Chapter 147 – ลองอีกวิธี
เอริค มองดูเอกสารตรงหน้า อันที่จริงเขาก็ไขว้เขวเล็กน้อย เขากำลังคิดเรื่อง Batman แม้ว่า Batman ภาคแรกจะประสบความสำเร็จอย่างมากแต่ในความทรงจำของเขา Warner เริ่มตกต่ำเพราะ Batman นี่แหละ
ในอีก 10 ปี Warner ได้สร้างภาคต่อ Batman หลายภาคสำเร็จติดต่อกัน ด้วยเงินทุนเฉลี่ยที่มากว่า 100 ล้านแต่มันทำรายได้เกิน 100 ล้านมานิดหน่อยในอเมิการเหนือ เดาว่ารายได้ทั่วโลกและช่องทางอื่นๆ Warner คงทำได้แค่กู้ทุนคืน สำหรับค่ายหนังใหญ่ที่ต้องลงทุนเป็นร้อยล้าน เพื่อที่จะกู้ทุนคืนแม้ว่าจะมีกำไรเพียงเล็กน้อยแต่มันก็ถือว่าขาดทุนเพราะถ้ากู้จากธนาคาร เงินนั้นก็จะมีดอกเบี้ยจำนวนมากในเวลาไม่กี่ปี มันอาจจะเป็นสองเท่าของเงินทุนของหนังเรื่องอื่นเลยก็ได้
จน เอมี่ปาสคาล เอาปากกามาสะกิดแขนเขา เอริค ถึงได้พบว่าทุกคนหันมาสนใจเขาและหลายคนมองเข้าด้วยสีหน้าไม่พอใจอย่างชัดเจน
แม้ว่า Running Out of Time จะแย่งมาจาก Fox ได้แต่มันไม่ได้หมายความว่า เอริค จะเป็นที่รักและต้อนรับจากผู้บริหาร Columbia อันที่จริงแล้วมีไม่กี่คนที่ชอบเขา แม้แต่ เอมี่ ที่ซึ่งมีความสัมพันธ์ที่ดีกับ เอริค ก็ยังมีความเห็นที่ซับซ้อนเกี่ยวกับเขา
หลักๆแล้วมันเป็นเพราะ Home Alone หลังจากสิ้นเดือนพฤษภาคม การฉายของ Home Alone ก็จะเสร็จสิ้นและ เอริค ก็จะได้ส่วนแบ่งไป 120 ล้านนี่คือสิ่งที่รู้กันดีในห้องประชุม Columbia จะได้แค่ 40 ล้านในส่วนกำไรและสิทธิรายได้ทั่วประเทศได้ถูก Fox แย่งไปด้วยเหตุผลต่างๆ ดังนั้น เอริค จึงถือว่าเป็นคนที่ได้กำไรมากที่สุดซึ่งหมายความว่าผู้บริหารจะได้รับแค่โบนัสเล็กน้อยในตอนสิ้นปี
ในส่วนข้อตกลงของ Running Out of Time หากไม่สนรายได้ของหนัง เอริค ก็ยังถือว่าเป็นคนที่ได้กำไรมากที่สุดและหนังเรื่องนี้ เอริค ไม่ต้องลงทุนเลยสักแดงเดียวแต่เขากลับได้ส่วนแบ่งมากที่สุดหากรายได้นำมาถูกหารแล้ว มันชัดแล้วว่าผู้บริหารไม่พอใจกับเรื่องนี้ แม้ว่าผู้ถือหุ้นหลายคนจะได้ประโยชน์จาก Running Out of Time ที่จะเพิ่มราคาหุ้นให้กับ Columbia แต่ผู้บริหารส่วนมากในห้องประชุมไม่ได้มีหุ้นในมือ
ด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อนนี้ มันไม่ยากเลยที่จะเข้าใจว่าคนนั้นตั้งใจรึไม่ตั้งใจในการเมิน เอริค ที่นั่งหัวโด่อยู่ในห้องประชุมด้วย
คำขอของ เอริค ที่เขาส่งไปก่อนหน้านี้ไม่ได้รับการตอบรับ เขาเดาสถานการณ์ในวันนี้มาแล้ว แม้ว่าเขาจะเตรียมใจรับมันมาก่อนแต่เพราะความเย็นชาในการประชุม เอริค จึงขี้เกียจที่จะเปิดปากพูดก่อน
