เนื้อหาภารกิจเปลี่ยนไปแล้ว ข้อความไม่ได้บอกให้พวกเขาเตรียมรับมือกับการบุกจู่โจมของออคกลุ่มเล็ก
-หัวหน้าออคตัดสินใจทำ ‘สงครามเต็มรูปแบบ’ เหล่าออคจะทำการไล่ล่าผู้รอดชีวิตด้วยเป้าหมายกำจัดทิ้ง
ดูเหมือนว่าระดับความยากจะเพิ่มขึ้นอีกขั้น
เรื่องที่พวกเขาจะออกจากมหาลัยไม่ได้ถ้าหากไม่ฆ่าบอสมอนสเตอร์นั้นไม่เปลี่ยนไป พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับกองทัพออคและฆ่าราชาของมันให้ได้
“ไม่มีทางเลี่ยงแล้ว เราต้องฆ่าบอสเพื่อออกจากมหาลัย”
แต่ไม่นานพวกเขาก็ได้ข่าวอันน่าสิ้นหวัง
“เฮ้ โอ้ ชั้นเห็นมันตอนที่อยู่ในยิม พวกมันมีอยู่เยอะเลย”
ตามที่เขาเห็น จำนวนของออคนั้นมีอยู่ประมาณหนึ่งร้อยตัว
แน่นอนว่าพวกเขาฆ่าออคนักล่าไปหลายสิบตัวแล้ว จำนวนพวกมันดูจะลดลงไปบ้าง
ถึงอย่างนั้นมันก็ไร้เหตุผลในการต่อสู้เต็มรูปแบบกับออคทุกตัว ต่อให้มีจำนวนนักศึกษาเท่ากับจำนวนออค ชีวิตประจำวันของพวกเขาก็ไม่เหมือนกับมอนสเตอร์ที่ต่อสู้อย่างสนุกสนาน
-‘เอฟเฟคโทษย้อนกลับ’ เกิดขึ้นจากทีมที่ไม่สมบูรณ์
[รายการโทษ]
1) สมาชิกผู้น่าสงสาร
-ประเภท : โทษแท้จริง
-เงื่อนไข : มีมากกว่า 10 คนที่ต่ำกว่าเลเวล 5
-เอฟเฟคข้างเคียง : ความเร็วการเคลื่อนไหวลดลง (-30%), พลังโจมตีลดลง (-5%)
2) ผู้มาใหม่ไร้ประโยชน์
-ประเภท : โทษแท้จริง
-เงื่อนไข : มีมากกว่า 10 คนที่ไม่มีบันทึกการฆ่ามอนสเตอร์
-เอฟเฟคข้างเคียง : พลังโจมตีลดลง (-10%), ได้รับทองลดลง (-10%)
3) หมดกำลังใจ (ขั้นสอง)
-ประเภท : โทษแท้จริง
-เงื่อนไข : ไม่มีกำลังใจในการต่อสู้โดยสิ้นเชิง
-เอฟเฟคข้างเคียง : โอกาส ‘สภาวะยุ่งเหยิง’ เพิ่มขึ้น (+10%)
คนที่เยอะสร้างเอฟเฟคผิดปกติได้ในสถานการณ์แบบนี้ มันไม่ดีเสมอไปที่จะรวมตัวกันเพราะเอฟเฟคข้างเคียง
เห็นได้ชัดว่าแค่ถืออาวุธนั้นไม่ได้มีประโยชน์เสมอไป และมันยังเป็นตัวถ่วงอีกด้วย
ซองอูคิดว่าเขาบุ่มบ่ามเกินไปหน่อย เขาอยากจะหาคนร่วมมือด้วย ไม่ใช่เพื่อช่วยชีวิตคน แต่ถ้าหากเขาหาคนที่ช่วยไม่ได้แล้วล่ะก็…
“ชั้นจะสู้คนเดียว”
“อะไรนะ? ซองอู?”
“นี่นายบ้าไปแล้วเหรอ? พูดอะไรของนาย?”
ซองอูตอบคำถามด้วยความหนักแน่น
“ชั้นจะสู้กับพวกออคคนเดียว”
ไม่ใช่แค่เพื่อนของเขา แต่คนอื่นข้างในรถบัสเองก็ไม่เห็นด้วย
“นายพูดว่าไงนะ? ชั้นหูฝาดใช่ไหม?”
“ต่อให้นายเป็นนักสู้อัจฉริยะ นายก็ไม่…”
“เจ้านั่นบ้าไปแล้วไม่ใช่เหรอ? นายรู้ไหม? ถ้าเกิดถูกมองว่าเป็นฮีโร่ มันจะเชื่อว่าตัวเองเป็นฮีโร่จริง ๆ”
“ให้ตายเถอะ! ชั้นเชื่อใจใครไม่ได้เลย”
คนจากสภานักศึกษารวมแดซองและจินซอกเองก็เริ่มล้อเลียนเขา
“เจ้าบ้าสติแตก คิดจะขุดหลุมฝังตัวเองซะแล้ว”
“จินซอก ไอ้บ้านั่นโชคดีจริง ๆ ชั้นคงรู้สึกดีถ้ามันตาย”
“ใช่ พี่พูดถูก ไอ้เวรนั่น ถึงวันสุดท้ายของมันแล้ว”
แต่ซองอูไม่ได้เปลี่ยนความคิด
“ไปอยู่ในที่ปลอดภัย ให้ชั้นฆ่าออคแล้วช่วยพวกนายออกจากมหาลัย”
จีซูยืนขึ้นดึงแขนเขาเพราะทนไม่ไหวอีกแล้ว
“ซองอู พูดอะไรของนายน่ะ? มันไม่ได้มีออคแค่สองสามตัวนะ ต่อให้พวกเราสู้ด้วยกัน มันก็ยังยาก…”
“จีซู จำเรื่องที่เธอพูดที่ชั้นหนึ่งก่อนขึ้นไปล่าบอสที่ดาดฟ้าได้ไหม?”
“…อะไรนะ?”
“เธอพูดว่าต่อให้เอาคนพวกนี้ไปสู้ก็ไร้ประโยชน์ เธอพูดว่าพวกมันเลวร้ายยิ่งกว่าโครงกระดูกน่ะ”
“ชั้นจำได้ แต่…”
“เธอเห็นธาตุแท้ของพวกมันแล้ว จีซู เธอน่ะช่วยชั้นได้นะ แต่ครั้งนี้มันอันตรายเกินไปหน่อย ชั้นตัดสินใจเพราะคิดมาดีแล้ว”
จากที่จีซูมองซองอู ซองอูนั้นต่อสู้หลังจากคิดวิเคราะห์อย่างถี่ถ้วน หรือก็คือเขาจะเลือกต่อสู้ในตอนที่เอาชนะได้อย่างปลอดภัยโดยไม่เจ็บตัวหรือเสียหาย
‘แต่คราวนี้มันไม่เหมือนกัน’
จีซูคิดในใจ
จีซูคิดว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะต่อสู้ในครั้งนี้เพราะไม่มีใครคิดว่าโครงกระดูกไม่ถึงสิบตัวจะจัดการออคนับร้อยตัวได้ แค่จินตนาการยังเป็นไปไม่ได้เลย
แต่ซองอูยืนกรานและทำตามแผนของตัวเอง
***
ผู้รอดชีวิตหนีไปยังอาคารใกล้เคียง จากนั้นจึงมองดูสนามกีฬาที่ซองอูรอฝูงออคผ่านหน้าต่าง
“ไร้สาระสิ้นดี มันจะทำอย่างที่พูดจริง ๆ ใช่ไหม?”
“เขาไม่ได้มีแผนลับหรอกเหรอ?”
มีซากศพกระจัดกระจายไปทั่วสนาม ทั้งออค กอบลิน และมนุษย์…เลือดที่นองรอบ ๆ ร่างไร้วิญญาณเหล่านั้นแสดงให้เห็นถึงเหตุการณ์น่าสะพรึงกลัวที่เคยเกิดขึ้นที่นี่ แต่ผู้รอดชีวิตสนใจเพียงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นกับซองอูผู้ยืนอยู่กลางสนามราวกับคนบ้า
บรืน–
รถบัสขับเข้าใกล้สนามกีฬา จีซู ฮันโฮ และคยองซูอยู่ข้างในรถ
“เขาบ้าไปแล้ว…”
“ถ้าเกิดมีอะไรเกิดขึ้น เราขับไปรับเขาได้จากตรงนี้”
แม้แต่พวกเขาก็คิดว่าซองอูจะคว้าน้ำเหลวในการต่อสู้นี้ ถึงซองอูจะแสดงความสามารถในการต่อสู้อย่างยอดเยี่ยมมาก็ตาม…การต่อสู้นี้มันหนักหนาเกินไปสำหรับเขา
ซองอูตัวสั่นด้วยความกลัวเช่นกัน หัวใจเขาเต้นแรง เหงื่อเย็นไหลจากแผ่นหลัง เขากลั้นหายใจมองไปทางโรงยิม
“ฟู่ว! ตามแผนแล้วเราต้องชนะ”
เขาเห็นฝูงออควิ่งออกมาจากโรงยิม
‘พวกมันจะต้องเป็นกำลังหลัก’
มันไม่มีการจัดลำดับกองทัพที่จะออกมาก่อนหรือหลังในสงครามเต็มรูปแบบ แต่เขารู้สึกว่าพวกออคนั้นแข็งแกร่งเหมือนกับนักรบกระหายเลือด
โฮกก!
ออคผมแดงที่อยู่หน้าสุดกู่ร้อง ออคมากกว่าร้อยตัวร้องคำรามเสียงดังจนอาคารเรียนสั่น
“เสียงดังชะมัด นั่นมันหัวหน้าออคใช่ไหม?”
ถึงมันจะดูเหมือนบอส แต่ก็ไม่มีข้อความบ่งบอกว่าบอสปรากฏตัวโผล่ขึ้นมา
ไม่นานออคตัวนั้นก็หันมาเจอซองอู มันยกขวานขึ้นชี้ไปที่เขา ออคทุกตัวจ้องมองเขา
“…”
ฝูงออคเคลื่อนตัวเข้าหาเขา พวกมันเคลื่อนไหวไม่เร็วนัก แต่ซองอูรู้ว่าถึงระยะหนึ่งแล้วพวกมันจะพุ่งใส่เขาเหมือนฝูงกระทิงแน่นอน
“เราต้องไปแล้ว”
ซองอูเดินไปขึ้นบันไดบนจุดสูงสุดของอัฒจันทร์
“สู้ตรงนี้แหละ”
‘เราจะได้เปรียบกว่าถ้าสู้ในที่แคบ’
ออคนั้นมีจำนวนมากกว่าปาร์ตี้ซองอูหลายเท่า การต่อสู้ในที่โล่งกว้างนั้นไม่ต่างกับการฆ่าตัวตาย ดังนั้นจึงจำเป็นที่จะทำให้มันสับสนโดยการล่อไปยังที่แคบ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เขายืนอยู่กลางสนาม จากนั้นจึงมาที่นี่ทีหลังในตอนที่ออคเจอเขาแล้ว
ซองอูปลุกโครงกระดูกกอบลินสองตัวจากซากกอบลินที่อยู่ใกล้ ๆ
กลุก กลัก–
ตอนนี้เขามีกอบลินเก้าตัวยืนอยู่ด้านหน้า ออคค่อย ๆ เข้าใกล้มากขึ้น พวกมันมองดูท่าทีของซองอู มันไม่มีอะไรน่าสงสัย
“สนุกดีนะที่มีพวกแก ต่อให้เป็นเถ้าถ่านไปก็อย่าลืมชั้นล่ะ”
ซองอูพูดกับโครงกระดูก
ในไม่ช้าออคก็ได้เข้ามาถึงในสนาม พวกมันมาถึงราว 30 ถึง 40 ตัว
ซองอูได้เจอกับมอนสเตอร์ขนาดยักษ์ที่มาพร้อมกับขวานเล่มใหญ่…
“ไปตายซะ…”
ปั้ง ปั้ง ปั้ง ปั้ง ปั้ง–
พวกมันเดินเข้าหาปาร์ตี้ซองอู
แต่เขายังมั่นใจในวิธีการที่ตัวเองเลือก เขายังเชื่อว่ามันเป็นไปได้
‘ขั้นบันไดมันแคบ พวกมันมีได้ทีละสามตัวเท่านั้น’
ในที่สุด เมื่อออคก้าวขึ้นบันไดขั้นแรกมา ซองอูยกมือขึ้นใช้ ‘ความบ้าคลั่งแห่งความป่าเถื่อน’ จากกำไลข้อมือ
-ความบ้าคลั่งแห่งความป่าเถื่อนถูกใช้งาน!
* พลังโจมตีของ ‘ประเภท-กอบลิน’ เพิ่มขึ้น (+10%), ความเร็วการโจมตีเพิ่มขึ้น (+20%) เป็นเวลา 10 นาที
โครงกระดูกทั้งเก้าตัวตาแดงขึ้นมาพร้อมกัน