แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก – ตอนที่ 39 ให้ฉันมีทัศนคติยังไงกับเธอดีล่ะ ?

เสียงของเซี่ยชิงฉวน ทำให้เซี่ยฉิงกงรู้สึกเย็นยะเยือก

 

หลังจากให้สาวใช้ทั้งหมดออกไป เซี่ยฉิงกงก็โยนหนังสือการ์ตูนทิ้ง แล้วพูดว่า

 

“อย่ามาเล่นละครดีกว่า เธอมีอะไรจะพูดก็พูดมาเลย !”

 

เซี่ยชิงฉวนตกตะลึงกับคำพูดของเซี่ยฉิงกง เธอพยายามระงับความโกรธในใจ

 

“พี่ฉิงกง พี่พูดกับฉันแบบนี้ได้อย่างไร ? ฉันก็เป็นครอบครัวเดียวกับพี่ไม่ใช่เหรอ ? นี่พี่ลืมครอบครัวเดิมก่อนที่จะแต่งงานกับคุณชายมู่แล้วหรือ ?”

 

“แล้วจะให้ฉันมีทัศนคติยังไงกับเธอดีล่ะ ?”

 

เซี่ยฉิงกงไม่รู้ว่าทำไมคนที่เรียกเธอว่าพี่สาวคนนี้ต้องเสแสร้งทำเป็นสนิทสนม ทั้งที่พวกเธอทั้งสองคนไม่เคยเข้ากันได้เลยตั้งแต่ตอนที่อยู่ด้วยกันในบ้านตระกูลเซี่ย เธอคนนี้ไม่รู้ตัวหรือว่าเธอพยายามเหยียบย่ำเซี่ยฉิงกงแค่ไหน ? แล้วยังไม่รู้ตัวอีกหรือว่าเธอทำร้ายเซี่ยฉิงกงขนาดไหน ?

 

ทั้งแม่ของเธอยังคงต้องการที่จะฆ่าเซี่ยฉิงกง แบบนี้จะให้เซี่ยฉิงกงปฏิบัติต่อเธอด้วยท่าทีแบบไหนกัน ?

 

“เซี่ยฉิงกง ไม่สิ…พี่ฉิงกง ก่อนนี้ฉันเคยทำผิดกับพี่ นั่นเป็นเพราะฉันยังเด็กไม่รู้ประสีประสา หากทำให้พี่ไม่พอใจ ก็โปรดอภัยให้น้องด้วยเถอะ”

 

เซี่ยชิงฉวนนึกถึงคำพูดของแม่แล้วก็ได้แต่กัดฟันก้มศีรษะลง แสดงอาการยอมรับผิด ประโยคก่อนหน้าของเซี่ยฉิงกง ทำให้เธออับอาย จนต้องนิ่งอึ้ง หากแต่เธอก็ได้แต่กล้ำกลืนมันลงไป

 

เซี่ยฉิงกงไม่เข้าใจเลย นี่เซี่ยชิงฉวนกินยาผิดมารึเปล่า ? ถึงได้ยอมขอโทษแต่โดยดี แม่สาวคนนี้เคยทั้งปากดีทั้งเขี้ยวลากดินมาก่อนไม่ใช่เหรอ ? ทำไมตอนนี้ถึงได้ทำตัวหงอเหมือนเด็กน้อยเลยล่ะ ?

 

“เอางี้นะ เซี่ยชิงฉวน ถ้าเธอไม่มีอะไรแล้ว ฉันก็ขอตัวไปงีบก่อน โอเคนะ ?”

 

เซี่ยฉิงกงขี้เกียจจะเสียเวลากับคนที่เรียกเธอว่าพี่สาว

 

“ไม่เป็นไร คุณพ่อคุณแม่บอกว่า พี่มีฉันเป็นน้องสาวเพียงคนเดียว เมื่อเห็นว่าพี่กับคุณชายมู่กำลังจะแต่งงานกัน ท่านก็เลยให้ฉันมาอยู่เป็นเพื่อนพี่สักสองสามวัน เพราะเกรงว่าพี่จะต้องเหงาอยู่คนเดียว”

 

ช่างเป็นเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้นเอาเสียเลย ? ใครเป็นคนคิด ? เซี่ยฉิงกงจำน้องสาวได้เพียงคนเดียวเท่านั้น และนั่นก็คือเซี่ยหว่านอิง !

 

เซี่ยฉิงกงครุ่นคิด น่าที่จะเป็นแม่เลี้ยงของเธอ เจินเมี่ยวหยู ที่ต้องการเล่นเล่ห์เพทุบายอีกแล้ว

 

ขณะที่คิดเรื่องนี้ เธอก็กวักมือเรียกสาวใช้ให้เข้ามา

 

“จัดห้องให้เธอพักอยู่ที่นี่สักสองสามวัน”

 

ฉิงกงสั่งสาวใช้

 

“พี่ฉิงกง ฉันขอชมห้องนอนพี่หน่อยจะได้ไหม ?”

 

เซี่ยชิงฉวนรีบถามออกมาทันที

 

เซี่ยฉิงกงหรี่ตาลง

 

“ได้สิ”

 

ครั้นเห็นว่าเซี่ยฉิงกงอนุญาตอย่างรวดเร็ว นัยน์ตาของเซี่ยชิงฉวนก็แลดูมีความสุขขึ้น มุมปากของเธออดไม่ได้ที่จะยกโค้งขึ้นเล็กน้อย

 

พฤติกรรมทั้งหมดนี้ตกอยู่ในสายตาของเซี่ยฉิงกง แค่ได้เยี่ยมชมห้องก็มีความสุขขนาดนี้..คืออะไร ?

 

เซี่ยฉิงกงยังคงถามต่อไปว่า

 

“ว่าแต่ทำไมเธอถึงอยากดูห้องฉันล่ะ ?”

 

เซี่ยชิงฉวนยักไหล่ พลางมองเซี่ยฉิงกง นัยน์ตาที่สวยงามของเธอแลดูเหมือนจะแสดงความจริงใจเป็นพิเศษ เธอยิ้ม

 

“ก็แค่อยากรู้ว่า สถานที่ที่พี่สาวของฉันต้องอยู่ต่อไปในภายหน้าเป็นอย่างไรบ้าง ?”

 

เซี่ยฉิงกงมองดูก็รู้ว่าเธอโกหกแล้ว

 

เห็นได้จากการแสดงออกเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นในขณะที่กำลังสนทนา การที่คุณยักไหล่นั่นแสดงถึงความไม่มั่นใจในสิ่งที่กำลังพูด และหากคุณกำลังโกหกคุณก็ต้องพยายามใช้เวลาคิด ดังนั้นคุณก็จะอึกอัก และจะหลีกเลี่ยงการสบตากับอีกฝ่าย บางทีก็จะใช้ดวงตาของคุณ เพื่อย้ำให้อีกฝ่ายเชื่อในสิ่งที่คุณพูด

 

อย่างไรก็ตาม เซี่ยฉิงกงก็พาเซี่ยชิงฉวนกลับเข้าบ้าน

 

“ยินดีต้อนรับ..เชิญเยี่ยมชมตามอัธยาศัย”

 

เซี่ยชิงฉวนเดินกรุยกรายสำรวจไปรอบ ๆ ห้อง แม้แต่ห้องน้ำก็ไม่เว้น

 

ครั้นเห็นผ้าเช็ดตัว แปรงสีฟันและแก้วน้ำ วางคู่กันอยู่ในห้องน้ำ เธอก็นึกไปว่า ที่เซี่ยฉิงกงกลับตระกูลเซี่ยก็เพื่อขโมยทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นของเธอไป

 

แสงแดดอ่อน ๆ กำลังดีในยามบ่าย สายลมพัดเย็นสบายน่านอน และนั่นทำให้เซี่ยฉิงกงรู้สึกง่วงนอนขึ้นมาแล้วจริง ๆ เธอหาว

 

“เธอเดินชมห้องไปก่อนนะ ฉันจะไปนอนสักงีบ”

 

