ครั้นเซี่ยฉิวเจินเห็นลูกสาวของเธอมาหา เธอก็พอจะมีความสุขขึ้นมาบ้าง จังหวะหายใจของเธอพลันค่อย ๆ ช้าลง
เมื่อเห็นเซี่ยฉิงกงไม่สนใจเขา เซี่ยชิวเต๋อก็หน้าเสียไปเล็กน้อย ใบหน้าของเขาก็ยิ่งแลดูน่าเกลียดมากขึ้นไปอีก ในใจของเขากำลังนึกสาปแช่งเธอ แต่ครั้นเขาคิดถึงหนี้พนัน 300,000 หยวนแล้ว เซี่ยชิวเต๋อก็ฝืนยิ้ม พร้อมกับหันไปมองมู่เฉินฮ่าว
“ขอโทษนะ สุภาพบุรุษท่านนี้คือ ?”
เซี่ยชิวเต๋อ เป็นชาวเมืองเซี่ยงไฮ้ ครั้งที่ตระกูลเซี่ยส่งคนมารับตัวเซี่ยฉิงกง เซี่ยชิวเต๋อก็ได้ยินมาว่า เซี่ยฉิงกงกำลังจะแต่งงานกับมู่เฉินฮ่าว ซึ่งเป็นประธานของกลุ่มบริษัทมู่
ครั้นพูดถึงตระกูลมู่ นัยน์ตาของเซี่ยชิวเต๋อก็เปล่งประกายเจิดจ้า แม้ว่าเซี่ยฉิงกงจะไม่ได้เกิดจากเซี่ยฉิวเจิน ทว่าเซี่ยชิวเต๋อก็ไม่สนใจใด ๆ ทั้งสิ้น เมื่อใดก็ตามที่เขาก้าวออกจากบ้าน เขาก็เลื่อนตำแหน่งตนเองขึ้นเป็นน้าเขยของมู่เฉินฮ่าวประธานกลุ่มบริษัทมู่ทันที
และแน่นอนว่ามีน้อยคนนักที่จะเชื่อ
“คู่หมั้นของฉิงกง”
คำตอบของมู่เฉินฮ่าวนั้นเรียบง่าย
“โอ้ เป็นหลานเขยนี่เอง”
เซี่ยชิวเต๋อโน้มตัวลงอย่างรวดเร็ว เขาเอื้อมมือไปหมายจะเช็คแฮนด์กับมู่เฉินฮ่าว
ทว่ามู่เฉินฮ่าวกลับเลิกคิ้วยืนนิ่ง เขากวาดตามองเซี่ยชิวเต๋อตั้งแต่หัวจรดเท้า และหลังจากนั้นไม่กี่วินาทีเขาก็ยื่นมือออกมา
“เป็นคุณชายมู่ใช่มั้ย ?”
เซี่ยชิวเต๋อกล่าวย้ำอีกครั้งอย่างระมัดระวัง
“อืม” มู่เฉินฮ่าวพยักหน้าน้อย ๆ
แค่คำว่า “อืม” ก็ทำให้เซี่ยชิวเต๋อดีใจจนบอกไม่ถูก หากชายหนุ่มคนนี้เป็นประธานของกลุ่มบริษัทมู่จริง ๆ ก็น่าที่จะใช้หนี้พนัน 300,000 หยวนให้เขาได้สินะ ?
“ฉิงกง หนูไม่แนะนำคู่หมั้นของหนูกับน้าบ้างเลย เขาสง่างามไม่ต่างจากพญามังกร ทั้งยังหล่อเหลาออกปานนี้”
เซี่ยชิวเต๋อประจบเอาใจอย่างคล่องแคล่ว
“คุณต้องการอะไร ? มีอะไรจะพูดก็พูดมา ถ้าไม่มีธุระอะไรแล้วก็กลับไปซะ อย่ามารังควานแม่ของฉันอีก”
เซี่ยฉิงกงพูดอย่างขุ่นเคือง
“นังเด็กบ้า นังชั่วฉิงกง… ฉันเป็นน้าของแกนะ จะพูดจะจาก็ให้มันดี ๆ หน่อยสิ”
เซี่ยชิวเต๋อโมโห ทว่าเพียงเวลาผ่านไปได้ครู่เดียว เขาก็กลืนความโกรธกลับลงลำคอ
ริมฝีปากของเซี่ยฉิงกงยกยิ้มเย้ยหยัน
“โอ้..แล้วฉันต้องคุยกับคุณยังไงดีล่ะ ?”
“เซี่ยฉิงกง อย่าทำแบบนี้ อย่างไรเสียเราต่างก็เป็นครอบครัวเดียวกัน ถนอมน้ำใจกันไว้ดีกว่า”
เซี่ยฉิวเจินที่อยู่ด้านข้าง พยายามเกลี้ยกล่อมเซี่ยฉิงกงพร้อมกับสายตาวิงวอน
เซี่ยฉิงกงสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อระงับอารมณ์ เป็นเช่นนี้เสมอ เซี่ยฉิวเจิน เป็นสตรียุคเก่าแก่ดั้งเดิมที่มักจะคิดว่าต้องทำทุกอย่าง เพื่อครอบครัว และนั่นคือความสุขของเธอ ทว่าสถานะของผู้หญิงในยุคของเธอก็ต้อยต่ำมาก
ดังนั้นทุกครั้งที่เธอถูกน้องชายของเธอจิกใช้ เธอจึงยินยอมเสมอ สุดท้ายก็กลายเป็นคนรับใช้ของครอบครัว
ครั้นเจ้าบ้านตระกูลเซี่ยลาจากโลก เธอก็คิดว่าบ้านหลังนั้นเป็นของน้องชายเธอ ส่วนตัวเธอเป็นลูกสาวที่แต่งงานออกไปแล้ว ก็ไม่ต่างจากน้ำที่ถูกสาดออกจากบ้าน
ทว่าแนวคิดนี้ผิดอย่างมหันต์ ตอนนี้ผู้หญิงในประเทศจีนมีโอกาสที่จะตระเวนไปทั่วโลก เพื่อทำงานและสร้างรายได้
ครั้นเซี่ยชิวเต๋อเห็นเซี่ยฉิวเจินช่วยออกหน้าพูดให้ สีหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความพึงใจ พี่สาวของเขาแม้จะไร้ค่า ไร้สิ้นเงินทอง ทว่าความขลาดกลัวของเธอก็เป็นประโยชน์แก่เขาเสมอ เธอดูแลปรนนิบัติเขาเป็นอย่างดี ทั้งยังทำให้เขามีชีวิตที่แสนสุขสบายมาตลอดตั้งแต่วัยเด็ก
“พี่สาว นี่ฉิงกงก็มาแล้ว พี่ก็บอกเรื่องที่ฉันคุยกับพี่ให้ฉิงกงรู้สิ พวกเราต่างก็เป็นครอบครัวเดียวกัน พี่ไม่ต้องการเห็นความสำเร็จในอาชีพการงานของฉันบ้างหรือ ?”
เซี่ยชิวเต๋อถูมือของตนเองไปมาขณะพูด
เซี่ยฉิวเจินพูดไม่ออก ทันทีที่เธอได้ยินคำพูดของเขา ใบหน้าของเธอก็เต็มไปด้วยความละอาย เธอหันไปมองเซี่ยฉิงกง หากแต่ก็ยังไม่กล้าที่จะพูดออกมา
“มีอะไรหรือคะ ? คุณแม่ มีปัญหาอะไร ?”
แม้ว่าตอนที่อยู่หน้าประตู เซี่ยฉิงกงจะได้ยินคำว่า 300,000 หรืออะไรสักอย่าง ทว่าเธอก็ยังไม่เข้าใจชัดเจนนัก
หากแต่เซี่ยฉิงกงก็เดาได้ในระดับหนึ่ง
เซี่ยฉิวเจินนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นว่า
“น้าของหนู บอกว่าร้านที่อยู่หน้าหมู่บ้านของเขากำลังจะเลิกกิจการและย้ายไปที่อื่น เขาก็เลยต้องการ ขอเงินแม่ไปเปิดร้านอาหารหม้อไฟสัก 300,000 หยวน”
“สามแสนเหรอ ? เซี่ยชิวเต๋อ ทำไมไม่ปล้นกันเสียเลยล่ะ ?”
เซี่ยฉิงกงแทบหยุดหายใจทันที 300,000 หยวน ? เซี่ยชิวเต๋อยังกล้ามาขอแม่เธอ
***จบตอน ทำไมไม่ปล้นกันเสียเลยล่ะ ?***