เล่ม 10 ตอนที่ 7 : หายนะของเผ่าแกลกิ้น (2)
ทั้งสัปดาห์มานี้เลเวลของเขาเพิ่มขึ้น 13 ระดับแล้ว ลาริเอ็ตเต้ที่เล่นเพียงแค่หกชั่วโมงต่อวันก็ยังได้รับมาถึง 8 ระดับด้วยกันจนเป็นเลเวล 170 เรียบร้อยแล้ว ในนิวเวิลด์ ข้อจำกัดเรื่องการได้รับค่าประสบการณ์จะมีผลหากสมาชิกในปาร์ตี้เลเวลต่างกันมากเกินไป ข้อจำกัดนี้ขึ้นอยู่กับจำนวนความต่าง
‘จำนวนของมอนสเตอร์และค่าประสบการณ์ถือว่าเป็นที่ยอมรับได้ ความเร็วก็คล้ายกับอยู่ในดันเจี้ยนเลยทีเดียว’
อาร์คค่อนข้างชอบป่าแห่งชีวิตพอสมควร โดยเฉพาะกับมอนสเตอร์ชนิดหนึ่ง…
=====
ท่านได้รับ ‘แผ่นหนังคุโรเมติน’ ผ่านการถลกหนัง
=====
เพราะความอุตสาหะที่เขาลงทุนลงแรง ทักษะถลกหนังตอนนี้จึงเป็นขั้นกลางเรียบร้อยแล้ว แต่อัตราความสำเร็จของการถลกหนังมอนสเตอร์เลเวล 250 ก็มีเพียงแค่ 5% เท่านั้นเอง
แต่ด้วยผลของ ‘กิ่งไม้ศักดิ์สิทธิ์’ มันจึงเพิ่มขึ้นเป็น 15%
แม้ว่าจะดีขึ้นมาบ้าง แต่ผลลัพธ์ก็ยังไม่เป็นที่น่าพอใจ ทว่า ใบหน้าของอาร์คกลับเคร่งเครียดทันทีแทนที่ความยินดีที่ฉายออก
‘หือ ไอ้ตัวพรากวิญญาณมาแล้ว!’
อาร์คเก็บแผ่นหนังเข้ากระเป๋าขณะกระชับดาบในมือ ตอนนี้เขาได้ยินเสียงหวีดหวิวดังจากภายในป่า
‘ไอ้เจ้านั่น หลบซ่อนอยู่แถวนี้สินะ!’
อาร์คจ้องมองด้วยดวงตาลุกโชนเปี่ยมความโกรธแค้น ผ่านไปพักหนึ่ง เขาได้ยินเสียงหวีดหวิวของอะไรบางสิ่งกำลังเคลื่อนไหว มันต้องเป็นอย่างที่เขาคิดเอาไว้แน่! มันคือมอนสเตอร์ที่ทำให้เลือดในกายของอาร์คระอุ!
‘ไม่เคยคิดเลยว่าจะเจอมอนสเตอร์โหดเหี้ยมแบบนี้’
อาร์คเคยเจอมาบ้างสองหรือสามครั้ง แต่นี่เป็นครั้งแรกเลยที่อาร์ครู้สึกว่ามอนสเตอร์ตัวนี้คุกคามเขาอย่างแท้จริง มันคือมอนสเตอร์นามว่า ‘คิเมร่าโจรจิ้งจอก’
ใช่ มันคือหัวขโมยจิ้งจอก… มันมักหลบซ่อนตัวตนด้วยการใช้ ‘สีกลมกลืน’ จากนั้นจึงปรากฏตัวจากที่ไหนไม่ทราบและฉกฉวยเอาไอเทมของเขาไปก่อนจะวิ่งหนีหาย พวกมันรบกวนเขาทุกครั้งที่ถือไอเทมเอาไว้ในมือ นอกจากนี้ ความเร็วของมันยิ่งมหาศาลจนเขาไม่อาจไล่ตามทันด้วย ‘วิ่งเร็ว’
“ถึงกับมีมอนสเตอร์ชั่วช้าแบบนี้…”
โจรจิ้งจอกเหล่านี้สร้างความเลวร้ายให้เขายิ่งกว่าสิ่งใด ด้วยเหตุนี้ เพื่อความมั่นใจอาร์คจึงใช้ให้ราดันกลืนกินไอเทมทุกครั้งโดยทันทีเมื่อการต่อสู้เสร็จสิ้น ราดันก็รับผิดชอบหน้าที่รวบรวมสิ่งของเป็นอย่างดีมาโดยเสมอ เพราะเหตุนี้มันจึงเกลียดโจรจิ้งจอกเช่นกัน
‘หึ!’
อาร์คแค่นเสียงในลำคอทุกครั้งที่สัมผัสถึงมันได้ อย่างไรแล้วถ้าหากเขาระมัดระวัง แบบนั้นโจรจิ้งจอกก็จะไม่มีโอกาสขโมยไอเทมใดไปได้ ปัญหาคือพวกวัตถุดิบที่กระจายตัวอยู่รอบป่าแห่งชีวิตต่างหาก ก็เหมือนชื่อของมัน ป่าแห่งชีวิตเต็มไปด้วยความอุดมสมบูรณ์สีเขียวชอุ่ม มันมีพืชพรรณหลากหลายเติบโตอยู่และสามารถนำมาใช้เป็นวัตถุดิบทำอาหาร… นั่นเป็นเหตุผลหลักที่ว่าทำไมเขาถึงจงเกลียดจงชังโจรจิ้งจอก กระทั่งว่าอาร์คออกค้นหาในป่าแห่งชีวิต วัตถุดิบที่เขาพบเจอก็มีเพียงแค่สามหรือสี่อย่างเท่านั้นเอง ทุกครั้งที่วัตถุดิบปรากฏขึ้นอีกครั้ง มันก็จะถูกจิ้งจอกร้ายพวกนี้ฉกฉวยเอาไป
‘แถมการจะจับโจรจิ้งจอกในป่าก็แทบเป็นไปไม่ได้เลย…’
เขาพยายามจะจับพวกมันดูแล้ว ทว่า เมื่อใดที่เข้าไปใกล้ได้ พวกมันจะใช้งาน ‘สีกลมกลืน’ ที่ส่งผลคล้ายลอบเร้นออกมา และการจะแก้ปัญหาไม่ใช่การจับพวกมันเพียงแค่หนึ่งหรือสองตัว ใครจะทราบกันว่าป่าแห่งนี้มีโจรจิ้งจอกอยู่กี่พันตัว?
‘นั่นทำไม่ได้ เราต้องรวบรวมวัตถุดิบให้ได้ก่อนที่พวกจิ้งจอกนั่นจะเจอ’
“เอาล่ะ ไปกันเถอะ ได้เวลารวบรวมวัตถุดิบแล้ว”
อาร์คออกคำสั่งกับบุคซิลและลาริเอ็ตเต้ขณะถอนหายใจและยืนขึ้น
“ตอนนี้ลาริเอ็ตเต้นิมให้ค้นหาพื้นที่แถบนี้ ส่วนบุคซิลให้ไปทางทิศเหนือ”
“แต่ถ้าหากโจรพวกนั้นคว้าทุกสิ่งอย่างไปจนพวกเราไม่เหลืออะไรให้เก็บเกี่ยว ถ้าหากจะเป็นแบบนั้นผมเสนอให้เอาเวลาไปหาห้องทดลองจะดีกว่า ป่าแห่งชีวิตค่อนข้างกว้างก็จริง แต่การจะเดินสำรวจให้ทั่วก็ไม่น่าจะใช้เวลานานเท่าไหร่นี่?”
“นายยังไม่รู้อะไร”
อาร์คตอบกลับด้วยน้ำเสียงดุดันใส่บุคซิล
“มันต้องมีวัตถุดิบหายากที่พวกเรายังไม่เจอและเป็นเพราะพวกโจรจิ้งจอกนั่นเอาไป”
“อา… ผมคิดว่าพวกเรามีวัตถุดิบกันพอแล้วเสียอีก”
“อาหารเป็นสิ่งสำคัญสำหรับตอนนี้ ไม่มีอะไรยืนยันได้ว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น คิดให้ดี ฉันเคยเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่หิวโหยหมดแรงเพราะไม่มีอะไรกิน แต่ฉันยอมแพ้หรือ? ฉันจะไม่มีทางปล่อยให้พวกมันเอาของที่ควรเป็นของพวกเราไป เริ่มงานได้แล้ว!”
“พวกเราไม่เหมือนอาร์คนิมนี่นา…”
บุคซิลพึมพำขณะเผยสีหน้าไม่พึงพอใจแต่ก็เริ่มออกค้นหาในป่าเพราะอาร์คจ้องมองกินเลือดเนื้อ
“พวกเราจะหาให้ได้มากที่สุด!”
อาร์คยกอ้างเหตุผลต่าง ๆ นา ๆ ขึ้นมาเพื่อให้พวกเขาทั้งสองทำงานแทนตัวเอง แต่สิ่งที่พวกเขาได้รับหลังความพยายามคือความเจ็บปวด นี่ต้องเสียเวลาไปมากมายเท่าไหร่กันกว่าวงจรนี้จะจบลง?
“ว๊าย อะไรกันเนี่ย? ออกไปนะ!”
ลาริเอ็ตเต้กรีดร้องออกมาจากที่ไม่ไกลนัก อาร์คจึงหันควับขณะกวัดแกว่งดาบมุ่งไปทางที่ลาริเอ็ตเต้อยู่ ขณะนั้นเธอกำลังกรีดร้องลั่นป่าขณะโดนบางสิ่งรัดพันรอบศีรษะเอาไว้
“แอ่ก ยะ-หยุดก่อน! อย่าทำร้ายข้า!”
‘หือ? เจ้านี่มัน?’
บุคคลที่พัวพันกับลาริเอ็ตเต้อยู่เป็นคนคุ้นเคย(?) เป็นเอ็นพีซีที่คล้ายแมลงชนิดหนึ่ง เป็นรีด ชาวแกลกิ้นหาบเร่ที่เขาช่วยเหลือเอาไว้จากพรีเดเตอร์เมื่อหลายวันก่อน ลาริเอ็ตเต้เข้าใจผิดคิดว่าอีกฝ่ายเป็นมอนสเตอร์จำพวกแมลง
“ลาริเอ็ตเต้นิม หยุดก่อนครับ!”
อาร์คยืนขวางตรงหน้าลาริเอ็ตเต้ไว้ รีดพลันหันมองมาจนได้พบอาร์ค
“จะ-เจ้าคือ?”
“อาร์คไง ไม่นานมานี้พวกเราเพิ่งเจอกัน”
“โอ้ ถึงกับได้เจอคนรู้จักในสถานที่แบบนี้… สวรรค์ช่วยเหลือข้าแล้ว ได้โปรดช่วยข้าด้วย!”
ดวงตาของอีกฝ่ายเริ่มหลั่งน้ำตาออกขณะเล่าเรื่องราว
“ไม่ต้องกังวลไป ฉันไม่โจมตีเข้าใส่หรอกน่า”
อาร์คมองไปทางลาริเอ็ตเต้ก่อนจะยิ้มขื่นขมให้ ลาริเอ็ตเต้ตอนนี้คล้ายหวาดกลัวจนหน้าซีดเผือดไปแล้ว แน่นอนว่าคนอย่างเธอสมควรกลัวสิ่งมีชีวิตจำพวกแมลง ที่จริง นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เขาเห็นลาริเอ็ตเต้เผยอาการคิดสังหารถึงขนาดนี้มาก่อน ทว่ารีดกลับยักไหล่ก่อนที่จะกล่าวต่อ
“ไม่ ไม่ ไม่ใช่เรื่องนี้ ครอบครัวชนเผ่าข้ากำลังจะตาย”
“หือ? เผ่าเหรอ?”
รีดเริ่มอธิบายเรื่องราวขณะร้องไห้ไปด้วย
“อย่างที่เจ้าทราบ พวกเราเป็นชนเผ่าหาบเร่ เมื่อเติบโตก็จะเริ่มหาบเร่ พวกเราไม่ได้พบเจอครอบครัวบ่อยสักเท่าไหร่นัก เพราะว่าการค้าจำเป็นต้องเดินไปยังสถานที่ห่างไกลเป็นเวลานับเดือน เหตุผลที่ข้ามาอยู่ในพื้นที่แถบนี้ก่อนหน้านี้ก็เพราะว่า ป่าแห่งนี้เป็นสถานที่นัดพบ แต่แล้ว… แต่… เมื่อวันก่อน ข้ามาถึงจุดนัดพบก็พบว่าทุกคนกำลังย่ำแย่”
“ย่ำแย่?”
“ใช่ พวกเขากำลังจะตาย ข้าเร่งร้อนหาหยูกยามาแต่มันก็ไร้ผล ชัดเจนว่าเป็นโรคลึกลับ แม้ว่าพวกเขาจะป่วย แต่พวกเขาก็ยังคงสภาพมีชีวิต… ด้วยเหตุนั้นข้าก็เลยเริ่มออกค้นหาผู้คนที่จะช่วยเหลือ เจ้าพอจะมีทางช่วยโรคระบาดได้หรือไม่? โลกกลางสมควรมีเทคนิคเพื่อไว้ใช้รักษาโรคระบาด เจ้าเป็นคนจากโลกกลางนี่นา”
“…”
อาร์คหันไปมองลาริเอ็ตเต้ ที่อีกฝ่ายพูดถึงน่าจะคล้าย ‘รักษาโรค’ หลังลาริเอ็ตเต้เปลี่ยนอาชีพเป็นอัศวินพิสุทธิ์ เธอจึงได้เรียนรู้ ‘รักษาโรค’ แต่ลาริเอ็ตเต้ก็เผยสีหน้าไม่สู้ดีนักขณะเผยน้ำเสียงเป็นกังวล
“เอ่อ อาร์คนิมคะ พวกเราต้องช่วยแมลงพวกนี้ด้วยเหรอคะ?”
แน่นอนสิว่าต้องช่วย เพราะอะไร? ก็เพื่อได้รับรางวัลยังไงล่ะ
‘ไม่ใช่ว่าชนเผ่าของรีดคือแกลกิ้นที่เป็นคนหาบเร่หรอกหรือ? ถ้าแบบนั้นก็ต้องมีไอเทมอะไรที่น่าจะช่วยให้สมุนปีศาจของเราพัฒนาขึ้นได้อย่างแน่นอน’
มันเป็นเรื่องยากที่จะได้รับไอเทมแบบนั้นแม้กระทั่งในโลกใต้พิภพ อย่างที่หมู่บ้านในหุบเขา ร้านค้าแลกเปลี่ยนก็มีเพียงแค่สองหรือสามแห่งเท่านั้นเอง อีกทั้งยังมีแต่ไอเทมจำพวก ‘ยางไม้อุมม่า’ และจำนวนก็มีจำกัดเสียด้วย แต่หากเป็นสถานที่รวมตัวกันของคนหาบเร่แล้ว แน่นอนว่าโอกาสที่จะหาสิ่งของพบเจอก็ไม่ต่างไปเดินในห้างสรรพสินค้า เรื่องนี้ไม่สมควรพลาด อาร์คตอบรับด้วยสีหน้าจริงจังอย่างถึงที่สุด
“ลาริเอ็ตเต้นิม แม้ว่าอีกฝ่ายจะดูเหมือนแมลง แต่รีดก็เป็นผู้อยู่อาศัยในโลกใต้พิภพนะครับ หัวอกหัวใจที่นึกถึงชนเผ่าและครอบครัวก็ไม่ต่างจากพวกเราเลย แต่ถ้าหากพวกเรานิ่งเฉยเพียงเพราะรูปลักษณ์ของเขา ไม่ใช่ว่านั่นจะทำให้พวกเราดูเลวร้ายหรอกหรือครับ?”
ลาริเอ็ตเต้ก็เข้าใจกับคำที่อาร์คกล่าว
“ขอบคุณ ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะคิดกับพวกเราชาวแกลกิ้นถึงเพียงนี้!”
‘ไอ้แมลงนี่ ทำไมมาจับมือเรากัน? คงต้องใช้ยาฆ่าเชื้อล้างมือบ้างแล้ว…’
จะยังไงการที่อาร์คจะชอบแมลงก็เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว แต่อย่างไรก็ตาม เขาเพียงคิดหลุดลอยไปชั่วครู่เท่านั้น
“ตะ-แต่ว่า…”
“ผมเชื่อนะครับว่าลาริเอ็ตเต้นิมไม่ใช่คนที่จะปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปได้”
อาร์คมองลาริเอ็ตเต้ด้วยสีหน้าเชื่อมั่น หลังมองไปยังดวงตาของรีด เธอก็แทบไม่กล้าที่จะปฏิเสธออกมาแม้ว่าจะรู้สึกรังเกียจแมลงก็ตามที
“เฮ้อ เข้าใจแล้วค่ะ”
‘หึหึหึ ภารกิจฟรีอีกหนึ่ง!’
ขณะนั้นเอง อาร์คจึงเผยรอยยิ้มชั่วช้า อัศวินพิสุทธิ์มีเวทมนตร์ฟื้นฟูที่หลากหลาย เพราะงั้นแล้วเรื่องราวครั้งนี้ไม่น่าจะจัดการยากแต่อย่างใด เมื่อพวกเขารับภารกิจแล้ว หน้าต่างข้อความจึงปรากฏทั้งตรงหน้าอาร์คและลาริเอ็ตเต้
=====
หายนะของชนเผ่าแกลกิ้น
หลังจากผ่านเวลาไปหลายเดือน รีดและคนหาบเร่อื่นในเผ่าได้นัดเจอกันในป่าแห่งชีวิต แต่เมื่อรีดไปถึง ชนเผ่าของเขากลับย่ำแย่เพราะโรคร้ายที่ไม่รู้จัก จงหาต้นตอและรักษาโรคร้ายให้ได้
=====
‘จะยังไงก็แมลงสาบนี่นะ’
ผ่านไปพักหนึ่ง รีดได้นำอาร์คมุ่งไปยังสถานที่นัดพบ เมื่อพวกเขาไปถึง เขาจึงพบว่ามีแมลงสาบรวมตัวกันอยู่เต็มไปหมด ก็เหมือนชื่อของมัน ป่าแห่งชีวิตเป็นป่าที่เต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตหลากหลาย หากเดินเล่นกินลมชมวิวก็จะพบกับความเขียวชอุ่มและดวงตะวันที่อบอุ่น แต่สถานที่ที่ชาวแกลกิ้นรวมตัวกันอยู่ค่อนข้างมืดมนเป็นอย่างยิ่ง มีต้นไม้ที่เริ่มตายลงทุกหนแห่งที่ชาวแกลกิ้นกระจายตัวอยู่ เหมือนอย่างที่รีดกล่าว สถานการณ์ตอนนี้ค่อนข้างย่ำแย่จริง ๆ
“โอ นะ-หนาว… ใครก็ได้…”
“แม่… แม่… ปวดท้องเหลือเกิน… ฮึก…”
“เฮือก… ท้องกำลังปั่นป่วน…”