เล่ม 9 ตอนที่ 7 : ล่าคนตาย (2)
“เจ็ดเหรอ ตึงมือไปบ้างแต่ก็พอไหว!”
อาร์คสะบัดดาบแห่งกิลซาลเข้าใส่ท่ามกลางบรรดาชาวนาคูจัก ซึ่งชาวนาคูจักนับว่าแข็งแกร่งกว่ามอนสเตอร์ทั่วไป พละกำลังและความอดทนไม่ได้สูงมากนัก และพลังป้องกันก็ค่อนข้างต่ำเพราะสวมใส่ชุดหนัง ทว่าความคล่องตัวและความเร็วโจมตีนั้นเกินจินตนาการได้ถึง พวกเขาเหล่านี้ต่างใช้เรเปียร์เล่มเล็กสร้างความคล่องตัวและพร้อมเข้าโจมตีใส่เขาทันทีที่เผลอแม้เพียงนิด ทว่ารอยยิ้มผ่อนคลายพลันกระจายที่ใบหน้าของอาร์คขณะหัวเราะใส่
“ได้โอกาสทดลองพอดีเลย รับไป จรัสแสง!”
ขณะนั้นเอง อาร์คพลันส่องแสงสว่างออกมา จากนั้นเขาจึงเคลื่อนร่างคดไปเคี้ยวมาราวสายฟ้าท่ามกลางท้องฟ้ายามค่ำคืนย่างกรายเข้าหาชาวนาคูจัก
ซวบ ตึง!
เสียงการปะทะพลันดังขึ้น ขณะนั้นเองน้ำพุโลหิตที่น่าสะพรึงก็ปรากฏขึ้นพร้อมพุ่งสู่อากาศ ศัตรูทั้งเจ็ดที่โดนติดพันเอาไว้พร้อมกันต่างเริ่มพลังชีวิตหดหายกันไปทีละน้อย นี่คือพลังของทักษะใหม่ที่อาร์คได้เรียนมา ‘จรัสแสง’ การได้เรียนรู้ทักษะนี้นับว่าดีเอาเรื่อง เขาไม่เคยคิดเลยว่าจะสามารถผสานทักษะจนเกิดขึ้นเป็นเซ็ตทักษะได้ และเมื่ออาร์คเข้าใจแนวคิดนี้ เขาจึงทำให้ผลลัพธ์ของมันเพิ่มพูนขึ้นได้ยามใช้ วิ่งเร็ว หรือว่า ร่ายรำแห่งความมืดร่วมไปด้วย
=====
ศักยภาพของทักษะ ‘วิ่งเร็ว’ เพิ่มขึ้นสูงมากจากค่าประสบการณ์
ตอนนี้โอกาสที่จะรอดชีวิตจากอาวุธอันแข็งแกร่งได้เพิ่มสูงขึ้น การหลบหนีหาได้ใช่เรื่องน่าอับอาย ที่จริง มีเพียงผู้ขลาดเขลาเท่านั้นที่จะเผชิญหน้ากับศัตรูเพราะหวาดกลัวการต้องวิ่งหนี บางครั้งฝีเท้าที่ว่องไวจะมีประโยชน์ยิ่งกว่าอาวุธหรือชุดเกราะใด ตอนนี้ทักษะ ‘วิ่งเร็ว’ เลื่อนระดับเป็นขั้นกลาง ท่านจำต้องใช้พลังมานาที่เพิ่มขึ้นแลกกับการระเบิดพลังเท้าที่สูงขึ้น
*ด้วยการผสมผสานของ ‘การต่อสู้ด้วยมือและดาบ’ ‘ร่ายรำแห่งความมืด’ และ ‘วิ่งเร็ว’ ท่านจึงได้เรียนรู้เซ็ตทักษะใหม่ ‘จรัสแสง’
*ทักษะที่จำเป็น : ทักษะเกี่ยวข้องกับดาบ (การต่อสู้ด้วยมือและดาบ), ท่าเท้า (ร่ายรำแห่งความมืด) และ การวิ่ง (วิ่งเร็ว) เมื่อทักษะทั้งหมดในเซ็ตเข้าถึงขั้นกลาง ท่านจะได้เรียนรู้ทักษะใหม่ (ผลลัพธ์ความสามารถของทักษะขึ้นอยู่กับอาชีพของท่าน)
=====
จรัสแสง : ระเบิดพลังมานาออกเพื่อเสริมความเร็วการโจมตีและความเร็วเคลื่อนที่ของท่านให้ถึงขีดสุด คมดาบของท่านสามารถโจมตีศัตรูใดก็ได้ในสมรภูมิรบเพียงใช้จรัสแสง ทว่า เทคนิคนี้ต้องใช้สมาธิให้สัมพันธ์กับความเร็ว ดังนั้นมีความเป็นไปได้ที่การโจมตีจะพลาดเป้า เพราะอัตราการตอบสนองของท่านเพิ่มขึ้น การหลบหลีกและการเลี่ยงความเสียหายคริติคอลจึงเพิ่มขึ้นสูงมาก
=====
‘ร่ายรำแห่งความมืด’ และ ‘วิ่งเร็ว’ มีอัตราการเติบโตสูงมากเพราะลงทะเบียนไว้เป็นทักษะหลัก ยามที่เขาเหวี่ยงดาบ เขาจะสร้างความเสียหายให้กับศัตรูในรัศมีถึงยี่สิบเมตรได้ มันคือทักษะใช้ดาบโจมตีเป็นวงกว้าง แม้ว่าความเสียหายจะเป็นเพียงแค่ 70% แต่ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญยามที่เขาใช้งาน ‘ซ่อมบำรุงดาบ’ และ ‘ดาบแห่งธาตุ’ ร่วมด้วยช่วยเสริมความเสียหาย ตอนที่อยู่ในทุ่งรกร้าง มอนสเตอร์พวกนั้นมักโผล่มาตัวเดียว เขาจึงไม่มีโอกาสได้ทดลองใช้จรัสแสง และอาศัยเพียงแค่คมดาบแห่งความมืดสร้างความเสียหาย แต่ถ้าหากเขาต้องรับมือกับศัตรูหลายคน เรื่องราวจะพลิกกลับด้านเลยทีเดียว
“จรัสแสง จรัสแสง!”
เมื่ออาร์คใช้งานจรัสแสงอย่างต่อเนื่อง คนทั้งเจ็ดต่างโดนลดทอนพลังชีวิตจนเหลือแค่ 40% นับว่าเป็นทักษะสร้างฝนเลือดเลยก็ว่าได้!
“เฮือก สะ-สัตว์ประหลาด!”
ขวัญกำลังใจของชาวนาคูจักพลันดิ่งฮวบลงทันที
“ตอนนี้พวกมันตื่นกลัวกันแล้ว เดดริค ดีมอส จัดการเลย!”
“เข้ามาเลยไอ้พวกตัวแดงโง่เง่า!”
กรั่ก กรั่ก กรั่ก!
ตั้งแต่ตอนที่การต่อสู้เริ่มต้น พวกมันก็เสียพลังชีวิตไปกว่าครึ่ง ด้วยการโจมตีเป็นระลอกจากอาร์คและสมุนปีศาจ นักรบชาวนาคูจักต่างล้มลงโดยไม่อาจทำอะไร เมื่อสี่คนตายไป พวกที่เหลือต่างหวาดกลัวจนต้องวิ่งหนีหาย
“พวกเรารับมือไม่ไหว ขอความช่วยเหลือเร็ว!”
“อย่าได้คิด!”
อาร์คพลันนำเอาผลนาดิงกะออกมาและปาเข้าใส่ เมื่อผลไม้กระแทกเข้าใส่ เถาวัลย์จึงเริ่มปรากฏขึ้นปกคลุมแขนและขาพวกมันเอาไว้ เพราะเหตุนี้พวกมันจึงเคลื่อนไหวได้เชื่องช้าลงจนกระทั่งคล้ายภาพสโลโมชั่นอย่างไรอย่างนั้น เพียงแค่พริบตาเดียว ดาบแห่งกิลซาลก็ตัดผ่าร่างของพวกมันจนล้มลงคนแล้วคนเล่า
“เหลือเชื่อมาก!”
กูรันร้องออกขณะรับชมอาร์คจัดการชาวนาคูจักได้แทบจะในทันที บุคซิลที่ถือกล้องวิเศษอยู่ก็ไร้ซึ่งคำพูด ที่ทำได้ก็มีเพียงแค่อ้าปากค้างเหม่อมองราววิญญาณหลุดจากร่าง แต่ในความเป็นจริง คนที่ตื่นตะลึงที่สุดคืออาร์คนั่นเอง ชัยชนะที่ได้รับหลังจัดการชาวนาคูจักเช่นนี้มันเหนือความคาดคิดจริง ตั้งแต่ที่เขาสามารถรับมือกับมอนสเตอร์ในทุ่งรกร้างได้อย่างง่ายดาย เขาไม่เคยได้ตระหนักเลยว่าตัวเองตอนนี้แข็งแกร่งเพียงใด และไม่ใช่เพียงแค่แข็งแกร่งขึ้น ชาวนาคูจักเมื่อครู่ทั้งเจ็ดเลเวล 290 จนกระทั่งเอาชนะมาได้พลังชีวิตของเขาลดไปเพียงแค่ 40% นอกจากนี้ ทั้งเดดริคและดีมอสต่างไม่ได้สูญเสียพลังชีวิตใดไปเลยด้วยซ้ำ นี่หมายความว่างานนี้ชนะใส
‘หรือที่จริงแล้วชาวนาคูจักอ่อนแอกันแน่?’
เขาเริ่มสับสนกับความคิด
‘ในเมื่อเป็นแบบนี้ รับมือกับสิบคน… ไม่สิ สิบห้าคนที่เหลือก็น่าจะไหว แต่มันออกจะน่าเบื่อเกินไปไหมถ้าต้องทำซ้ำวนไปวนมาอย่างไร้สีสัน? เราต้องทำให้มันสมบูรณ์แบบ ต่อไปจะลองอะไรดีกันนะ?’
อาร์คพลันหันกลับไปพูดกับกล้องวิเศษราวกำลังแสดงอยู่
“ก็นะ เจ้าพวกนี้อ่อนแอกันเกินไป แม้ว่าจะมั่นใจในชัยชนะ แต่การเป็นนักรบที่ดีควรต้องเตรียมพร้อมรับทุกสถานการณ์”
โดยทันที อาร์คนำเอาหม้อออกมาทำอาหาร เขาเริ่มผสมเศษภูเขาน้ำแข็งจากภูเขาหิมะร่วมกับวัตถุดิบจำนวนหนึ่งจนทำอาหารเพื่ออยู่รอดออกมา
=====
น้ำเย็นเยือก : ด้วยความเย็นของเศษภูเขาน้ำแข็งแปรเปลี่ยนเป็นน้ำ เป็นไปได้ว่าจะนำไปผสมกับอาหารอื่นให้คุณภาพดีขึ้น ทว่าถ้าหากทานโดยไม่ระมัดระวัง อุณหภูมิของร่างกายจะลดลงเป็นอย่างมาก
=====
อาร์คใช้งาน ‘ลอบเร้น’ เพื่อหลบซ่อนขณะเข้าไปใกล้บริเวณที่ตั้งแคมป์พร้อมถือน้ำเย็นเยือกเอาไว้ด้วย จากนั้นเขาจึงรอคอยจนกระทั่งชาวนาคูจักทำอาหารเย็นจนเสร็จ อาร์คจึงเข้าไปใกล้ขณะเทน้ำเย็นเยือกใส่ลงในหม้อ จากนั้นเขาจึงถอนตัวออกมารับชมเรื่องราว
“อืม กลิ่นน่าอร่อยมาก มากินกันเลยเถอะ”
“เฮ้ย ได้เวลาอาหารเย็นแล้ว!”
“พวกที่ออกไปข้างนอกยังไม่กลับมาเลยนะ?”
“เหลือไว้ให้ก็พอแล้วน่า”
“หือ? ซุปนี่รสชาติดีกว่าครั้งไหนเลยนะเนี่ย”
นักรบชาวนาคูจักเริ่มรุมตักซุปไปกินอย่างเอร็ดอร่อย จากนั้นเพียงไม่นาน…
“หือ? กินซุปอยู่ก็จริง แต่ทำไมรู้สึกหนาวล่ะ?”
“ไม่ใช่เรื่องเล่นนะเนี่ย ทำไมถึงหนาวได้กัน?”
‘ตอนนี้แหละ!’
อาร์คที่รับชมเรื่องราวอยู่พลันปรากฏขึ้นราวสายฟ้าฟาด บุคซิลก็เร่งรีบเปิดกล้องวิเศษบันทึกภาพโดยทันที
“อาร์คนิม พวกเราเป็นกำลังใจให้! ทำให้ดีที่สุด!”
อาร์คไม่ลืมที่จะหัวเราะตอบสนองพร้อมเผยเขี้ยวในปากแง้มออกมา
“ราดันเปลี่ยนร่าง! ไปเลยเดดริค ดีมอส!”
ซื่อ ซื่อ ซื่อ!
อาร์คเข้าโจมตีใส่ทั้งตั้งแคมป์ขณะขี่ราดันม่าไปด้วย
ตึง ตึง ตึง!
ราดันม่าพุ่งผ่านแคมป์จนก่อให้เกิดความยุ่งเหยิงโดยทันที เปลวไฟจากแคมป์ไฟปะทุกระจายตัวออกไปทั่วทุกแห่งหน หม้อก็พลิกคว่ำ
“อะไร? อะไรกันน่ะ? หมาป่าสีดำกับกิ้งก่า?”
“พวกเราโดนโจมตี!”
“ดี! ราดันเปลี่ยนร่างกลับ!”
อย่างรวดเร็ว อาร์คกระโดดลงจากราดันม่าที่เปลี่ยนร่างกลับ ที่จริงเขาขี่ราดันม่าเร่งร้อนพุ่งเข้าใส่ก็เพื่อหวังได้ฉากที่ดีสักฉากหนึ่ง แน่นอนว่าราดันม่าสามารถใช้งานระหว่างต่อสู้ได้ ระหว่างการต่อสู้หากเขาขี่ราดันม่าจะได้รับพลังโจมตีและพลังป้องกันเพิ่มขึ้น 10% แต่ขณะเดียวกัน เขาก็จะเกิดความเสียเปรียบอย่างรุนแรง เป็นเพราะเขามีความเร็วการเคลื่อนที่เพิ่มขึ้น 500% การกะระยะและหันกลับหรือเปลี่ยนทิศทางออกจะเป็นเรื่องยากและไม่ทันการ เป็นเพราะทักษะ ‘ขับขี่’ ของเขานั้นพัฒนาไปอย่างเชื่องช้า และยังเป็นทักษะขั้นต้น เพราะงั้นแล้วหากนำมาใช้ในการต่อสู้ออกจะเป็นเรื่องทำให้ตัวเองเสียเปรียบเกินไป ในการต่อสู้แบบศึกครั้งใหญ่ มีเพียงแค่อัศวินผู้ซึ่งสวมใส่ชุดเกราะหนักเท่านั้นที่จะมีเปรียบยามต่อสู้บนหลังม้าศึก
‘จะยังไงก็เถอะ สงสัยจริงว่าจะได้ภาพแบบไหนออกมากัน?’
อาร์คชักดาบออกมาขณะเผยรอยยิ้มเหี้ยมเกรียม
“ดาบแห่งธาตุน้ำแข็ง!”
หลังใช้งานทักษะ ดาบแห่งกิลซาลจึงถูกปกคลุมด้วยความเย็นเยือกสีขาวโพลน รวมเข้ากับอาการผิดปกติของชาวนาคูจัก การเคลื่อนไหวของพวกเขาช้าลงอย่างเห็นได้ชัด
‘ดี ผลลัพธ์ที่คาดไว้ทำงานแล้ว!’
“จรัสแสง!”
อาร์คเคลื่อนร่างเข้าหาระหว่างกลุ่มชาวนาคูจักราวสายฟ้าฟาดผ่าน โดยทันทีเขาเข้าติดพันทั้งสิบหกคนที่เหลือด้วยดาบจนอีกฝ่ายต่างสีหน้าซีดเผือด อาร์คเล็งผลตรงนี้เอาไว้แต่แรกแล้ว ในเมื่อเจ้าพวกนี้ดื่มน้ำเย็นเยือกเข้าไป ภูมิต้านทานความหนาวจะลดน้อยลงกว่า 50% เมื่อรวมเข้ากับดาบเยือกแข็ง อีกฝ่ายจึงได้รับความเสียหายเพิ่มขึ้นเพราะโดนผลของ ‘แช่แข็ง’
‘พลังทำลายล้างอันน่าทึ่ง!’
ที่สุดยอดยิ่งกว่าคืออาการแช่แข็งสามารถทับซ้อนกันได้ ทุกครั้งที่ได้รับอาการแช่แข็ง ความเร็วการเคลื่อนที่จะลดน้อยลงไป 15% หากทับซ้อนกันสักสามหรือสี่ครั้ง ความเร็วการเคลื่อนไหวก็จะลดน้อยลงถึง 50% นอกจากนี้ เมื่ออาการแช่แข็งสะสมสูงสุดถึง 100% เมื่อไหร่ เมื่อนั้นก็หมายความว่าเป้าหมายจะไม่อาจขยับตัวได้อีกต่อไป นั่นจึงเป็นอีกเหตุผลที่ว่าทำไมอาวุธธาตุน้ำแข็งถึงมีราคาแพงอย่างมหาศาล อย่างไรแล้วอาร์คสามารถใช้ผ่านทักษะได้อย่างอิสระโดยการเสริมธาตุน้ำแข็งเข้ากับดาบได้ทุกเมื่อที่ต้องการ
นอกจากนี้ยังมีการใช้งาน ‘จรัสแสง’ ที่ช่วยทำให้ศัตรูทั้งหมดได้รับความเสียหายธาตุน้ำแข็งโดยพร้อมเพรียงกัน แน่นอน โอกาสที่จะเกิดการโจมตีคริติคอลในสภาวะเช่นนี้ก็เพิ่มขึ้นไปด้วย เดิมทีอาร์คก็เป็นผู้เล่นที่เสริมด้านความคล่องตัวกับการโจมตีคริติคอลอยู่แล้ว พอมีจรัสแสงเข้ามาช่วยมันจึงยิ่งเสริมให้การโจมตีคริติคอลสามารถเกิดขึ้นได้ง่ายขึ้นเมื่อติดพันกับศัตรูถึงสิบหกคน อย่างน้อยห้าในนั้นก็โดนการโจมตีคริติคอลไปแล้ว นี่คือผลลัพธ์การผสมผสานกันของการทำอาหารเพื่ออยู่รอด ดาบแห่งธาตุ และจรัสแสง! อาร์คแกว่งไกวดาบไปมาห้าครั้งเพื่อใช้งานจรัสแสงออกอย่างไม่หยุดหย่อน
“อึก!”
“หนาว…”
“ขยับร่างกายไม่ได้!”
พลังชีวิตของชาวนาคูจักเริ่มลดน้อยลงจนถึง 50% อีกทั้งพวกเขายังติดอาการโดนแช่แข็งอีก อาร์คสามารถผนึกการเคลื่อนไหวของพวกนาคูจักเอาไว้ได้ด้วยความเร็วอันน่าทึ่ง เพียงคนเดียวที่สามารถเคลื่อนไหวด้วยความเร็วเช่นเดิมได้มีเพียงแค่อาร์คแล้ว
“มาจัดการให้สิ้นเรื่องราวก่อนอาการแช่แข็งจะหายไปดีกว่า เรียกปีศาจ!”
คว๊าก!
เมื่อผนึกถูกคลาย เสียงภูตผีร่ำไห้ต่างส่งเสียงร้องออกมา ด้วยความที่คงสภาพดาบแห่งธาตุ ร่วมใช้งานกับเรียกปีศาจจึงทำให้ดาบแห่งกิลซาลสร้างความเสียหายได้เกินจินตนาการ ชาวนาคูจักที่ร่างกายโดนแช่แข็งถึงกับแตกกระจายออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยเมื่อโดนโจมตีเข้าใส่ เป็นเพราะเมื่อตกอยู่ในสภาวะวิกฤต ชาวนาคูจักจึงโดนผ่าแยกร่างออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยผ่านดาบผ่าร่างราวรูปปั้นน้ำแข็งที่แตกกระจาย ขณะเดียวกัน ชาวนาคูจักบางคนที่อาการหายแล้วก็เริ่มวิ่งพุ่งเข้าใส่อาร์ค แต่ก็สายเกินไป ดาบแห่งกิลซาลทอแสงสว่างวูบวาบสามถึงสี่ครั้งก่อนที่พวกเขาเหล่านั้นทั้งหมดจะล้มลงกับพื้นจนสิ้น