ยังไงซะตามข้อตกลงเดิม หลังจากที่ปล่อยหนังออกฉาย หากไม่สนผลลัพธ์แล้วยังไงเขาก็ได้ประโยชน์มากที่สุดและนั่นก็ทำให้คิดในแค่ส่วนที่จะได้มากได้น้อยก็เท่านั้น มันไม่มีการขาดทุนสำหรับ Firefly ที่ไม่ได้ลงทุนเลยสักแดงเดียว ตอนแรก เอริค กังวลถึงรายได้ของหนังอยู่บ้าง ยังไงซะนี่ก็เป็นงานแบบใหม่ที่ไม่เคยได้ยินรึเคยทำมาก่อนในฮอลลีวูด
แต่หลังจากที่ทำการฉายรอบสื่อและได้รับคำชมมา เอริค จึงสลัดความกังวลนั้นทิ้ง
การฉายรอบสื่อนั้นเป็นตัวตัดสินคุณค่าทางการตลาดของหนัง แม้ว่าบางครั้งจะมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นบ้างแต่ส่วนมากแล้วบริษัททำหนังที่อยู่ในฮอลลีวูดมากว่าสิบปีมักจะไม่ค่อยผิดพลาดและผลลัพธ์ของการวิจารณ์นี้ก็บ่งบอกถึงชื่อเสียงของหนังได้หลังจากที่ปล่อยออกฉายไป ก่อนยุคอินเตอร์เน็ต การสร้างชื่อเสียงของหนังหลักๆแล้วจะมาจากคำพูดปากต่อปากและผ่านทางการวิจารณ์ของสื่อต่างๆ หลายคนอ่านหนังสือพิมพ์และอ่านคำวิจารณ์หนัง จากนั้นพวกเขาจะตัดสินใจเองว่าจะดูหนังเรื่องนี้หรือไม่
เมื่อเรื่องพื้นฐานเหล่านั้นได้รับการการันตีแล้ว เอริค ก็ไม่ได้กังวลว่าหนังเรื่องนี้จะเป็นจุดอ่อนของเขา สำหรับเรื่องเวลาที่ต้องมาเจอกับ Batman แล้ว มันบอกได้แค่ว่าโชคของเขาไม่ได้ดีเท่าไหร่แต่มันไม่ใช่จุดจบของโลก
เอมี่ มองไปที่ เอริค ด้วยสายตาอึ้งแล้วเข้ามากระซิบที่หูเขา
“ โทษทีนะ ทุกคน ฉันเหม่อไปหน่อย “ – หลังจากที่ เอมี่ พูดจบ เอริค ก็ถอนหายใจออกมาแล้วพูดขึ้น – “ จริงๆแล้วฉันส่งเอกสารแนะนำทางการตลาดมาให้ Columbia โดยตรง แผนกจัดจำหน่าย บางทีเพราะฉันเป็นมือใหม่ในด้านนี้ มันไม่ได้สะท้อนเนื้อหาของเอกสารในกลยุทธทางการตลาดเลยเท่าที่ฉันดูมา “
ในห้องประชุม มีการพูดคุยถกเถียงกันเสียงดัง ผู้คนส่วนมากไม่รู้ด้วยซ้ำว่า เอริค ได้ส่งเอกสารเข้ามาและหัวหน้าฝ่ายการตลาดก็รู้สึกผิดเล็กน้อยถึงผลที่เกิดขึ้นนี้ แต่เดิมแล้วเขาเติบโตขึ้นมาได้เพราะ เบาท์โคเฮน แม้ว่า โคเฮน จะโดนไล่ออกแล้วแต่เขาก็รักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับหัวหน้าเก่าไว้เสมอ
ผลก็คือเพราะ เบาท์โคเฮน อีกฝ่ายจึงไม่ค่อยลงรอยกับ เอริค นัก หลังจากที่เลขาเขาเอาเอกสารของ เอริค มาให้ เขาก็หัวเราะแล้วโยนมันทิ้งโดยที่ไม่มองด้วยซ้ำ เขาไม่ต้องการให้ เอริค มายุ่งเกี่ยวกับการตลาดของ Running Out of Time เขาไม่คิดด้วยซ้ำว่า เอริค จะมีความคิดใหม่ๆ
ต่อหน้าสายตาของทุกคน หัวหน้าแผนกได้แต่อ้ำอึ้งแล้วเถียงออกมา – “ ฉัน…ฉันไม่คิดว่าแผนของคุณวิลเลียมมัน…มันจะมีอะไรน่าแปลกใจ ดังนั้นฉันเลยไม่ได้สนใจมากนัก แค่…แค่…”
“ ช่างเถอะ ไม่ต้องพูดแล้ว “ – ประธาน Columbia ที่นั่งอยู่ด้านหน้าโบกมือขัดขึ้นมา หลายคนเห็นว่าอีกฝ่ายโกหก ดังนั้นการเถียงต่อก็มีแต่ทำให้กลายเป็นตัวตลก – “ เอริค ทุกคนอยู่ที่นี่แล้ว อธิบาย…แผนดีๆของนายมาสิ “
“ ได้ “- เอริค ลุกขึ้นยืนและเดินไปที่ด้านหน้าห้องภายใต้คำสั่งของอีกฝ่าย เขาหยิบปากกาดำขึ้นมาแล้วเขียนลงไปที่กระดานตรงหน้าเขา – “ ฉันเรียกมันว่าตลาดหัวข้อ แน่นอนว่ามันก็แค่ชื่อที่ฉันคิดขึ้นมาได้ไม่ได้มีคอนเซ็ปต์อะไรในทางทฤษฎีทางการตลาด ดังนั้นอย่าว่ากันล่ะ “ – ในความจำของเขาคอนเซ็ปต์เรื่องตลาดหัวข้อนี้เติบโตขึ้นมาหลังจากที่การเกิดของบล็อกออนไลน์ ก่อนหน้านั้นมันมีพวกเรื่องอื้อฉาวมากมาย มันก็คล้ายกับการทำการตลาดแต่ตอนที่เกิดคอนเซ็ปต์นี้ขึ้นมาเมื่อไหร่นั้น เอริค ไม่รู้
“ การโฆษณาก่อนหน้านี้ของ Running Out of Time ถือว่าอยู่จุดสูงสุดแล้ว ดังนั้นเราทำอะไรอย่างอื่นไม่ได้กับเทคนิคทางการตลาด ดังนั้นหากต้องการจะยกระดับ เราสามารถเลือกได้แค่หัวข้อเดียวที่ดูเหมือนจะเล็กน้อยที่จะทำกับหนัง อันที่จริงฉันคิดว่ามีหนังหลายเรื่องที่ดึงความสนใจจากแฟนๆได้โดยไม่ต้องโฆษณาแต่เป็นเรื่องอื้อฉาวระหว่างนักแสดงนำชายและหญิงและนั่นแหละคือตลาดหัวข้อ “
หลังจากที่ เอริค พูดจบ เขาก็รอการตอบรับจากทุกคนก่อนจะพูดต่อ – “ ตอนนี้ทุกคนสนใจว่า Running Out of Time จะเลื่อนฉายรึเปล่า ฉันคิดว่าแผนของฉันน่ะดีกับทั้งสองฝ่าย หากไม่เลื่อนและถ้ามันทำตามเป้าได้ รายได้ในอาทิตย์ที่สองก็จะมีผลลัพธ์ที่ไม่คาดคิดและเราก็สามารถชดเชยรายได้ที่เสียไปจากอาทิตย์แรกที่ Batman สร้างขึ้นมาได้ “
ในตอนที่ทุกคนในห้องแสดงสายตาสงสัยออกมา เอริค ก็เขียนตัวหนังสือ ‘ ลงโฆษณา ‘ และ ‘ ทีวี ‘ ขึ้นมาบนกระดาน
“ ทุกคนรู้ว่ามีการโฆษณามากมายใน Running Out of Time ดังนั้นมันจึงมีข้อพิพาทระหว่างเราอยู่บ้าง “- เอริค ชี้ไปที่ ‘ ลงโฆษณา ‘ ด้วยรอยยิ้ม ผู้บริหารในห้องต่างก็พากันหัวเราะเพราะ เอริค เพิ่งได้รับเงิน 6 ล้านเป็นค่าโฆษณาซึ่งถือว่าเป็นเงินจำนวนมากกับการโฆษณา Running Out of Time หลังจากที่รู้เรื่องนี้ Columbia ต้องการที่จะได้ส่วนแบ่ง ยังไงซะ 6 ล้านนี่ก็ไม่ใช่เงินจำนวนน้อยๆและสามารถใช้ในการสร้างหนังเรื่องหนึ่งได้แต่ เอริค ได้เปลี่ยนค่าโฆษณามาเป็นรายรับของตัวเองผ่านทางสัญญาไม่ใช่รายรับของหนัง ผลก็คือ Columbia ไม่ได้เงินสักแดงเดียว
ในตอนที่เสียงหัวเราะเงียบลง เอริค ก็พูดต่อ – “ แผนของฉันคือสนใจไปที่หัวข้อเรื่องการลงโฆษณาและละครที่ฉันกำลังจะสร้าง ฉันมั่นใจว่าการลงโฆษณานี้ยังคงถือว่าฉลาดมากๆ ดังนั้นแม้ว่าคนวิจารณ์ที่เข้าร่วมดูหนังจะไม่พบข้อผลิดพลาดและไม่เห็นละครที่โผล่มาในระหว่างหนัง เพราะนักวิจารณ์พวกนั้นไม่เห็น ฉันเชื่อว่าผู้ชมก็ต้องไม่เห็นมันง่ายๆ ฉันพนันว่าพวกเขาต้องสนใจเนื้อหาของหนัง ตลาดหัวข้อที่ฉันพูดถึงคือหลังจากที่หนังปล่อยออกไปแล้ว เราสร้างหัวข้อขึ้นมาเพื่อชักจูงให้ผู้ชมรู้เรื่องนี้ ถ้ามันสำเร็จ แฟนคลับจำนวนมากจะกลับมาดูซ้ำในอาทิตย์ที่สองอีก “
เมื่อถึงจุดนี้ผู้บริหารคนหนึ่งก็ได้ค้านขึ้นมา – “เอริค นายพยายามใช้เรื่องละครแต่ฉันจำได้ว่านายเคยอธิบายกับเราไปแล้ว ตอนโฆษณาไม่ต้องให้พูดถึงหัวข้อของสินค้าที่ลงอยู่เพื่อที่จะกันไม่ให้พวกแฟนคลับไม่พอใจ “
เอริค อธิบาย – “ แน่นอน ฉันแค่บอกว่าเราจะบอกเรื่องนี้หลังจากที่ปล่อยหนังไปแล้ว หลังจากผ่านสามวันในวันหยุดอาทิตย์แรกไป คำรีวิวของ Running Out of Time จะได้รับการยืนยัน ฉันเชื่อว่าทุกคนรู้ว่ามันถูกต้อง คำพูดปากต่อปากดูน่าเชื่อถือกว่า เนื่องจากคนตัดสินแล้วว่ามันเป็นหนังที่ดี งั้นเมื่อเราบอกว่ามีโฆษณาด้วย แฟนคลับก็จะไม่ได้รู้สึกรังเกียจอะไรแต่จะคิดว่ามันเป็นเรื่องที่น่าสนใจไปแทนเหมือนกับที่เรารับฟังความเห็นของคนที่โดดเด่นกว่า ไม่มีใครวิจารณ์เรื่องความสูงของนโปเลียน, ความต่างของไอน์สไต แน่นอนว่านี่คือเงื่อนไขที่ต้องทำ สื่อได้ชักจูงความเห็นของผู้คน เราต้องมั่นใจว่าท่าทีของสื่อที่มีต่อเรื่องนี้อยู่ในท่าทีล้อเลียนมากกว่าการวิจารณ์ แผนทั้งหมดฉันได้เขียนในเอกสารที่ฉันส่งไปแล้วแต่แน่นอนว่าผู้เชี่ยวชาญอย่างพวกนายต้องรู้อยู่แล้ว ยังไงซะฉันก็เป็นแค่มือใหม่ในด้านนี้และมันอาจจะมีหลายอย่างที่ฉันคิดไม่ถี่ถ้วน “
เอริค พูดจบแล้วกลับไปนั่งที่เดิมของตัวเอง ประธาน Columbia หันกลับมาหาผู้บริหารที่รับหน้าที่ในการตลาด – “ ไรอัน เอกสารของ เอริค ยังอยู่มั้ย ? “
มือของ ไรอัน ยังคงอยู่ใต้โต๊ะตบเข่าตัวเองและตอบกลับอย่างไม่มั่นใจ – “ บางที….ฉันจะไปขอให้ผู้ช่วยฉันลองหามันดู “
“ ไปหาเอง ให้คนทำคัดลอกไว้ด้วยแล้วส่งมันมาให้เราให้เร็วที่สุด “
“ ได้ ฉันขอตัว “ – เขาลุกขึ้นยืนแล้วรีบออกจากห้องไป ห้องประชุมตอนนี้อยู่ในภาวะไม่แน่นอน ทุกคนต่างก็พากันพูดคุยสิ่งที่ เอริค ได้บอกตะกี้และ เอริค ก็ไม่ใช่ว่าจะว่างเพราะตอนนี้เขาโดนผู้คนมากมายเข้ามาพูดคุยเรื่องนี้กับเขา