Chapter 144 -ตกหลุม…
มากกว่า 2 ชม.ในร้านทำผมที่เบเวอรี่ฮิลล์ นิโคล มองตัวเองในกระจกและตระหนักได้ว่าทำไม เอริค ถึงได้ไม่ชอบสภาพเธอก่อนหน้านี้ ตอนนั้นผู้หญิงในกระจกต่างจากคนเดิมอย่างสิ้นเชิง ถ้าเป็นคนละคนกัน งั้นคนเดิมคงเป็นสาวน้อยแต่ตอนนี้เป็นหญิงสาวที่ดูทันสมัย
ผมของเธอในกระจกถูกย้อมเป็นสีน้ำตาลทอง ผมหยิกๆแบบเดิมนั้นถูกยืดออกมาและปกลงมาถึงหน้าผาก ผมทรงนี้ทำให้เธอดูเป็นผู้ใหญ่และฉลาดมากกว่าเดิม
“ คุณผู้หญิง เทียบกับทรงก่อนหน้านี้ ทรงนี้เหมาะกว่า แฟนของคุณนี่รสนิยมดีจริงๆ “ – ช่างตัดผมที่ยืนด้านหลัง นิโคล ได้ทำความสะอาดและชมออกมา
“ เขาไม่ใช่….” – นิโคล กระซิบออกมาเบาๆและต้องการที่จะปฏิเสธ เธอมองไปรอบๆและมองไปที่คนใส่แว่นดำอ่านนิตยาสารอยู่ก่อนจะหยุดพูดไป ถ้าเขาเป็นแฟนเธอจริงๆ มันคงจะดีแต่ตอนี้เธอรู้สึกราวกับเป็นตุ๊กตาให้เขาคอยแต่งตัวตามที่เขาต้องการ ดังนั้นถึงเธอจะสวยมากกว่าเดิมแต่ในใจเธอไม่ได้ตื่นเต้นเลย
“ คุณผู้ชาย คุณอยากดูมั้ย ?” – เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้น ช่างตัดผมก็เดินเข้ามาหา เอริค พร้อมกับเด็กสาวด้านหลังซึ่งก็คือ นิโคล ทั้งสองคนนั้นมองไปที่ชายสวมแว่นดำคนนี้
เอริค เงยหน้าขึ้นมามองที่ นิโคล เธอยิ้มออกมาแล้วพยักหน้า ผมทรงนี้คือทรงที่ เอริค บอกมาซึ่งมันอยู่ในหนัง The Interpreter จากความจำของเขา ในหนังหลายเรื่องของ นิโคลคิดแมน ลักษณะของ นิโคล ที่เขาชอบที่สุดก็คือในเรื่อง The Interpreter ซึ่งเขาพบว่ามันทั้งดูฉลาด, สวย, แข็งแกร่งและอ่อนไหว
ในฉาก The Interpreter นิโคล ได้เล่นเป็น ซิลเวีย ที่มีแผลเป็นที่แก้ม เธอใส่ชุดดูทางการและแบกเป้พร้อมกับเดินลงมาจากบันได เอริค รู้ว่าถ้าไม่ใช่เพราะสิ่งที่เธอแสดงในฉากนี้และความคล้ายกับ เม็กไรอัน ใน Sleepless in Seattle งั้นในตอนที่เธอยืนอยู่ตรงหน้า ทอมแฮงค์ เอริค ก็คงไม่ให้บทในหนังเรื่อง Sleepless in Seattle กับเธอ
เมื่อคิดถึง ซิลเวีย ใน The Interpreter เอริค ก็อดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นมาลูบแก้มของ นิโคล แม้ว่าจะไม่มีแผลเป็นอยู่ก็ตาม ตัวละครหลายตัวมักจะสร้างความประทับใจไว้ในใจของผู้ชม
ช่างตัดผมไม่ได้สนใจท่าทีของ เอริค เพราะมันเหมือนกับคู่รักทั่วไปทำกัน เธอจึงเดินออกไปทันที
“ เอริค นายกำลังจะจับตัวฉันงั้นเหรอ ?” – สัญชาตญาณผู้หญิงของ นิโคล ทำให้เธอถามออกมา
เอริค รีบดึงมือกลับและยิ้มออกมา – “ แน่นอน เธอคิดอะไรอยู่ ? “
“ แต่ฉันคิดว่า…” – เธอยกมือขึ้นและไม่รู้ว่าจะอธิบายได้ยังไง
“ เธอคิดถูกแล้ว “- เอริค มองอีกฝ่ายตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะพูดขึ้น – “ เธออาจจะเป็น นิโคลคิดแมน รึ ซิลเวียบรูม, เกรซสจ๊วด, กลิลลี่, แอนโอเวน, อลิซแฮฟ, เอด้ามอนโร, เวอร์จิเนียวูฟ “
“ ฉันไม่เข้าใจ “- เด็กสาวส่ายหน้าด้วยความสับสน
“ งั้นก็ไปกันเถอะ “ – เอริค ไม่ได้อธิบาย เขาไปจ่ายเงินก่อนที่จะเดินออกจากร้านไป นิโคล ที่แม้ว่าจะอยากจ่ายด้วยตัวเองแต่ก็โดน เอริค ห้ามเอาไว้
หลังจากที่มองหาร้านอาหารและกินข้าวเย็นแล้ว เอริค ก็ได้พาเธอกลับบ้าน
ระหว่างทางกลับ นิโคล เงียบมาตลอดแลเมื่อเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นที่บ้าน เธอก็ได้กระซิบออกมา – “เอริค อยากให้ฉัน….ใส่มันให้นายดูอีกมั้ย ? “
เอริค มองไปที่โซฟา เขานั่งลงแล้วถามออกมา –“ ไม่ วันอื่นก็มีเวลาอยู่ สัญญาล่ะ เธอเห็นมันแล้ว เธอตัดสินใจว่าไง ?”
นิโคล พยักหน้าอย่างรู้สึกผิดแล้วรีบวิ่งขึ้นไปชั้นบนก่อนจะเซ็นสัญญาทั้งสองใบ เมื่อเธอกลับลงมา เอริค ก็มองไปที่ลายเซ็นของเธอและหาปากกามาเซ็นมันลงไป จากนั้นเขาก็ส่งแผ่นหนึ่งให้กับเด็กสาวแล้วพูดขึ้นมา – “ ตอนนี้ฉันต้องเตรียมบท “
หลังจากที่ เอริค พูดจบ เขาก็ไม่ได้พูดคุยกับเธออะไรมากมายนักและขึ้นไปที่ห้องสมุดของตัวเอง เขาต้องเขียนบทสองตอนของ Friends เจฟฟี่ กับ จอร์นอนิสตัน ได้ตั้งทีมเขียนบทขึ้นมาเพื่อเขียนบทเรื่อง Friends และให้ เอริค รับผิดชอบแค่การวางเนื้อเรื่อง
แต่ เอริค ไม่ตกลงข้อเสนอนั้น แม้ว่านี่จะเป็นเรื่องธรรมดาในละครแต่ เอริค ตัดสินใจจะเขียนบทของซีซันแรกด้วยตัวเองเพื่อให้เป็นแบบเดิม
ยังไงซะแม้ว่าจะมีนักเขียนที่ดีแต่ก็ไม่เข้าใจความคิดทั้งหมดของ เอริค และมีแค่ เอริค ที่ซึ่งมีฉากทั้งหมดในหัวเท่านั้นที่มีความสามารถจะเขียนมันออกมา
ยิ่งกว่านั้น เอริค ตั้งใจที่จะปรับซีซันแรกจากฉากบางส่วนในหัวของเขาซึ่งทำให้ซีซันนี้ดีกว่าเก่า ในความทรงจำของเขา Friends นั้นมีเรตติ้งดีที่สุดในซีซันสอง ยกเว้นตอนที่มีดาราดังมาเล่นด้วย อีกอย่างแล้วสิ่งที่สำคัญที่สุดคือบทของซีซันสองนั้นดีอย่างมากและ เพราะ เอริค เคยดูสองซีซันแรกมา เขาจึงได้ตัดสินใจที่จะเอาสองซีซันนี้มารวมกันเพื่อสร้าง Friends ที่ดีกว่าเดิมและตามกระแสของอเมริกา หากซีซันแรกประสบความสำเร็จ เรตติ้งมันก็สามารถการันตีได้ในอนาคตได้หากใช้เขียนบทดีๆออกมาได้
ละครทีวีนี้คือโปรเจ็คสำคัญสำหรับ เอริค และ Firefly ถ้าพวกเขาสร้างชื่อจาก Friends ได้ งั้นในอนาคต Firefly จะทำให้ละครดรามาขายไม่ได้อีกในอนาคต ขนาดของตลาดละครดรามานั้นจริงๆแล้วไม่ได้เล็กกว่าตลาดหนังมากนักแต่เพราะตลาดนี้ยังคงปิดอยู่ มันดูเงียบ ถ้าพวกเขาเข้าวงการนี้ได้ เอริค จะสามารถเปลี่ยนละครในหัวของเขามาเป็นเงินทองได้
เครื่องพิมพ์ดีดในห้องสมุดของเขาถูกแทนที่ด้วยคอม IBM รุ่นล่าสุด แม้ว่าซอฟแวร์การพิมพ์จะดูล้าหลังหากเทียบกับชีวิตที่แล้วและกระบวนการนั้นก็ดูค่อนข้างซับซ้อนแต่มันก็ยังสะดวกกว่าเครื่องพิมพ์ดีด เอริค เองก็พบว่านี่มันคล้ายกับชีวิตที่แล้วของเขาที่เอาแต่นั่งอยู่หน้าคอม นี่เป็นความรู้สึกเหมือนกับได้กลับไปในออฟฟิศ
ทุกครั้งที่เขาเขียนบท เอริค จะหยุดและคิดสักพัก มันไม่ง่ายที่จะรวมทั้งสองซีซันเข้าด้วยกัน หลายครั้ง เอริค เหมือนจะรู้สึกอยากเขียนมันให้เป็นแบบซีซันแรก
นิโคล เคาะประตูห้อง หลังจากที่ได้รับอนุญาตแล้วเธอก็เดินเข้ามาก่อนจะเอาแก้วกาแฟมาวางที่โต๊ะและมองไปที่ เอริค ซึ่งมองไปที่หน้าจอ จากนั้นเธอก็ใช้โอกาสนั้นมองดูรอบๆห้อง
ในช่วงกลางวัน เธออยากเห็นด้านในห้องนี้ มันไม่มีความคิดอื่นนอกจากความสงสัยแต่โชคร้ายที่ห้องนี้ไม่ได้เปิดเหมือนห้องอื่นๆ ในห้องของ ดรูวส์ นิโคล เห็นรูป ดรูวส์ กับ เอริค วางไว้ที่หัวเตียง แต่ห้องสมุดนั้นคือข้อยกเว้น เธอเดาว่ากุญแจห้องนี้คงมีแค่ เอริค ที่มีมัน
สิ่งที่ดูสะดุดตาที่สุดในห้องนี้คือกระดานอันใหญ่และเปียโน กระดานนั้นเต็มไปด้วยกระดาษแปะเอาไว้ บางอันเป็นรูป บางอันเป็นบทความ บางอันเป็นคำพูดมั่วๆที่เขียนซึ่งเธอไม่เข้าใจและบางอันถูกเขียนด้วยตัวหนังสือที่เป็นสี่เหลี่ยม นิโคล เคยไปที่ไชน่าทาวมา พวกนั้นน่าจะเป็นตัวหนังสือจีนซึ่งบอกว่านี่คือตัวหนังสือที่เรียนรู้ได้ยาก
เธอเงยหน้าขึ้นไปมองตัวหนังสือจีนบนกระดาษก่อนที่จะสงสัยอยู่สักพัก แน่นอนว่าเธอไม่เข้าใจมันแต่เธอก็เห็นว่าตัวหนังสือจีนนี่เขียนด้วยมือและแม้ว่าเธอจะไม่เข้าใจว่ามันหมายความว่ายังไงแต่เธอก็คิดว่ามันดูสวยและดูไหลลื่น
หลังจากที่เอากระดาษกลับไปแปะไว้ที่เดิม นิโคล ก็อดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมอง เอริค ที่ซึ่งกำลังพิมพ์บทอยู่ นี่คือชายที่ลึกลับ บอกกันว่าเขาอายุไม่ถึง 19 ปีและรู้จักกันว่าเป็นผู้กำกับที่สามารถทำได้หลายอย่าง เขาเป็นทั้งนักแสดง, คนเขียนบทและนักเขียนของนิยายขายดีสองเรื่อง
ในห้องสมุดนั้น นิโคล พบว่าอีกฝ่ายต้องรู้เรื่องการวาดภาพและเรื่องดนตรี เขายังเขียนตัวหนังสือที่ดูสวยงามและลึกลับได้ มันมากไปที่จะบอกว่านี่คือพรสวรรค์ ที่สำคัญกว่านั้นเขายังรวยอีก บอกได้ว่าเขามีทรัพย์สินกว่าร้อนล้านดอลลาร์
ผู้หญิงมักจะชื่นชมคนที่แข็งแกร่ง นี่คือสัญชาตญาณที่อยู่ในส่วนลึกของยีนส์หลังจากที่พัฒนามากว่าร้อยล้านปี นิโคล ที่คิดเรื่องพวกนี้อยู่นั้นก็เกิดอารมณ์บางอย่างขึ้นโดยที่เธอไม่รู้ว่ามันคืออะไร ทุกการเคลื่อนไหวของ เอริค นั้นทำให้เธอพอใจมากขึ้นเรื่อยๆ
ถ้า เอริค หันกลับมาเห็นสีหน้าของเด็กสาว งั้นด้วยประสบการณ์ที่เขามี เขาคงต้องถามเธอออกมาแน่ – “ สาวน้อย เธอไม่ได้หลงรักฉันใช่มั้ย ?”
โชคร้ายที่เขาไม่ได้เห็นมัน เขายังหมกมุ่นในบทเรื่อง Friends เขาไม่ได้กินกาแฟที่ นิโคล เอามาให้ด้วยซ้ำ
นิโคล มองไปที่แผ่นหลังของเขาและมองเขาดูทำงานเงียบๆ หลังจากที่ได้สติเธอก็รู้ถึงความแปลกประหลาดนี้ เธอหน้าแดงขึ้นมาและเดินไปที่เปียโนที่มุมห้อง นิ้วเรียวยาวของเธอกดไปที่คีย์สีดำและมองไปที่โน๊ตเพลงที่เขียนไว้ด้านบน
“ นี่เขาก็เขียนอีกงั้นเหรอ ?” – เธอมองไปที่โน้ตเพลง แม้ว่าเธอจะอ่านมันไม่ได้แต่มันก็ทำให้เธอรู้สึกประทับใจ นิ้วของเธอแตะไปที่คีย์แต่ละตัวแล้วเล่นเพลงออกมาโดยไม่รู้ตัว
อ่ะ….
ด้วยเสียงรบกวนที่ดังขึ้นมา เอริค จึงได้ตื่นจากภวังค์ในการเขียนบทของเขา