์! และเมื่อนั้นข้าจะไม่ลืมบุญคุณของท่านทั้งสองเลย” “ไร้สาระ! เรียกตัวเองว่าอัจฉริยะในรอบร้อยปีงั้นรึ? มองดูรูปร่างผอมบางของเจ้าก่อนไหม? ข้าเดิมพันว่าเจ้ารับหมัดของข้าไม่ได้ด้วยซ้ำ!” ทหารยามเผยสายตาดุร้ายขณะที่เขาตวาดเด็กหนุ่มพร้อมปล่อยหมัดออกไป ขณะที่หมัดกำลังเข้าใกล้ เด็กหนุ่มที่เรียกตัวเองว่าเซี่ยงเส้าหยุนตะโกนขึ้น “หยุดนะ” ดูเหมือนว่าเสียงร้องของเซี่ยงเส้าหยุนจะได้ผล มีพลังอำนาจบางอย่าง ราวกับว่าเขาคือบุคคลที่คนนับหมื่นจะต้องตกอยู่ภายใต้ตัวเขา ทหารยามผู้ที่มีสีหน้าดุดันเหม่อมองชั่วขณะหนึ่ง ดูเหมือนจะมีบางสิ่งที่แปลกประหลาดจากตัวเด็กหนุ่ม แรงกดดันมหาศาลที่อธิบายไม่ได้ที่ฉายผ่านดวงตาที่มองมา ถึงแม้ว่าทหารยามยังคงเย้ยหยันอย่างเย็นชา “กลัวแล้วงั้นรึ? งั้นก็ไสหัวไปซะไม่อย่างนั้นวันนี้จะต้องได้เห็นดีกันแน่” “นี่มันช่างน่าขัน นายน้อยผู้นี้ได้พบเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ใยจึงต้องหวาดกลัวด้วยเล่า?” เซี่ยงเส้าหยุนคิดกับตัวเอง แต่ทว่าท่าทียังคงชวนสงสารเวทนา เขาเผยรอยยิ้มอีกครั้งและพูดว่า “ดูสิ่งนี้สิ!” ในมือของเขาปรากฎชิ้นส่วนหินที่ส่องแสง หินก้อนนั้นดูบริสุทธิ์และไร้มลทิน ผู้ใดพบเห็นย่อมต้องตกตะลึง ทหารยามหวาดระแวงที่จะจ้องมองหินก้อนนั้น เมื่อมองให้ดี สีหน้าของเขาดูเปลี่ยนไปราวกับว่ามีบางสิ่งกำลังจะเกิดขึ้น เซี่ยงเส้าหยุน หัวเราะ “ฮี่ฮี่ อยากได้ใช่มั้ยล่ะ? ถ้าเกิดว่าให้คุณชายคนนี้ได้เข้าสู่ตำหนัก เจ้าเศษหินนี่…” เพี๊ยะ! ก่อนที่เซี่ยงเส้าหยุนจะพูดจบ ทหารยามได้ฟาดฝ่ามือใส่เขา หินส่องแสงโดนตบหลุดไปจากมือของเซี่ยงเส้าหยุน “เจ้ากล้าดียังไงถึงได้ใช้หินขยะนี่มาติดสินบนข้า! ข้าคิดว่าถ้าเจ้าไม่ได้เห็นโลงศพ เจ้าก็จะไม่มีวันหลั่งน้ำตาสินะ” ทหารยามยกหมัดขวาเข้าใส่เซี่ยงเส้าหยุนและกำลังจะต่อยไปยังใบหน้าของเด็กหนุ่ม “เวรเอ้ย ข้าจะเจอคนมีตาแต่หามีแววไม่อีกเท่าไหร่กัน” เซี่ยงเส้าหยุนก่นด่าตัวเขาเอง เขาหลับตาลงโดยที่ไม่ต้องทะเลาะเพราะรู้ว่าตัวเขาเองไม่มีทักษะที่จะต้านรับมันได้ ขณะที่กำปั้นกำลังจะเข้าไปทักทายใบหน้าของเด็กหนุ่ม ก็มีเสียงทุ้มลึกและดุดัน ดังขึ้น “หยุดเดี๋ยวนี้!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset