แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก – ตอนที่ 12 ต้องเรียกผมว่าสามี

เซี่ยเจิ้งหัวไม่สามารถบอกได้ว่า เวลานี้เขามีความสุข หรือเศร้ากันแน่ เขาได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างแรงเท่านั้น

 

เซี่ยฉิงกงช่วยถอดเสื้อสูทของมู่เฉินฮ่าวออก จากนั้นก็ส่งเสื้อผ้าที่เปรอะเปื้อนให้กับคนรับใช้ เรียบร้อยแล้วเธอก็เตรียมผละจากไป

 

หากแต่มู่เฉินฮ่าวกลับดึงเสื้อของเธอไว้

 

“นั่นคุณกำลังจะทำอะไร ?”

 

“คุณหนูเซี่ย..เพื่อดึงดูดความสนใจจากผมแล้ว คุณถึงกับส่งคนมายั่วยวนผม ทั้งยังแสร้งทำตัวเป็นบริกรเพื่อล่อลวงผม มาตอนนี้คุณยังพยายามหาโอกาสที่จะอยู่กับผมตามลำพัง ผมประเมินคุณต่ำไปจริง ๆ”

 

ผีสิที่ต้องการอยู่กับเขาตามลำพัง เซี่ยฉิงกงโกรธมากเมื่อได้ยินเช่นนั้น !

 

“ฉันอธิบายให้คุณฟังกี่ครั้งแล้วว่า ฉันเป็นแค่บริกรของผับคราวน์ และฉันก็เข้าไปผิดห้อง !”

 

“คุณหนูเซี่ย ผู้งามสง่าไปทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟในผับน่ะนะ”

 

เซี่ยฉิงกงขยี้หัวตนเอง เธอรู้สึกว่าตอนนี้เธอโกรธแทบบ้าแล้ว ผู้ชายคนนี้ไร้เหตุผลสิ้นดี ซ้ำยังน่ารำคาญมากอีกด้วย !

 

“ฉันขอบอกคุณเป็นครั้งสุดท้ายว่า ระหว่างเราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน โอเค้ !”

 

ครั้นเซี่ยฉิงกงพูดจบ เธอก็สะบัดมือที่ถูกมู่เฉินฮ่าวเกาะกุมไว้ จากนั้นก็หันหน้ากลับจะเดินจากไป

 

“ใครบอกว่าเราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน ?”

 

เซี่ยฉิงกงระงับความโกรธในใจ เธอสูดลมหายใจเข้าลึก พยายามระงับความต้องการที่จะทุบผู้ชายคนนี้

 

จากนั้นเธอก็หันหน้ากลับมาหาเขา พลางฉีกรอยยิ้มที่แลดูไร้เดียงสา

 

“เราเกี่ยวข้องอะไรกันมิทราบ คุณชายมู่ ?”

 

ครั้นเห็นเธอโกรธจัดจนหัวร้อนแทบระเบิด มู่เฉินฮ่าวก็มีสีหน้ายิ้มแย้ม ความรู้สึกดูหมิ่นพลันพวยพุ่งขึ้นในใจอีกครั้ง

 

เขาเห็นผู้หญิงแบบนี้มานักต่อนักแล้ว พวกผู้หญิงหน้าอย่างหลังอย่างแบบนี้น่ะ

 

“นี่..ครอบครัวของคุณไม่ได้บอกคุณเกี่ยวกับเรื่องแต่งงาน เพื่อเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลของเราบ้างเลยงั้นหรือ ?”

 

เซี่ยฉิงกงตกตะลึง แต่งงาน..เพื่อเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างตระกูลเซี่ยกับตระกูลมู่งั้นหรือ ?

 

เป็นเพราะเรื่องของธุรกิจ มู่เฉินฮ่าวจึงต้องการผูกมัดเซี่ยชิงฉวนงั้นสิ ?

 

ไม่น่าแปลกใจเลยที่เซี่ยชิงฉวนจะขยันเอาอกเอาใจเขาอย่างนี้ !

 

“อ้อ ! งั้นก็ดีใจด้วยนะน้องเขย พี่สะใภ้ขอลาก่อนล่ะ”

 

เซี่ยชิงฉวนก้มตัวลงโค้งคำนับอย่างสุภาพพร้อมกับยิ้มเยาะ เธอเตรียมตัวที่จะผละจากไป

 

“คุณต้องเรียกผมว่าสามีต่างหากล่ะ”

 

เซี่ยฉิงกงหันกลับมาทันทีได้ยิน ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เวลานี้เธอรู้สึกไม่ต่างจากโดนสายฟ้าฟาดเปรี้ยงลงกลางกระหม่อม

 

เป็นฉันที่ต้องแต่งงานกับมู่เฉินฮ่าวงั้นเหรอ ?

 

จะเป็นไปได้ไง !

 

“ล้อเล่นแบบนี้ไม่ตลกเลยนะ ไม่ใช่คุณหนูรองของตระกูลเซี่ยหรอกเหรอที่ต้องเรียกคุณว่าสามีน่ะ ?”

 

เซี่ยฉิงกงหัวเราะเยาะ เธอเลิกเสแสร้งอีกต่อไป

 

ใบหน้าที่เลือดเย็นอย่างร้ายกาจ ทีท่าที่ดุดันโหดเหี้ยมแบบที่อยู่ในผับคราวน์คลับเมื่อคืนนี้ต่างหากที่เป็นโฉมหน้าอันแท้จริงของเธอ  ทั้งที่เมื่อครู่เธอยังทำตัวเป็นเหยื่อแสนบริสุทธิ์ไร้เดียงสาอยู่เลย

 

“ดูเหมือนว่าคุณจะพยายามอย่างหนัก เพื่อเรียกร้องความสนใจจากผม”

 

ในเมื่อรู้ว่าเขาไม่พอใจกับการแต่งงานครั้งนี้ เธอจึงต้องพยายามอย่างเต็มที่ไม่หยุดหย่อนสินะ

 

เพียงแต่ตอนนี้เธอยังไม่ยอมเปิดเผยเจตนาแท้จริงออกมาก็เท่านั้น

 

เซี่ยฉิงกงตกตะลึง นี่เขาพูดบ้าอะไรกัน !

 

ก่อนหน้านี้เธอเป็นเพียงคนธรรมดาที่วิ่งวุ่นพยายามหาเลี้ยงปากเลี้ยงท้องไปวัน ๆ หากไม่ใช่เป็นเพราะจู่ ๆ ตระกูลเซี่ยตามหาเธอจนพบ เธอคงไม่รู้หรอกว่า เธอมีพ่อที่ร่ำรวยขนาดนี้

 

“ฉันไม่เข้าใจว่า คุณกำลังพูดถึงอะไร ? แต่ฉันได้อธิบายทุกอย่างชัดเจนแล้ว … “

 

“เอาเลย เซี่ยฉิงกง ผมเองก็จะดูว่าคุณจะกล้าทำหน้าตาน่าเกลียดแบบนี้ต่อหน้าทุกคนไหม ?”

 

มู่เฉินฮ่าวพูดขัดจังหวะเธอ จากนั้นก็ก้าวผ่านเธอออกไป

 

เซี่ยฉิงกงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ทันทีที่รู้สึกตัว เธอก็ชี้นิ้วไปที่มู่เฉินฮ่าวผู้ซึ่งเดินจากไป พลางกระโดดเร่า ๆ ด้วยความโมโห แต่กลับพูดไม่ออกสักคำ !

 

ไอ้ผู้ชายตัวเหม็น ไอ้คนน่ารังเกียจ ไอ้คนไร้ยางอาย.. !

 

เซี่ยฉิงกงกลับไปที่โต๊ะอาหารด้วยความโกรธจัด หมายจะถามเซี่ยเจิ้งหัว ให้รู้เรื่อง

 

แต่ไม่คาดคิดว่าเซี่ยเจิ้งหัวกลับเอ่ยออกมาก่อน

 

“ที่คุณชายมู่มาที่นี่ในครั้งนี้ก็เพื่อพาฉิงกงกลับไปที่บ้านสกุลมู่ และตระเตรียมการหมั้น”

 

เซี่ยฉิงกงได้แต่นิ่งอึ้ง เธอสะบัดหน้าไปมองมู่เฉินฮ่าวอย่างแรง แล้วเธอก็เห็นว่าเขายังคงรักษาทีท่าเย็นชาและเฉยเมยเฉกเช่นเดิม ราวกับว่าเหตุการณ์ที่เขา และเธอทะเลาะกันเมื่อครู่นั้นไม่เคยเกิดขึ้นเลย …

 

***จบตอน ต้องเรียกผมว่าสามี***

แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก

แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก

แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก
Status: Ongoing
โดย เรื่อง แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก บ้างส่วนของนิยาย ณ ผับคราวน์คลับ ที่ยิ่งดึกก็ยิ่งมีชีวิตชีวา ภายในห้องส่วนตัวห้องหนึ่งที่ตกแต่งด้วยแสงสลัว และมืดทึม “โจวตัน ไอ้หัวหมูนั่นอยากร่วมมือกับฉันด้วยเรอะ ! เฮอะ เขาคงเขมือบเงินทองมากไปจนไม่ดูฐานะของตัวเองเลย ถ้าไม่ใช่เพื่อกำราบความหยิ่งยโสของตระกูลเซี่ย ฉันไม่ทางเซ็นสัญญากับไอ้หมูนั่นแน่ ?” “ตูม !” มือเล็กกดโทรศัพท์บนโต๊ะ เพื่อปิดเสียงที่บันทึกไว้ นิ้วเรียวยาวขาวละเอียดวาวอย่างคนสุขภาพผิวดี “บอสโจว คุณได้ยินแล้วใช่ไหม ?” เจ้าของมือยิ้ม ใบหน้าของโจวตันที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเปลี่ยนเป็นสีตับหมูซึ่งเห็นได้ชัดเจนมากแม้จะอยู่ภายใต้แสงริบหรี่ “อ้อ..และนี่” เซี่ยฉิงกงจูบสัญญานั่นแล้วพับครึ่ง ก่อนจะซุกไว้บริเวณบั้นเอวภายใต้เสื้อของเธอ เครื่องแบบบริกรของผับคราวน์คลับนี่ออกจะเปิดเผยมาก จนเซี่ยฉิงกงต้องดึงขอบเสื้อบนหน้าอกของเธอขึ้นอย่างแรง แต่ก่อนที่เธอจะจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย เธอก็รู้สึกว่าไหล่ของเธอถูกดึงขึ้น “นี่เธอ ช่วยส่งไวน์นี้ไปที่ห้อง 8069 ด้วย” ผู้จัดการเจ้ากี้เจ้าการยกแขนของเซี่ยฉิงกงแล้วยัดถาดใส่มือเธอ เซี่ยฉิงกงยักไหล่ ในเมื่อปลอมตัวเป็นบริกรก็ต้องมีจรรยาบรรณในวิชาชีพจนกว่าจะหมดหน้าที่ อย่างไรเสียที่สุดฉันก็ได้สัญญามาแล้ว เอาเป็นว่าฉันยินดีที่จะส่งไวน์ให้ก็แล้วกัน “8096 หรือ 8069 ?” เซี่ยฉิงกงคลำทางเดินไปพร้อมกับถาดที่ใส่ไวน์แดง ขณะเดียวกันก็มองผู้คนในห้องส่วนตัวเหล่านั้นอย่างระแวดระวัง เธอโทรไปที่แผนกต้อนรับ แต่สายไม่ว่างเลย เธอจึงไม่รู้ว่าห้องไหนแน่ และนั่นทำให้เซี่ยฉิงกงต้องค่อย ๆ คลำหาไปเรื่อย ๆ “ช่างมันเถอะ เลือกเอาสักห้องก็แล้วกัน !” ต่อให้เปิดประตูเข้าไปแล้วผิด ก็แค่ออกมาเท่านั้นเอง ! เมื่อนึกได้เช่นนี้ เซี่ยฉิงกงก็เคาะประตู 8069 เธอไม่ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวใด ๆ จึงค่อย ๆ แง้มประตูเปิดออก “อา !” แล้วเซี่ยฉิงกงก็ต้องผงะกับฉากในห้อง “ขอโทษค่ะ คุณผู้ชาย… “ แม้ว่าแสงไฟจะไม่สว่างไสวเท่าใดนัก ทว่าเซี่ยฉิงกงก็พอจะมองเห็นว่า ชายคนหนึ่งในห้องกำลังกดร่างของผู้หญิงที่เสื้อผ้าหลุดรุ่ยอยู่บนโซฟา ทันทีที่เห็นประตูเปิดออก ทั้งสองคนในห้องก็มองไปที่ประตู เซี่ยฉิงกงยังคงสามารถมองเห็นผมยาวยุ่งเหยิงของสาวงามคนนั้น ทั้งยังใบหน้าที่ดูเหมือนจะเมามายเล็กน้อย นอกจากนี้เสื้อผ้าที่แหวกลึกของเธอยังเปิดรับสายลมฤดูใบไม้ผลิมากจนน่าละอาย “หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ !” เซี่ยฉิงกงกำลังจะปิดประตู รีบเผ่นจากไป ทว่าชายในห้องกลับห้ามเธอไว้ มู่เฉินฮ่าวปลดมือหญิงสาวที่กำลังคล้องคอของเขาไว้ เขาเหลือบตาไปมองเซี่ยฉิงกงด้วยท่าทีที่อันตราย “ไม่คาดคิดว่าจะมีพวกมาด้วย” มู่เฉินฮ่าวลุกขึ้นนั่งตัวตรง สายตาที่เขามองเซี่ยฉิงกงเต็มไปด้วยความเย็นชา “คุณผู้ชายคะ คุณเข้าใจผิด ฉันไม่รู้จักเธอเลย” เซี่ยฉิงกงรู้ดีว่าคนที่มาผับคราวน์คลับแห่งนี้ล้วนเป็นพวกเศรษฐี หรือมีอำนาจพอควร ดังนั้นเธอจึงไม่ควรสร้างปัญหาใด ๆ ที่นี่ หลังจากได้สัญญา และเสิร์ฟไวน์เรียบร้อยแล้ว เธอก็จะออกไปจากที่นี่ทันที “นั่นเธอถ่ายรูปไว้ใช่ไหม เอามานี่” เซี่ยฉิงกงเพิ่งสังเกตเห็นว่า เธอยังคงถือมือถือที่เพิ่งโทรหาแผนกต้อนรับเอาไว้ในมือข้างหนึ่ง … แย่แล้ว ! เขาคงคิดว่า เธอกำลังถ่ายภาพลามกที่พวกเขามีอะไรกันเพื่อใช้แบล็คเมล์ ดังนั้นเขาจึงมองเธอด้วยสายตาเช่นนั้น ! คนอะไรหน้าด้านชะมัด ? นี่คงลักกินขโมยกินล่ะสิท่าถึงกลัวโดนถ่ายรูป ? หน้าตาก็หล่อเหลาดี แต่กลับกินไม่เลือกเหมือนหมา ฉิงกงคิดกับตัวเอง “คุณผู้ชาย ฉันคิดว่าคุณคงเข้าใจผิด ฉันไม่ได้ถ่ายรูปคุณ” ในใจของเซี่ยฉิงกงรู้สึกขยะแขยง ทว่าเธอก็พยายามพูดอย่างใจเย็น เพราะมีรูปโป๊ของภรรยาโจวตันกับชายอื่นอยู่ในโทรศัพท์มือถือของเธอ ดังนั้นเธอจึงไม่อาจโชว์ให้เขาดูได้ มู่เฉินฮ่าวยิ่งมั่นใจว่า ผู้หญิงทั้งสองคนเป็นพวกเดียวกัน “ใครส่งเธอมา ?” น้ำเสียงของมู่เฉินฮ่าวเย็นชา ทำให้เซี่ยฉิงกงอึดอัดมาก นี่หมายความว่าไง ? แสดงว่าต่อให้เธอกระโดดลงล้างตัวที่แม่น้ำฮวงโหก็ไม่สะอาดล่ะสินะ ? (สำนวนแปลว่า แก้ตัวอย่างไรก็ฟังไม่ขึ้น) “ฉันมาเอง” เซี่ยฉิงกงเผลอตอบไปโดยไม่รู้ตัว จากนั้นก็เหลือบไปมองหญิงสาวบนโซฟาที่กำลังมองจ้องมาด้วยสายตาแปลก ๆ เธอรีบเปลี่ยนคำพูดว่า “คุณผู้ชาย คุณเห็นมั้ย ? ฉันเป็นแค่บริกรตัวเล็ก ๆ ฉันต้องรีบนำไวน์ไปเสิร์ฟห้องที่เขาสั่งไว้ !” “เลิกพูดไร้สาระ ส่งโทรศัพท์ของเธอมา” มู่เฉินฮ่าวไม่สนใจคำร้องขอความเมตตาของเธอ เขากวาดตามองเธอจากหัวจรดเท้าก่อนจะพูดต่อ เซี่ยฉิงกงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ คน ๆ นี้ คือโจโฉกลับชาติมาเกิดหรือไง ? ท่าทางเขาแลดูน่าสงสัยมาก ถ้าจะระแวงกันถึงขนาดนี้ จะมาเที่ยวผับนี่ทำไม ? “ฉัน…” “ยังไม่ไสหัวไปอีก !” “ฉันจะไปแล้ว จะไปแล้ว … ” เซี่ยฉิงกงพยักหน้า พร้อมกับโค้งคำนับทันทีที่เธอได้ยินประโยคนี้ “ไม่ใช่เธอ” มู่เฉินฮ่าวขัดจังหวะเซี่ยฉิงกงทันที เขาเบี่ยงหน้าเล็กน้อยแววตาของเขาเย็นชาอีกทั้งน่ากลัว ผู้หญิงที่อยู่ข้าง ๆ เขาดึงขอบเสื้อเกาะอกของเธอขึ้นมาให้เข้าที่เข้าทาง ความขาวเนียนราวหิมะทำให้เซี่ยฉิงกงตาแทบค้าง “คุณชายมู่… ” ผู้หญิงคนนั้นครางชื่อเขาเบา ๆ ด้วยความเสียใจ หากแต่เธอกลัวสายตาที่เย็นชาของมู่เฉินฮ่าวมากกว่า เธอจึงไม่กล้าขัดขืนคำสั่งเขา ก่อนที่เธอจะจากไป เธอยังกวาดตามองเซี่ยฉิงกงอย่างอาฆาตมาดร้าย เซี่ยฉิงกงสับสน เธอหันไปมองมู่เฉินฮ่าวด้วยความประหลาดใจ เกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย ? “ฉันเป็นแค่พนักงานเสิร์ฟเท่านั้น !” เซี่ยฉิงกงพยายามใจกล้ากล่าวย้ำอีกครั้ง มู่เฉินฮ่าวเยาะเย้ย “บริกรที่ผับคราวน์ก็ไม่ได้ทำหน้าที่เพียงเสิร์ฟน้ำเท่านั้นนี่” ครั้นได้ยินเขาพูดเช่นนั้น เซี่ยฉิงกงก็เข้าใจได้ทันที เธอหยิบถาดขึ้นมาด้วยความโกรธ หวังจะรีบออกไปจากห้อง ทว่าเธอก้าวออกไปได้เพียงก้าวเดียว มู่เฉินฮ่าวก็กระชากตัวเธอกลับมาอย่างแรง ไวน์แดงในถาดพลัดตกลงบนพื้นและแตกกระจาย จบกัน ฉันทำไวน์ตกแตก ไวน์นี่มีมูลค่าหลายแสนเสียด้วย ? “คุณบ้าไปแล้ว !” เซี่ยฉิงกงโกรธมาก มู่เฉินฮ่าวไม่สนใจกับความโกรธของเธอเลย เขากดร่างเซี่ยฉิงกงลงบนโซฟา ครั้นถูกกดตัวอย่างแรง เซี่ยฉิงกงก็เดือดจัด เธอยกมือขึ้นผลักอกมู่เฉินฮ่าวออก “นี่ไม่ใช่ความต้องการของเธอหรอกเหรอ ในเมื่อมาเสนอตัวถึงหน้าประตูก็อย่าโทษว่าฉันหยาบคาย” “ความต้องการของฉันงั้นรึ ? นี่คุณสมองพิการหรือเปล่า..หา..?” เซี่ยฉิงกงดิ้นรนขัดขืน ทว่ากลับถูกกดตัวไว้อย่างแน่นหนา มู่เฉินฮ่าวยกมือของเธอขึ้นเหนือศีรษะ “ปล่อยฉันนะ คนไร้ยางอาย !”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset