“พี่สาวกลับมาอาจมีจุดประสงค์บางอย่างในใจ แม้ว่าเธอจะช่วยให้คุณพ่อได้เซ็นสัญญา แต่หนูไม่เชื่อหรอกว่าเธอจะไม่มีจุดมุ่งหมายอื่น”
เซี่ยชิงฉวน กล่าวเตือนออกมาด้วยท่าทางเหมือนไม่ใส่ใจอะไรนัก
ครั้นเซี่ยเจิ้งหัวได้ยินคำพูดของคนทั้งสอง ความประทับใจที่เขามีต่อเซี่ยฉิงกงก็ลดลงไปอย่างมาก
มู่เฉินฮ่าวเฝ้าดูคนทั้งสี่ในครอบครัวนี้ต่างแสดงละครใส่กัน นับเป็นฉากที่ยอดเยี่ยม มุมปากของเขาพลันยกโค้งขึ้นเล็กน้อย
จู่ ๆ สายตาเขาก็เหลือบไปเห็นเซี่ยฉิงกงร้องไห้อยู่ข้าง ๆ มู่เฉินฮ่าวพยายามคาดเดาว่าเธอจะตอบโต้คนพวกนี้กลับด้วยวิธีใด ?
ขนาดกระต่ายน้อยที่อ่อนแอ เมื่อถึงคราวจวนตัว มันก็ยังสามารถกัดคนได้
แน่นอนว่า เซี่ยฉิงกงหรี่ตาลง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าที่มืดมนของ เซี่ยเจิ้งหัว จากนั้นก็กวาดตาไปมองเจินเมี่ยวหยู และเซี่ยชิงฉวนผู้ซึ่งกำลังแสดงสีหน้าเยาะเย้ย เธอกล่าวออกมาด้วยริมฝีปากสั่น ๆ
“แต่พรุ่งนี้เป็นวันตายของคุณแม่ … ”
ต๋อม..
ไม่ต่างจากก้อนกรวดเล็ก ๆ ที่ตกลงไปในทะเลสาบอันเงียบสงบ ในที่สุดระลอกคลื่นก็ปรากฏขึ้น
ห้องนั่งเล่นเงียบอย่างน่าประหลาดใจ ไม่มีใครพูดอะไรออกมาเลย มีเพียงเสียงสะอื้นเบา ๆ ของเซี่ยฉิงกงเท่านั้น
ประโยคนี้ส่งผลกระทบมากมายต่อหัวใจของทุกผู้คน
เซี่ยเจิ้งหัวรู้สึกสะเทือนใจมากที่สุด ในวันเสียชีวิตของอดีตภรรยา เขากลับผลักไสลูกสาวที่เพิ่งกลับมาบ้าน หลังจากหายตัวไปนานหลายปีออกไปอย่างไม่แยแส ไม่..นี่ไม่ต่างจากขายลูกสาวตัวเองเลย
นอกจากนี้ เขายังลืมไปแล้วว่าพรุ่งนี้เป็นวันครบรอบวันตายของแม่เธอ แล้วเขากลับบีบบังคับให้เธอไปจากที่นี่อีก
ไม่ว่าในครั้งนั้นจะเกิดอะไรขึ้นก็ตามที เซี่ยเจิ้งหัวก็โทษว่าเป็นความผิดของตนเอง เขารู้สึกผิดอย่างมาก เขาหันไปมองเซี่ยฉิงกงคำพูดต่างก็จุกอยู่ในลำคอของเขา
เซี่ยฉิงกงมองเซี่ยเจิ้งหัว ครั้นเห็นใบหน้าเขากระตุก เธอก็รู้ว่าแผนของเธอได้ผล เธอจึงก้มศีรษะลงพลางเช็ดน้ำตา
เมื่อเจินเมี่ยวหยูได้ยินประโยคดังกล่าว การแสดงออกของเธอก็เปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก คนอยู่มักกลัวการถูกเปรียบเทียบกับคนตายเป็นที่สุด นอกจากนี้ลูกสาวที่อีนังนั่นทิ้งไว้ก็ยังฉลาดเป็นกรดอีกด้วย
เซี่ยชิงฉวนไม่รู้เรื่องรู้ราวใด ๆ แต่ครั้นเห็นว่าทันทีที่พ่อของเธอได้ยินว่าพรุ่งนี้เป็นวันครบรอบวันตายของแม่ของเซี่ยฉิงกง พ่อของเธอก็ใจอ่อนยังไม่ส่งเซี่ยฉิงกงไปที่บ้านสกุลมู่ในวันนี้ เธอพลันรู้สึกโล่งใจ
นี่ก็นับเป็นเรื่องดีสำหรับเธอด้วยจริงมั้ย ?
เมื่อคิดได้เช่นนั้น เซี่ยชิงฉวนก็รีบเดินไปยืนข้างเซี่ยฉิงกงทันที
“ในเมื่อเป็นวันครบรอบการเสียชีวิตของคุณป้า อย่างนั้นก็เลื่อนการส่งตัวไปอีกสักวันดีมั้ย ?”
เซี่ยชิงฉวนก้าวเข้าไปหาพ่อของเธอ ขณะที่เซี่ยเจิ้งหัวยังคงพูดคุยกับมู่เฉินฮ่าว เขากล่าวว่า “เรามีบางอย่างที่ต้องจัดการกันก่อนจริง ๆ ด้วยสิ ผมเองก็กังวลอยู่พักใหญ่แล้ว ไม่ทราบว่าคุณชายมู่จะรอได้หรือไม่ ?”
มู่เฉินฮ่าวพยักหน้า พลางจ้องมองเซี่ยฉิงกง
ผู้หญิงคนนี้..ทำให้เขาต้องปรับความคิดใหม่ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบเธอ
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ รออีก 2-3 วันก็คงไม่เป็นไร”
มู่เฉินฮ่าวเอ่ยปาก ขณะที่เซี่ยเจิ้งหัวก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก เซี่ยฉิงกงยังคงก้มศีรษะลง แสร้งทำเป็นเช็ดน้ำตา ทว่าเวลานี้มุมปากของเธอก็ยกขึ้นยิ้มเล็กน้อย
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จแล้ว มู่เฉินฮ่าวก็ขอตัวกลับ เซี่ยเจิ้งหัว รู้สึกละอายใจต่อลูกสาวคนโต เขาจึงพยายามมอบสิ่งต่าง ๆ มากมายเพื่อชดเชยสิ่งที่เธอต้องสูญเสียไปเป็นเวลาหลายปี
เซี่ยฉิงกงร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่เกือบทั้งคืน ในที่สุดเซี่ยเจิ้งหัวก็กลับไปพักผ่อนพร้อมน้ำตา
ครั้นเซี่ยเจิ้งหัวจากไป เซี่ยฉิงกงก็แอบเปิดหน้าต่างอย่างเงียบเชียบ เธอไต่ลัดเลาะไปตามขอบหน้าต่าง จากนั้นก็ปีนลงไปทางด้านนอกของห้องครัว
ที่ไหนมีผู้หญิงที่นั่นย่อมมีข่าวลือ และที่ไหนมีผู้หญิงที่นั่นก็ต้องมีการตบตีแย่งชิง
เซี่ยฉิงกงมั่นใจในหลักการข้อนี้ดี เธอจึงแอบซ่อนตัวที่ผนังด้านหลังของห้องครัวอย่างเงียบ ๆ
พวกผู้หญิงในตระกูลเซี่ยชอบมาสุมหัวกันที่ครัวหลังบ้าน มีทั้งกลุ่มป้า ๆ และกลุ่มเด็กสาว ต่างก็ชอบมาจับกลุ่มพูดคุย ซุบซิบนินทากัน
แน่นอนว่าทันทีที่เซี่ยฉิงกงย่อตัวลงนั่งยอง ๆ ที่มุมกำแพง เธอก็ได้ยินบทสนทนาที่เกิดขึ้นข้างในนั้นทั้งหมด
“ฉันว่านะ คุณหนูรองน่ะอยากแต่งงานกับมู่เฉินฮ่าว”
***จบตอน วันตายของแม่ฉัน***