ณ ห้องนั่งเล่นของบ้านสกุลมู่หลังเดิม
มู่จื่อหมิงกำลังตั้งคำถาม
และเป้าหมายที่เขาต้องการให้ตอบก็ไม่ใช่ใครอื่น นอกจากหมั่นโถว และอาเจิ้ง
เจ้าบ้านมู่ยังคงห่วงใยลูกชายของเขาเป็นอย่างมาก เขาเป็นกังวลเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างลูกชายกับลูกสะใภ้มากยิ่งขึ้นไปอีก
ครั้นเซี่ยฉิงกง และมู่เฉินฮ่าวปรากฏตัวขึ้นในห้องนั่งเล่น คนในตระกูลมู่ต่างก็อดไม่ได้ที่จะชื่นชม
ว่าที่นายหญิงน้อยของตระกูลมู่คนนี้ช่างงดงามยิ่งนัก
เซี่ยฉิงกงรู้ว่าตนกำลังตกเป็นเป้าสายตา เธอทำตัวว่าง่ายราวกับลูกแมว เธอยืนอิงแขนของมู่เฉินฮ่าว ขณะที่มู่เฉินฮ่าวก็โอบเอวคอดของเธอไว้ในวงแขน ทั้งสองยืนนิ่งอยู่กับที่ ช่างเป็นคู่ที่สวยงามราวฟ้าอุ้มสม
“ฮึ ทำเหมือนอะไรก็ไม่รู้ ?”
เพราะมีมู่จื่อหมิงอยู่ที่นั่นด้วย ซิงเหวินจิ้งจึงไม่กล้าที่จะพูดรุนแรงเกินไป หากแต่เธอก็อดไม่ได้ที่พึมพำเบา ๆ อย่างไรก็ตามทุกครั้งที่เห็นเซี่ยฉิงกงอยู่ตรงหน้า เธอก็จะรู้สึกขัดหูขัดตามากขึ้นเรื่อย ๆ
ทว่าเรื่องบ้า ๆ ที่เกิดขึ้นในวันนี้ ก็ทำให้เกิดช่องว่างระหว่างเธอกับฉีเหยียนเอ๋อ และจางหยูหลานสองแม่ลูกนั่น
สองคนนั่นถึงกับกล้าวางยาลูกชายของเธอเลยงั้นรึ ? ทั้งยังเป็นยาที่ออกฤทธิ์รุนแรงมาก กระทั่งอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกายของมู่เฉินฮ่าวได้เลยทีเดียว
“คุณลุงมู่ คุณป้ามู่”
เซี่ยฉิงกงเรียกขานอย่างชาญฉลาด
“คุณพ่อ คุณแม่ หากไม่มีอะไรแล้ว ฉิงกงกับผมขอตัวกลับบ้านก่อนนะครับ” มู่เฉินฮ่าวพูดเบา ๆ
พวกเขาทั้งสี่ ต่างก็เข้าใจกันดี ต่างไม่พูดถึงบ้านสกุลฉีโดยปริยาย
“เอาล่ะ ในเมื่อลูกทั้งสองต่างก็ได้เรียนรู้กันมาระยะหนึ่งแล้ว ทั้งก็ดูเหมือนว่าจะมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันด้วย เช่นนั้นพ่อก็เห็นว่าควรถึงเวลาที่จะต้องจัดพิธีหมั้น เพื่อให้ใครบางคนยอมรับความจริง และไม่สร้างปัญหาใด ๆ ขึ้นอีก”
ครั้นพูดจบมู่จื่อหมิงก็เหลือบไปมองซิงเหวินจิ้ง
แม้ว่าสีหน้าของมู่จื่อหมิงจะยังคงเรียบเฉย ทว่าหัวใจของซิงเหวินจิ้งก็รู้สึกหวั่น ๆ
ปกติแล้วมู่จื่อหมิงเป็นคนอารมณ์ดี ทั้งในช่วงหลายสิบปีนับตั้งแต่แต่งงานกัน เขาก็ปฏิบัติต่อเธอเป็นอย่างดีมาโดยตลอด เขามักจะยอมเธอเสมอ หากแต่เมื่อใดที่สีหน้าของเขาเรียบเฉย นั่นก็หมายความว่าเขาโกรธแล้ว
แม้ว่าซิงเหวินจิ้งจะไม่พอใจ หากแต่เธอก็ไม่กล้าที่จะพูดอะไรมากนัก
“ครับ เรื่องวันหมั้นนั้น คุณพ่อตัดสินใจได้เลยครับ” มู่เฉินฮ่าวกล่าว
“ดี พ่อดูฤกษ์มาแล้ววันที่ 17 เดือนนี้เป็นวันมงคลเหมาะสำหรับการหมั้นหมาย เช่นนั้นวันพรุ่งนี้เราจะไปที่บ้านสกุลเซี่ยด้วยกัน เพื่อจัดการเรื่องต่าง ๆ ให้เรียบร้อย”
“ครับ”
นับแต่ต้นจนจบการสนทนา เซี่ยฉิงกงเพียงยิ้มน้อย ๆ เธอไม่พูดไม่จาอะไร ทั้งหมดนี้ปล่อยให้มู่เฉินฮ่าวเป็นคนกล่าวเอง
ฝ่ามือของเธอถูกมือใหญ่ ๆ ของมู่เฉินฮ่าวเกาะกุมไว้แน่น กระทั่งรู้สึกได้ถึงอุณหภูมิระหว่างนิ้วมือของเขา เซี่ยฉิงกงไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกของเธออย่างไรดี ?
เธอกำลังจะหมั้น
ระหว่างทางกลับบ้าน
“นายน้อย คงไม่ทราบว่า ตอนที่พี่เจิ้งโทรมา บอกว่านายน้อยหมดสติอยู่ในบ้านสกุลมู่หลังเดิมนั้น นายหญิงน้อยตกใจมากแค่ไหน เธอจับมือหมั่นโถว และขอให้พาไปที่บ้านหลังเดิมให้เร็วที่สุด”
หมั่นโถวนั่งข้างคนขับ เธอหันหน้ามาบอกเล่าพลางหัวเราะคิกคัก
“จริงหรือ ?”
ใบหน้าของมู่เฉินฮ่าวเผยรอยยิ้มที่อ่อนโยนซึ่งยากมากที่จะได้เห็น อาเจิ้งซึ่งขับรถอยู่ข้างหน้าได้ฟังหมั่นโถวแล้วก็อดไม่ได้ที่จะก้มหน้าอมยิ้ม
หมั่นโถวกำลังจะพูดต่อ หากแต่เซี่ยฉิงกงกลับหยิบหมอนขึ้นมาจากรถแล้วโยนลงบนหัวของหมั่นโถว
“หมั่นโถว พูดมากไปแล้วนะ !”
“ฉันผิดไปแล้ว นายหญิงน้อย”
ครั้นเห็นใบหน้าของเซี่ยฉิงกงแดงก่ำ หมั่นโถวก็รู้ว่าเซี่ยฉิงกงกำลังจะโกรธ เธอจึงไม่กล้าพูดอะไรอีก
มู่เฉินฮ่าวหันมองหญิงสาวร่างเล็กที่นั่งข้าง ๆ เขาอย่างเงียบ ๆ ตอนนี้ดูเหมือนเธอจะกินถุงดินระเบิดเข้าไปทั้งถุง แก้มของเธอแดงก่ำ เธอกำลังทำปากจู๋เล็ก ๆ แลดูแล้วช่างเย้ายวนอย่างสุดจะพรรณนา
เขาโอบเอวเธอหลวม ๆ จากนั้นก็เชยคางของเธอให้หันหน้ามาหาเขา นัยน์ตาทั้งสองคู่สบกัน เซี่ยฉิงกงเห็นร่องรอยความเสน่หาในแววตาของมู่เฉินฮ่าว หากแต่เธอก็ไม่ได้ตอบสนองใด ๆ เธอถูกเขารั้งเข้าสู่อ้อมแขน ก่อนจะถูกบรรจงจูบอย่างลึกซึ้ง
หมั่นโถวกับอาเจิ้งยังคงอยู่ร่วมในรถ ผู้ชายคนนี้นี่จริง ๆ เลย …
เซี่ยฉิงกงพยายามผลักมู่เฉินฮ่าวออก หากแต่มู่เฉินฮ่าวกลับกระชับวงแขนแน่นขึ้น และแน่นขึ้น จุมพิตของเขาก็รุกเร้า และล้ำลึกขึ้น เซี่ยฉิงกงตกอยู่ในอ้อมกอดของเขาอีกครั้ง
***จบตอน กำลังจะหมั้น***