***จบตอน ให้ฉันมีทัศนคติยังไงกับเธอดีล่ะ ?***

แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก

แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก

แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก
Status: Ongoing
โดย เรื่อง แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก บ้างส่วนของนิยาย ณ ผับคราวน์คลับ ที่ยิ่งดึกก็ยิ่งมีชีวิตชีวา ภายในห้องส่วนตัวห้องหนึ่งที่ตกแต่งด้วยแสงสลัว และมืดทึม “โจวตัน ไอ้หัวหมูนั่นอยากร่วมมือกับฉันด้วยเรอะ ! เฮอะ เขาคงเขมือบเงินทองมากไปจนไม่ดูฐานะของตัวเองเลย ถ้าไม่ใช่เพื่อกำราบความหยิ่งยโสของตระกูลเซี่ย ฉันไม่ทางเซ็นสัญญากับไอ้หมูนั่นแน่ ?” “ตูม !” มือเล็กกดโทรศัพท์บนโต๊ะ เพื่อปิดเสียงที่บันทึกไว้ นิ้วเรียวยาวขาวละเอียดวาวอย่างคนสุขภาพผิวดี “บอสโจว คุณได้ยินแล้วใช่ไหม ?” เจ้าของมือยิ้ม ใบหน้าของโจวตันที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเปลี่ยนเป็นสีตับหมูซึ่งเห็นได้ชัดเจนมากแม้จะอยู่ภายใต้แสงริบหรี่ “อ้อ..และนี่” เซี่ยฉิงกงจูบสัญญานั่นแล้วพับครึ่ง ก่อนจะซุกไว้บริเวณบั้นเอวภายใต้เสื้อของเธอ เครื่องแบบบริกรของผับคราวน์คลับนี่ออกจะเปิดเผยมาก จนเซี่ยฉิงกงต้องดึงขอบเสื้อบนหน้าอกของเธอขึ้นอย่างแรง แต่ก่อนที่เธอจะจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย เธอก็รู้สึกว่าไหล่ของเธอถูกดึงขึ้น “นี่เธอ ช่วยส่งไวน์นี้ไปที่ห้อง 8069 ด้วย” ผู้จัดการเจ้ากี้เจ้าการยกแขนของเซี่ยฉิงกงแล้วยัดถาดใส่มือเธอ เซี่ยฉิงกงยักไหล่ ในเมื่อปลอมตัวเป็นบริกรก็ต้องมีจรรยาบรรณในวิชาชีพจนกว่าจะหมดหน้าที่ อย่างไรเสียที่สุดฉันก็ได้สัญญามาแล้ว เอาเป็นว่าฉันยินดีที่จะส่งไวน์ให้ก็แล้วกัน “8096 หรือ 8069 ?” เซี่ยฉิงกงคลำทางเดินไปพร้อมกับถาดที่ใส่ไวน์แดง ขณะเดียวกันก็มองผู้คนในห้องส่วนตัวเหล่านั้นอย่างระแวดระวัง เธอโทรไปที่แผนกต้อนรับ แต่สายไม่ว่างเลย เธอจึงไม่รู้ว่าห้องไหนแน่ และนั่นทำให้เซี่ยฉิงกงต้องค่อย ๆ คลำหาไปเรื่อย ๆ “ช่างมันเถอะ เลือกเอาสักห้องก็แล้วกัน !” ต่อให้เปิดประตูเข้าไปแล้วผิด ก็แค่ออกมาเท่านั้นเอง ! เมื่อนึกได้เช่นนี้ เซี่ยฉิงกงก็เคาะประตู 8069 เธอไม่ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวใด ๆ จึงค่อย ๆ แง้มประตูเปิดออก “อา !” แล้วเซี่ยฉิงกงก็ต้องผงะกับฉากในห้อง “ขอโทษค่ะ คุณผู้ชาย… “ แม้ว่าแสงไฟจะไม่สว่างไสวเท่าใดนัก ทว่าเซี่ยฉิงกงก็พอจะมองเห็นว่า ชายคนหนึ่งในห้องกำลังกดร่างของผู้หญิงที่เสื้อผ้าหลุดรุ่ยอยู่บนโซฟา ทันทีที่เห็นประตูเปิดออก ทั้งสองคนในห้องก็มองไปที่ประตู เซี่ยฉิงกงยังคงสามารถมองเห็นผมยาวยุ่งเหยิงของสาวงามคนนั้น ทั้งยังใบหน้าที่ดูเหมือนจะเมามายเล็กน้อย นอกจากนี้เสื้อผ้าที่แหวกลึกของเธอยังเปิดรับสายลมฤดูใบไม้ผลิมากจนน่าละอาย “หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ !” เซี่ยฉิงกงกำลังจะปิดประตู รีบเผ่นจากไป ทว่าชายในห้องกลับห้ามเธอไว้ มู่เฉินฮ่าวปลดมือหญิงสาวที่กำลังคล้องคอของเขาไว้ เขาเหลือบตาไปมองเซี่ยฉิงกงด้วยท่าทีที่อันตราย “ไม่คาดคิดว่าจะมีพวกมาด้วย” มู่เฉินฮ่าวลุกขึ้นนั่งตัวตรง สายตาที่เขามองเซี่ยฉิงกงเต็มไปด้วยความเย็นชา “คุณผู้ชายคะ คุณเข้าใจผิด ฉันไม่รู้จักเธอเลย” เซี่ยฉิงกงรู้ดีว่าคนที่มาผับคราวน์คลับแห่งนี้ล้วนเป็นพวกเศรษฐี หรือมีอำนาจพอควร ดังนั้นเธอจึงไม่ควรสร้างปัญหาใด ๆ ที่นี่ หลังจากได้สัญญา และเสิร์ฟไวน์เรียบร้อยแล้ว เธอก็จะออกไปจากที่นี่ทันที “นั่นเธอถ่ายรูปไว้ใช่ไหม เอามานี่” เซี่ยฉิงกงเพิ่งสังเกตเห็นว่า เธอยังคงถือมือถือที่เพิ่งโทรหาแผนกต้อนรับเอาไว้ในมือข้างหนึ่ง … แย่แล้ว ! เขาคงคิดว่า เธอกำลังถ่ายภาพลามกที่พวกเขามีอะไรกันเพื่อใช้แบล็คเมล์ ดังนั้นเขาจึงมองเธอด้วยสายตาเช่นนั้น ! คนอะไรหน้าด้านชะมัด ? นี่คงลักกินขโมยกินล่ะสิท่าถึงกลัวโดนถ่ายรูป ? หน้าตาก็หล่อเหลาดี แต่กลับกินไม่เลือกเหมือนหมา ฉิงกงคิดกับตัวเอง “คุณผู้ชาย ฉันคิดว่าคุณคงเข้าใจผิด ฉันไม่ได้ถ่ายรูปคุณ” ในใจของเซี่ยฉิงกงรู้สึกขยะแขยง ทว่าเธอก็พยายามพูดอย่างใจเย็น เพราะมีรูปโป๊ของภรรยาโจวตันกับชายอื่นอยู่ในโทรศัพท์มือถือของเธอ ดังนั้นเธอจึงไม่อาจโชว์ให้เขาดูได้ มู่เฉินฮ่าวยิ่งมั่นใจว่า ผู้หญิงทั้งสองคนเป็นพวกเดียวกัน “ใครส่งเธอมา ?” น้ำเสียงของมู่เฉินฮ่าวเย็นชา ทำให้เซี่ยฉิงกงอึดอัดมาก นี่หมายความว่าไง ? แสดงว่าต่อให้เธอกระโดดลงล้างตัวที่แม่น้ำฮวงโหก็ไม่สะอาดล่ะสินะ ? (สำนวนแปลว่า แก้ตัวอย่างไรก็ฟังไม่ขึ้น) “ฉันมาเอง” เซี่ยฉิงกงเผลอตอบไปโดยไม่รู้ตัว จากนั้นก็เหลือบไปมองหญิงสาวบนโซฟาที่กำลังมองจ้องมาด้วยสายตาแปลก ๆ เธอรีบเปลี่ยนคำพูดว่า “คุณผู้ชาย คุณเห็นมั้ย ? ฉันเป็นแค่บริกรตัวเล็ก ๆ ฉันต้องรีบนำไวน์ไปเสิร์ฟห้องที่เขาสั่งไว้ !” “เลิกพูดไร้สาระ ส่งโทรศัพท์ของเธอมา” มู่เฉินฮ่าวไม่สนใจคำร้องขอความเมตตาของเธอ เขากวาดตามองเธอจากหัวจรดเท้าก่อนจะพูดต่อ เซี่ยฉิงกงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ คน ๆ นี้ คือโจโฉกลับชาติมาเกิดหรือไง ? ท่าทางเขาแลดูน่าสงสัยมาก ถ้าจะระแวงกันถึงขนาดนี้ จะมาเที่ยวผับนี่ทำไม ? “ฉัน…” “ยังไม่ไสหัวไปอีก !” “ฉันจะไปแล้ว จะไปแล้ว … ” เซี่ยฉิงกงพยักหน้า พร้อมกับโค้งคำนับทันทีที่เธอได้ยินประโยคนี้ “ไม่ใช่เธอ” มู่เฉินฮ่าวขัดจังหวะเซี่ยฉิงกงทันที เขาเบี่ยงหน้าเล็กน้อยแววตาของเขาเย็นชาอีกทั้งน่ากลัว ผู้หญิงที่อยู่ข้าง ๆ เขาดึงขอบเสื้อเกาะอกของเธอขึ้นมาให้เข้าที่เข้าทาง ความขาวเนียนราวหิมะทำให้เซี่ยฉิงกงตาแทบค้าง “คุณชายมู่… ” ผู้หญิงคนนั้นครางชื่อเขาเบา ๆ ด้วยความเสียใจ หากแต่เธอกลัวสายตาที่เย็นชาของมู่เฉินฮ่าวมากกว่า เธอจึงไม่กล้าขัดขืนคำสั่งเขา ก่อนที่เธอจะจากไป เธอยังกวาดตามองเซี่ยฉิงกงอย่างอาฆาตมาดร้าย เซี่ยฉิงกงสับสน เธอหันไปมองมู่เฉินฮ่าวด้วยความประหลาดใจ เกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย ? “ฉันเป็นแค่พนักงานเสิร์ฟเท่านั้น !” เซี่ยฉิงกงพยายามใจกล้ากล่าวย้ำอีกครั้ง มู่เฉินฮ่าวเยาะเย้ย “บริกรที่ผับคราวน์ก็ไม่ได้ทำหน้าที่เพียงเสิร์ฟน้ำเท่านั้นนี่” ครั้นได้ยินเขาพูดเช่นนั้น เซี่ยฉิงกงก็เข้าใจได้ทันที เธอหยิบถาดขึ้นมาด้วยความโกรธ หวังจะรีบออกไปจากห้อง ทว่าเธอก้าวออกไปได้เพียงก้าวเดียว มู่เฉินฮ่าวก็กระชากตัวเธอกลับมาอย่างแรง ไวน์แดงในถาดพลัดตกลงบนพื้นและแตกกระจาย จบกัน ฉันทำไวน์ตกแตก ไวน์นี่มีมูลค่าหลายแสนเสียด้วย ? “คุณบ้าไปแล้ว !” เซี่ยฉิงกงโกรธมาก มู่เฉินฮ่าวไม่สนใจกับความโกรธของเธอเลย เขากดร่างเซี่ยฉิงกงลงบนโซฟา ครั้นถูกกดตัวอย่างแรง เซี่ยฉิงกงก็เดือดจัด เธอยกมือขึ้นผลักอกมู่เฉินฮ่าวออก “นี่ไม่ใช่ความต้องการของเธอหรอกเหรอ ในเมื่อมาเสนอตัวถึงหน้าประตูก็อย่าโทษว่าฉันหยาบคาย” “ความต้องการของฉันงั้นรึ ? นี่คุณสมองพิการหรือเปล่า..หา..?” เซี่ยฉิงกงดิ้นรนขัดขืน ทว่ากลับถูกกดตัวไว้อย่างแน่นหนา มู่เฉินฮ่าวยกมือของเธอขึ้นเหนือศีรษะ “ปล่อยฉันนะ คนไร้ยางอาย !”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset