ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 926 ขโมยหอก

อาหารบนภูเขาราชาหลี่ว์ควรเพียงพอไปสักระยะหนึ่ง ดังนั้นการจัดหาอาหารสำหรับทัพอู่เว่ยจึงควรจะเพียงพอ  

 

 

ทัพอู่เว่ยรู้สภาพเสบียงของพวกเขาดี เดิมทีพวกเขาวางแผนที่จะจัดสรรอาหารสำหรับหนึ่งเดือน แต่ราชาของพวกเขาพบแหล่งอาหารใหม่แล้ว  

 

 

ในตอนนี้เอง หลี่เฮยทั่นซึ่งควรจะฝึกอยู่ จู่ๆ ก็วิ่งกลับไปที่ภูเขาราชาหลี่ว์และตะโกนที่ปากทางเข้าถ้ำว่า” องค์ราชา ทัพเฮยอวี่เข้ามาในภูเขาแล้ว!”   

 

 

หลี่ว์ซู่เดินออกมาจากถ้ำ “พวกนั้นมาเร็วขนาดนี้เลยเหรอ แล้วพวกเขากำลังมุ่งหน้าไปทางไหน”   

 

 

“พวกเขาไม่ได้พุ่งเป้ามาที่พวกเรา” หลี่เฮยทั่นพูด “ดูเหมือนพวกเขาจะกำลังไปที่ด้านหลังของช่องเขาเว่ยเป่ย!”   

 

 

ในยุคแห่งการฝึกบำเพ็ญ ความสำคัญของกับดักนั้นไม่ชัดเจน หากทุกคนเป็นเพียงคนธรรมดา แล้วคุณจะทำอย่างไรกับเสบียงอาหาร แม้ว่าคุณวางแผนจะผ่านไป ผู้มีชื่อเสียงคนหนึ่งเคยพูดว่า “แต่เดิมโลกไม่มีถนน ที่ถนนเกิดขึ้นได้ก็เพราะคนเดิน”   

 

 

ดังนั้น กับดักจึงไม่ใช่กำแพงเมืองจีน มันจะตั้งอยู่เฉพาะเส้นทางสำคัญที่มีการสัญจรผ่านไปมาเท่านั้น ผู้บำเพ็ญมีทักษะมากพอที่จะเดินไปรอบๆ เพราะการเดินป่านับเป็นแค่เรื่องกล้วยๆ สำหรับพวกเขา  

 

 

แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นตอนนี้ ทัพเฮยอวี่ก็ต้องการที่จะยึดครองช่องเขาเว่ยเป่ย พวกเขายังคงรุกคืบไปทางทิศเหนือและไม่อาจทิ้งร่องรอยใดๆ ไว้เบื้องหลังได้  

 

 

จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเขาสามารถไปรอบๆ ภูเขาได้ แต่กลับถูกโจมตีจากทั้งทัพหลงเหมิ่งและกองทัพของดินแดนทางเหนือทั้งสองฝ่าย เขาก็คงถึงจุดจบ  

 

 

“ทัพเฮยอวี่เคยทำมาแบบนี้มาก่อน” หลี่ว์ซู่กล่าว “ทหารม้าคนหนึ่งของพวกเขาเคยโจมตีทัพที่เมืองอวิ๋นอานในลักษณะเดียวกันนี้ บางทีพวกเขาอาจวางแผนที่จะทำอีกครั้ง”   

 

 

หลี่เฮยทั่นพูดว่า “เรากำลังรั้งพวกเขาไว้ที่หุบเขาสิบแปดลี้องค์ราชาโปรดบอกว่าเราต้องทำอย่างไรต่อไป จางเว่ยอวี่บอกว่าพวกเขามีสามพันคน”   

 

 

หลี่ว์ซู่ตกตะลึงไปชั่วขณะ เขาคิดว่าทัพเฮยอวี่ยังหาทัพอู่เว่ยไม่พบ แต่พวกเขากลับสามารถรั้งพวกนั้นไว้ได้ เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาเริ่มการต่อสู้แล้ว เขาถามว่า “พวกนายสามารถรั้งพวกนั้นไว้ได้เหรอ! เกิดอะไรขึ้น พวกนายจัดการกับพวกนั้นได้ยังไง”  

 

 

หลี่เฮยทั่นตอบ “โดยการร้องเพลงพื้นบ้าน”   

 

 

หลี่ว์ซู่ตะลึงจนพูดไม่ออก  

 

 

ร้องเพลงพื้นบ้านเพื่อรั้งทัพเฮยอวี่ไว้อย่างนั้นเหรอ พวกนายเสพติดการร้องเพลงบ้านกันเหรอ  

 

 

หุบเขาสิบแปดลี้ถูกตั้งชื่อนี้เนื่องจากเป็นหุบเขาที่ยาวถึงสิบแปดลี้ ในอดีตเคยมีน้ำอยู่ในหุบเขานี้ แต่ดูเหมือนกระเเสน้ำจะเปลี่ยนทิศทางไปแล้ว  

 

 

ทัพเฮยอวี่กำลังรุกคืบอย่างลับๆ เมื่อพวกเขาได้ยินเสียงแปลกๆ ดังมาจากทั้งสองด้านของหุบเขาสิบแปดลี้ “น้ำในแม่น้ำใสมาก ต้องโทษเด็กหญิงตัวน้อยที่ขี้เล่น”   

 

 

ทัพเฮยอวี่เงียบลงทันทีและวิเคราะห์ที่มาของเสียงอย่างระมัดระวัง พวกเขาต้องการโจมตีจากทางด้านหลังของช่องเขาเว่ยเป่ย เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับสนามรบที่อยู่เบื้องหน้า  

 

 

ในตอนแรกพวกเขาคิดว่าไม่มีใครอยู่บนภูเขา แต่ตอนนี้พวกเขากลับได้ยินเพลงรัก หากพวกเขาพบคนที่ร้องเพลง พวกเขาจะต้องฆ่าเขาเพื่อให้แน่ใจว่าแผนการของพวกเขาจะยังเป็นความลับ  

 

 

เมื่อหนึ่งเดือนก่อน ฉากนี้เป็นที่คุ้นเคยอย่างมาก ทัพชิงไซสาปส่งว่าพวกเขาเป็นบ้าและคิดว่าพฤติกรรมของพวกเขาแปลกมาก แต่ตอนนี้…พวกเขากลับต้องมาร้องเพลงด้วย…  

 

 

หนึ่งในทหารของทัพชิงไซรู้สึกอับอายและไม่ยอมร้องเพลง  

 

 

ในตอนนี้เอง คนที่ยืนอยู่ทางด้านทิศตะวันตกมองไปที่คนที่อยู่ทางด้านตะวันออก “ตานายแล้ว! “  

 

 

เหล่าทหารของทัพชิงไซทำใจอยู่นาน “ฉันพูดอะไรตลกๆ กับเธอ และเธอก็ตกหลุมรักฉันจริงๆ …”   

 

 

ทหารของทัพอู่เว่ยทั้งหมดเริ่มหัวเราะ ไม่ว่าใครก็รู้ว่าการร้องเพลงพื้นบ้านนั้นเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวของพวกเขา เขาร้องเพลงได้ดีมาก…  

 

 

ในขณะเดียวกัน หลังจากร้องเพลงท่อนแรกจบแล้ว ทหารของทัพชิงไซก็ผ่อนคลายลง ในโลกเหนือธรรมชาตินี้ พวกเขาได้กลายเป็นส่วนหนึ่งไปแล้ว…  

 

 

ผลลัพธ์ก็คือทุกคนเริ่มร้องเพลงด้วยความหลงใหลมากขึ้น และทหารของทัพชิงไซก็เริ่มร้องเพลงจนเริ่มติดลม  

 

 

ใบหน้าของทัพเฮยอวี่เปลี่ยนเป็นดำคล้ำ นี่ใช่เวลาร้องเพลงเหรอ  

 

 

“ระวังกลลวง” ผู้บัญชาการทัพเฮยอวี่กล่าวอย่างไร้ความรู้สึก “ตั้งขบวนเตรียมเผชิญหน้าการต่อสู้!”   

 

 

ทันใดนั้น หลี่เฮยทั่นวิ่งมาจากทางหน้าผา “องค์ราชาสังให้พวกเราเริ่มการสังหาร!”   

 

 

พวกเขาหยุดร้องเพลงพื้นบ้านและกลับเข้าไปในถ้ำ จากนั้นก็รออย่างอดทน…  

 

 

ในเวลาต่อมา หลิวอี้เจากระโดดลงมาจากท้องฟ้าพร้อมกับหอกยาวสีแดง และบุกเข้าสู่เขตของทัพเฮยอวี่โดยไร้ซึ่งความลังเลใดๆ จากนั้นหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ที่รอมานาน ก็ควบคุมแอนโทนีให้โจมตี หินที่แตกทั้งหมดบนพื้นกลายเป็นทรายละเอียด!   

 

 

ด้วยการโจมตีของหัวหน้าบาทหลวง ทัพเฮยอวี่มีรัศมีแสงสีเงินโอบล้อมรอบตัวและนั่นทำให้ความเร็วของพวกเขาลดลง!   

 

 

ในสนามรบ ความเร็วที่ลดลงแม้เพียงเล็กน้อย ก็อาจจะก่อให้เกิดความแตกต่างอย่างใหญ่หลวง! บางครั้งหลี่ว์ซู่ก็รู้สึกว่า ถึงแม้หัวหน้าบาทหลวงอาจจะอ่อนแอในเรื่องการโจมตี แต่เขามีประโยชน์มากในการต่อสู้  

 

 

ทัพอู่เว่ยกำลังรอจังหวะนี้อยู่ พวกเขาพุ่งออกมาจากถ้ำรอบๆ ทัพเฮยอวี่จึงถูกล้อมในทันที  

 

 

ในตอนแรก ทัพเฮยอวี่ไร้ซึ่งความกลัวใดๆ ต่อให้มีทัพหลงเหมิ่งคอยซุ่มโจมตีอยู่ก็ตาม และผู้บัญชาการของพวกเขายังเป็นยอดฝีมือระดับหนึ่ง พวกเขายังแข็งแกร่งกว่าทัพหลงเหมิ่งอีกต่างหาก  

 

 

แต่พวกเขาไม่คิดอย่างนั้นอีกต่อไป ผู้บัญชาการทัพเฮยอวี่รู้สึกโกรธ “ทำไมถึงมีระดับหนึ่งถึงสองคนมาซุ่มโจมตีอยู่ที่นี่ ไม่ใช่ว่ารายงานข่าวกรองบอกว่าพวกระดับหนึ่งเพียงแค่ดูอยู่ห่างๆ เหรอ ทำไมพวกหลงเหมิ่งถึงกล้าให้ยอดฝีมือระดับหนึ่งมาอยู่ที่ภูเขานี้ถึงสองคน แต่เดี๋ยวก่อน นี่ไม่ใช่ทัพหลงเหมิ่ง นี่คือทัพชิงไซกับทัพอู่เว่ย พวกเขาร่วมมือกัน!”   

 

 

จากรายงานข่าวกรองของทัพเฮยอวี่ มียอดฝีมือระดับหนึ่งเพียงสองคนที่อยู่ในช่องเขาเว่ยเป่ยในตอนนี้  

 

 

ยิ่งไปกว่านั้น ความสามารถของทหารคนอื่นๆ ในทัพอู่เว่ยก็พัฒนาไปไกลกว่าที่ผู้บัญชาการคาดคิด หุบเขาสิบแปดลี้ถูกปิดกั้นอย่างสมบูรณ์โดยคนห้าพันคนที่รีบออกไป ทัพเฮยอวี่รู้ว่าพวกเขาจะถูกโจมตีโดยทหารที่อยู่รอบๆ ทันทีที่พวกเขาเปิดฉากต่อสู้กับทัพอู่เว่ย  

 

 

ในแง่หนึ่ง นั่นเป็นเพราะการควบคุมที่มีประสิทธิภาพของหัวหน้าบาทหลวง และในอีกแง่หนึ่ง เป็นเพราะทัพอู่เว่ยแข็งแกร่งกว่าทัพเฮยอวี่  

 

 

อย่างไรก็ตาม ผู้บัญชาการทัพเฮยอวี่เข้าใจว่าความต้องการอันดับหนึ่งของทัพอู่เว่ยไม่ใช่การทำร้ายผู้คน แต่เป็นการชิงอาวุธของพวกเขา…  

 

 

นี่เป็นกลวิธีการโจมตีแบบไหนกัน ใครก็ตามที่กล้าทำเเบบนี้ล้วนสมควรตาย แต่พวกเขาเข้าใจดีว่าทัพอู่เว่ยนั้นแข็งแกร่งมาก พวกเขาคว้าหอกเหมือนดึงแครอท ทหารของทัพเฮยอวี่เกือบจะถูกพวกเขาดึงไปด้วย…  

 

 

จางเว่ยอวี่ไม่ได้ออกคำสั่ง เขายืนอยู่บนหน้าผาเพื่อตีความว่าหลี่ว์ซู่หมายถึงอะไรจากคำพูดที่ว่า “ไม่มีกลยุทธ์”   

 

 

จากนั้น เขาก็ตระหนักได้ว่าตอนนี้ทัพอู่เว่ยมีพลังมากกว่ามาก ด้วยการโจมตีร่วมกันของยอดฝีมือระดับหนึ่งทั้งสองคน ทัพเฮยอวี่จึงไม่สามารถรับมือพวกเขาได้ และลงเอยเหมือนลูกแมวที่อ่อนแอ  

 

 

ทหารของทัพเฮยอวี่ต้องการที่จะตอบโต้ แต่ทัพอู่เว่ยนั้นรวดเร็วและว่องไวเกินไป ทัพเฮยอวี่ไม่เพียงแต่ไม่สามารถแทงทัพอู่เว่ยด้วยหอกของพวกเขาได้ แต่หอกของพวกเขายังถูกคว้าไปอีกด้วย…

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

Status: Ongoing
หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset