ฉีเหยียนเอ๋อได้ยินเสียงกรีดร้องก็รีบวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว
“นังบ้า แกกล้ากัดเพื่อนฉัน คอยดูเถอะฉันจะถอนฟันของแกออกให้เกลี้ยงปากเลย”
“ให้ตายเถอะ ฉันโกรธมากแล้วนะ !”
เสิ่นหรงเจียกำหมัดแน่น เธอส่งสัญญาณให้ฉีเหยียนเอ๋อไปหยิบรีโมทคอนโทรลของเก้าอี้ไฟฟ้ามาวางบนโต๊ะ
การช็อตไฟฟ้า ถือเป็นการทรมานโดยไม่ทิ้งบาดแผลภายนอกใด ๆ ไว้แม้ว่าตระกูลมู่จะมาช่วยหมั่นโถว ก็จะไม่เหลือหลักฐานใด ๆ
ทว่าในขณะที่เธอกำลังจะกดรีโมทนั้น ประตูห้องสอบสวนพลันเปิดออกเสียงดังลั่น
หลังจากนั้นก็มีเสียงเกรี้ยวกราดดังมาจากเจ้าบ้านเสิ่น
“หยุดนะ”
ทันทีที่ได้ยินเสียงนี้ หัวใจของเสิ่นหรงเจียพลันสั่นไหว ทำไมคุณปู่ถึงมาที่นี่ได้ ?
ตอนที่อาเจิ้งไปพบเขา ก็ได้มอบข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับหมั่นโถวให้กับเขา เขาเป็นกังวลมาก เขากลัวว่าหากเขาช้าไป หลานสาวที่รักของเขาอาจจะพบปัญหาใหญ่เป็นแน่
เสิ่นหรงเจียรีบยัดรีโมทช็อตไฟฟ้าในมือลงลิ้นชัก เพราะหากปล่อยให้ปู่ของเธอเห็น เธอจะต้องเสร็จแน่
“คุณปู่”
เสิ่นหรงเจียเรียกออกมาเบา ๆ เธอไม่กล้าสบตาที่กำลังโกรธเกรี้ยวของผู้ชรา
ฉีเหยียนเอ๋อก็เรียกเจ้าบ้านเสิ่นอย่างเคอะเขิน
“คุณปู่”
“นั่น… พวกเธอกำลังทำอะไร ?”
เจ้าบ้านเสิ่นเอ่ยถาม
“คุณปู่ หนูกำลังสอบปากคำนักโทษ !”
เสิ่นหรงเจียพยายามแย้มยิ้ม ขณะพูดกับคุณปู่ของเธอ
“สอบสวนนักโทษ สอบสวนนักโทษประเภทไหนถึงกับต้องจับนั่งเก้าอี้ช็อตไฟฟ้า ? เธอค้ายาเสพติด หรือเป็นฆาตกร ?”
น้ำเสียงของเจ้าบ้านเสิ่นราบเรียบ หากแต่เป็นเพียงความราบเรียบก่อนเกิดพายุลูกใหญ่
“เธอทำร้ายตำรวจ ยั่วยุเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างโจ่งแจ้ง อีกทั้งยังทำร้ายร่างกายรองผู้กำกับสำนักสันติบาล หนูก็แค่สอบปากคำเธอ”
เจ้าบ้านเสิ่นสูดลมหายใจเข้าลึก จากนั้นก็พยายามระงับโทสะในใจ เขาเหลือบไปมองฉีเหยียนเอ๋อ พลางถอนหายใจ จากนั้นก็พูดขึ้นว่า
“คุณหนูฉี คุณกลับไปก่อน”
ฉีเหยียนเอ๋อรู้สึกโล่งใจ เธอคว้ากระเป๋าขึ้นมาถือ จากนั้นก็หันไปมองเสิ่นหรงเจีย เพื่อปลอบใจ
“ค่ะ คุณปู่ เช่นนั้นฉันขอตัวกลับก่อน ไว้โอกาสหน้าฉันจะไปเยี่ยมคุณปู่”
หลังจากพูดจบ ฉีเหยียนเอ๋อก็จากไป โดยไม่เหลียวกลับมามองอีกเลย
เสิ่นหรงเจียยืนนิ่งไม่กล้าขยับเขยื้อน เธอเป็นเด็กผู้หญิงเพียงคนเดียวในตระกูลเสิ่น ดังนั้นคุณปู่เสิ่นจึงรักหลานสาวตัวน้อยคนนี้มาก และเขาก็เข้มงวดกับเธอมากเช่นกัน ด้วยเหตุนี้เธอจึงค่อนข้างกลัวคุณปู่
เจ้าบ้านเสิ่นปล่อยตัวหมั่นโถวลงจากเก้าอี้ช็อตไฟฟ้า
“คุณลู่ ผมต้องขอโทษจริง ๆ ผมจะจัดการเรื่องนี้แทนคุณเอง”
ทันทีที่หมั่นโถวถูกแก้มัด เธอก็หันไปมองเสิ่นหรงเจีย พร้อยรอยยิ้มน้อย ๆ เธอพยักหน้าเบา ๆ
“อืม”
เจ้าบ้านเสิ่นออกคำสั่งอีกครั้ง
“ใครก็ได้ พาคุณลู่ไปพักผ่อนที่ห้อง VIP ก่อน”
หลังจากหมั่นโถวผละไป ประตูห้องสอบสวนก็ปิดลงอีกครั้ง แน่นอนว่าเจ้าบ้านเสิ่นมีเรื่องที่จะต้องสะสาง
“คุณปู่ ยังไม่บอกหนูเลยว่าทำไมมาถึงที่นี่ได้ ?”
ครั้นเห็นว่าไม่มีใครอยู่ในห้อง เสิ่นหรงเจียก็เดินเข้าไปหาเจ้าบ้านเสิ่น เธอจับแขนของคุณปู่ พลางทำหน้าตาน่าเอ็นดู เอ่ยถามเขาด้วยเสียงกระซิบอันอ่อนโยนที่สุด
“คุกเข่าลง”
เจ้าบ้านเสิ่นตวาดเสียงเข้ม
เห็นได้ชัดว่า เสิ่นหรงเจียถึงกับผงะ ทว่าเธอก็ไม่กล้าขัดคำสั่งเจ้าบ้านเสิ่น เธอคุกเข่าลงข้าง ๆ เขา เอ่ยกล่าวด้วยความเสียใจ
“คุณปู่ หนูก็แค่จับกุมคนรับใช้มาคนหนึ่ง ทำไมคุณปู่ต้องดุหนูขนาดนี้ด้วยล่ะ ?”
“คนรับใช้งั้นรึ ?”
เจ้าบ้านเสิ่นขว้างกระดาษ A4 สองสามแผ่นฟาดใส่ใบหน้าของเสิ่นหรงเจีย พร้อมกับพูดอย่างโกรธ ๆ
“ฉันบอกแกกี่ครั้งแล้วว่า อย่ายุ่งกับตระกูลมู่ ทำไมแกถึงไม่ยอมเข้าใจ ?”
น้ำตาของเสิ่นหรงเจียร่วงริน เมื่อเช้า เป็นเพราะใบหน้าของเธอยังคงบวมอยู่มาก เธอจึงทาแป้งหนา ๆ เพื่อปกปิดร่องรอย ทว่าตอนนี้หยดน้ำตารินไหลลงมาเป็นร่องสีขาวซึ่งทำให้แลดูตลกมาก
เสิ่นหรงเจียสะอึกสะอื้น เธอหยิบกระดาษที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นขึ้นมาดู มือของเสิ่นหรงเจียสั่นระริก แววตาของเธอฉายชัดว่าไม่อยากจะเชื่อ
***จบตอน คนรับใช้งั้นรึ ?***