ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 940 ผู้บัญชาการกองทัพเฮยอวี่ตื่นตระหนก

เวลานี้บรรยากาศบนภูเขาราชันหลี่ว์เต็มไปด้วยความเบิกบาน หลี่เฮยทั่นและหลิวอี้เจายืนอยู่ด้านหลังของหลี่ว์ซู่ แล้วหลี่เฮยทั่นก็กล่าวพึมพำเบาๆ ว่า “คราวนี้พวกเราทำเงินได้มากมายขนาดนี้จริงๆ เหรอ?”  

 

 

หลิวอี้เจายิ้มและพยักหน้า “หากคราวนี้เป็นไปอย่างที่จ้าวซ่วยพูดจริงๆ บ่อนพนันทั้งหมดในเมืองหลวงก็มาเข้าร่วม และทุกคนในเมืองหลวงก็วางเดิมพัน จะกล่าวว่าความมั่งคั่งที่พวกเราจะได้รับนั้นมหาศาลมากแน่นอนก็ไม่เกินความจริง แต่ทำไมเมืองหลวงจึงยังยืนหยัดอยู่มาได้จนถึงทุกวันนี้? อย่าได้ประเมินพลังของมันต่ำไป”  

 

 

“เมืองหลวง…” หลี่เฮยทั่นครุ่นคิด “ในอนาคตเราจะมีโอกาสไปเมืองหลวงหรือไม่?”  

 

 

“ได้แน่นอน” หลิวอี้เจากล่าวยืนยันหนักแน่น  

 

 

ชั่วเวลานั้นจ้าวซ่วยก็ร่อนลงมาจากท้องฟ้า ในขณะที่หลี่ว์ซู่ก็เดินเข้าไปหาและทักทายเขาอย่างกระตือรือร้น “พี่ชาย!”  

 

 

หลังจากที่จ้าวซ่วยพูดไม่ออกไปชั่วขณะ เขาก็ตระหนักได้อย่างหนึ่งว่า เมื่อเขาช่วยหลี่ว์ซู่สร้างรายได้ได้ หลี่ว์ซู่ก็เริ่มเรียกเขาเป็นสหาย และเมื่อช่วยให้หลี่ว์ซู่ทำเงินก้อนใหญ่ได้มากมาย เขาก็กลายเป็นพี่น้องของหลี่ว์ซู่…  

 

 

‘นี่คือวิธีแยกแยะความสัมพันธ์ของคุณกับผู้อื่น ระหว่างคนรู้จักห่างๆ กับญาติสนิทเหรอ?! ’  

 

 

แต่จ้าวซ่วยก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาตอบกลับด้วยรอยยิ้มว่า “พี่ชาย! ครั้งนี้ผมทำรายได้ให้คุณครั้งใหญ่แล้ว!”  

 

 

ทั้งสองเปรียบเหมือนพี่น้องต่างสกุลกันที่ก้มหัวบนทุ่งหญ้าทว่าบูชาด้ามขวาน พวกเขาจะทำตัวเหมือนพี่น้อง แต่จะไม่ลังเลเลยที่จะ…  

 

 

หลี่ว์ซู่ยิ้มร่าแล้วกล่าวว่า “ครั้งนี้นำชุดเกราะมากี่ชุดล่ะ?”  

 

 

คราวนี้หลิวอี้เจาเปลี่ยนคลังไร้รูป และหลังจากที่เขาเปิดมันแล้ว ก็มีชุดเกราะหลายพันตัวปรากฏขึ้นมาข้างๆ  

 

 

จ้าวซ่วยยิ้มและพูดว่า “ความร่วมมือของพวกเราให้ผลที่น่าพอใจมาก พวกเราได้รับผลกำไรมหาศาลจากการเดิมพันสามรอบติดต่อกัน ไม่เพียงแต่ทุกคนในกองทัพอู่เว่ยจะมีชุดเกราะได้ แต่เรายังมีเงินส่วนที่เหลืออีกด้วย และโชคดีที่กองทัพอู่เว่ยนั้นมีจำนวนทหารค่อนข้างน้อย ไม่เช่นนั้นเราอาจไม่มีชุดเกราะเพียงพอ”  

 

 

หลี่ว์ซู่พยักหน้าด้วยความพึงพอใจเมื่อเห็นชุดเกราะเหล่านั้น เขาประมาณได้ว่าจะได้เงินมาเท่าไหร่จากแต้มอารมณ์ความทุกข์ที่ได้รับในครั้งนี้ จากนั้นเขาก็พูดกับหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ว่า “ลงทะเบียนและแจกจ่ายสิ่งเหล่านี้ให้กับทุกคนซะ”  

 

 

ความร่วมมือกับบ่อนพนันตระกูลซ่งในคราวนี้ ทำให้ทุกคนได้รับผลกำไรมากมาย แต่สำหรับหลี่ว์ซู่แล้ว ผลกำไรที่ใหญ่ที่สุดนั้นไม่ใช่อะไรอื่น นอกจากแต้มอารมณ์  

 

 

ที่ระดับหนึ่งนั้น เขาต้องการแต้มอารมณ์สิบล้านแต้มเพื่อให้ดาวดวงแรกสว่างไสวขึ้น นับประสาอะไรกับดาวอีกสองสามดวงที่จะต้องการแต้มอารมณ์หลายร้อยล้านแต้ม  

 

 

หลี่ว์ซู่เคยประมาณการคร่าวๆ ว่า แต้มอารมณ์ที่เขามีอยู่ในขณะนี้อาจช่วยให้เขาก้าวขึ้นสู่ระดับสี่ดาวได้ในทันทีหลังจากที่เขาทำลายพันธนาการแล้ว!  

 

 

ในอดีตนั้นเมื่อได้รับชุดเกราะจากทหารของกองทัพเฮยอวี่ พวกเขาทุกคนยังต้องแยกแยะระหว่างสูง เตี้ย อ้วน ผอม และหาชุดเกราะที่เข้าชุดกันตามขนาดร่างกาย แต่ตอนนี้พวกเขาไม่ต้องทำเช่นนั้นแล้ว เพราะเกราะเวทปรับให้พอดีกับร่างกายของผู้สวมใส่มันได้  

 

 

และคราวนี้ ความแข็งแกร่งของกองทัพอู่เว่ยก็เพิ่มขึ้นถึงระดับใหม่อีกครั้งแล้ว หากกองทัพเฮยอวี่เข้าไปในภูเขาเพื่อปิดล้อมพวกเขาเอาไว้อีกครั้ง เหล่าทหารธรรมดาก็จะทำอันตรายใดๆ กองทัพอู่เว่ยไม่ได้เลย  

 

 

“ช่วงนี้มีเดิมพันอีกหรือเปล่า?” หลี่ว์ซู่ถามอย่างเริงร่า  

 

 

“เราต้องหยุดสักพักก่อน” จ้าวซ่วยกล่าวด้วยรอยยิ้ม “มีปราชญ์บัณฑิตหลายคนในเมืองหลวงที่ต่อต้านบ่อนพนัน และบางคนก็แพร่ข่าวลือว่าพวกเราสมรู้ร่วมคิดและตั้งตัวเป็นเจ้ามือกัน ดังนั้นตอนนี้แม้เราจะเปิดวางเดิมพันใหม่ก็ยังไม่สมเหตุสมผล และเงินที่ได้รับมาก็เพียงพออยู่  

 

 

หลี่ว์ซู่รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย “ที่ผมลงมือก่อนหน้านี้มันชัดเจนเกินไปหน่อย แต่จะให้ไม่มีคนบาดเจ็บล้มตายเลยนั่นก็โหดอยู่นะ แล้วเราจะทำเงินแบบนี้ในอนาคตไม่ได้อีกใช่ไหม?”  

 

 

“ไม่หรอก” จ้าวซ่วยส่ายศีรษะ “มนุษย์ล้วนเป็นสัตว์ที่หลงลืมสิ่งต่างๆ อย่างง่ายดาย ผ่านไปอีกสักพักหลังจากนี้ ความโลภในผลกำไรก็จะช่วยให้พวกเขาลืมความเจ็บปวดจากความสูญเสียนี้ไปได้ ตราบใดที่พวกเราแบ่งรายได้อย่างเป็นธรรม พวกเขาก็จะวางเดิมพันกันต่อไป แม้พวกนักพนันมักจะพูดว่าพวกเขาเสียเดิมพันเก้าในสิบส่วน แต่มีสักกี่คนกันที่เลิกเล่นการพนันไปจริงๆ ล่ะ? ยังไงทุกคนก็คิดจะกลับมากันทั้งนั้นใช่ไหมล่ะ?”  

 

 

“ถูกต้อง” หลี่ว์ซู่มองจ้าวซ่วยแล้วหัวเราะ “ผมหวังว่าจะได้ร่วมงานด้วยกันกับคุณอีกครั้งในอนาคต”  

 

 

ในมุมมองของหลี่ว์ซู่ บ่อนพนันตระกูลซ่งนี้ค่อนข้างน่าเชื่อถือ และพวกเขาอาจจะได้ร่วมมือกันอีกครั้งในอนาคต  

 

 

จ้าวซ่วยยิ้มและหยิบจดหมายออกมาจากคลังไร้รูป “ขุนนางตระกูลซ่งยินดีที่จะเป็นสหายกับคุณ หากสักวันหนึ่งคุณไปเมืองหลวง แค่ยื่นจดหมายฉบับนี้ขอพบเขา รับรองว่าเขาจะต้องเป็นเจ้าภาพที่ดี ต้อนรับคุณอย่างอบอุ่นแน่นอน”  

 

 

หลี่ว์ซู่หยิบจดหมายในมือของเขาและมองไปที่มัน มันไม่ได้ปิดผนึก และไม่มีเนื้อหาอะไรในนั้นนัก เป็นเพียงเทียบเชิญธรรมดา นี่ดูเหมือนจะเป็นกิ่งมะกอกที่ตระกูลซ่งแห่งเมืองหลวงได้มอบให้กับหลี่ว์ซู่  

 

 

อย่างไรก็ตาม หลี่ว์ซู่ไม่ชอบสิ่งแบบนี้ มันดูไม่มีความจริงใจเลย  

 

 

จากนั้นหลี่ว์ซู่ก็โยนจดหมายให้จ้าวซ่วยแล้วเอ่ยว่า “ไม่ต้องพูดถึงเลย ไม่ว่าพวกเราจะไปที่เมืองหลวงหรือไม่ ผมคิดว่าคงเป็นการดีกว่าสำหรับทุกคนที่จะยึดเรื่องการทำธุรกิจสร้างเงินเท่านั้น”  

 

 

จ้าวซ่วยพูดไม่ออก “…”  

 

 

“ได้แต้มอารมณ์จากจ้าวซ่วย +666!”   

 

 

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ทันใดนั้นหลี่ว์ซู่ก็นึกถึงหญิงสาวในชุดกิโมโนดอกซากุระขึ้นมาได้ เขาสงสัยว่าเธอจะจัดการกลุ่มทวยเทพอย่างไร และเมื่อนึกถึงวันเวลาที่ผ่านมาบนโลกแล้ว จู่ๆ หลี่ว์ซู่ก็อยากจะกลับไปทันที  

 

 

เหลือเวลาอีกเพียงสี่เดือนเท่านั้นก่อนที่การคัดเลือกของกระท่อมกระบี่จะเริ่มขึ้น และในไม่ช้าก็น่าจะถึงเวลาแล้วที่หลี่ว์ซู่จะออกจากกองทัพอู่เว่ย และมุ่งหน้าตรงไปยังเมืองหลวง  

 

 

เขาทำได้เพียงแค่หวังว่ากระท่อมกระบี่จะช่วยให้เขาหาทางกลับบ้านได้จริงๆ เท่านั้น  

 

 

อย่างไรก็ตาม หลี่ว์ซู่ยังไม่รู้ว่า เป็นเพราะเรื่องการพนันเหล่านี้จึงทำให้มีหลายคนหวังว่าจะได้พบเขาในเมืองหลวง… และคนเหล่านั้นก็ยังไม่รู้ว่า หลี่ว์ซู่มีแผนที่จะไปเมืองหลวงเพื่อเข้าร่วมการคัดเลือกของกระท่อมกระบี่  

 

 

ในเวลานี้ ที่ริมฝั่งแม่น้ำหลงอิ้นนอกเมืองหลวง มีเหล่าชายนักพนันวัยกลางคนกลุ่มใหญ่กำลังมองดูแม่น้ำด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย และทันใดนั้น ก็มีเสียงคนหนุ่มดังขึ้นทางด้านหลังว่า “พวกที่ไม่ได้จะฆ่าตัวตายช่วยหลีกทางให้เราผู้มีการศึกษาลงไปก่อนได้ไหม?”  

 

 

ลุงนักพนันวัยกลางคนรีบขยับย้ายออกไปทันที “ได้ ได้สิ ไปกันก่อนเถอะ พวกเราไม่ควรรั้งคนหนุ่มสาวเอาไว้…”   

 

 

ในขณะเดียวกันนี้ ผู้บัญชาการของกองทัพเฮยอวี่กำลังนั่งเงียบๆ อยู่ในค่ายค่ายทหารในช่องเขาเว่ยเป่ย เมื่อภูเขาราชันหลี่ว์ได้ผลผลิตดีและทำการเก็บเกี่ยวได้ เขาก็เพิ่งได้รับข่าวจากเมืองหลวงรวมทั้งข้อมูลเกี่ยวกับการเดิมพันครั้งนี้  

 

 

ดังนั้นเขาจึงเข้าใจในทันทีว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ทำไมกองทัพอู่เว่ยถึงได้ทำอะไรผิดปกตินัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับการจัดการเรื่องการเดิมพันลับๆ เหล่านั้น…   

 

 

อันที่จริงแล้ว เรื่องการจัดการการเดิมพันของกองทัพอู่เว่ยนั้นไม่เกี่ยวอะไรกับเขา เพราะเขาก็ไม่ได้วางเดิมพันใดๆ ดังนั้นมันจึงไม่มีอะไรสำคัญที่จะให้สนใจ  

 

 

แต่อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาหนึ่งเดือนมานี้ กองทัพอู่เว่ยโจมตีไปทุกพื้นที่เพื่อทำอัตราต่อรองของแต้มต่อกองทัพเฮยอวี่อันเป็นการสนับสนุนการเดิมพัน และกองทัพเฮยอวี่ในเมืองอวิ๋นอานก็ถูกทำลายไปกว่าครึ่งหนึ่ง ในขณะที่การสู้รบในเมืองหนานเกิงนั้น ไม่มีทหารคนใดในกองทัพอู่เว่ยตายเลยสักคน…  

 

 

เดิมทีก่อนหน้านี้เคยวางเอาไว้ว่า หลังจากที่จัดการกับการต่อสู้ทางด้านหลังแล้วกองทัพเฮยอวี่จะเคลื่อนตัวมุ่งหน้าไปทางเหนือต่อไป… บ้าจริง มุ่งไปทางเหนืออะไรล่ะ? พวกเขาแทบจะตายกันหมดแล้ว!  

 

 

ผู้บัญชาการกองทัพเฮยอวี่รู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อย ตอนนี้เขากังวลว่า ในเมืองหลวงจะเริ่มเปิดการเดิมพันใหม่อย่างไร…  

 

 

แล้วพวกเขาจะหยุดการเริ่มเดิมพันใหม่ได้หรือไม่?! แล้วจะเกิดอะไรขึ้น?! หากกองทัพเฮยอวี่ออกจากการเดิมพัน!  

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

Status: Ongoing
หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset