แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก – ตอนที่ 5 พ่อของเธอ

เซี่ยฉิงกงก้มหน้าลงไม่พูดไม่จาอะไร เซี่ยชิงฉวนมองรูปลักษณ์ และใบหน้าที่งดงามของพี่สาวตนเองแล้ว ก็ยิ่งเกลียดพี่สาวตนเองมากยิ่งขึ้น

 

ทำไมจู่ ๆ เธอก็กลับมาแล้วคว้าอะไรดี ๆ ไปหมด แต่งเนื้อแต่งตัวน่าเกลียดแบบนี้ยังคิดสะเออะแต่งงานกับตระกูลที่มีฐานะร่ำรวยแบบนั้นอีกงั้นรึ ?

 

“ฉิงกง.. เอ๊ะ !”

 

ตอนแรก เซี่ยฉิงกงยังคงก้มหน้าก้มตาอดทนต่อการเยาะเย้ยของเซี่ยชิงฉวน หากแต่เมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อเธอเบา ๆ เธอก็รีบเงยหน้าขึ้นมอง เสียงนั้นมาจากเซี่ยเจิ้งหัว – พ่อของเธอนั่นเอง

 

เซี่ยเจิ้งหัวออกมาจากบ้าน เพื่อจะถามว่าทำไมยังออกันอยู่ที่ประตู ทำไมไม่พาคุณหนูใหญ่กลับไปที่ห้องนั่งเล่นเสียที ? ทว่าเวลานี้เขาเห็นเสื้อผ้าของเซี่ยฉิงกงแล้ว

 

ชุดเดรสรัดรูปเว้าสูงแถมโชว์หน้าอก กระโปรงสั้นนั่นก็ปกปิดได้แค่โคนขา เป็นชุดกระโปรงที่แลดูน่าละอายจริง ๆ

 

“นี่มัน…”

 

“คุณพ่อ ถามพี่หยุนเซินสิคะว่า ไปพาตัวพี่ฉิงกงมาจากที่ไหน ?”

 

ครั้นเห็นเซี่ยเจิ้งหัวลังเล เซี่ยชิงฉวนก็ก้าวไปข้างหน้าทันที เธอจับมือของเซี่ยเจิ้งหัวพลางพูดอย่างไม่พอใจ

 

“ผับคราวน์คลับ”

 

ครั้นโจวหยุนเซินเห็นเซี่ยเจิ้งหัวมองมา เขาจึงต้องตอบตามตรง

 

เซี่ยเจิ้งหัวรู้ดีว่าผับคราวน์คลับนั่นเป็นเช่นไร ? ดวงตาของเซี่ยเจิ้งหัวมืดมนลง ขณะหันไปมองเซี่ยฉิงกง

 

เซี่ยฉิงกงก้มหน้า ไม่พูดไม่จาใด ๆ เท่ากับยอมรับทุกสิ่ง

 

ด้วยชีวิตที่ยากลำบากของเซี่ยฉิงกงเมื่ออยู่ภายนอก…การเป็นพนักงานเสิร์ฟก็ไม่ใช่เรื่องผิดปกติอะไร

 

เซี่ยเจิ้งหัวถอนหายใจ ในขณะที่เขากำลังจะปล่อยเรื่องนี้ให้ผ่านไป เขาก็ได้ยิน เจินเมี่ยวหยูพูดขึ้นว่า

 

“คุณหนูใหญ่อาศัยอยู่ข้างนอกมานานหลายปี อย่ารุนแรงกับเธอนักเลย อย่างไรเสียเธอก็ยังเด็กอยู่ เด็กย่อมไม่รู้ว่าอะไรควรไม่ควร”

 

เซี่ยชิงฉวนหงุดหงิด เธอทำหน้ามุ่ยพลางหันไปมองแม่ตนเอง

 

“ถ้าอย่างนั้นพี่ก็ควรรู้ว่าตัวเองเป็นใคร ? คุณพ่อส่งคนไปตามหาพี่ แล้วคนอื่นจะมองบ้านเรายังไง หากเห็นพี่แต่งตัวแบบนี้ ?”

 

ทันทีที่สองแม่ลูกรวมหัวกัน คิ้วของเซี่ยเจิ้งหัวที่ยืดออกมาแล้วก็กลับย่นจนยับอีกครั้ง

 

ฐานะของเซี่ยฉิงกงกลายเป็นข่าวที่แพร่สะพัดไปทั่วเมืองแห่งนี้นานแล้ว เดิมทีตระกูลเซี่ยไม่สามารถหาข้อยุติในการเจรจาหาความร่วมมือทางธุรกิจได้ เนื่องจากข้อจำกัดทางด้านเงินทุน ยิ่งมีเรื่องอื้อฉาวการโจมตีก็จะยิ่งรุนแรงมากขึ้น

 

เมื่อหวนนึกถึงเรื่องนี้ เซี่ยเจิ้งหัวก็หันไปมองเซี่ยฉิงกงด้วยความรังเกียจ แต่ครั้นเขาจ้องมองเซี่ยฉิงกง เขาก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง

 

เซี่ยฉิงกงยังคงมีท่าทีนุ่มนวลและอ่อนน้อม หากแต่นัยน์ตาของเธอกลับแจ่มชัด เธอมองประสานตาเขาด้วยสายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง

 

คำพูดของเซี่ยเจิ้งหัวติดค้างอยู่แค่ลำคอ แล้วเซี่ยฉิงกงก็ขัดจังหวะเขาก่อนที่เขาจะทันพูดอะไรออกมา

 

เซี่ยฉิงกงดึงสัญญาออกมาจากเอวของเธอ จากนั้นก็ส่งมอบให้เซี่ยเจิ้งหัวด้วยมือทั้งสองข้าง สายตาของเธอดูขลาดอายเหมือนกระต่ายตัวน้อยที่หวาดหวั่น

 

เซี่ยเจิ้งหัวผงะไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยื่นมือออกไปหยิบกระดาษปึกนั้นออกมา และหลังจากเอามาอ่านใกล้ ๆ มือของเขาก็สั่นสะท้านทันที

 

นี่มัน … นี่มัน …

 

เจินเมี่ยวหยูมองตามอย่างสงสัย เธอพูดพึมพำกับตนเอง

 

นั่นมันสัญญาที่ก่อนหน้านี้ฉันพยายามเจรจากับบริษัทโจวเอ็นเตอร์ไพรซ์หลายต่อหลายครั้งแต่ก็ไม่สำเร็จนี่ !

 

มือของเซี่ยเจิ้งหัวสั่นเล็กน้อย สัญญาของบริษัทโจวเอ็นเตอร์ไพรซ์เป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้ตระกูลเซี่ยรอดพ้นจากวิกฤตครั้งนี้ อย่างไรก็ตามเนื่องจาก บริษัทเติ้งหยุนเอ็นเตอร์ไพรซ์ต้องการที่จะร่วมมือกับบริษัทโจวเอ็นเตอร์ไพรซ์มาโดยตลอดเช่นกัน และโจวตันเองก็ตั้งใจที่จะลงนามในข้อตกลงความร่วมมือร่วมกับเติ้งหยุน แม้เซี่ยเจิ้งหัวจะพยายามเข้าพบพูดคุยกับโจวตันเป็นการส่วนตัวด้วยความจริงใจหลายต่อหลายครั้ง หากแต่โจวตันกลับไม่เคยลงนามในสัญญา

 

“ลูก ลูกทำให้เขาเซ็นมัน … ”

 

เซี่ยเจิ้งหัวมองเซี่ยฉิงกงด้วยความประหลาดใจ ลูกสาวคนนี้ ลูกสาวที่พลัดพรากจากกันมาเกือบสองทศวรรษ หากแต่กลับทำให้เขาต้องประหลาดใจครั้งใหญ่เมื่อเธอกลับบ้านมา

 

เซี่ยฉิงกงก้มหน้าลงเพื่อสร้างอารมณ์ ไม่นานเธอก็เงยหน้าขึ้นมองเซี่ยเจิ้งหัวพร้อมกับดวงตาที่ชุ่มชื้น

 

***จบตอน พ่อของเธอ***

แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก

แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก

แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก
Status: Ongoing
โดย เรื่อง แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก บ้างส่วนของนิยาย ณ ผับคราวน์คลับ ที่ยิ่งดึกก็ยิ่งมีชีวิตชีวา ภายในห้องส่วนตัวห้องหนึ่งที่ตกแต่งด้วยแสงสลัว และมืดทึม “โจวตัน ไอ้หัวหมูนั่นอยากร่วมมือกับฉันด้วยเรอะ ! เฮอะ เขาคงเขมือบเงินทองมากไปจนไม่ดูฐานะของตัวเองเลย ถ้าไม่ใช่เพื่อกำราบความหยิ่งยโสของตระกูลเซี่ย ฉันไม่ทางเซ็นสัญญากับไอ้หมูนั่นแน่ ?” “ตูม !” มือเล็กกดโทรศัพท์บนโต๊ะ เพื่อปิดเสียงที่บันทึกไว้ นิ้วเรียวยาวขาวละเอียดวาวอย่างคนสุขภาพผิวดี “บอสโจว คุณได้ยินแล้วใช่ไหม ?” เจ้าของมือยิ้ม ใบหน้าของโจวตันที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเปลี่ยนเป็นสีตับหมูซึ่งเห็นได้ชัดเจนมากแม้จะอยู่ภายใต้แสงริบหรี่ “อ้อ..และนี่” เซี่ยฉิงกงจูบสัญญานั่นแล้วพับครึ่ง ก่อนจะซุกไว้บริเวณบั้นเอวภายใต้เสื้อของเธอ เครื่องแบบบริกรของผับคราวน์คลับนี่ออกจะเปิดเผยมาก จนเซี่ยฉิงกงต้องดึงขอบเสื้อบนหน้าอกของเธอขึ้นอย่างแรง แต่ก่อนที่เธอจะจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย เธอก็รู้สึกว่าไหล่ของเธอถูกดึงขึ้น “นี่เธอ ช่วยส่งไวน์นี้ไปที่ห้อง 8069 ด้วย” ผู้จัดการเจ้ากี้เจ้าการยกแขนของเซี่ยฉิงกงแล้วยัดถาดใส่มือเธอ เซี่ยฉิงกงยักไหล่ ในเมื่อปลอมตัวเป็นบริกรก็ต้องมีจรรยาบรรณในวิชาชีพจนกว่าจะหมดหน้าที่ อย่างไรเสียที่สุดฉันก็ได้สัญญามาแล้ว เอาเป็นว่าฉันยินดีที่จะส่งไวน์ให้ก็แล้วกัน “8096 หรือ 8069 ?” เซี่ยฉิงกงคลำทางเดินไปพร้อมกับถาดที่ใส่ไวน์แดง ขณะเดียวกันก็มองผู้คนในห้องส่วนตัวเหล่านั้นอย่างระแวดระวัง เธอโทรไปที่แผนกต้อนรับ แต่สายไม่ว่างเลย เธอจึงไม่รู้ว่าห้องไหนแน่ และนั่นทำให้เซี่ยฉิงกงต้องค่อย ๆ คลำหาไปเรื่อย ๆ “ช่างมันเถอะ เลือกเอาสักห้องก็แล้วกัน !” ต่อให้เปิดประตูเข้าไปแล้วผิด ก็แค่ออกมาเท่านั้นเอง ! เมื่อนึกได้เช่นนี้ เซี่ยฉิงกงก็เคาะประตู 8069 เธอไม่ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวใด ๆ จึงค่อย ๆ แง้มประตูเปิดออก “อา !” แล้วเซี่ยฉิงกงก็ต้องผงะกับฉากในห้อง “ขอโทษค่ะ คุณผู้ชาย… “ แม้ว่าแสงไฟจะไม่สว่างไสวเท่าใดนัก ทว่าเซี่ยฉิงกงก็พอจะมองเห็นว่า ชายคนหนึ่งในห้องกำลังกดร่างของผู้หญิงที่เสื้อผ้าหลุดรุ่ยอยู่บนโซฟา ทันทีที่เห็นประตูเปิดออก ทั้งสองคนในห้องก็มองไปที่ประตู เซี่ยฉิงกงยังคงสามารถมองเห็นผมยาวยุ่งเหยิงของสาวงามคนนั้น ทั้งยังใบหน้าที่ดูเหมือนจะเมามายเล็กน้อย นอกจากนี้เสื้อผ้าที่แหวกลึกของเธอยังเปิดรับสายลมฤดูใบไม้ผลิมากจนน่าละอาย “หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ !” เซี่ยฉิงกงกำลังจะปิดประตู รีบเผ่นจากไป ทว่าชายในห้องกลับห้ามเธอไว้ มู่เฉินฮ่าวปลดมือหญิงสาวที่กำลังคล้องคอของเขาไว้ เขาเหลือบตาไปมองเซี่ยฉิงกงด้วยท่าทีที่อันตราย “ไม่คาดคิดว่าจะมีพวกมาด้วย” มู่เฉินฮ่าวลุกขึ้นนั่งตัวตรง สายตาที่เขามองเซี่ยฉิงกงเต็มไปด้วยความเย็นชา “คุณผู้ชายคะ คุณเข้าใจผิด ฉันไม่รู้จักเธอเลย” เซี่ยฉิงกงรู้ดีว่าคนที่มาผับคราวน์คลับแห่งนี้ล้วนเป็นพวกเศรษฐี หรือมีอำนาจพอควร ดังนั้นเธอจึงไม่ควรสร้างปัญหาใด ๆ ที่นี่ หลังจากได้สัญญา และเสิร์ฟไวน์เรียบร้อยแล้ว เธอก็จะออกไปจากที่นี่ทันที “นั่นเธอถ่ายรูปไว้ใช่ไหม เอามานี่” เซี่ยฉิงกงเพิ่งสังเกตเห็นว่า เธอยังคงถือมือถือที่เพิ่งโทรหาแผนกต้อนรับเอาไว้ในมือข้างหนึ่ง … แย่แล้ว ! เขาคงคิดว่า เธอกำลังถ่ายภาพลามกที่พวกเขามีอะไรกันเพื่อใช้แบล็คเมล์ ดังนั้นเขาจึงมองเธอด้วยสายตาเช่นนั้น ! คนอะไรหน้าด้านชะมัด ? นี่คงลักกินขโมยกินล่ะสิท่าถึงกลัวโดนถ่ายรูป ? หน้าตาก็หล่อเหลาดี แต่กลับกินไม่เลือกเหมือนหมา ฉิงกงคิดกับตัวเอง “คุณผู้ชาย ฉันคิดว่าคุณคงเข้าใจผิด ฉันไม่ได้ถ่ายรูปคุณ” ในใจของเซี่ยฉิงกงรู้สึกขยะแขยง ทว่าเธอก็พยายามพูดอย่างใจเย็น เพราะมีรูปโป๊ของภรรยาโจวตันกับชายอื่นอยู่ในโทรศัพท์มือถือของเธอ ดังนั้นเธอจึงไม่อาจโชว์ให้เขาดูได้ มู่เฉินฮ่าวยิ่งมั่นใจว่า ผู้หญิงทั้งสองคนเป็นพวกเดียวกัน “ใครส่งเธอมา ?” น้ำเสียงของมู่เฉินฮ่าวเย็นชา ทำให้เซี่ยฉิงกงอึดอัดมาก นี่หมายความว่าไง ? แสดงว่าต่อให้เธอกระโดดลงล้างตัวที่แม่น้ำฮวงโหก็ไม่สะอาดล่ะสินะ ? (สำนวนแปลว่า แก้ตัวอย่างไรก็ฟังไม่ขึ้น) “ฉันมาเอง” เซี่ยฉิงกงเผลอตอบไปโดยไม่รู้ตัว จากนั้นก็เหลือบไปมองหญิงสาวบนโซฟาที่กำลังมองจ้องมาด้วยสายตาแปลก ๆ เธอรีบเปลี่ยนคำพูดว่า “คุณผู้ชาย คุณเห็นมั้ย ? ฉันเป็นแค่บริกรตัวเล็ก ๆ ฉันต้องรีบนำไวน์ไปเสิร์ฟห้องที่เขาสั่งไว้ !” “เลิกพูดไร้สาระ ส่งโทรศัพท์ของเธอมา” มู่เฉินฮ่าวไม่สนใจคำร้องขอความเมตตาของเธอ เขากวาดตามองเธอจากหัวจรดเท้าก่อนจะพูดต่อ เซี่ยฉิงกงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ คน ๆ นี้ คือโจโฉกลับชาติมาเกิดหรือไง ? ท่าทางเขาแลดูน่าสงสัยมาก ถ้าจะระแวงกันถึงขนาดนี้ จะมาเที่ยวผับนี่ทำไม ? “ฉัน…” “ยังไม่ไสหัวไปอีก !” “ฉันจะไปแล้ว จะไปแล้ว … ” เซี่ยฉิงกงพยักหน้า พร้อมกับโค้งคำนับทันทีที่เธอได้ยินประโยคนี้ “ไม่ใช่เธอ” มู่เฉินฮ่าวขัดจังหวะเซี่ยฉิงกงทันที เขาเบี่ยงหน้าเล็กน้อยแววตาของเขาเย็นชาอีกทั้งน่ากลัว ผู้หญิงที่อยู่ข้าง ๆ เขาดึงขอบเสื้อเกาะอกของเธอขึ้นมาให้เข้าที่เข้าทาง ความขาวเนียนราวหิมะทำให้เซี่ยฉิงกงตาแทบค้าง “คุณชายมู่… ” ผู้หญิงคนนั้นครางชื่อเขาเบา ๆ ด้วยความเสียใจ หากแต่เธอกลัวสายตาที่เย็นชาของมู่เฉินฮ่าวมากกว่า เธอจึงไม่กล้าขัดขืนคำสั่งเขา ก่อนที่เธอจะจากไป เธอยังกวาดตามองเซี่ยฉิงกงอย่างอาฆาตมาดร้าย เซี่ยฉิงกงสับสน เธอหันไปมองมู่เฉินฮ่าวด้วยความประหลาดใจ เกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย ? “ฉันเป็นแค่พนักงานเสิร์ฟเท่านั้น !” เซี่ยฉิงกงพยายามใจกล้ากล่าวย้ำอีกครั้ง มู่เฉินฮ่าวเยาะเย้ย “บริกรที่ผับคราวน์ก็ไม่ได้ทำหน้าที่เพียงเสิร์ฟน้ำเท่านั้นนี่” ครั้นได้ยินเขาพูดเช่นนั้น เซี่ยฉิงกงก็เข้าใจได้ทันที เธอหยิบถาดขึ้นมาด้วยความโกรธ หวังจะรีบออกไปจากห้อง ทว่าเธอก้าวออกไปได้เพียงก้าวเดียว มู่เฉินฮ่าวก็กระชากตัวเธอกลับมาอย่างแรง ไวน์แดงในถาดพลัดตกลงบนพื้นและแตกกระจาย จบกัน ฉันทำไวน์ตกแตก ไวน์นี่มีมูลค่าหลายแสนเสียด้วย ? “คุณบ้าไปแล้ว !” เซี่ยฉิงกงโกรธมาก มู่เฉินฮ่าวไม่สนใจกับความโกรธของเธอเลย เขากดร่างเซี่ยฉิงกงลงบนโซฟา ครั้นถูกกดตัวอย่างแรง เซี่ยฉิงกงก็เดือดจัด เธอยกมือขึ้นผลักอกมู่เฉินฮ่าวออก “นี่ไม่ใช่ความต้องการของเธอหรอกเหรอ ในเมื่อมาเสนอตัวถึงหน้าประตูก็อย่าโทษว่าฉันหยาบคาย” “ความต้องการของฉันงั้นรึ ? นี่คุณสมองพิการหรือเปล่า..หา..?” เซี่ยฉิงกงดิ้นรนขัดขืน ทว่ากลับถูกกดตัวไว้อย่างแน่นหนา มู่เฉินฮ่าวยกมือของเธอขึ้นเหนือศีรษะ “ปล่อยฉันนะ คนไร้ยางอาย !”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset