แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก – ตอนที่ 111 ร่องรอยฝากรัก

มู่เฉินฮ่าวต้องเข้าบริษัทแต่เช้า เพื่อจัดการงานทั้งเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ ดังนั้นแม้เขาจะมีเซี่ยฉงกงเขาก็ไม่สามารถใช้เวลากับเธอจนดึกดื่นได้

 

มู่เฉินฮ่าวทำได้เพียงแตะศีรษะของเซี่ยฉิงกง จากนั้นก็บรรจงจูบหน้าผากขาวผ่องของเธอ

 

ครั้นเห็นเซี่ยฉิงกงนอนขดอยู่ในผืนผ้าห่ม ไม่ต่างจากหนอนไหม ความร้อนเร่าก็ค่อย ๆ แผ่กระจายไปทั่วช่องท้องของมู่เฉินฮ่าว ยามนี้เขารู้สึกร้อนวูบวาบ ไฟอารมณ์ของเขาลุกโชนขึ้นอีกครั้ง แทบอดใจไม่ได้ที่จะขัดจังหวะการนอนหลับของหญิงสาวผู้ซึ่งยามนี้กำลังหลับใหลอย่างเป็นสุข

 

อดกลั้นไว้ ค่อยเป็นค่อยไป นี่ก็ยังไม่ได้แต่งงานเลย มู่เฉินฮ่าวท่องอยู่ในใจ

 

ลำคอและหน้าอกของหญิงสาวเต็มไปด้วยร่องรอยที่มู่เฉินฮ่าวทิ้งไว้ เห็นได้ชัดว่าเป็นรอยแดงจ้ำใหญ่ ๆ เหมือนผลสตรอเบอรี่ !

 

นอกจากนั้นยังมีรอยเปื้อนสีแดงราวลูกเชอรี่บนผ้าปูที่นอน ซึ่งนั่นทำให้มูเฉินฮ่าวรู้สึกเสียใจขึ้นมาเล็กน้อย เมื่อคืนเขาเพียรถามเธอหลายต่อหลายครั้ง ด้วยเกรงว่าวันนี้เธอจะลุกจากเตียงไม่ขึ้น

 

ตอนเช้า มู่เฉินฮ่าวสั่งหมั่นโถวให้ตระเตรียมอาหารกลางวันแสนอร่อยไว้ให้เซี่ยฉิงกง จากนั้นเขาก็ออกจากคฤหาสน์มู่ไปพร้อมกับอาเจิ้ง

 

เมื่อคืนนี้ที่ต่างคนต่างปล่อยอารมณ์ไปตามใจปรารถนา มู่เฉินฮ่าวอ่อนโยนกับเธอมาก ดังนั้นยกเว้นความเจ็บปวดในตอนแรกแล้ว ช่วงเวลาต่อมาเรียกได้ว่าเธอกับเขาต่างก็โบยบินขึ้นสู่สวรรค์ด้วยกันทั้งคู่ …

 

ดังนั้นกว่าเซี่ยฉิงกงจะตื่นก็เป็นเวลา 11 นาฬิกาแล้ว

 

เซี่ยฉิงกงยืดตัว ก่อนจะพยายามลุกขึ้นจากเตียง พลันเธอก็รับรู้ถึงความเจ็บปวดที่แจ่มชัด และนั่นส่งผลให้เธอตัวสั่นเล็กน้อย

 

ครั้นหวนนึกถึงเรื่องเมื่อคืนนี้ เธอก็อดไม่ได้ที่จะเคอะเขิน โชคดีที่เมื่อเธอตื่นขึ้นมา มู่เฉินฮ่าวก็ไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว

 

หาไม่เซี่ยฉิงกงก็ไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับมู่เฉินฮ่าวอย่างไร ?

เซี่ยฉิงกงไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ เนื่องจากเมื่อคืนนี้เธอถูกมู่เฉินฮ่าวรุกรานอย่างหนัก

 

เขาบอกว่าจะไม่ปล่อยให้เธอหลับง่าย ๆ และเขาก็ไม่ปล่อยเธอดังปากว่าจริง ๆ เขาโยกโย้โล้เธอจนกระทั่งตีสามตีสี่ ทั้งที่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกของเธอ..

 

มู่เฉินฮ่าวไม่ยอมปล่อยตัวเธอตลอดทั้งคืน

 

นั่นทำให้เธอแอบบริภาษมู่เฉินฮ่าวอีกครั้งในใจ

 

“คนอะไรป่าเถื่อนชะมัด”

 

ครั้นพยายามที่จะลุกขึ้นจากเตียง เธอก็รู้สึกว่าแข้งขาของเธอสั่นเล็กน้อย เธออดไม่ได้ที่จะด่าเขาในใจอีกครั้ง ยามนี้เซี่ยฉิงกงก็ไม่รู้จะทำเช่นไร เธอตัดสินใจตะโกนไปที่ประตู

 

“หมั่นโถวเข้ามาช่วยฉันหน่อย ฉันลุกไม่ขึ้น”

 

สามวินาทีถัดมาประตูห้องก็เปิดออก ปรากฏศีรษะเล็ก ๆ โผล่เข้ามาในห้อง นั่นก็คือหมั่นโถว

 

หมั่นโถวยิ้มกว้าง ขณะก้าวเข้าไปหาเซี่ยฉิงกง เธอช่วยดึงตัวเซี่ยฉิงกงขึ้นมาจากเตียง หากแต่สายตาของเธอเอาแต่จับจ้องที่ลำคอของเซี่ยฉิงกง

 

เซี่ยฉิงกงรู้สึกแปลก ๆ จึงเอ่ยถามว่า

 

“มองอะไรหรือหมั่นโถว มีดอกไม้ขึ้นที่คอของฉันรึไง ?”

 

หมั่นโถวหัวเราะเบา ๆ พร้อมกับชี้สุ่ม ๆ ก่อนจะตอบว่า

 

“ใช่..มีดอกไม้จริง ๆ นั่นแหละค่ะ”

 

ชั่วขณะนั้น เซี่ยฉิงกงก็เกิดลางสังหรณ์ที่ไม่ดีอย่างแรง เธอพยายามลุกขึ้นจากเตียง โดยไม่สนใจแข้งขาที่อ่อนปวกเปียกของตน เธอรีบวิ่งเข้าไปส่องกระจกในห้องน้ำ

 

แล้วก็เป็นดังคาด ภาพสะท้อนในกระจกทำให้เซี่ยฉิงกงตกใจ ปรากฏร่องรอยมากมายบริเวณลำคอของเธอ นี่มู่เฉินฮ่าวเบื่อที่จะมีชีวิตแล้วใช่ไหมฮะ ?

 

แล้วสารรูปอย่างนี้จะให้เธอออกไปพบเจอใครได้ไง …

 

“นายหญิงน้อย ไหนนายน้อยบอกว่าจะไม่ละเมิดสัญญาไงล่ะ ? ทำไมนายหญิงน้อยถึงเป็นแบบนี้ได้ล่ะ ?”

 

“ยัยบ้า ไม่ต้องมัวพูดมากเลย รีบไปหาชุดคอตั้ง ๆ สูง ๆ มาให้ฉันเลย ทำแบบนี้ฉันจะออกไปพบเจอผู้คนได้อย่างไร …? ”

 

เซี่ยฉิงกงจ้องมองหมั่นโถว เธอบ่น ๆ ๆ ก่อนจะทิ้งกายลงบนเตียง

 

ตอนนี้เธอไม่อยากแม้แต่จะขยับนิ้วด้วยซ้ำ ทว่าท้องของเธอกลับร้องครวญครางด้วยความหิวโหย เธออยากจะให้หมั่นโถวเอาอาหารมาให้เธอเร็ว ๆ

 

“แต่ว่า นายหญิงน้อย ผู้อาวุโสตระกูลเสิ่นพาเสิ่นหรงเจียมาที่นี่ตั้งแต่เช้าแล้ว และตอนนี้พวกเขาก็กำลังรออยู่ที่ห้องนั่งเล่น คุณต้องการพบพวกเขาไหม ?”

 

หมั่นโถวพูด ขณะช่วยเซี่ยฉิงกงหาเสื้อคอตั้ง

 

“พวกเขามาที่นี่งั้นหรือ ?”

 

ดูเหมือนว่าเจ้าบ้านเสิ่นจะให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก

 

เซี่ยฉิงกงลองสวมเสื้อคอตั้ง ทว่าภายหลังจากลองไปหลายตัวแล้ว เซี่ยฉิงกงก็คิดว่าไม่มีตัวไหนเหมาะกับเธอเลย เธอรู้สึกว่าการใส่เสื้อคอตั้งวันนี้แลดูแปลก ๆ

 

เมื่อไม่รู้จะทำอย่างไรดี เธอก็เลยให้หมั่นโถวไปหยิบผ้าพันคอไหมมา เธอใช้ผ้าพันคอไหมพันรอบคอตนเอง ซึ่งนั่นแลดูดีกว่าการใส่เสื้อคอตั้งมากมาย

 

หากแต่ครั้นได้เห็นร่องรอยมากมายบนแขน เซี่ยฉิงกงก็รู้สึกว่านี่ก็อาจจะดูไม่ค่อยดีนัก

 

แต่หากได้ใส่เสื้อแขนยาวปิดบังไว้ก็คงไม่เป็นไร

 

***จบตอน ร่องรอยฝากรัก***

แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก

แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก

แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก
Status: Ongoing
โดย เรื่อง แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก บ้างส่วนของนิยาย ณ ผับคราวน์คลับ ที่ยิ่งดึกก็ยิ่งมีชีวิตชีวา ภายในห้องส่วนตัวห้องหนึ่งที่ตกแต่งด้วยแสงสลัว และมืดทึม “โจวตัน ไอ้หัวหมูนั่นอยากร่วมมือกับฉันด้วยเรอะ ! เฮอะ เขาคงเขมือบเงินทองมากไปจนไม่ดูฐานะของตัวเองเลย ถ้าไม่ใช่เพื่อกำราบความหยิ่งยโสของตระกูลเซี่ย ฉันไม่ทางเซ็นสัญญากับไอ้หมูนั่นแน่ ?” “ตูม !” มือเล็กกดโทรศัพท์บนโต๊ะ เพื่อปิดเสียงที่บันทึกไว้ นิ้วเรียวยาวขาวละเอียดวาวอย่างคนสุขภาพผิวดี “บอสโจว คุณได้ยินแล้วใช่ไหม ?” เจ้าของมือยิ้ม ใบหน้าของโจวตันที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเปลี่ยนเป็นสีตับหมูซึ่งเห็นได้ชัดเจนมากแม้จะอยู่ภายใต้แสงริบหรี่ “อ้อ..และนี่” เซี่ยฉิงกงจูบสัญญานั่นแล้วพับครึ่ง ก่อนจะซุกไว้บริเวณบั้นเอวภายใต้เสื้อของเธอ เครื่องแบบบริกรของผับคราวน์คลับนี่ออกจะเปิดเผยมาก จนเซี่ยฉิงกงต้องดึงขอบเสื้อบนหน้าอกของเธอขึ้นอย่างแรง แต่ก่อนที่เธอจะจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย เธอก็รู้สึกว่าไหล่ของเธอถูกดึงขึ้น “นี่เธอ ช่วยส่งไวน์นี้ไปที่ห้อง 8069 ด้วย” ผู้จัดการเจ้ากี้เจ้าการยกแขนของเซี่ยฉิงกงแล้วยัดถาดใส่มือเธอ เซี่ยฉิงกงยักไหล่ ในเมื่อปลอมตัวเป็นบริกรก็ต้องมีจรรยาบรรณในวิชาชีพจนกว่าจะหมดหน้าที่ อย่างไรเสียที่สุดฉันก็ได้สัญญามาแล้ว เอาเป็นว่าฉันยินดีที่จะส่งไวน์ให้ก็แล้วกัน “8096 หรือ 8069 ?” เซี่ยฉิงกงคลำทางเดินไปพร้อมกับถาดที่ใส่ไวน์แดง ขณะเดียวกันก็มองผู้คนในห้องส่วนตัวเหล่านั้นอย่างระแวดระวัง เธอโทรไปที่แผนกต้อนรับ แต่สายไม่ว่างเลย เธอจึงไม่รู้ว่าห้องไหนแน่ และนั่นทำให้เซี่ยฉิงกงต้องค่อย ๆ คลำหาไปเรื่อย ๆ “ช่างมันเถอะ เลือกเอาสักห้องก็แล้วกัน !” ต่อให้เปิดประตูเข้าไปแล้วผิด ก็แค่ออกมาเท่านั้นเอง ! เมื่อนึกได้เช่นนี้ เซี่ยฉิงกงก็เคาะประตู 8069 เธอไม่ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวใด ๆ จึงค่อย ๆ แง้มประตูเปิดออก “อา !” แล้วเซี่ยฉิงกงก็ต้องผงะกับฉากในห้อง “ขอโทษค่ะ คุณผู้ชาย… “ แม้ว่าแสงไฟจะไม่สว่างไสวเท่าใดนัก ทว่าเซี่ยฉิงกงก็พอจะมองเห็นว่า ชายคนหนึ่งในห้องกำลังกดร่างของผู้หญิงที่เสื้อผ้าหลุดรุ่ยอยู่บนโซฟา ทันทีที่เห็นประตูเปิดออก ทั้งสองคนในห้องก็มองไปที่ประตู เซี่ยฉิงกงยังคงสามารถมองเห็นผมยาวยุ่งเหยิงของสาวงามคนนั้น ทั้งยังใบหน้าที่ดูเหมือนจะเมามายเล็กน้อย นอกจากนี้เสื้อผ้าที่แหวกลึกของเธอยังเปิดรับสายลมฤดูใบไม้ผลิมากจนน่าละอาย “หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ !” เซี่ยฉิงกงกำลังจะปิดประตู รีบเผ่นจากไป ทว่าชายในห้องกลับห้ามเธอไว้ มู่เฉินฮ่าวปลดมือหญิงสาวที่กำลังคล้องคอของเขาไว้ เขาเหลือบตาไปมองเซี่ยฉิงกงด้วยท่าทีที่อันตราย “ไม่คาดคิดว่าจะมีพวกมาด้วย” มู่เฉินฮ่าวลุกขึ้นนั่งตัวตรง สายตาที่เขามองเซี่ยฉิงกงเต็มไปด้วยความเย็นชา “คุณผู้ชายคะ คุณเข้าใจผิด ฉันไม่รู้จักเธอเลย” เซี่ยฉิงกงรู้ดีว่าคนที่มาผับคราวน์คลับแห่งนี้ล้วนเป็นพวกเศรษฐี หรือมีอำนาจพอควร ดังนั้นเธอจึงไม่ควรสร้างปัญหาใด ๆ ที่นี่ หลังจากได้สัญญา และเสิร์ฟไวน์เรียบร้อยแล้ว เธอก็จะออกไปจากที่นี่ทันที “นั่นเธอถ่ายรูปไว้ใช่ไหม เอามานี่” เซี่ยฉิงกงเพิ่งสังเกตเห็นว่า เธอยังคงถือมือถือที่เพิ่งโทรหาแผนกต้อนรับเอาไว้ในมือข้างหนึ่ง … แย่แล้ว ! เขาคงคิดว่า เธอกำลังถ่ายภาพลามกที่พวกเขามีอะไรกันเพื่อใช้แบล็คเมล์ ดังนั้นเขาจึงมองเธอด้วยสายตาเช่นนั้น ! คนอะไรหน้าด้านชะมัด ? นี่คงลักกินขโมยกินล่ะสิท่าถึงกลัวโดนถ่ายรูป ? หน้าตาก็หล่อเหลาดี แต่กลับกินไม่เลือกเหมือนหมา ฉิงกงคิดกับตัวเอง “คุณผู้ชาย ฉันคิดว่าคุณคงเข้าใจผิด ฉันไม่ได้ถ่ายรูปคุณ” ในใจของเซี่ยฉิงกงรู้สึกขยะแขยง ทว่าเธอก็พยายามพูดอย่างใจเย็น เพราะมีรูปโป๊ของภรรยาโจวตันกับชายอื่นอยู่ในโทรศัพท์มือถือของเธอ ดังนั้นเธอจึงไม่อาจโชว์ให้เขาดูได้ มู่เฉินฮ่าวยิ่งมั่นใจว่า ผู้หญิงทั้งสองคนเป็นพวกเดียวกัน “ใครส่งเธอมา ?” น้ำเสียงของมู่เฉินฮ่าวเย็นชา ทำให้เซี่ยฉิงกงอึดอัดมาก นี่หมายความว่าไง ? แสดงว่าต่อให้เธอกระโดดลงล้างตัวที่แม่น้ำฮวงโหก็ไม่สะอาดล่ะสินะ ? (สำนวนแปลว่า แก้ตัวอย่างไรก็ฟังไม่ขึ้น) “ฉันมาเอง” เซี่ยฉิงกงเผลอตอบไปโดยไม่รู้ตัว จากนั้นก็เหลือบไปมองหญิงสาวบนโซฟาที่กำลังมองจ้องมาด้วยสายตาแปลก ๆ เธอรีบเปลี่ยนคำพูดว่า “คุณผู้ชาย คุณเห็นมั้ย ? ฉันเป็นแค่บริกรตัวเล็ก ๆ ฉันต้องรีบนำไวน์ไปเสิร์ฟห้องที่เขาสั่งไว้ !” “เลิกพูดไร้สาระ ส่งโทรศัพท์ของเธอมา” มู่เฉินฮ่าวไม่สนใจคำร้องขอความเมตตาของเธอ เขากวาดตามองเธอจากหัวจรดเท้าก่อนจะพูดต่อ เซี่ยฉิงกงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ คน ๆ นี้ คือโจโฉกลับชาติมาเกิดหรือไง ? ท่าทางเขาแลดูน่าสงสัยมาก ถ้าจะระแวงกันถึงขนาดนี้ จะมาเที่ยวผับนี่ทำไม ? “ฉัน…” “ยังไม่ไสหัวไปอีก !” “ฉันจะไปแล้ว จะไปแล้ว … ” เซี่ยฉิงกงพยักหน้า พร้อมกับโค้งคำนับทันทีที่เธอได้ยินประโยคนี้ “ไม่ใช่เธอ” มู่เฉินฮ่าวขัดจังหวะเซี่ยฉิงกงทันที เขาเบี่ยงหน้าเล็กน้อยแววตาของเขาเย็นชาอีกทั้งน่ากลัว ผู้หญิงที่อยู่ข้าง ๆ เขาดึงขอบเสื้อเกาะอกของเธอขึ้นมาให้เข้าที่เข้าทาง ความขาวเนียนราวหิมะทำให้เซี่ยฉิงกงตาแทบค้าง “คุณชายมู่… ” ผู้หญิงคนนั้นครางชื่อเขาเบา ๆ ด้วยความเสียใจ หากแต่เธอกลัวสายตาที่เย็นชาของมู่เฉินฮ่าวมากกว่า เธอจึงไม่กล้าขัดขืนคำสั่งเขา ก่อนที่เธอจะจากไป เธอยังกวาดตามองเซี่ยฉิงกงอย่างอาฆาตมาดร้าย เซี่ยฉิงกงสับสน เธอหันไปมองมู่เฉินฮ่าวด้วยความประหลาดใจ เกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย ? “ฉันเป็นแค่พนักงานเสิร์ฟเท่านั้น !” เซี่ยฉิงกงพยายามใจกล้ากล่าวย้ำอีกครั้ง มู่เฉินฮ่าวเยาะเย้ย “บริกรที่ผับคราวน์ก็ไม่ได้ทำหน้าที่เพียงเสิร์ฟน้ำเท่านั้นนี่” ครั้นได้ยินเขาพูดเช่นนั้น เซี่ยฉิงกงก็เข้าใจได้ทันที เธอหยิบถาดขึ้นมาด้วยความโกรธ หวังจะรีบออกไปจากห้อง ทว่าเธอก้าวออกไปได้เพียงก้าวเดียว มู่เฉินฮ่าวก็กระชากตัวเธอกลับมาอย่างแรง ไวน์แดงในถาดพลัดตกลงบนพื้นและแตกกระจาย จบกัน ฉันทำไวน์ตกแตก ไวน์นี่มีมูลค่าหลายแสนเสียด้วย ? “คุณบ้าไปแล้ว !” เซี่ยฉิงกงโกรธมาก มู่เฉินฮ่าวไม่สนใจกับความโกรธของเธอเลย เขากดร่างเซี่ยฉิงกงลงบนโซฟา ครั้นถูกกดตัวอย่างแรง เซี่ยฉิงกงก็เดือดจัด เธอยกมือขึ้นผลักอกมู่เฉินฮ่าวออก “นี่ไม่ใช่ความต้องการของเธอหรอกเหรอ ในเมื่อมาเสนอตัวถึงหน้าประตูก็อย่าโทษว่าฉันหยาบคาย” “ความต้องการของฉันงั้นรึ ? นี่คุณสมองพิการหรือเปล่า..หา..?” เซี่ยฉิงกงดิ้นรนขัดขืน ทว่ากลับถูกกดตัวไว้อย่างแน่นหนา มู่เฉินฮ่าวยกมือของเธอขึ้นเหนือศีรษะ “ปล่อยฉันนะ คนไร้ยางอาย !”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset