บทที่ 55 – เรื่องเล่าที่สาม…?
“อ่าว ตื่นซะแล้วเหรอ เธอนี่ตื่นตัวเร็วไปไหม”
เสียงแบบนี้ท่าทางแบบนี้ ฉันรู้ทันทีว่ายัยนี่คืออันน่า จะว่าไปยัยนี่ก็มาลอบโจมตีฉันแบบนี้แทบทุกคืน
เธอเร็วจนขนาดฉันติดตั้งระบบอะไรมากมายไว้ แต่เธอกลับขึ้นมานั่งบนตัวฉันด้วยความเร็วเหนือกว่านั้น
แต่ฉันก็ยังตื่นทันก่อนที่เธอจะทำอะไรแปลกๆ ฉันเกิดข้อสงสัยอย่างหนึ่งว่าเธอมีเป้าหมายอะไรกันแน่ ถึงถามไปก็ไม่น่าจะได้คำตอบอยู่ดีแหละ
แต่ว่าเมื่อตกอยู่ในสถานการณ์ฉันอยู่ข้างล่าง อันน่าอยู่ข้างบนแบบนี้ ฉันควรทำยังไงดี ถึงปกติเมื่ออยู่ในสถานการณ์นี้ฉันก็ได้ถามออกไปด้วยท่าทางแบบสงบนิ่ง
ก็แบบทำหน้าไม่ให้อีกฝ่ายรู้ว่าเราคิดอะไรอยู่อะไรแบบนั้นแหละ แต่ละวันคำถามไม่ซ้ำกันฉันจึงหมดหนทางเลือกแล้วในตอนนี้
จะหลบออกสถานการณ์แบบนี้ได้ยังไงกันนะ แต่พอนึกอะไรไม่ออกจริงๆ ฉันคิดว่าจะปล่อยสถานการณ์ยืดกว่านี้ไม่ได้ ปากเลยถามออกไปทันที
“เธอต้องการอะไรจากฉัน..”
“ฉันเหรอ? .. ฉันเปล่านะ ชาร์ล็อตต่างหากต้องการ”
หึ อย่ามาหลอกฉันเลย ก็คนที่ควบคุมร่างมาทำแบบนี้เป็นเธอไม่ใช่หรือไง แล้วชาร์ล็อตก็มีเวลาเยอะแยะในช่วงที่ฉันแกล้งเปิดช่องโหว่
หรือเปิดช่องโหว่โดยไม่รู้ตัว เธอก็ยังไม่เห็นทำอะไรฉันเลย มีแค่อันน่าเธอนั่นแหละที่แอบมาทำอะไรแปลกๆ ฉันน่ะ
“ก็ยัยชาร์ล็อตมัวแต่กล้าๆ กลัวๆ เนี่ย กลัวอะไรคนแบบนี้ไม่รู้”
นั่นไงว่าแล้ว ยัยนี่วางแผนให้ชาร์ล็อตทำอะไรสักอย่างจริงด้วย ก็เพราะบอกว่า ‘กลัวอะไรคนแบบนี้’ เพราะชาร์ล็อตไม่กล้าทำ
ยัยนี่เลยแอบลงมือตอนชาร์ล็อตหลับสินะ ช่างเป็นคนที่เลือดเย็นจริงๆ ฉันคิดแบบนั้น ตอนแรกยังไม่มั่นใจเท่าไหร่
แต่ตอนนี้มั่นใจแล้วว่าอันน่านับเป็นคนอันตราย! แต่ในตอนนั้นเองหน้าต่างก็มีเสียงเคาะดังขึ้น
“ปักๆ”
ตามมาด้วยเสียงของซิลเวียที่กำลังวิตกกังวล เรียกชื่อฉันอยู่นอกหน้าต่าง แต่ว่านี่มันชั้นสองเลยนะ.. แล้วหน้าต่างตรงนั้นไม่ใช่ฝั่งที่มีระเบียงนี่น่า
“เลทิเซีย!!! เลทิเซีย!!!!”
เรียกด้วยเสียงที่เบาๆ อาจจะเพราะไม่กล้าเสียงดังแต่เหมือนร้อนใจมาก ฉันกับอันน่ามองหน้ากัน
“นอนกันเถอะ”
“อืม”
ว่าแล้วพวกเราก็นอน แต่ไม่รู้ทำไมเหมือนซิลเวียจะมองเห็นการกระทำพวกเราละมั้งเธอร้องออกมา
“อย่าเมินกันสิเว้ย! เปิดหน้าต่างเดี๋ยวนี้เลยนะ!”
ฉันรู้สึกหนวกหู ก็แบบว่าซิลเวียชอบทำตัวแบบนี้บ่อยๆ นี่น่า ส่วนเหตุผลที่มาคงเหมือนวันก่อน นั่นคือมาแอบพาตัวอันน่าหรือชาร์ล็อตไปทำอาหารให้กิน
มันเริ่มขึ้นเมื่อเธอรู้ว่าพี่น้องคู่นี้ทำอาหารเก่งมากๆ จากนั้นพอตกดึกก็จะมากราบขอขมาให้ทำอาหารให้กิน ส่วนอาหารเย็นนั้นคือ…
กินไม่พอนั่นแหละ จริงๆ ครูได้สิทธิพิเศษแต่เพราะซิลเวียเป็นคนกินจุ เรียกได้ว่าท้องเป็นหลุมดำ สมกับเป็นเทพธิดาอะไรนั่นแหละ
ตอนอยู่ที่ราชวังเพราะอาหารเยอะเธอเลยกินได้ไม่อั้น แต่พอมาอยู่โรงเรียนแถมยังไม่ค่อยทำงาน จะว่าง่ายๆ คือเธอสอนไม่ดีนั่นแหละ
ทำให้ทางโรงเรียนเองก็เอือมเธอพอๆ กัน นึกสภาพว่าคุณครูกำลังปีนหน้าต่างหอพักนักเรียน มาให้นักเรียนทำอาหารให้กินกลางดึก…
ครูประเภทไหนกันแน่เนี่ย!? แถมเจ้าตัวเป็นประเภทอาหารเท่ากับอาวุธสังหารขนาดกินเองยังตายเองเลยแหละ
แต่เพราะหนวกหูจึงไปเปิดหน้าต่างออกคราวนี้ฉันแปลกใจเล็กน้อยเพราะซิลเวียน้ำหูน้ำตาเล็ดมาแต่ไกล
“ฮรึก ฮรึก…”
“เธอเป็นอะไรเนี่ย?”
ฉันถามออกไปอย่างช่วยไม่ได้นี่มันหิวขนาดนั้นเลยเหรอ ฉันจับเอาขนมปังที่เหลือไว้ให้ซิลเวียกินรองท้องรออาหารของพี่น้องอันน่าและชาร์ล็อต
(สุดท้ายเลทิเซียก็เก็บอาหารไว้ให้ซิลเวียอยู่ดี ซึ่งเจ้าตัวเองก็ไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เลย…)
“ข้าไม่ได้มา.. เพราะเรื่อง… กิน”
เธอกระซิกพร้อมกับพูดแต่ขนมปังในมือฉันถูกเธอจับไปกัดกินจนหมดแล้ว ไม่ได้มาเพราะเรื่องกินแต่ก็กินสินะ
พอเธอกินเสร็จก็ตบหน้าอกพร้อมตาลีตาเหลือก ฉันก็เอาน้ำมาให้จนเธอกลืนน้ำไปอึกใหญ่แล้วก็พูดขึ้นมา
“ขนมปังของเลทิเซียนี่ยังอร่อยกว่าอาหารทุกเมนูเลยนะ”
“ไม่ๆ นั่นแค่ขนมปังเหลือจากตอนเย็นเฉยๆ นะ”
ฉันพูดออกไปก็มันจริงนี่น่า แต่ว่าเจ้าตัวเหมือนพึ่งนึกอะไรขึ้นมาได้ก็พูดขึ้นด้วยท่าทางเขินอาย
“วันนี้.. ข้าขอนอนด้วยได้ไหม?”
“ห๊ะ?”
ฉันกับอันน่าอุทานเสียงออกมาแทบพร้อมกัน ไม่ๆ แล้วคฤหาสน์สุดหรูขอเธอล่ะ ว่าแต่มาขอนักเรียนนอนด้วยแบบนี้
ฉันก็ไม่เคยเห็นมาก่อนแม้จะมีประสบการณ์จากชาติที่แล้วก็ตาม แต่เหมือนซิลเวียจะรู้สิ่งที่ฉันคิดอยู่ เธอก็พูดขึ้น
“คือว่า….”
ซิลเวียลังเลก่อนจะเริ่มเล่าถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่นาทีก่อน
…….
ซิลเวียตื่นขึ้นมากลางดึกเพราะความหิวเหมือนทุกๆ วัน แต่น่าแปลกใจที่วันนี้เธอตื่นช้าผิดปกติเหมือนโดนเวทมนตร์ที่ทำให้สลบปางตาย
ถ้าไม่ติดว่าเป็นความเคยชินมาตลอดสองเดือน เธอคงหลับยาวจนถึงเช้าเลยแหละ เมื่อเธอตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองตื่นช้ากว่าปกติ
ทำให้เธอเร่งรีบที่จะลุกจากเตียงเพราะกลัวว่าเลทิเซียกับชาร์ล็อตจะหลับสนิทแล้ว.. จริงสิ ลืมบอกไปเลยว่านอกจากฉันแล้วไม่มีคนอื่นรู้เรื่องพี่น้องฝาแฝดของชาร์ล็อต
ดังนั้นซิลเวียเลยคิดว่าคนที่ทำอาหารให้กินทุกคืนคือชาร์ล็อต และวันนี้เธอก็กลัวว่าชาร์ล็อตจะหลับก่อนเลยรีบวิ่งออกจากหอพัก
แต่ไม่รู้ว่าในเวลานั้นกำลังมีคนทำความสะอาดหอพักให้เธออยู่ แม้จะปิดไฟสนิทแต่ซิลเวียได้ยินเสียงถูพื้น
เธอเลยเดินเข้าไปทักเพราะปกติคนคนนี้ทำความสะอาดแต่ตอนที่เธอไม่พักอยู่ในหอพักขนาดใหญ่
ดังนั้นช่วงเวลาที่ทำความสะอาดจึงมีแค่กลางดึกกับช่วงบ่ายโมงที่ซิลเวียไม่ได้อยู่ที่หอพักกับนอนหลับสนิท แต่เพราะวันนี้ตื่นผิดเวลา
“เฮ้ เจ้าทำความสะอาดแต่ทำไมไม่เปิดไฟล่ะ ว่าแต่พวกเราพึ่งเคยเจอกันใช่ไหม ข้ามีชื่อว่า ซิลเวีย นะ แล้วเจ้าล่ะ?”
เธอทักออกไป พลางกดสวิตช์เปิดอุปกรณ์เวทมนตร์ที่ใช้กันทั่วไปคล้ายตะเกียงเทียนแต่เป็นตะเกียงที่ไม่ต้องเปลี่ยนเทียนอะนะ
ทำให้พื้นที่รอบๆ สว่างขึ้น แต่เพราะเปิดแค่ตะเกียงเดียวระหว่างซิลเวียกับคนทำความสะอาด ทำให้เกิดเงาที่ค่อนข้างใหญ่และชัดเป็นพิเศษ
ซิลเวียมองเห็นคนทำความสะอาดที่กำลังถูพื้นอยู่เงียบๆ และหันหลังให้ซิลเวีย เพราะอากาศยามเย็นและสายลมจากป่าด้านหลังคฤหาสน์
“ฟิ้ววว~”
ลมพัดเข้ามาจากซอกหน้าต่างทำเอาซิลเวียรู้สึกหนาวไปทั้งตัว เธอกอดตัวเองและหลับตาเพราะความตกใจ
แต่พอลืมตาขึ้นมาคนทำความสะอาดหอก็หายไปแล้ว…
“เอ๊ะ?”
ซิลเวียได้แต่ยืนงง เธอบอกแบบนั้น เธอในตอนนั้นคิดว่าบางทีคนทำความสะอาดอาจจะเป็นพวกขี้อายทำให้เธอไม่ใส่ใจมาก
เธอหันหลังกลับและดับไฟลง แต่พอหันหลังดับไฟเท่านั้นแหละ พบว่ามีร่างกำลังถูพื้นมองซิลเวียด้วยดวงตาที่หลุดออกมาจากเบ้า
“ข… ข้า— ชื่อ….”
“กรี๊ดดดดดด!”
ซิลเวียตระหนักทันทีเพราะผมเผ้าที่ยุ่งเหยิง แม้จะมองจากด้านหลังเหมือนคนธรรมดา แต่เมื่อสองข้างนั้นเหี่ยวแห้งติดกับไม้ถูพื้น
ผิวหนังที่เน่าเปื่อยติดกับไม้ถูพื้นมองเห็นรางๆ ว่าเส้นเลือดเชื่อมต่อไปกับไม้ถูพื้นโดยตรง ดวงตาข้างหนึ่งปิดสนิทอีกข้างห้อยออกมาจากเบ้า
หลังค่อมเหมือนสัตว์ประหลาด เสื้อผ้าขาดทำให้เห็นรอยฟกช้ำและถูกฟาดจนเป็นหนองสีขาวบนตัวของเธอ และมีตัวอะไรไม่รู้กัดเซาะไปทั่วผิวหนังทั้งหมด
รอยยิ้มฉีกขึ้นไปจนถึงหู
“เห็น.. แล้ว— สินะ”
ซิลเวียใจตกลงไปที่ตาตุ่มทันที ด้วยความตกใจเธอโจมตีใส่ผีแต่น่าแปลกที่มันไม่เป็นอะไร ฉันเองก็ตกใจไม่แพ้กันที่ว่า พลังของเทพอย่างซิลเวียจะไม่มีผลเลย
ถึงเธอจะแสดงเป็นคนธรรมดา แต่ตอนตกใจคงใช้พลังของเทพธิดานั่นแหละ แต่ก็ยังทำร้ายไม่ได้
เป็นหนึ่งในเจ็ดเรื่องลึกลับจริงๆ สินะ.. แต่ว่าแท้แต่เทพยังทำอะไรไม่ได้เนี่ยไม่แปลกใจเลยแหละว่าทำไมพาลาดินถึงทำอะไรพวกมันไม่ได้…
หลังจากนั้นเจ้าตัวก็วิ่งหนีสุดชีวิตออกมา โชคดีที่มันไม่ตามทั้งๆ ที่ตอนแรกมันพยายามแสดงความเป็นปฏิปักษ์ต่อซิลเวียโดยสิ้นเชิงซะด้วย
…….
สยองจริงๆ ..ก็ทำอะไรมันไม่ได้นี่น่า แสดงว่าป้องกันตัวไม่ได้สิ จะโกงเกินไปแล้วนะ