ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี – บทที่ 256 ปราบนพยมโลก!

เยี่ยนจ้าวเกอมองดูผู้อาวุโสหลิว ยิ้มไม่ได้พูดจา ใจจดใจจ่ออยู่ที่การควบคุมมหาค่ายกลแดนมาร

สือเถี่ยก็มองผู้อาวุโสหลิว เอื้อยเอ่ยอย่างเชื่องช้า “หลังท่านอาจารย์ลุงหวัง ท่านอาจารย์อาหลิวท่านก็มีเหตุผลเดียวกันเช่นกันหรือ?”

ผู้อาวุโสหลิวแค่นหัวเราะครั้งหนึ่ง “คนที่ไม่ถึงวัยกลางคนก็บรรลุถึงขั้นรูปญาณเช่นเจ้า จะเข้าใจพวกข้าได้อย่างไร?”

เขากล่าวเย็นชา “พูดไปสองไพรเบี้ย วัดฝีมือที่แท้จริงเสียเถิด!”

ชายหนุ่มผงกศีรษะ “วาจานี้ข้าเห็นด้วยยิ่ง”

ขณะกล่าว มือซ้ายเยี่ยนจ้าวเกอยังคงทาบไปบนเจดีย์สูงสีทอง จากนั้นมือขวาก็เขียนอาคมแล้วอาคมเล่า สลักลงในอากาศ

อาคมเหล่านั้นตกไปบนเจดีย์สูงสีทอง ฉับพลันนั้นเสถียรอีกครั้งทันใด แสงสุกสกาวสีแดงโลหะบนยอดเจดีย์ยิ่งรุ่งโรจน์

ประตูที่ทอดเงาลงบนพื้น ยิ่งแจ่มชัดเป็นของจริง ค่อยๆ ควบแน่นก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างในที่สุด พาให้พื้นดินกว้างใหญ่เริ่มแตกร้าว!

พื้นดินด้านล่างที่แตกร้าว ไม่ใช่หินดิน แต่เป็นแสงสีแดงผืนหนึ่ง!

มิติเวลาที่บิดเบี้ยว หาได้ทะลุสู่ใต้ปฐพีโลกแปดพิภพไม่ หากแต่เป็นนพยมโลกในตำนาน!

พลังปราณที่ยั่วยุจิตใจผู้คน พิลึกพิลั่นน่าพรั่นพรึง ในชั่วขณะนี้บรรลุถึงจุดสูงสุดอย่างไม่เคยมีมาก่อน ทำให้ผู้คนแทบจะบ้าคลั่ง!

ผู้อาวุโสหลิวที่อยู่ท่ามกลางแสงสีแดง ยามนี้คล้ายกับได้รับแรงดีดกลับของค่ายกล บนใบหน้าปรากฏเห็นสีแดงโลหิตผิดปกติก่อน จากนั้นถึงเปลี่ยนเป็นซีดเซียว

ยันต์หยกสีดำในมือเขาแตกกระจายดังเพล้ง เศษหยกดำกระเด็นกระทบไปบนดวงหน้าและบนร่างของเขา ทิ่มลึกลงไปในเนื้อหนัง ระเบิดทั่วใบหน้าเขาอย่างไม่คาดคิด

“เยี่ยนจ้าวเกอ!” ผู้อาวุโสหลิวแผดเสียงราวกับสัตว์ป่าได้รับบาดเจ็บออกมา

ขณะที่แสงสว่างไสวสีแดงบนประตูแสงกวัดแกว่าง ภาพร่างของผู้อาวุโสหลิวค่อยๆ สลายไปไม่พบเห็น

“แจ้งเรื่องนี้กับทางสำนักทันทีเช่นกัน” สือเถี่ยกล่าวโดยไม่เหลียวกลับมา ผู้อาวุโสฉงที่อยู่ข้างๆ ค้อมกายขานรับ

เยี่ยนจ้าวเกอเอื้อนเอ่ย “ท่านอาจารย์ลุงใหญ่ บัดนี้ยังคงเป็นประตูเทียม เป็นชั่วขณะสุดท้ายก่อนจะกลายเป็นจริงแท้!”

สือเถี่ยมองดูรอยแยกน่าหวาดกลัวที่แตกร้าวอยู่บนพื้นดิน สัมผัสได้ถึงพลังปราณจากนพยมโลกที่ซัดสาดกระหน่ำสูงระฟ้า ครั้นเดินรุดขึ้นหน้าไป อาคมวิญญาณนับไม่ถ้วนเริ่มปรากฏอยู่รอบกายเขา

อาคมวิญญาณแปรสภาพเป็นค่ายกลแล้ว ค่ายกลเล่า รวมตัวกันเป็นแสงโชติช่วงที่คล้ายกับแท่นบูชา คล้ายกับสถูปเจดีย์องค์หนึ่ง คลุมครอบร่างกายสือเถี่ยไว้

แท่นบูชาหดเล็กลง รวบกระชับขึ้น ผสานเข้ากับทั้งร่างสือเถี่ย ทั้งภายในและภายนอกโปร่งแสงใสแจ๋ว แผ่กระจายแสงสุกสว่างไร้ที่สิ้นสุด

เวลานี้สือเถี่ยคล้ายกับแปลงกายเป็นเข็มเทพสยบคลื่นแกร่งกล้าไม่อาจทำลาย เป็นหินหลักกลางกระแสชล[1]

เขาสืบเท้ารุดหน้ามาถึงยังด้านบนเหวลึกสีแดงก่ำนั่น ทั้งร่างเหยียบอยู่บนรอยแตก

เหวลึกสั่นสะเทือนชัดเจนอยู่ครู่หนึ่ง ต่อมาสือเถี่ยออกหมัด พลังหมัดนั้นเชื่องช้า ควบแน่นหนักอึ้งจนสุดขีด ดูไปแล้วเชื่องช้าและไม่เตะตา ทว่ากลับเปี่ยมล้นไปด้วยกลิ่นอายของความเป็นอมตะนิรันดร์ประเภทหนึ่ง

ราวกับว่าต่อยหมัดนี้ออกไปแล้ว จะสามารถทำให้การเปลี่ยนผ่านวิบัติกลับตาลปัตรนิ่งลงได้ ทำให้การโคจรหมุนเวียนของดาวเคราะห์จักรวาลคงที่ได้

รอยแยกเหวลึกสีแดงก่ำนั่น ชั่วขณะนี้คล้ายกับถูกกำหนดนิ่ง มิติและเวลาหยุดนิ่งพร้อมกัน

มีเพียงพลังปราณของนพยมโลกอันโหดเหี้ยมเท่านั้นที่ยังคงพุ่งพรวดพราว มันคล้ายกับถูกสือเถี่ยยั่วโทสะ มีการดำรงอยู่ที่น่าหวาดผวาไร้ที่เปรียบ กำลังจะถลาออกมาจากภายในรอยแยก!

เกราะเทวะแสงลึกล้ำบนร่างสือเถี่ยเปล่งแสงสีดำระยิบระยับ หนุนเสริมหมัดหนักหน่วงดุจภูเขานับพันหมัดนี้ของเขา โจมตีจนบริเวณขอบรอยแยกมิติล้วนคล้ายกับกำลังบิดเบี้ยว

พลังของวิชาสยบสมุทรค้ำฟ้า บังคับปราบเหวลึกรอยแยกแดงก่ำสายนั้นไว้

รอยแยกสีแดงก่ำเหมือนปากแผลของโลกแปดพิภพก็ไม่ปาน ชั่วขณะนี้บิดเบี้ยวไปมาอย่างดุเดือด คิดจะดิ้นรนแผ่ขยาย

กระนั้นกลับถูกเจตจำนงหมัดวรยุทธ์ของสือเถี่ยระงับไว้ ไม่อาจแผ่ขยายออกไปอีกขั้นตั้งแต่แรก

ภายในรอยแยกราวกับมีสัตว์ที่ดุร้ายจนตรอก อยากจะดิ้นรนหลุดพ้นจากกรงขัง มาถึงยังโลกใบนี้ ทำลายล้างทั่วสารทิศตามใจ

สือเถี่ยระงับประตูนพยมโลกไว้ได้สำเร็จ หากแต่พวกเยี่ยนจ้าวเกอกลับยังไม่สามารถคลายความระแวดระวังได้

ประตูด้านบนเจดีย์สูงสีทอง ที่ลำแสงสีแดงโลหิตหลอมรวมนั่น ยามนี้เริ่มอันตรธานหายไป

แสงโชติช่วงของเจดีย์สูงเอง ก็ค่อยๆ สลัวมืดลง ประหนึ่งเป็นเจดีย์หินธรรมดาทั่วไปองค์หนึ่ง

ลวดลายค่ายกลสีดำแต่ละสายที่พันเกี่ยวบนเจดีย์สีทอง ขาดสะบั้นเลือนหายเช่นเดียวกัน

เขตแดนไอมารที่ปกคลุมดินแดนบรรพชนตระกูลหวัง ไม่ได้กระจายไปทั้งหมด กลับเริ่มจะค่อยๆ บังเกิดความเปลี่ยนแปลงด้วยซ้ำไป

เขตแดนไอมารสีดำ กำลังค่อยๆ เปลี่ยนทิศไปทางสีแดงโลหิตแวววับ

ขณะนี้แหล่งกำเนิดพลังของแดนมาร ได้เปลี่ยนเป็นประตูนพยมโลกอันน่าประหวั่นบานนั้นแล้ว

ค่ายกลเดิม พลังผลาญสิ้น สิ้นสุดภารกิจของตนเอง เริ่มเลือนหายในที่สุด หากแต่แดนมารที่ยิ่งทวีความน่าพรั่นพรึง ชั่วขณะนี้ถึงค่อยเริ่มมาเยือนโลกมนุษย์

แดนมารที่จริงแท้!

พวกเยี่ยนจ้าวเกอถูกไอมารทรงพลังสีแดงโลหิตปกคลุม ต่างก็รู้สึกว่าแต่ละอารมณ์ความรู้สึกแง่ร้ายในใจตนถูกขยายทวีคูณ

เทียบกับในแดนมารสีดำก่อนหน้า ขณะนี้คิดอยากจะสงบจิตใจ ดูจะยิ่งยากมากขึ้น

โดยเฉพาะอย่างยิ่งแรงกดดันที่มหาศาลอย่างยิ่งยวดที่การมาเยือนของนพยมโลกนำพาให้ ชั่วขณะนี้ทุกๆ คนกระสับกระส่าย กระวนกระวานถึงขั้นที่อารมณ์หวาดกลัว ระแวดระวัง ล้วนไม่หยุดก่อเกิดเพิ่มพูน

ความบุ่มบ่ามอยากสังหารและทำลายที่ตามมา ก็แก่กล้าขึ้นไม่หยุดยั้งเช่นกัน

ทุกคนรวมถึงสือเถี่ย ล้วนจำเป็นต้องควบคุมความคิดชั่วร้ายแต่ละแบบในใจตน เพื่อรับประกันว่าตนเองจะไม่ถูกนพยมโลกรุกเข้ากัดกร่อน

เมื่อถูกเบนความสนใจเช่นนี้ พลังความสามารถของทุกคนจึงลดทอนลงไปอย่างมาก

สือเถี่ยปราบประตูนพยมโลก มีแรงกดดันมหาศาลที่สุด ทว่าเหวลึกสีแดงก่ำเบื้องล่าง ยิ่งบิดเบี้ยวรุนแรงขึ้น

ชั่วขณะรางเลือนไม่ชัดเจน คล้ายกับมีโลหิตไหลบางสีแดงเข้ม กำลังทะลักออกมาจากภายในเหวลึกสีแดงก่ำ

เยี่ยนจ้าวเกอสูดหายใจเข้าลึกคำหนึ่ง ยกเสาทางเดินวังเทพขึ้น ส่วนปีกเซียนกระเรียนเบื้องหลังสยายออก ร่อนถลาไปยังเหวลึกแดงก่ำอย่างฉับไว

เมื่ออยู่เหนือเหวลึกแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอตบเสาวังเทพครั้งหนึ่ง บนเสาพลันมีริ้วแสงหลายสายเปล่งแสงจ้าตาวามวาบ ทุ่มร่วงลงไปยังเหวลึกสีแดงก่ำเบื้องล่าง!

เหวลึกแดงก่ำที่กำลังแข่งขันกับสือเถี่ย ครั้นถูกเสาทางเดินวังเทพปราบปราบ พลังอันโหดเหี้ยมของมันจึงตกต่ำลง

สือเถี่ยพลันส่งเสียงดัง เจตจำนงหมัดวรยุทธ์ทั่วร่างสำแดงถึงขีดสุด สายโลหิตที่เอ่อท่วมออกมาจากเหวลึกแดงก่ำ บัดนี้ถูกกดกลับไปอีกฉับพลัน

พลังปราณนพยมโลกพุ่งสูงบ้าคลั่ง ประหนึ่งโมโหสุดขีด ไม่ยินยอมถอยทัพ

ไอมารสีแดงโลหิตถูกแหวกออก กลุ่มคนพุ่งพรวดเข้ามา กลับเป็นกลุ่มคนผู้อาวุโสสูงสุดเกาะทราย นัยน์ตาแลเห็นแดนมารบังเกิดความแปรเปลี่ยน รู้ว่าแผนการของเยี่ยนจ้าวเกอและสือเถี่ยสำเร็จเกิดกว่าครึ่ง จึงรีบเร่งเข้ามาหนุนกำลัง

ผู้อาวุโสสูงสุดเกาะทรายแม้ว่าจะด้อยกว่าสือเถี่ยอักโข ทว่าก็เป็นยอดฝีมือมหาปรมาจารย์ขั้นรูปญาณเช่นกัน และยังเป็นกองกำลังแข็งกล้า

มีเขาเข้าร่วม ประตูนพยมโลกพลันถูกผลักให้เสียเปรียบในที่สุด เริ่มต้นสมาน!

พลังปราณนพยมโลกพุ่งสูงขึ้น ส่งทอดบรรยากาศอันบ้าคลั่งสุดท้ายออกมาจากภายใน

เวลานี้ ภายในแสงสีแดงที่มาจากเหวลึกพลันมีแสงสีดำมากมายพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า โจมตีมาทางเยี่ยนจ้าวเกอกับสือเถี่ย!

