“เกรงว่าเหล่าขุนนางคงลืมวิธีต่อสู้ไปแล้ว แม้แต่เสบียงของพวกเขาก็ถูกโจรขโมยไป ยิ่งมีชีวิตอยู่นาน ยิ่งถอยหลังไปเรื่อยๆ จริงๆ” เหวินไจ้เฝ่ยกล่าวอย่างสงบ ในเวลานี้ บรรดาขุนนางทั้งหมดล้วนมองไปที่หลี่ว์ซู่ซึ่งอยู่ข้างๆ เหวินไจ้เฝ่ย…
“ได้รับแต้มอารมณ์จากเผิ่งฮ่าวหมิง +666!”
“จาก…”
หลี่ว์ซู่จำลักษณะและชื่อของคนเหล่านี้ได้อย่างเงียบๆ พวกเขาเหล่านี้เป็นขุนนางสิบสองคนที่มีอำนาจมากที่สุดในดินแดนทางเหนือตอนใต้ และบางทีพวกขุนนางทั้งสิบสองคนเหล่านี้อาจจะทำงานร่วมกับพวกเขาได้ในอนาคต
เหวินไจ้เฝ่ยกล่าวขึ้นทันทีว่า “ดูสิ่งที่เขาทำสิ เขาเป็นผู้บัญชาการกองทัพอู่เว่ย ไม่ใช่โจร”
เหล่าขุนนางนิ่งงันไปชั่วขณะ พวกเขาไม่เชื่อว่าจอมทัพสวรรค์จะไม่รู้รายละเอียด แต่จอมทัพสวรรค์กลับกล่าวปกป้องกองทัพอู่เว่ยโดยตรง จากนี้ไปกองทัพอู่เว่ยย่อมจะเป็นกองทัพอู่เว่ย ส่วนโจรที่มีคติพจน์ว่า ‘กำจัดความยากจนและสร้างสมความร่ำรวย’ นั้นจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับพวกเขาอย่างแน่นอน!
“ใช่ ใช่ ใช่ ท่านจอมทัพสวรรค์กล่าวได้ถูกต้องแล้ว” เหล่าขุนนางรีบกล่าวรับออกมา
“ในเมื่อขุนนางชั้นสูงทั้งสิบสองคนทางตอนใต้ของดินแดนทางเหนือมารวมตัวกันอยู่ที่นี่แล้ว ถ้าอย่างนั้นก็เอาเช่นนี้ จงนำอีกสิบเมืองจากกองทัพเฮยอวี่กลับมาให้เรา” เหวินไจ้เฝ่ยกล่าว “และหากทำไม่ได้ ก็ไม่ต้องกลับมา”
เหล่าขุนนางชั้นสูงไม่คิดว่าการลงโทษครั้งนี้จะหนักหนาสาหัสเช่นนี้ พวกเขาต่อสู้ไปทางดินแดนตะวันตก แม้ว่าตระกูลขุนนางทั้งสิบสองนี้จะประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ก็ตาม แต่พวกเขาก็ต้านทานสงครามใหญ่เช่นนี้ไม่ได้
หากพวกเขาแพ้ พวกเขาย่อมจะได้รับการลงโทษที่ร้ายแรงยิ่งกว่านี้ แต่ต่อให้พวกเขาจะชนะ พวกเขาก็ยังต้องแสดงรับผิดชอบร่วมกัน!
อย่างไรก็ตาม พวกเขาต่างก็นิ่งขึงไปครู่หนึ่งก่อนจะกัดฟันกล่าวตอบว่า “น้อมรับคำสั่งของท่านจอมทัพสวรรค์!”
ในเวลานี้จะมีใครกล้าคัดค้านเขาได้ล่ะ? ท่านจอมทัพสวรรค์ย่อมทำร้ายพวกเขาแน่นอน
โดยปกติแล้ว จอมทัพสวรรค์ผู้นี้จะไม่ค่อยชอบกลอุบายชั้นต่ำที่ผู้คนใช้กัน นอกจากนี้ เขายังทุ่มเทให้กับการฝึกฝน และไม่ค่อยสนใจเรื่องการเมืองมากนัก ซึ่งเรื่องนี้มีทั้งข้อดีและข้อเสียเช่นกัน หากใครมีผลงานดีก็ย่อมจะได้รับรางวัลอย่างงามโดยที่พวกเขาไม่จำเป็นต้องคอยระวังด้วยความกลัวทุกวันว่าจะถูกตรวจสอบ
ขุนนางชั้นสูงทั้งสิบสองคนก็มาและจากไปอย่างเร่งรีบ เมื่อพวกเขาจากไปก็ยังมีคนบ่นว่า “ทั้งหมดมันเป็นเพราะพวกคุณทั้งเจ็ดคนโลภและต้องการยึดครองเส้นทางยุทธศาสตร์ทั้งห้านี้ ด้วยเหตุนี้พวกเราทั้งห้าคนก็ต้องตามมาร่วมจัดการปัญหาให้ด้วย!”
อันที่จริงแล้ว แต่เดิมนั้นมีขุนนางใหญ่เพียงเจ็ดคนที่เคยมีส่วนร่วมในเรื่องนี้มาก่อน
“ดูเหมือนว่าตอนนี้จอมทัพสวรรค์จะโปรดปรานและให้การสนับสนุนกองทัพอู่เว่ย อย่าเพิ่งไปหาเรื่องพวกมัน! คราวนี้จอมทัพสวรรค์อาจจะลงโทษหนักมากเพราะเขาต้องการช่วยกองทัพอู่เว่ย!”
แต่ก็มีคนโต้กลับว่า “ทำไมถึงเดาเช่นนั้น จอมทัพสวรรค์มาที่กองทัพอู่เว่ยทันทีที่เขาออกมาจากการปิดด่านนะ? นอกจากนี้พวกเราไปหาเรื่องกองทัพอู่เว่ยตั้งแต่เมื่อไหร่กันล่ะ? พวกมันต่างหากที่เป็นฝ่ายเริ่มโจมตีก่อน!”
พวกขุนนางชั้นสูงต่างก็ทุกข์ทรมานยิ่งนัก เห็นได้ชัดว่ากองทัพขุนนางของพวกเขาอดอยากหิวโหยมานานกว่าครึ่งเดือนแล้ว ใครหาเรื่องใครกันแน่ล่ะ?!
ดังนั้น ขณะที่กองทัพเฮยอวี่เพิ่งถอยทัพกลับไปดินแดนตะวันตก หลี่เหลียงก็วางแผนหยุดพักและลาออกจากการเป็นผู้บัญชาการกองทัพของเขา แต่ก่อนที่เขาจะทันได้พักหายใจ กองทัพขุนนางก็เริ่มไล่ตามพวกเขามาจากทางเหนือ
หลี่เหลียงรู้สึกย่ำแย่ยิ่งนัก แค่เขาจะจากไปมันยากนักหรือ?
เหวินไจ้เฝ่ยกล่าวถามหลังจากรอเหล่าขุนนางจากไปแล้วด้วยความสงสัยว่า “แน่ใจหรือว่านายไม่ต้องการเมืองที่คนส่วนใหญ่ทำได้แค่ฝันถึงเท่านั้น?”
“ไม่” หลี่ว์ซู่กล่าวอย่างจริงจัง “คุณให้พวกเขาปกป้องเมืองได้ไหม? ผมจะเก็บภาษีเอง…”
ชั่วขณะนั้น จู่ๆ จางเว่ยอวี่ก็กระซิบอะไรบางอย่างกับหลี่ว์ซู่ จากนั้นหลี่ว์ซู่ก็กล่าวว่า “เราต้องการเมืองอวิ๋นอาน”
“ตกลง” เหวินไจ้เฝ่ยพยักหน้า “ถ้าเช่นนั้น เราจะยกเมืองหนานเกิงให้กับนาย”
“ไม่นะ เดี๋ยวก่อน ผมบอกว่าผมต้องการเมืองอวิ๋นอาน!” หลี่ว์ซู่กล่าวด้วยความตกใจ เขาไม่ได้ยินจริงๆ เหรอ?
แต่ผลก็คือ เหวินไจ้เฝ่ยไม่สนใจหลี่ว์ซู่เลย เขาหันกลับและก้าวเดินจากไปราวกับว่ามีความว่างเปล่าไร้ที่สิ้นสุดอยู่ข้างหลังเขา และทั้งร่างของเขาก็หายวับไปทันที
หลี่ว์ซู่ตกตะลึงเป็นเวลานาน อะไรกันนี่? นี่เป็นวิธีการพิเศษของผู้ที่ครองระดับเสินฉังจิ้งใช่หรือไม่?
และในชั่วเวลาต่อมา หลี่ว์ซู่ก็ยิ้มแล้วกล่าวว่า “วิธีนี้ใช้ได้ผลทีเดียว หมายความว่าเขาจะต้องลำบากอยู่ตลอดเวลาอย่างนั้นหรือ?”
เมื่อสามวันก่อน พวกเขาคุยกันว่าหากจอมทัพสวรรค์จะให้รางวัลแก่พวกเขา พวกเขาจะเอาเมืองหนานเกิง แต่ก็ย่อมพูดไปได้ตรงๆ ไม่ได้ว่าพวกเขาต้องการอะไร…เพราะเหวินไจ้เฝ่ยจะไม่ให้ในสิ่งที่พวกเขาต้องการแน่นอน
ในตอนแรกหลี่ว์ซู่สงสัยว่านี่เป็นการป้องกันไม่ให้มีใครวางแผนอะไรบางอย่างหรือไม่ แต่จางเว่ยอวี่ตอบว่า ไม่ เขาชอบหยอกล้อและคอยดูสีหน้าตื่นตกใจของคนอื่น
“บอกว่าจอมทัพสวรรค์เคยเป็นอาจารย์ผู้ฝึกคุณหรือ?” หลี่ว์ซู่ถามด้วยความสงสัย “ราชันองค์เก่าน่าจะไว้ใจเขามาก แล้วทำไมเขาถึงกลายเป็นจอมทัพสวรรค์ได้ล่ะ?”
“เพราะราชันองค์เก่าน่ารำคาญเกินไป…” จางเว่ยอวี่กล่าวอย่างสงบ “เขาจึงไม่อยากเห็นราชันองค์เก่าอีก จึงออกมาอยู่ห่างๆ…”
หลี่ว์ซู่ตกตะลึงงัน เป็นไปได้หรือนี่?
จางเว่ยอวี่กล่าวอย่างจริงจังว่า “ในอดีต สถานที่ที่พวกเราซ่อนตัวอยู่คือในหมู่บ้านเถียนเกิ่งในเมืองเถียนเกิ่งซึ่งไม่เคยถูกกองทัพเฮยอวี่ค้นพบเลย แต่คราวนี้มันแตกต่างออกไป ดูเหมือนว่ากองทัพเฮยอวี่จะไปถึงสถานที่ที่ซ่อนตัวของพวกเราได้ ฉันสงสัยมากว่าเขาจงใจเปิดเผยตำแหน่งที่ซ่อนตัวของพวกเราเพื่อบังคับให้พวกเราต้องปรากฏตัวออกมา”
“เขาต้องการจะฆ่าพวกคุณเหรอ?” หลี่ว์ซู่ถามด้วยความสงสัย เมื่อดูจากท่าทีก่อนหน้านี้ของเหวินไจ้เฝ่ยกับสิ่งที่จางเว่ยอวี่กล่าวแล้ว การคาดเดาของจางเว่ยอวี่นั้นก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้
“เขารู้สึกว่าพวกเราทนทุกข์มากเกินไปและไม่อยากให้พวกเราตายอยู่ในเมืองเถียนเกิ่ง” จางเว่ยอวี่ถอนหายใจและกล่าวว่า “ฉันยังสงสัยว่าการประกาศว่าเข้าปิดด่านฝึกฝนของเขานั้นอาจเป็นเรื่องหลอกลวง และเป็นไปได้มากว่าเขาเฝ้าสังเกตสงครามนี้มาโดยตลอด ไม่เช่นนั้น ทำไมเขาถึงรู้เรื่องโลกภายนอกดีนักล่ะ?”
หลี่ว์ซู่คิดอยู่ครู่หนึ่ง หากเป็นเช่นนี้จริง เช่นนั้น จอมทัพสวรรค์ก็อาจเห็นการกระทำของเหล่าขุนนางทั้งหมดแล้ว แล้วเหวินไจ้เฝ่ยก็อาจเบื่อกับการไม่มีอะไรทำและอยากจัดการปรับเปลี่ยนพวกเขาใหม่
หากใครมีชีวิตอยู่นานเกินไปก็มักจะเบื่อกับการไม่มีอะไรทำและจะสร้างกิจกรรมพิเศษแปลกๆ บางอย่างให้กับตัวเอง ไม่อย่างนั้นจะฆ่าเวลาให้หมดไปอย่างไรล่ะ…
เพียงแต่หลี่ว์ซู่ยังคงรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เพราะความเข้าใจผิดของหลิวอี้เจาเกี่ยวกับตัวตนของเขาจึงทำให้เขากังวลอยู่ตลอดเวลาว่าเหวินไจ้เฝ่ยจะคิดแบบเดียวกัน และนอกจากนี้ก็ไม่มีใครแน่ใจได้ว่าเหวินไจ้เฝ่ยจะเป็นศัตรูหรือมิตร
แต่คำอธิบายของจางเว่ยอวี่ก็ยังทำให้เหวินไจ้เฝ่ยยังคงจัดการเรื่องต่างๆ ต่อไปได้เรื่อยๆ ราวกับว่าทุกอย่างง่ายดายอย่างมาก
หลี่ว์ซู่รู้สึกเศร้าเล็กน้อย คนที่ต่ำต้อยเช่นเขาจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับจอมทัพสวรรค์ได้อย่างไร?
ทันทีที่จอมทัพสวรรค์ก้าวเท้าจากไป ทาสขุนนางก็มาในตอนบ่าย พวกเขาเป็นคนเดิมที่เคยมาก่อนหน้านี้ เมื่อเห็นหลี่ว์ซู่ พวกเขาก็ยิ้มแล้วกล่าวว่า “ยินดีด้วยที่ท่านได้รับเมืองหนานเกิงเป็นรางวัล เจ้านายของกระผมได้เตรียมของขวัญพิเศษเอาไว้ให้ และหวังว่าพวกเราทุกคนจะได้ช่วยเหลือซึ่งกันและกันต่อไปได้ในอนาคตโดยลืมความขัดแย้งในอดีตของพวกเราในครั้งก่อนไป”
หลี่ว์ซู่ชำเลืองมองพวกเขา ความจริงแล้วขุนนางชั้นสูงทั้งสิบสองคนเหล่านั้นล้วนแต่เอาเงินหนึ่งล้านหยวนมาให้เป็นของขวัญโดยที่เขาไม่ได้คาดคิด!
เนื่องจากก่อนหน้านี้หลี่ว์ซู่ให้หลิวอี้เจาและหลี่เฮยทั่นจัดการกับพวกทาสมาก่อน จางเว่ยอวี่จึงยังกังวลเล็กน้อยว่าหลี่ว์ซู่จะทำลายความสัมพันธ์ระหว่างกองทัพอู่เว่ยและขุนนางชั้นสูงอีกครั้ง เพราะอย่างไรก็ตาม การมีมิตรมากกว่าศัตรูย่อมเป็นการดีกว่า
แต่ก่อนที่เขาจะทันได้เกลี้ยกล่อมหลี่ว์ซู่ เขาก็เห็นหลี่ว์ซู่จับมือทาสแล้วกล่าวว่า “กลับไปบอกเจ้านายของคุณว่านับจากนี้ไปพวกเราจะเป็นพี่น้องกัน! พี่น้อง!”