ตอนที่ 338 : ธุรกิจของอาร์ค (3)
‘ที่หมู่บ้านแลนเซลส่วนใหญ่ผู้เล่นก็จะเลเวล 100 กัน นั่นหมายความว่าหมู่บ้านแห่งนี้คือสถานที่อันยอดเยี่ยมที่จะขายไอเทมที่เราผลิตได้ ทำไมก่อนหน้านี้ไม่เคยนึกถึงเลยกันนะ?’
ยาสมุนไพรส่วนใหญ่ต้องการแค่วัตถุดิบทั่วไป เพราะงั้นจึงสามารถจำหน่ายในราคาถูกกว่าโพชั่นของพวกนักเล่นแร่แปรธาตุได้ สำหรับผู้เล่นเลเวลต่ำที่ต้องการประหยัดเก็บออมเงิน ชัดเจนว่ายาสมุนไพรเป็นทางเลือกที่ดีกว่า ถ้าหากอาร์คสามารถทำเงินจากตรงนี้ได้ ไม่ใช่ว่ามูลค่าการค้าในหมู่บ้านแลนเซลก็จะเพิ่มขึ้นด้วยหรือไร?
‘ถือว่าเป็นวิธีที่น่าจะดีเอาเรื่องเลยทีเดียว’
อย่างไรแล้วก็มีปัญหาอยู่อีกหนึ่ง มันเป็นไปไม่ได้ที่จะขายยาสมุนไพรในราคาที่สูงเกินไป ถ้าหากเขาต้องการทำธุรกิจแค่หนึ่งหรือสองวันย่อมไม่มีทางร่ำรวยได้ หากเทียบกับกิรัน การเปิดซุ้มร้านข้างถนนในหมู่บ้านแลนเซลนับว่าแตกต่างกว่ากันมาก เพื่อให้ได้รับกำไรมากขึ้น เขาจะต้องขายสินค้าที่มีความหลากหลายในปริมาณมาก
‘งั้นก็ต้องมีร้านและพนักงานขาย!’
อาร์คเริ่มมองบ้านที่เพิ่งต่อเติมแล้วยิ้มออก เขาเป็นเจ้าของบ้านสองชั้นภายในหมู่บ้านแลนเซล ปัญหาเรื่องร้านค้าย่อมไม่ต้องกังวล และพนักงานขายสินค้าที่อาร์คต้องการ… ก็ต้องเป็นพ่อค้าซึ่งเชี่ยวชาญการทำการค้าและมีทักษะทำบัญชี และอาร์คก็รู้จักพ่อค้าเช่นนั้นอยู่คนหนึ่ง ฮอบบิทน้อยนามว่าซิดที่ติดสัญญาทาสกับเขาอยู่นั่นเอง
‘แต่ซิดคือสายที่เราทิ้งไว้ในสำนักงานการค้าซิลวาน่า หากให้หมอนั่นย้ายมาที่นี่คงไม่ทำกำไรอะไรให้เราแน่ และจะกลายเป็นสร้างความเสียหายแทนด้วยซ้ำ งั้นพ่อค้าที่เหลือก็…’
อาร์คเผยรอยยิ้มชั่วร้ายขณะเอ่ยถามบุคซิล
“บุคซิล ได้ติดต่อกับพวกพี่น้องของนายหรือยัง?”
“หือ? โอ้ เรื่องนั้น…”
“บอกพวกเขาให้มาที่นี่ตอนนี้เลย”
“ทะ-ทำไมล่ะ?”
“ฉันจะได้แนะนำงานดี ๆ ให้ทำ”
อาร์คหัวเราะออกขณะลุกขึ้นยืนจากที่นั่ง พอออกไปนอกบ้าน เขาก็มุ่งหน้าไปยังศาลากลางโดยทันที เพื่อเปิดร้านค้าภายในหมู่บ้าน เขาต้องได้รับการยินยอมจากผู้ใหญ่บ้านเสียก่อน
“เจ้าอยากทำธุรกิจงั้นรึ?”
กาเลนประหลาดใจกับคำพูดของอาร์ค
“ใช่ครับ ผมอยากเปิดร้านขายอะไรสักอย่างจะได้นำธุรกิจการค้ามาสู่หมู่บ้านด้วย”
“อืม ความคิดนี้ก็ไม่เลว แต่เรื่องราวไม่ง่าย… ก็ดี ไม่ใช่เรื่องยากอยู่แล้วที่จะอนุญาตให้เจ้าหากคิดต้องการทำ แถมเจ้ายังมีบ้านในหมู่บ้าน และหุ้นส่วนของหมู่บ้าน 3% ก็จำเป็นต้องมีก่อนจึงค่อยสามารถเปิดร้านขายของได้ เจ้าก็ทราบเรื่องนี้ใช่ไหม?”
แน่นอนว่าเขาย่อมทราบ หากคนต่างถิ่นเป็นเจ้าของร้านค้าง่ายดายเพียงนั้น คงมีร้านผุดขึ้นเป็นดอกเห็ดท่วมหมู่บ้านในนิวเวิลด์แล้ว ตามปกติผู้เล่นจำเป็นต้องมีหุ้นส่วนของหมู่บ้าน 2% เสียก่อน หรือก็คือ หากไม่มีแต้มบุญมากพอ ผู้เล่นคนนั้นก็ไม่มีทางเปิดร้านค้าได้แม้ว่าจะมีเงินทองมากมายเพียงใดก็ตาม และอาร์คตอนนี้ก็มีหุ้นส่วนอยู่ 2.5% ในหมู่บ้านแลนเซล เพราะคำสัญญาของกาเลน ตอนนี้เขาสามารถมีหุ้นส่วนเพิ่มขึ้นได้เป็น 5% หลังการขยายต่อเติมบ้าน
“แล้วการจะเพิ่มหุ้น 0.1% ต้องจ่ายเท่าไหร่กันครับ?”
“200 เหรียญทอง”
“ครับ?”
อาร์คแทบสะอึกและอดไม่ได้ที่จะร้องอุทานออกมาด้วยความตื่นตะลึง ราคาก่อนหน้านี้คือ 120 เหรียญทอง ตอนนี้ถึงกับเพิ่มขึ้นมาอีก 80 เหรียญทองเพื่อซื้อหุ้นส่วนเพิ่มขึ้น แต่นั่นก็ไม่แย่เท่าไหร่ หุ้นส่วนจะยิ่งกลายเป็นมีค่ามากขึ้นยามที่หมู่บ้านแลนเซลมีพัฒนาการมากขึ้น นั่นคือสิ่งที่อาร์คคาดไว้ และหมู่บ้านแลนเซลก็ยังมีอะไรให้พัฒนาอีกหลายอย่าง เมื่อใดที่เขาปล่อยหุ้นส่วนนี้นำขายต่อผู้เล่นอื่น เขาย่อมสามารถได้รับกำไร
‘ก็ดี เพราะเก็บออมเอาไว้เลยพอมีเงินใช้จ่ายตรงนี้ได้…’
อาร์คตอนนี้มีเงินติดตัวถึง 4,000 เหรียญทอง! อาร์คก็รู้สึกไม่สบายใจเหมือนกันยามต้องปล่อยมือเงินจำนวน 3,500 เหรียญทองให้กาเลน แต่มันจะสร้างผลกำไรให้เขานับแต่นี้ ไม่มีเหตุผลอะไรต้องลังเล
“หุ้นส่วนจำนวน 1.5% และค่าเปิดร้านค้าอีก 500 เหรียญทอง นี่ครับ 3,500 เหรียญทอง”
“โอ้ ดูเหมือนระหว่างเดินทางเจ้าได้รับโชคลาภไม่น้อยเลยนะ”
กาเลนพึมพำขณะจ้องมองเงินตรงหน้า อย่างไรแล้วตอนนี้เขาก็ได้ใบรับรองจากกาเลนพร้อมหน้าต่างข้อมูลใหม่ที่ปรากฏขึ้น
=====
หุ้นส่วนหมู่บ้านแลนเซลของท่านเพิ่มขึ้นเป็น 4%
=====
เมื่อท่านมีหุ้นส่วน 3% ท่านสามารถเป็นเจ้าของร้านภายในหมู่บ้านได้
ผู้เล่นที่ดำเนินธุรกิจการค้าในหมู่บ้านจะเป็นหนึ่งในค่าสถานะการค้าของหมู่บ้านด้วย หากท่านทำการซื้อขายและนำผลประโยชน์มาสู่หมู่บ้าน แต้มบุญของท่านจะได้รับเพิ่มมากขึ้น และจำนวนขีดจำกัดของหุ้นส่วนที่ท่านสามารถถือครองก็สามารถเพิ่มขึ้น แต่หากธุรกิจของท่านย่ำแย่จนเกิดความสูญเสียครั้งใหญ่ ความนิยมของท่านในหมู่บ้านจะลดน้อยลง หากเกิดเรื่องราวเช่นนั้นขึ้น ขีดจำกัดการถือครองหุ้นส่วนของท่านจะลดน้อยลง และท่านต้องถูกเพิกถอนใบอนุญาตทำการค้า
หุ้นส่วนที่ท่านถือครองในหมู่บ้านแลนเซล (ครอบครอง/ขีดจำกัด) : 4/5%
=====
เงินล้วนเป็นสิ่งสำคัญไม่ว่าในเกมหรือโลกความเป็นจริง อย่างไรแล้วตอนนี้เขามีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเปิดทำธุรกิจของตัวเองได้ อาร์คไปเยี่ยมเยือนชาวแรคคูนขณะกล่าวถามถึงเรื่องเปลี่ยนแปลงบ้านให้กลายเป็นร้านค้า พวกเขาตกปากรับคำอย่างว่าง่ายเพื่อสร้างชั้นวางสิ่งของให้ภายในบ้าน ทั้งหมดมูลค่า 100 เหรียญทอง ผ่านไปเพียงแค่สิบนาทีเท่านั้น จากเงินที่เคยถือครองไว้ 4,000 เหรียญทองตอนนี้เหลือเพียงแค่ 400 เหรียญทองเท่านั้น ทว่าภายในใจของเขานั้นเต็มไปด้วยความภูมิอกภูมิใจ
“ร้านของเราเอง!”
น้ำตาแทบปริ่มเมื่อเขาได้เห็นป้ายชื่อร้าน ‘ร้านค้าครบวงจรอาร์ค’ มันเป็นทั้งบ้านและร้านค้าของเขา… ผู้คนที่ไม่เคยเก็บออมเงินเอาไว้เพื่อมีบ้านสักหลังหรือร้านค้าสักแห่งย่อมไม่เข้าใจความรู้สึกนี้อย่างแน่นอน
* * *
บางครั้งในชั่วชีวิต คุณจะต้องมีใครสักคนหนึ่งที่มองเพียงแวบเดียวก็ทราบว่าเป็นใคร ขณะที่อาร์คกำลังเตรียมการเพื่อเปิดร้านอยู่ ซิดก็มาถึงหมู่บ้านแลนเซลแล้ว ในช่วงที่ซิดและบุคซิลต่างพบเจอหน้ากัน พวกเขาต่างเข้าใจซึ่งกันและกัน
‘พ่อค้าคนแคระ อาร์คนิมคงหาทางเอารัดเอาเปรียบหมอนี่แหง’
‘พ่อค้าฮอบบิท หมอนี่คงโดนอาร์คใช้ประโยชน์แน่ ๆ’
พวกเขาไม่ได้เอ่ยคำถามใดต่อกัน แต่คล้ายพวกเขาทราบถึงชะตากรรมที่มีต่ออาร์คคล้ายคลึงกัน
ผู้ที่มีประสบการณ์เช่นเดียวกันย่อมเข้าใจกันเองยิ่งกว่าผู้ใด
“ลำบากไหม?”
“เอ่อ ก็ไม่…”
ซิดถอนหายใจขณะบุคซิลเข้ามาจับมือแสดงความเห็นอกเห็นใจ พวกเขายืนมองหน้ากันจนกระทั่งเขินอายกันเอง คล้ายพบพานสหายผู้ร่วมชะตากรรมเดียวกันมานานแต่ชาติปางก่อนก็ไม่ปาน พวกเขาต่างเป็นกวางน้อยที่ต้องช่วยกันเลียบาดแผลซึ่งกันและกัน แม้ว่าพวกเขาจะอ่อนแอ แต่พ่อค้าทั้งสองก็สัญญาว่าสักวันหนึ่งจะเอามีดจ้วงแทงผู้ชั่วร้ายซึ่งเอารัดเอาเปรียบพวกเขาให้จงได้…
“ว่าไงซิด ทำอะไรอยู่?”
“อาร์คนิม!”
แทบจะอัตโนมัติ ซิดถึงกับสะดุ้งตัวทันทีเมื่อได้ยินเสียงอาร์ค ไม่ว่าภายในหัวจะคิดสิ่งใด แต่สิ่งที่อ่อนน้อมก่อนคือร่างกายของซิดแล้ว
“ได้ของที่ให้ไปหาไหม?”
“แน่นอนครับ”
ซิดเร่งร้อนนำเอาเขายูนิคอร์นออกจากกระเป๋า
“เฮ้อ ทุกวันนี้เขายูนิคอร์นยิ่งมายิ่งหายาก ราคาตอนนี้ก็พุ่งไปถึง 1,050 เหรียญทองแล้ว แต่ผมคือใคร? หากอาร์คนิมอยู่ท่ามกลางทะเลทราย ไม่ใช่ว่าต้องเป็นซิดคนนี้หรอกหรือที่จะต้องหาทางนำน้ำแข็งไปส่งให้ได้? อาร์คนิมขอให้ผมซื้อหามาสี่เขาในราคา 4,000 เหรียญทอง ฮี่ฮี่ฮี่ เพราะงั้นผมก็เลยไปจัดการกู้หนี้ยืมสินมา…”
ซิดพยายามถูไม้ถูมือไปมาขณะมองอย่างคาดหวัง อาร์คหรี่ตาลงมองท่าทีของซิด เขาทราบว่าซิดเป็นคนเช่นไร สำหรับพ่อค้าที่ไม่แสดงอาการใดแม้จะต้องไปกู้หนี้ยืมสินมานับว่าแปลกประหลาดมาก แต่ซิดก็ซื้อหาเขายูนิคอร์นมาให้จริง อีกทั้งอาร์คก็ตรวจสอบเรียบร้อยแล้วว่าราคามันสูงขึ้นเป็น 1,050 เหรียญทองในเว็บไซต์ประมูลจริง โรโค่เองก็เป็นคนถือครองเรื่องการเงินของกลุ่มทัณฑ์บน เหตุผลหลักที่โรโค่อยู่หมู่บ้านแลนเซลก็เพื่อรับไอเทมและชำระเงินให้กับซิด
“ฉันต้องจ่ายให้แน่นอนอยู่แล้ว ทั้งหมดที่มีอยู่ตอนนี้น่าจะพอกับจำนวนที่นายกู้ยืมมาพอดี”
“อาร์คนิมรู้ใจที่สุดเลยครับ”
“ทั้งหมด 4,000 เหรียญทองใช่ไหม?”
“ใช่ครับ!”
ซิดเผยดวงตาทอประกายเมื่ออาร์คเอ่ยถึงเงินที่โรโค่ฝากไว้สำหรับชำระสินค้า แต่แล้วขณะนั้นเอง รอยยิ้มเย็นเยียบได้เหยียดผ่านริมฝีปากของอาร์ค อันที่จริงนี่คือกับดักที่อาร์ควางไว้ อาร์คทราบเรื่องราวการกู้ยืมของกิลด์ไมดัสเป็นอย่างดี เขาได้รับความรู้เรื่องนี้ก็ตอนที่ออกเดินทางร่วมกับซิด ตอนนั้นซิดบอกเอาไว้ว่าดอกเบี้ยสำหรับการกู้ยืมคือ 5% หรือก็คือ ซิดที่กู้ยืมเงินมา 4,000 เหรียญทองย่อมต้องจ่ายดอกเบี้ยอีก 200 เหรียญทอง แต่แล้วซิดไม่เอ่ยถึงเรื่องนี้ นั่นหมายความว่าซิดไม่มีปัญหาอะไรหากต้องรับเงินเพียงแค่ 4,000 เหรียญทอง
‘คิดอยู่แล้วว่ามันมีอะไรแปลก แต่ไม่รู้ว่าหมอนี่ไปซื้อหาเขายูนิคอร์นในราคาที่ต่ำกว่าตลาดมาได้ยังไงกัน หึ ไอ้หนูนี่หาญกล้าถึงขนาดนี้แล้ว? กระทั่งคิดหลอกเอาเงินเราเนี่ยนะ?’
“จริงด้วย ยังไงแล้วขอดูประวัติการทำรายการที่ทำสัญญาไว้กับกิลด์ไมดัสก่อนสิ”
“ครับ? ทะ-ทะ-ทำไมกันล่ะครับ?”
ซิดแตกตื่นขณะอาการพูดติดอ่างเริ่มเผย
“นายอาจยังไม่รู้ แต่ฉันตัดสินใจเปิดร้านค้าแล้วรู้ไหม? และในเมื่อจะเป็นคนทำธุรกิจ ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนต้องเป็นระบบระเบียบไม่อาจใช้ระบบไว้ใจคาดเดา ฉันต้องตรวจสอบบันทึกหรือใบเสร็จสำหรับทุกการซื้อขาย ถ้าหากนายซื้อหาสิ่งของมาด้วยบัตรเครดิต แบบนั้นแล้วย่อมต้องมีเอกสารให้ฉันรับรู้จริงไหม? เพื่อความสบายใจ ฉันจะได้ยืนยันด้วยว่านายกู้เงินมา 4,000 เหรียญทองจริง”
“นะ-นะ-นั่นมัน…”
“…หรือนายอยากตายตอนนี้เลยดีไหม?”
อาร์คเอ่ยเสียงเบาก่อนที่ซิดจะหลั่งน้ำตาไหลพรากขณะยื่นเอกสารออกมาให้ มันคือรายการบันทึกว่าใช้จ่ายไปทั้งสิ้น 3,404 เหรียญทองในสถานที่จัดประมูลในกิรัน อีกฝ่ายซื้อหามาในราคา 851 เหรียญทองและมาโก่งราคากับอาร์คเป็น 1,000 เหรียญทอง อาร์คจ้องมองซิดอยู่นานสองนานขณะนิ่งเงียบ อย่างไรแล้วอาชีพของอีกฝ่ายก็เป็นพ่อค้า ย่อมต้องทำทุกหนทางเพื่อได้รับผลกำไรตอบแทนอันคุ้มค่า เขาไม่คิดอยากหยิบยกขึ้นมาสร้างปัญหาเพราะตนกำลังจะเปิดร้าน เพราะงั้นอาร์คจึงทำเป็นหลับตาไปข้างหนึ่ง
“นายซื้อมาได้ถูกกว่าที่คิดอีกนะเนี่ย นี่เงิน 3,404 เหรียญทอง”
ซิดกลืนน้ำลายอึกใหญ่อย่างกระอักกระอ่วนขณะถอนหายใจและรับเงินก้อนนั้นมา แต่แล้วเขาก็คิดได้อย่างรวดเร็วว่าลืมพูดถึงค่าดอกเบี้ย
“เอ่อ อาร์คนิมครับ ดอกเบี้ยกู้ยืม…”
“ว่าอะไรนะ?”
ใบหน้าของอาร์คพลันบิดเบี้ยวขึ้นมาขณะจ้องมอง ต้องย้ำกันอีกครั้งว่าซิดเป็นฝ่ายคิดหาประโยชน์จากเขาก่อน และอาร์คก็ไม่ใช่คนที่ควรเป็นศัตรูด้วย
“หมายความว่ายังไง? ตอนฉันเสนอ 4,000 เหรียญทองให้ก่อนหน้านี้ไม่เห็นนายพูดถึง? แต่แล้วตอนนี้กลับพูดถึงเนี่ยนะ? นายคิดหลอกลวงฉันหรือยังไงกัน? ว่ายังไง? คิดว่าฉันหลอกง่ายงั้นสิ? ถ้านายยังจะพูดถึงอีกฉันไม่ปล่อยให้เรื่องมันจบแค่ตรงนี้แน่ อยากรู้ไหมว่าฉันทำอะไรได้บ้าง?”
“…แน่นอนครับว่าดอกเบี้ยผมต้องเป็นคนรับผิดชอบ ฮ่าฮ่าฮ่า แน่นอนอยู่แล้ว”
“อ้อ นายหมายถึงแบบนี้นี่เอง? หึหึหึ ดี ดีมาก”
อาร์คหัวเราะขณะตบเข้าที่ไหล่ของซิด แน่นอนว่าอาร์คได้รับเงินจากโรโค่แบบรวมดอกเบี้ยมาแล้วเรียบร้อย แต่ตอนนี้เขาชำระให้ซิดไปแค่ 3,404 เหรียญทอง ส่วนที่เหลือ 796 เหรียญทองเข้าท้องอาร์คเต็ม ๆ อย่างไรแล้วตอนนี้เขาก็เหลือเงินติดตัวอยู่แค่ 400 เหรียญทองเพราะต้องจ่ายค่าเตรียมการเปิดร้านไปมาก เพราะงั้นจึงต้องการเงินพอดี ด้วยเหตุนี้ซิดจึงโดนเพิ่มหนี้เข้าไปอีก 200 เหรียญทองเพราะต้องนำไปจ่ายดอกเบี้ย โชคยังดีที่อิสยูรัมมอบเงินให้ซิดมา 100 เหรียญทอง แต่ก็ยังมีค่าธรรมเนียมฝากวางสินค้าของการประมูลอีก 40 เหรียญทอง เพราะงั้นแล้ว ‘200-100+40’ จึงกลายเป็นว่าเหลือส่วนที่ต้องจ่ายเองอยู่ 140 เหรียญทอง นับเป็นความโชคร้ายที่คิดกินเนื้อพยัคฆ์แต่แล้วกลับต้องโดนกินเองเสียแทน อิสยูรัมโดนซิดหลอก ตอนนี้ซิดก็โดนอาร์คลวง… ท้ายที่สุดแล้วจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหารคืออาร์ค
‘เฮ้อ ก็ไม่ใช่ปัญหาของเราแหละนะ’
บุคซิลถอนหายใจขณะรับชมซิดที่ใบหน้ามืดมนเดินหลบเข้ามุม เขาไม่ทราบว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่แค่เห็นสีหน้าซิดก็บอกได้เลยว่าโดนอาร์คเล่นเข้าให้แล้ว และขณะนั้นเอง เขาได้ยินเสียงที่อยากได้ยินมานานหลายวันดังขึ้นจากทางด้านหลัง
“ลูกพี่!”
“โอ้ แซบจิล! อัลเมออค!”
บุคซิลหันกลับขณะเผยรอยยิ้มออกกว้าง บุคซิลได้ติดต่อแซบจิลและอัลเมออคให้มาพบ และด้วยความยินดีที่ได้พบเจอ ตอนนี้พวกเขาล้วนน้ำตาไหลพราก นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้พบกันหลังต้องแยกจากด้วยความขื่นขมภายในโลกใต้พิภพ ใบหน้าของบุคซิลนั้นเผยซึ่งความยากลำบากก็จริง แต่สภาพตอนนี้ยังคงอ้วนท้วนสมบูรณ์ดี
“หมอนั่นทำอะไรลูกพี่บ้าง?”
“ลูกพี่ คงลำบากมามากสินะครับ”
สามพี่น้องหมูน้อยต่างกอดกันร่ำไห้น้ำตาไหลหลั่งเป็นสายท่วมใบหน้า แต่แล้วแซบจิลก็พลันมองบุคซิล ดวงตานั้นกระพริบอยู่หลายครั้งก่อนที่จะเริ่มห่างเหินและถอยกลับ
“เอ่อ ลูกพี่… นี่มัน… ฆะ-ฆาตกร…”
“โอ้ เห็นแล้วใช่ไหม? มาเดี๋ยวเล่าให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้น”
บุคซิลถอนหายใจพร้อมเริ่มเล่าเรื่องราว ทว่าอัลเมออคกลับสะดุ้งและถอยห่างออกมา
“ไม่ใช่ ให้ฉันอธิบายก่อน คือว่า… แซบจิล?”
ตึก ตึก ตึก
“อัลเมออค?”
ตึก ตึก ตึก
เมื่อบุคซิลจะเข้าไปใกล้ แซบจิลและอัลเมออคก็จะถอยห่างออกไป