ผู้อาวุโสฉงและยอดฝีมือมหาปรมาจารย์สำนักเขากว่างเฉิงคนอื่นๆ ทยอยรุดหน้า กำบังสือเถี่ยและเยี่ยนจ้าวเกอไว้

กระนั้นแสงรุ่งโรจน์โหดร้ายน่ากลัวหาที่เปรียบได้ไม่นั้น ก็ทยอยถูกทำให้กระเด็นกลับไป ด้วยพลังฝึกปรือระดับมหาปรมาจารย์ขั้นกำเนิดญาณของกลุ่มผู้อาวุโสฉงด้วยเช่นกัน

แสงสว่างไสวระเบิดออกมา มีมหาปรมาจารย์กว่างเฉิงขั้นซ่อนจิตคนหนึ่ง พลาดก้าวเดียวแพ้พ่ายทั้งกระบวนท่า มือขวาถูกระเบิดกระจายโดยพลัน!

“สายฟ้าโลกันตร์!” ลูกตาดำเยี่ยนจ้าวเกอหดลงเล็กน้อย

ครั้นเห็นสือเถี่ยกับผู้อาวุโสสูงสุดเกาะทรายสามารถระงับรอยแยกได้แล้ว เยี่ยนจ้าวเกอก็ควบคุมเสาทางเดินวังเทพ ปราบปรามสายฟ้าโลกันตร์ที่โจมตีเข้ามาเหล่านั้น

ถูกเสาทางเดินวังเทพระงับ สายฟ้าโลกันตร์ที่เหลืออยู่ทยอยกลายสภาพเป็นไข่มุกสายฟ้าดำมืดมากมาย ทว่ายังคงโจมตีโครมครามจนเสาวังเทพไม่มั่นคง

เยี่ยนจ้าวเกอกับเสาทางเดินวังเทพล้มลงไปบนพื้นพร้อมกัน จากนั้นก็แลเห็นไข่มุกสายฟ้าดำมืดเม็ดหนึ่ง กลิ้งตกไปยังพื้นที่ที่ห่างตนไปเพียงแค่คืบ!

ทันใดนั้นเอง ข้างกายพลันมีเงาร่างใหญ่ยักษ์เงาหนึ่งพุ่งพรวดออกมา ก้มหน้าลงคาบไข่มุกสายฟ้าเม็ดนั้นขึ้น จากนั้นวิ่งออกไกลออกไปอย่างฉับไว

ชายหนุ่มพลันเบิกตาโพลง

พ่านพ่าน!

—————————-

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

Score 7.9
Status: Ongoing Artist: Native Language: Chinese
อ่านเรื่อง ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพีชายหนุ่มข้ามมิติกาลเวลาครั้งแรกมาสู่ยุคสมัยที่อารยธรรมวรยุทธ์รุ่งเรืองจนถึงที่สุด มุมานะศึกษาและฝึกฝนคัมภีร์สุดยอดวิชาที่เก็บรวบรวมไว้ในวังเทพมากมาย แต่แล้วยุคสมัยอันรุ่งโรจน์ก็ต้องพบพานกับวิกฤติการณ์ครั้งใหญ่ ทุกสิ่งทุกอย่างพังทลายจนหมดสิ้น ทว่าชายหนุ่มผู้นั้นก็พาตนเองและสมองที่เปี่ยมไปด้วยความรู้ของสุดยอดวิชา ข้ามมิติกาลเวลาอีกครั้งไปสู่ยุคสมัยใหม่ ยุคสมัยนี้มีสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกขัดใจยิ่งนัก นั่นก็คือทุกอย่างช่างง่ายดายไปเสียหมด จนทำให้เขาได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในสี่คุณชายแห่งยุค เหนือกว่าจอมยุทธ์รุ่นเยาว์ผู้ใดในบรรดาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดในเวลาชั่วพริบตา กระนั้น แม้เขาจะยอดเยี่ยมอย่างไร เป็นที่น่าเคารพเลื่อมใสต่อศิษย์น้องในสำนักเพียงใด มีชื่อเสียงขจรไกลไปถึงหนแห่งไหน สุดท้ายแล้วก็ยังมีคนปากกล้าและอวดดี กังขาในความสามารถของเขาอยู่ตลอดเวลา ไม่รู้จักเจียมตัวก็แล้วไปเถอะ แต่จะหาเรื่องคนที่มีพลังแก่กล้ากว่าตนอยู่อักโขเช่นนี้ ก็คงต้องประมือกันสักตั้งแล้ว “หากชอบรนหาที่ตายนัก ข้าจะสนองให้พวกเจ้าเอง!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset