ตอนที่ 834 : มวลมังกรคุ้มกาย
ฉินหยุนไม่คิดอยากโจมตี เพราะเมื่อใดเขาตบหน้าหลงฉวนอู่ เมื่อนั้นคนของสํานักมังกรฟ้าย่อมก่อการต่ําช้า อย่างไรแล้ว การไม่โจมตี ก็จะเป็นการรู้สึกผิดต่อมือของตนเองเมื่อครู่มือของเขารีดเร้นพลังมากมายมหาศาลออกมาเพื่อโอกาสนี้
“มารดามันเถอะ! ไว้ค่อยคิดหลังตบหน้ามันก็แล้วกัน!”
ฉินหยุนสูดลมหายใจเข้าลึก มือเริ่มขยับ พร้อมกันนี้ พลังนานาชนิดในกายของเขาจึงเผยความแข็งแกร่งออกเป็นความสามารถเทวะแผ่นดินไหว
“เหอะ จงเข้ามาตบที่ใบหน้าของข้า!” หลงฉวนอู่พบเห็นฉินหยุนยกมือขึ้น เวลานี้สีหน้าเผยความเย็นเยือกไม่ยี่หระ
“พี่หยุน อย่าได้โจมตีเขาแล้ว เร่งรีบยั้งมือ!” หลงอคงร้องตะโกนดังมาจากระยะไกล
แขนของฉินหยุนเสื้อขึ้น ฉับพลันต้องชะงักกลางอากาศ เขาหันกลับมองทางหลงอ คังพร้อมถาม “เพราะอะไร?”
หลงอวดังกล่าวออกด้วยสีหน้าหนักอึ้ง “ปราการป้องกันรอบกายของเขา มันคือมวลมังกรคู่มกาย… เป็นวิชาทรงพลัง ตามคําบอกเล่า แม้เป็นอุปกรณ์ลึกล้ํายังต้องได้รับความเสียหายหากคิดโจมตีใส่ นอกจากนี้แล้ว มวลมังกรคุ้มกายยังค่อนข้างพิเศษและแปลกประหลาด มันสามารถทะลวงผ่านสู่เลือด เนื้อ และกระดูก พร้อมฉีกกระชากเลือด เนื้อ กระดูก รวมถึงเส้นโคจรกล่าวได้ว่าเป็นวิชาลับอันสูงส่งในบรรดาวิชามังกรสวรรค์!”
ผู้คนที่นี้ต่างเป็นคนของตระกูลหลง ยามได้ยินคําของหลงอวดัง พวกเขาต่างเผยสีหน้าตื่นตะ ถึงพวกเขาย่อมได้ยินตํานานกล่าวขานถึงมวลมังกรคุ้มกาย ตามที่ร่ําลือ หากเซียนเป็นผู้ใช้งานมันจะสามารถต้านรับอุปกรณ์เซียน บรรดาผู้คนของสํานักมังกรฟ้าเวลานี้ต่างเผยรอยยิ้มภาคภูมิเพราะมีแต่พวกเขาจึงสามารถฝึกฝนมวลมังกรคุ้มกายอันแข็งแกร่งและศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้ได้
“ลิ่วล้อผู้นั้น เร่งรีบลงมือได้แล้ว!” สตรีร่างสูงตะโกนกล่าวคํา
“ข้าจึงไม่!” ฉินหยุนสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะถอนพลังของตนเองกลับคืนและลดมือลง
ผู้คนเวลานี้ต่างตะโกนร้องขบขัน
“ใบหน้ายื่นหาถึงที่เช่นนี้กลับไม่กล้าลงมือ!”
“เป็นเพราะมวลมังกรคุ้มกายนั่นชวนสะพรึงเกินไป! หากโจมตี ผู้โจมตีต่างหากจึงเป็นฝ่ายต้องพิการ!”
“สมแล้วที่เป็นอัจฉริยะของสํานักมังกรฟ้า ถึงกับเชี่ยวชาญวิชายุทธ์แกนหลักเช่นนี้ ช่างยอดเยี่ยมนัก!”
ผู้คนตระกูลหลงที่นี้ต่างชื่นชมกันไม่ขาด
ตอนนี้เอง สตรีร่างสูงจึงก้าวเดินเข้ามาพร้อมแค่นเสียง “ไม่ว่าเจ้าคิดโจมตีหรือไม่ นั่นไม่ใช่เจ้าตัดสินใจ! ฉวนอู่ลงเดิมพันไปแล้ว หากเจ้าไม่โจมตี เช่นนั้นผู้อื่นจะกล่าวหาว่าฉวนอู่ของพวกเราก่อการไร้ยางอาย!”
หลายคนของสํานักมังกรฟ้าต่างเดินเข้ามาปิดล้อมฉินหยุนเอาไว้
“หากเจ้าไม่ลงมือ เช่นนั้นอย่าได้คิดจากไปที่ใด!” สตรีร่างสูงโพล่งเสียงออกเย็นเยือกเป็นการข่มขู่
ผู้คนต่างคิดว่าเรื่องราวน่าขบขัน เพราะตอนนี้ กลับเป็นคนของสํานักมังกรฟ้าที่ขอให้ฉันหยุนตบหน้าหลงฉวนอู
ด้วยหลงฉวนอู่เป็นราชันยุทธ์ มวลมังกรคุ้มกายที่เขาเผยออกจึงสามารถคุกคามได้แม้กระทั่งอุปกรณ์เต!
สาเหตุว่าทําไมผู้คนสํานักมังกรฟ้าต้องการให้ฉินหยุนตบหน้าหลงฉวนอู่ ก็เพื่อที่มืออีกฝ่ายจะได้ไม่อาจใช้การอีก
เช่นนี้จะได้เป็นการเผยอํานาจของมวลมังกรคุ้มกายให้ผู้คนที่นี้ได้ประจักษ์อีกด้วย
“หากข้าไม่โจมตี ก็ไม่ยอมให้ข้าไปหรือ? เขาเป็นคู่หมั้นเจ้า แต่กลับบอกให้ข้าตบหน้า คู่หมั้นตนเองนี่คงไม่ดีกระมัง!” ฉินหยุนกล่าว
สตรีร่างสูงเผยเสียงเย็น “อย่าได้กล่าววาจาไร้สาระแล้วเร่งรีบลงมือ! บุคคลต่ําช้าเช่นเจ้าย่อมไม่มีทางได้แตะต้องใบหน้าอันหล่อเหลาของฉวนอูได้!”
ฉินหยุนขมวดคิ้ว มองที่หลงฉวนอู่ผู้ซึ่งมีคําว่า “อวดดี” เขียนไว้บนใบหน้าอย่างเด่นชัดเขาถามออก “เหตุใดเจ้าจึงไม่ใช้มวลมังกรคุ้มกายในการแข่งงัดข้อ? หากใช้งาน เช่นนั้นก็เอาชนะข้าได้ง่ายดายไปแล้ว!”
หลงฉวนอู่กล่าว “เพราะข้าคิดอยากแข่งขันกันอย่างเที่ยงธรรม! หากใช้ความสามารถนี้มือเจ้าคงพิการ ถึงตอนนั้นการแข่งขันก็ไร้ความหมายแล้ว!”
คํากล่าวนี้ มันเพื่อบ่งบอกว่าเขาเป็นคนทรงธรรมกระตุ้นความปลาบปลื้มของผู้คน!
สตรีร่างสูงเผยยิ้ม “สมกับเป็นชายในพรหมลิขิตของข้า รับมือกับเรื่องราวก็ต้องเป็นไปอย่างกต้องและซื่อตรง! หากชนะ เช่นนั้นก็ต้องชนะอย่างภาคภูมิ! หากแพ้ ก็ต้องทําตามวาจาที่กล่าวไว้”
“ดังนั้นแล้ว เร่งรีบตบหน้าเขา! หากเจ้ายังกล่าวคําอื่นใดอีก ข้าจะสังหารเจ้าเสียที่ตรงนี้”
ฉินหยุนสูดลมหายใจเข้าลึก มือยกขึ้น พร้อมเริ่มถ่ายเทพลังจากร่างอีกครั้งหนึ่ง ครั้งนี้หลิง หยุนเอ๋อยังช่วยใช้งานพลังตะวันทมิฬ
ยามที่ผู้คนได้เห็นฉินหยุนคิดลงมือ พวกเขาต่างลุกยืนขึ้น สายตาจับจ้องจริงจังที่ใบหน้าหลงฉวนอู่พวกเขาคิดอยากได้เห็น ว่ามือของฉินหยุนจะแหลกสลายเพราะการลงมือครั้งนี้หรือไม่
“ข้าลงมือแล้ว!” ฉินหยุนร้องตะโกนบอก ส่งฝ่ามือเคลื่อนคล้อยสู่ด้านหน้า ฝ่ามือฉินหยุนประทับที่ใบหน้าหลงฉวนอู พริบตานั้น ทั้งลานประลองจึงสั่นไหวรุนแรง
ครืน!
เสียงดังกึกก้องสั่นไหวรุนแรงบังเกิด สายฟ้าอสนีบาตสีดําระเบิดออก คลื่นอากาศรุนแรงทะลักล้นทั่วทิศ! แรงกระทํานี้กระทั่งสะท้านถึงฟากฟ้า สายลมต้องพัดพารุนแรง ผู้คนที่นี้ต่างไม่อาจยืนนิ่งติดกับพื้น! หลงฉวนอู่กรีดร้องเจ็บปวด เป็นเขาถูกโจมตีใส่ด้วยพลังอันรุนแรงเหนือล้ํา ร่างกายเวลานี้กระเด็นออกประหนึ่งกระสุนเพิ่งออกจากกระบอกปืนใหญ่ ก่อนร่างจะไปปะทะเข้ากับที่นั่งผู้ชมเกิดขึ้นเป็นหลุมใหญ่ลึก
ร้องตะโกนดัง เสียงของนางอัดแน่นด้วยความโกรธแค้นและปวดใจ เวลานี้สายตาของนางตวัดหันมองทางฉินหยุน
“เป็นเจ้าที่บังคับให้ข้าตบหน้า!” ฉินหยุนเผยใบหน้าว่าเรื่องนี้เขากระทําอย่างเสียมิได้
ฝูงชนที่รับชมคิดอยากหัวเราะออก ทว่าไม่หาญกล้า หลงอ คังคิดอยากหัวเราะดังเช่นกันทว่าก็ต้องยับยั้งเอาไว้ภายใน ไม่เช่นนั้น เขาคงถูกสตรีร่างสูงทุบตีเป็นแน่
ผู้คนล้วนได้เห็น ว่าอีกฝ่ายเป็นคนไร้ซึ่งเหตุผลเพียงใด สตรีร่างสูงผู้นี้บีบบังคับให้ฉินหยุนตบใบหน้าคู่หมั้นตนเองแม้ฉินหยุนไม่อยากลงมือ
และตอนนี้ หลงฉวนอู่ถูกส่งร่างกระเด็นในหนึ่งฝ่ามือ ชายวัยกลางคนของสํานักมังกรฟ้าเร่งรีบพุ่งเข้าไปช่วยเหลือหลงฉวนอู่ออกมา ได้พบเห็นหลงฉวนอู่สภาพครึ่งตาย จิตวิญญาณผู้คนต่างต้องสะท้าน
หลงฉวนอู่ผู้ซึ่งเพิ่งเผยใบหน้าอวดดีหล่อเหลา ที่สตรีทั้งหลายต้องเกิดความคลั่งไคล้ คิดครอบครองเวลานี้กลับกลายเป็นปูดบวมเพราะแรงตบ กรามถึงกับต้องบิดเบี้ยวผิดรูป
สภาพอีกฝ่ายเวลานี้ หากรู้สึกตัวคงพบเห็นแต่ดวงดาวหมุนวนไปมา กล่าวได้ว่ากึ่งไม่ได้สติชายหนุ่มหล่อเหลากลับกลายเป็นพลิกกลับยามถูกตบหน้าได้ถึงเพียงนี้
หลงอวดังที่อดกลั้นหัวเราะเอาไว้ ได้เห็นใบหน้าสภาพดูไม่ได้ของหลงฉวนอู่ ตอนนี้จึงยิ่งคิดอยากหัวเราะออกมาอย่างสุดหัวใจ กระนั้นเขาก็ต้องถ่วงรั้งมันกลับ การกลั้นเสียงหัวเราะกล่าวได้ว่าเป็นเรื่องยากเย็น โดยเฉพาะเขาที่เป็นผู้บาดเจ็บอยู่ก่อน ตอนนี้ต้องสําลักเอาโลหิตออกมาเพราะอาการบาดเจ็บภายใน
“ฉวนอู เจ้าเป็นอย่างไรบ้างแล้ว?” สตรีร่างสูงร้องถามอย่างปวดร้าวจิตใจ
ฉินหยุนคิดอยากใช้โอกาสนี้ถอนตัว ทว่ากลับถูกสตรีร่างสูงรั้งไว้
“ยังต้องการอันใดอีก? คิดอยากแข่งงัดข้อกับข้าหรือ? ข้าไม่มีอารมณ์เล่นด้วยแล้ว!” ฉินหยุนกล่าว
“ตัวบัดซบ! ข้าจะให้เจ้าต้องบาดเจ็บดังเช่นฉวนอู่!” สตรีร่างสูงตะโกนกราดเกรี้ยว คลื่นอากาศเย็นเยือกทะลักออกจากกายนาง อุณหภูมิโดยรอบลดต่ําลง นางคิดโจมตีฉินหยุนด้วยมือทั้งสอง
ฉินหยุนไม่คาดคิด ว่าสตรีตรงหน้าถึงกับครอบครองพลังชวนพรั่นพรึงเพียงนี้ นางคล้ายเป็นราชันยุทธ์ระดับกลาง ทว่าแข็งแกร่งยิ่งกว่าหลงฉวนอู
“คนของแดนเซียนอ้างว้างต่างไร้ซึ่งเหตุผลก่อการอุกอาจเพียงนี้กันหมดเลยหรือไร?” ฉินหยุนสบถออกภายในขณะหลบเลี่ยงแต่ขณะหลบเลี่ยง ฉินหยุนพลันได้พบ ว่าพลังเย็นเยือกรุนแรงได้สะกดลงที่ขาของตน ทําให้เขาไม่อาจขยับ
ตู้ม!
หมัดของสตรีร่างสูงประทับหนักหน่วงที่ใบหน้าฉินหยุน ทันทีที่กําปั้นเย็นเยือกโจมตีใส่ตนเองฉินหยุนผู้ซึ่งอยู่ขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ําระดับสูงสุด พลันต้องใช้พลังตนเองต้านรับอย่างยากลําบากเผชิญหน้ากับราชันยุทธ์ระดับสูงจากแดนเซียนอ้างว้าง เขาอย่างไรก็มีแต่พ่ายแพ้ในพริบตา ฉินหยุนจึงถูกต่อยกว่าหนึ่งร้อยหมัด ใบหน้าต้องปูดบวม จมูกต้องหลั่งเลือดไหลออก
“สวะบัดซบเช่นเจ้า ข้าจะตบตีจนไม่อาจเป็นผู้คน!” สตรีร่างสูงยังคงตะโกนกราดเกรี้ยวมือขาวของนางเคลื่อนไปที่บริเวณหว่างขาของฉินหยุน
มือของฉินหยุนถูกความเย็นเกาะกุมจนไม่อาจขยับ คิดดิ้นรนไม่อาจทําได้ พบเห็นมือสตรีร่างสูงเคลื่อนไปที่จุดสําคัญ คําสบถก่นด่าของเขาจึงเผยออก “บัดซบ… นางสารเลว…”
ขณะที่ฝ่ามือของสตรีร่างสูงคิดดึงกลับ ต้นขาของฉินหยุนพลันกดลงจากทั้งสองข้าง เป็นการกดลงไว้เพื่อต่อต้านอย่างรุนแรง
ฝูงชนที่รับชมเวลานี้ต่างตื่นตะลึงกันถ้วนหน้า! สตรีร่างสูงผู้นี้ ถึงขั้นละเล่นกับจุดสําคัญของบุรุษต่อหน้าผู้คนมากมายเพียงนี้
สตรีร่างสูงตื่นตะลึงเช่นกัน นางคิดว่าฉินหยุนไร้ซึ่งเรี่ยวแรงใดตอบโต้หลังถูกทุบตีไปมากมายคิดบดขยี้จุดสําคัญอีกฝ่ายด้วยฝ่ามือนางย่อมกระทํา
เป็นนางไม่คาดคิด ว่าต้นขาของฉินหยุนจะครอบครองกําลังมากมายเพียงนี้ มันถึงขั้นขวางมือของนางไม่ให้ขยับไปไหนได้!
ทั้งความอับอายและโกรธแค้นเวลานี้ปะทุสุมอยู่ภายในใจสตรีร่างสูง ใบหน้าของนางแดงนางพยายามดึงมือตนเองกลับคืนหลายครั้ง เวลานี้ นางกลับกลายเป็นสํานึกเสียใจเพราะนางต้องถูกทําให้อยู่ในสภาพท่วงท่าชวนอับอายที่สุดในชีวิตเช่นนี้
ฝูงชนที่รับชมต่างนิ่งค้าง สตรีผู้สูงส่ง แท้จริงถึงขั้นโหดร้ายกระทําเรื่องชวนอับอายต่อหน้าสาธารณชนได้เพียงนี้
“อีก…” ฉินหยุนแม้ขัดขืน ทว่าก็อดไม่ได้ที่จะเผยเสียงร้องดังออก
“สวรรค์ช่างโหดร้าย… ข้ารักษาพรหมจรรย์มากว่ายี่สิบปีโดยสูญเปล่า วันนี้กลับมีสตรีไร้ยางอายกระทําชําเราต่อข้าในที่สาธารณะ! ใครก็ได้เร่งรีบเข้ามาแล้ว แม่นางผู้นี้ถึงกับฉกฉวยโอกาสกระทําชําเราไร้ยางอายต่อนายน้อยที่บริสุทธิ์ผู้นี้” ฉินหยุนร้องตะโกนดัง ราวกับเขาตะโกนออกมาอย่างสุดปอดก็ไม่ปาน
ใบหน้างดงามของสตรีร่างสูงกลายเป็นแดงก่ํายิ่งขึ้น ทั้งความอับอายและโกรธแค้นเผยที่ใบหน้าของนางฝีเท้าอดไม่ได้ที่จะกระทบรุนแรงอย่างแค้นเคือง นางรู้สึกว่าตนเองเพิ่งถูกคําฉันหยุนกล่าวหาอย่างเสื่อมเสีย
“ตัวบัดซบ!” สตรีร่างสูงเตะฉินหยุนหนักเท้า สุดท้ายจึงส่งร่างเขากระเด็น นางเวลานี้คิดอยากตัดแขนตนเองที่กระทําการไร้ยางอายอย่างถึงที่สุด
“แม้ข้าเป็นเพียงผู้ติดตาม ทว่าข้าก็ยังมีเกียรติ! เจ้าที่เป็นสตรี ทว่าก่อเรื่องไร้ยางอายอย่างร้ายแรงต่อหน้าผู้คนจํานวนมาก เป็นเจ้าหาได้มีเกียรติและความละอายใดคงอยู่ในหัวใจไม่!” เมื่อโดนเตะกระเด็นออกมา ฉินหยุนจึงกระอักโลหิตออกพร้อมสบถสาปแช่ง
“เจ้า นี่เจ้า… ให้ข้าได้ปลิดชีพเจ้าเสีย!” สตรีร่างสูงทะยานมาด้วยโทสะ นางนําดาบออกมาคิดโจมตีอย่างไม่สนอื่นใดแล้ว
ผู้คนของสํานักมังกรฟ้าต่างไม่คิดเข้าห้ามปราม เพราะพวกเขาไม่ทราบแล้วว่าเรื่องรา วดําเนินถึงตรงนี้ได้อย่างไร
“อย่างนั้นก็เร่งรีบสังหารข้า! ข้าไม่คิดอยากมีชีวิตแล้ว!” ฉินหยุนเผยสภาพราวกับหมดอาลัยต่อชีวิต “เจ้าแตะต้องข้าอย่างขึ้นใจ อย่างไรข้าก็เป็นของเจ้าแล้ว สังหารข้าหรือจะข่มขืนข้าอีกก็ตามแต่เจ้า!”
ดาบของนางที่จ้วงแทงออกมาถึงตรงหน้าพลันต้องหยุดที่หน้าผากฉินหยุน ประกายแสงของดาบเย็นเยือก ตัวดาบสั่นไหว มันมีแต่ความโกรธสุมอัดแน่น หลงอ คังเวลานี้ต้ องลอบนับถือต่อฉินหยุนเขาถึงขั้นสามารถลดเกียรติของสตรีผู้นั้นจนไม่อาจก่อเรื่องไร้ยางอาย เพิ่มเติมได้อีก
“เจ้า จงรอข้าก่อนเถอะ!” สตรีร่างสูงกล่าวพลางกัดฟันแน่น นางกระทืบเท้าเร่งรีบหนีหายและไม่แม้กระทั่งหันกลับมองที่คู่หมั้นเช่นหลงฉวนอู่ นางเพียงรู้สึก ว่าตนเองวันนี้ก่อเรื่องเสื่อมเสียหน้าครั้งใหญ่ นางได้แต่เก็บความโกรธที่สุมอัดเอาไว้กลับไปสงบใจตนเอง
ลุงห้าเข้าช่วยเหลือฉินหยุนให้ลุกขึ้นยืน ใบหน้าเวลานี้เผยแต่ความนับถือ
“อา… ชื่อเสียงข้าที่สั่งสมมาต้องแหลกสลายในวันเดียว!” ใบหน้าฉินหยุนเผยความเศร้าหมองเป็นผลให้ผู้คนคิดอยากเข้ามารุมโจมตีเขาให้สาแก่ใจ
ลุงห้านฉินหยุนและหลงอ ดังที่ได้รับบาดเจ็บเดินทางกลับ ฝูงชนที่รับชมก็สลายตัว พวกเขาไม่คาดคิดอย่างจริงแท้ ว่าผู้ติดตามของหลงอ คงจะอุกอาจได้ถึงเพียงนั้น ทั้งยังแข็งแกร่งยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงการตบหน้าหลงฉวนอู ทว่ายังจัดการคู่หมั้นของเขาไว้ได้อย่างอยู่หมัด
ผู้คนคิดอยากทราบกันถ้วนหน้า ว่าหลงฉวนอู่เมื่อได้สติขึ้นมาแล้วจะตอบสนองเช่นไร ยามที่ได้ทราบว่าคู่หมั้นตนเองละเล่นส่วนสงวนของชายอื่นต่อหน้าฝูงชนมากมาย พวกเขาต่างสงสัยว่าอีกฝ่ายจะตรงเข้าไปสังหารชายผู้นั้นหรือมุดหน้าแทรกแผ่นดิน