Chapter 145 – เคารพกันบ้าง
“ ทำไมเธอถึงอยู่ที่นี่อีก ? “ – หันกลับมาแล้วเห็นเด็กสาวที่พิงเปียโนอยู่
“ ฉันขอโทษ ฉันจะออกไปแล้ว “ – นิโคล ค่อยเอาโน้ตกลับไปไว้ที่เดิมและเดินไปที่ประตูแต่ก็ถูก เอริค หยุดเอาไว้
“ อะไร “ – เด็กสาวยืนอยู่ที่ประตู มือข้างหนึ่งของเธออยู่ที่ลูกบิดพร้อมกับหันกลับมาด้วยดวงตาที่ราวกับโดนสอบสวนอยู่
เอริค หันเก้าอี้ตัวเองกลับมาและชี้ไปทั่วทั้งห้องสมุด – “ นี่ไม่ใช่หน้าที่ของเธอ แม้ว่ามันจะดูรกแต่ฉันชินกับการที่วางเอกสารแล้ว เธอเข้าใจมั้ย ?”
“ อือ ถ้านายไม่อนุญาต ฉันก็จะไม่เข้ามา “ – เด็กสาวพยักหน้า ตัวของเธอไปหยุดที่ประตูราวกับเธอกำลังรอบางอย่างอยู่ – “ เอริค นายอยากให้ฉันช่วยอะไรอีกมั้ย ?”
เอริค ส่ายหน้า – “ ไม่เป็นไร เธอไปพักเถอะ ฝันดี “
“ ฝันดี “- นิโคล ตอบกลับพร้อมกับมอง เอริค ที่หันกลับไปสนใจหน้าจออีกครั้ง เธอรู้สึกเหมือนกับพ่ายแพ้และได้ออกจากห้องไป
ไม่กี่วันต่อมาชีวิตของเด็กสาวนั้นเหมือนจะสงบสุข เธอตื่นมาตั้งแต่เช้าทำอาหารให้กับ เอริค , ไปส่งเขาที่ประตูบ้านและจากนั้นก็ทำความสะอาดบ้าน ถ้าไม่ใช่เพราะเสื้อผ้าที่เตือนถึงตัวตนของเธอ เธออาจจะคิดว่าเธอเป็นแม่บ้านไปแล้ว
ชีวิตนี้ก็ถือว่าค่อนข้างดี อย่างน้อยมันก็ไม่ใช่แบบที่เธอคิดเอาไว้เมื่อไม่กี่เดือนก่อนที่จะกลายเป็นแค่ตุ๊กตาระบายอารมณ์ของ เอริค แม้ว่าเธอจะเตรียมใจกับเรื่องแบบนั้นมาแล้วแต่มันก็ไม่ได้มีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้น เอริค แต่งตัวให้เธอสวยตามที่เขาคิดเอาไว้และไม่ค่อยที่จะสนใจเธอ มันทำให้เธอสงสัยในเสน่ห์ของตัวเอง วันหนึ่งเธอแอบยัดฟองน้ำที่หน้าอกและเดินไปตรงหน้าเขา เขาแค่ยิ้มแล้วไม่สนใจมันซึ่งทำให้เธออายอย่างมากและเธอก็ไม่กล้าที่จะทำเรื่องแบบนั้นอีก เธอก็แค่ทำหน้าที่สาวใช้ของเธออย่างจริงจังต่อไป
ทุกวันนอกจากงานประจำของเธอ มันยังมีเวลาเหลืออยู่อีกเยอะ ตอนที่เธอเบื่อ เธอจะอ่านหนังสือพิมพ์, ดูทวีและอ่านบท Sleeepless in Seattle เธอถึงกับให้ เอริค ซื้อนิตยาสารมาให้เธอจำนวนมากด้วย เธอเชื่อฟังอย่างมากและไม่ได้หนีออกจากบ้าน เนื่องจากสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ดีกว่าที่เธอคิดไว้มาก ดังนั้นเธอจึงทำตัวดี
เธอรู้ว่า เอริค ยุ่งกับหนังที่ชื่อ Running Out of Time และไม่ได้กลับมาที่บ้านทุกวัน บางครั้งเขาใช้เวลาในช่วงกลางคืนที่บ้านแฟนเขา ผู้หญิงคนนั้นเป็นคนที่โชคดี เธอเคยเห็นรูปของ อนิสตัน และเธอก็อิจฉาในโชคของอีกฝ่ายอย่างมาก ในท้ายเดือนพฤษภาคม เอริค เองก็ยังได้ไปอังกฤษและปล่อยให้เธออยู่บ้านคนเดียวโดยบอกว่าจะไปหานักแสดงแต่สองวันต่อมาเขาก็รีบกลับมาทันที
ปลายเดือนพฤษภาคม เด็กสาวได้เห็นหนังสือพิมพ์บอกว่า Home Alone ทำรายได้เกิน 300 ล้าน ข่าวนี้คือข่าวที่หนังสือพิมพ์พูดถึงกันมากที่สุด พวกเขาต่างก็ชม เอริค หุ้นของ Columbia ได้พุ่งทะยานขึ้นมาอีกครั้ง
ตอนนี้ความสนใจของเหล่าสาวๆได้หันเหมาที่เงินส่วนแบ่ง 120 ล้านของ เอริค
120 ล้านนั้นเป็นตัวเลขมหาศาลของ นิโคล เหตุผลว่าทำไมเธอถึงได้มาที่ฮอลลีวูดก็เพราะเงินและชื่อเสียง เธอต้องการเป็นดาราชั้นนำอย่าง จูเลียโรเบิร์ต แต่ตามที่ เอริค บอกมาว่าค่าตัวของ จูเลียจ นั้นอยู่ที่ 6 ล้านต่อหนังหนึ่งเรื่อง เธอต้องเล่นหนังกว่า 20 เรื่องเพื่อให้ได้เงินขนาดนั้นซึ่งหมายความว่าเธอต้องรักษาคุณภาพหนังของเธอด้วย, ถ่ายหนังสองเรื่องต่อปีและนี่ก็จะกินเวลาไปถึง 10 ปีซึ่งทุกคนรู้ว่ามันเป็นไปได้ จุดพีคของดารานั้นจะอยู่ได้แค่ประมาณ 10 ปี ใน 10 ปีนี้ค่าตัวจะเพิ่มขึ้นและลดลงตามความดังของหนังพวกเขา
เมื่อคิดถึงจุดนี้ความคิดที่ใจเย็นของเธอก็เปลี่ยนเป็นกระตือรือร้นที่อยากจะทำงาน หากเธอยังอยู่ที่นี่ต่อ เธอก็จะได้สิ่งที่เธอต้องการ เธอถึงกับคิดแผนบางอย่างขึ้นมาด้วยแต่โชคร้ายที่ความคิดเสี่ยงพวกนั้นไม่ได้ถูกใช้ออกมาเพราะมันคงเป็นการหาเรื่องให้กับตัวเอง
เพราะตอนนี้อยู่ช่วงวันหยุดหน้าร้อน ยัยเด็กปิศาจจึงกลับมาที่บ้าน
ตอนนี้ได้เวลาสี่โมงเย็นกว่าๆแล้ว นิโคล เพิ่งจะทำสวนเสร็จแล้วได้ยินเสียงเปิดประตู เธอรู้ว่าปกติ เอริค จะไม่กลับมาในเวลานี้ ดังนั้นเธอจึงเดินเข้าไปดูและเห็นกระเป๋าของ ดรูวส์ กระเป๋านั้นถูกโยนเข้ามาและประตูรั้วก็ได้ถูกปิดลงไป
นิโคล ทักทายอย่างอบอุ่นและต้องการช่วยแบกกระเป๋านั้น มันคือส่วนสำคัญของแผนที่เธอคิดเอาไว้ที่ต้องสนิทกับ ดรูวส์ เข้าไว้
แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดคือเมื่อเด็กสาวเห็นเธอเข้า ตาของเด็กสาวก็เบิกกว้างพร้อมกับความอคติที่ส่งออกมา จากนั้นเด็กสาวก็เดินวนรอบตัวเธออยู่หลายครั้งก่อนจะถามคำถามที่แทบทำให้ นิโคล ต้องทรุด – “ เขานอนกับเธอรึยัง ? “
เมื่อเห็น นิโคล มีท่าทีสับสนเมื่อโดนจี้ถาม ดรูวส์ ก็แสดงสีหน้าพอใจและผ่อนคลายออกมา – “ ยัง ใช่มั้ย ? แต่เดาได้ว่าเพราะอกของเธอเล็ก “- ดรูวส์ พูดขึ้นก่อนที่จะยื่นมือออกมาจับที่อกของ นิโคล แล้วฮึดฮัด – “ น่าสงสารจริงๆ ยังไม่ถึง A+ ด้วยซ้ำ “
“ เธอ…” – หลังจากที่โดนจับหน้าอก ในที่สุด นิโคล ก็รู้ตัว เธอเอามือยกขึ้นมากันตรงหน้าแล้วอดไม่ได้ที่จะเถียงกลับ – “ เธอเองก็ไม่ได้ใหญ่เหมือนกันแหละ “
“ ฉันแค่ 14 ปี ฉันยังโตได้อีก คุณผู้หญิง ไม่ใช่ว่าเธอจะ 30 ในปีนี้แล้วรึไง ?”
“ ฉันไม่สนเธอหรอก “ – นิโคล เห็นท่าทีอคติของอีกฝ่ายและได้สลัดความคิดที่จะตีสนิทกับอีกฝ่ายเอาไว้และหันกลับไปทำสวนต่อ
ดรูวส์ มักจะได้ยินจาก เอริค ว่าเขาชอบชุดสาวใช้ญี่ปุ่น เธอคิดว่า เอริค พูดเล่น เธอไม่คิดว่าสาวสวยที่ใส่ชุดสาวใช้สุดเซ็กซี่จะโผล่มาในบ้านวันนี้ซึ่งทำให้เธออคติขึ้นมา เธอไม่อยากให้ เอริค มีผู้หญิงคนอื่น อนิสตัน ยัยอ้วนยังไม่ถูกจัดการเลยและตอนนี้ก็มีเพิ่มมาอีกหนึ่งคน มันค่อยๆยุ่งขึ้นมาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
“ เฮ้ เธอ ช่วยฉันเอากระเป๋าเข้าไปข้างในหน่อยได้มั้ย ? “ – แม้ว่าเธอรู้นิสัยแย่ๆของ เอริค แต่ ดรูวส์ ไม่คิดอะไรมาก เธอคิดจริงๆว่า นิโคล นั้นเป็นสาวใช้ที่ เอริค จ้างมา
“ โทษทีนะ คุณแบรี่มอร์ ฉันไม่ใช่คนรับใช้ของเธอ ฉันคงทำให้ไม่ได้ “ – นิโคล ยังคงทำสวนต่อไปด้วยท่าทีเย็นชาและยังไม่หันหน้ามาคุยกับ ดรูวส์ ด้วยซ้ำ
ยัยปิศาจน้อยหงุดหงิดขึ้นมา – “ ฉัน…ฉันจะบอก เอริค วันนี้เธอต้องโดนไล่ออกแน่ ! “
นิโคล รู้ว่า ดรูวส์ คิดว่าเธอเป็นคนรับใช้จริงๆ ดังนั้นเธอจึงไม่สนใจและตอบกลับ –
“ ตามใจ “
ดรูวส์ กระทืบเท้าก่อนจะขนของของเธอเข้าไปในบ้านทีละชิ้นๆ หลังจากที่ ดรูวส์ ขนกระเป๋าเสร็จ นิโคล เองก็ทำสวนเสร็จเหมือนกัน ดังนั้นเธอจึงกลับเข้าไปในบ้านและเริ่มเตรียมอาหารเย็น
ดรูวส์ มองไปที่ นิโคล แล้วเริ่มโกรธขึ้นมาเรื่อยๆ เธอคิดเล็กน้อยก่อนที่จะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหา เอริค
ตรู๊ด — ตรู๊ด
มีบางคนรับโทรศัพท์
สาวน้อยที่นั่งอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่นถือหมอนแล้วทำเสียงอ่อน –
“ เอริค ฉันรักนาย “
ในสตูดิโอของ Fox ฉากในเรื่อง Friends เพิ่งจะถูกจัดวันนี้ การถ่ายทำต้องทำให้เสร็จสิ้นเพื่อที่จะใส่เข้าไปในหนังเรื่อง Running Out of Time เอริค ได้หยิบเอาโทรศัพท์ Motorola ที่ใช้เป็นโฆษณาและเดินไปที่มุมหนึ่ง เขาสับสนขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงของ ดรูวส์ – “ ดรูวส์ ไม่ใช่ว่านี่ไม่ใช่วันหยุดรึไง ? เธอกลับบ้านแล้วเหรอ ? “
“ เอริค ฉันรักนาย “ – เสียงของเด็กสาวดังขึ้นมาจากโทรศัพท์
“ เอาล่ะ อย่ามาหาเรื่อง ถ้ามีอะไรจะพูด ฉันยุ่งอยู่ เดี๋ยวฉันก็กลับแล้ว “ – เอริค พูดพร้อมกับใช้คอหนีบโทรศัพท์เอาไว้และยกมือขึ้นมาดูนาฬิกา – “ แต่ไม่ใช่ตอนนี้ นี่มันห้าโมง ฉันจะกลับประมาณหกโมงเย็น “
“ เอริค ฉันรักนาย “ – เสียงของเด็กสาวดังขึ้นมาอีกครั้ง
เอริค เงียบไปสักพักก่อนจะพูดขึ้นมา – “ เธอต้องการอะไร บอกมาตรงๆ ! “
“ ใจเย็นๆ เอริค นายนี่หงุดหงิดง่ายจริงๆ “ – ดรูวส์ นอนลงไปแล้วพลิกตัวกลับเอาหมอนหนุนไว้ที่หัว หลังจากก็พูดอย่างไม่พอใจ – “ ฉันบอกนายว่ารักนายไปแล้วตั้งหลายรอบแต่นายไม่บอกรักฉันบ้างเลย “
“ ฉันจะวางถ้าเธอไม่มีอะไรจะพูดอีก ? “ – เอริค ขู่
“ ได้ ได้ เอริค เราต้องไล่สาวใช้ออก “ – ดรูวส์ พูดดังขึ้นอีก หญิงสาวในห้องครัวได้ยินคำพูดนั้นแล้วกรอกตา
“ เธอหมายถึง นิโคล สินะ เธอไม่ได้ถูกจ้าง แค่มาช่วย “
“ แต่ฉันไม่ชอบเธอ “
“ นิโคล ทำอาหารอร่อย เธอจะชอบมันแน่ เอาล่ะตอนนี้ก็ทำตัวดีๆ ฉันจะวางแล้ว “ – เอริค พูดพร้อมกับวางสายทันที
ในบ้าน ดรูวส์ โบกมือไปมา เธออยากที่จะเขวี้ยงโทรศัพท์ทิ้งแต่ก็ต้องหยุดแล้วเงยหน้าขึ้นมา เธอเห็น นิโคล ยืนพิงประตูห้องครัวยิ้มให้กับเธอ – “ เป็นไงล่ะ สาวน้อย ? “
“ เธอไม่มีสิทธิเรียกฉันว่าสายน้อย ยัยผู้หญิงอกเล็ก “
แม้ว่า นิโคล จะหงุดหงิดในใจแต่เมื่ออยู่ต่อหน้า ดรูวส์ เธอก็แค่ยักไหล่แบบไม่ใส่ใจ – “ อาจจะมีบางคนชอบแบบนี้ก็ได้ “
“ เขาไม่ชอบหรอก “ – ดรูวส์ อดไม่ได้ที่จะค้านออกมา
“ รสนิยมของคนมันเปลี่ยนกันได้ “- นิโคล พูดแค่เพียงไม่กี่คำก่อนจะหันกลับไปที่ครัวแล้วปล่อย ดรูวส์ ที่หงุดหงิดเอาไว้
“ เฮ้ ฉันจะไม่ให้เธอทำสำเร็จได้อย่างแน่นอน “ – ดรูวส์ เหวี่ยงหมัดเล็กๆไปมาแล้วพูดขึ้น
ในวันที่ 24 พฤษภาคม ด้วยการปล่อยหนังของ สปีลเบิร์ก Indiana Jones and Last Crusade หนังสามเรื่องของช่วงหน้าร้อนก็ได้ประกาศออกมา แม้ว่า เอริค จะยุ่งอยู่กับช่วงสุดท้ายของ Running Out of Time แต่เขาก็ยังคงกังวลกับหนังของอีกฝ่าย หนังได้รับรายได้ 46 ล้านโดยมีโรงฉายกว่า 2,300 โรงในอาทิตย์แรกและจากนั้นในอาทิตย์ที่สองและสามมันก็ลดลงมา 20-30% ในกลางเดือนมิถุนายน Indiana Jones and Last Crusade ก็ทำรายได้เกิน 100 ล้านหลังจากผ่านมาสามอาทิตย์
การจัดการ Running Out of Time เองก็เสร็จสิ้นในช่วงกลางเดือนมิถุนายน แม้ว่า เอริค จะใช้เงินไปในหลายที่แต่เขาก็ใช้ไปแค่ 34 ล้านกับทุนสร้างหนัง ยังไงซะค่าจ้างของทีมงานก็มาจาก Columbia หนังเองก็ไม่ได้มีความจำเป็นอะไรที่ต้องใช้เงินมากและไม่ต้องการเอฟเฟ็คมาแต่งเติมแต่หลังจากที่เห็น Running Out of Time แล้ว ทาง Columbia ก็ได้ตกลงที่จะใช้เงิน 6 ล้านที่เหลือในทุนสร้างหนังนั้นเป็นค่าโฆษณา
ในเวลาเดียวกันหนังดังเรื่องแรกในช่วงหน้าร้อนอย่าง Ghostbusters II ซึ่งได้รับการคาดหวังจาก Columbia มากที่สุดก็ถูกปล่อยฉายในโรงกว่า 2,400 โรง
