สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน – ตอนที่ 53 ยังคงเกิดปัญหา

         “ซูจิ่นซี เจ้าทราบความผิดของเจ้าหรือไม่? ”

        ฮ่องเต้ตรัสอย่างน่าเกรงขาม

        ซูจิ่นซีถูกองครักษ์คุมตัวกลับมาตำหนักจ้งหวา จะไม่ทราบว่าพระองค์กริ้วได้อย่างไร? ทว่าเวลานี้นางไม่อาจล่าช้าได้อีกต่อไป ยิ่งไม่มีความคิดที่ต้องการอธิบาย

        “ฝ่าบาท หม่อมฉันไปตามหายาอายุวัฒนะที่ใช้รักษาฮองเฮามาเพคะ หากฝ่าบาทยังคงเชื่อใจหม่อมฉัน เช่นนั้นตอนนี้พวกเรามาเริ่มรักษาฮองเฮากันเถิดเพคะ! ”

        “ยาอายุวัฒนะ? ”

        ฮ่องเต้มองซูจิ่นซีอย่างไม่กล้าที่จะเชื่อเล็กน้อย ในวังของเขายาดีอันใดก็มีหมด ยังจะต้องไปหาจากด้านนอกอีกหรือ?

        ซูจิ่นซีดูเหมือนจะมองออกถึงพระทัยของฮ่องเต้ “ฝ่าบาท ในวังไม่มีปัญหาขาดแคลนทรัพย์สมบัติ ทว่ามีบางสิ่งที่ราชวังแห่งนี้ยังไม่มีเพคะ”

        เมื่อฮ่องเต้ได้ยินคำพูดของซูจิ่นซี พระองค์ก็รู้สึกไม่สบายพระทัยและกริ้วเล็กน้อย ทว่าซูจิ่นซีก็ไม่สนใจเช่นกัน นางยื่นกล่องที่มียาจื่อจูในมือให้อวิ๋นจิ่น “หมอหลวงอวิ๋น ท่านดูสิ นี่ใช่สมุนไพรที่ท่านบอกข้าหรือไม่? ”

        อวิ๋นจิ่นหยิบยาสมุนไพรออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ เขาเปิดกล่องออกดู ทันใดนั้นดวงตาที่จ้องมองก็ราวกับกำลังจะถลนออกมา ไม่เคยคิดอย่างเด็ดขาดว่าในช่วงชีวิตของเขาจะได้เห็นจื่อจูด้วยตาตนเองจริงๆ ในฐานะหมอแม้ตายก็ไม่เสียใจแล้ว

        อวิ๋นจิ่นตรวจสอบหลายครั้งก่อนจะยืนยัน “พระชายา ยานี้เป็นยาอายุวัฒนะที่กระหม่อมบอกกับท่านไว้ก่อนหน้านี้ ถูกต้องอย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”

        ซูจิ่นซีพยักหน้าอย่างพึงพอใจแล้วจึงกล่าวกับฮ่องเต้ “ฝ่าบาท หม่อมฉันพร้อมที่จะรักษาฮองเฮาแล้วเพคะ หม่อมฉันต้องการเพียงหมอหลวงอวิ๋นอยู่เป็นผู้ช่วยเพียงคนเดียวเท่านั้น ขอให้พระองค์และทุกท่านรออยู่ด้านนอกก่อนนะเพคะ”

        นี่เป็นครั้งที่สองที่ซูจิ่นซีได้ขับไล่ผู้คนออกไป พระพักตร์ของฮ่องเต้ดำมืดจนไม่สามารถดำได้อีก

        “ซูจิ่นซี เจ้ามีแผนการอันใดหรือไม่? ในเมื่อเจ้ามีความสามารถในการรักษาเสด็จแม่ ก็ควรปฏิบัติอย่างตรงไปตรงมา ไม่จำเป็นจะต้องปิดบัง หรือว่ามีอันใดไม่ดีอยู่ถึงให้คนเห็นแผนชั่วไม่ได้ ? ”

        เยี่ยเซินก็ไม่มั่นใจเช่นกัน

        “ใช่ พี่สะใภ้! ถึงแม้ว่าท่านจะตรวจวินิจฉัยด้วยความสามารถของท่านจริงๆ ทว่ากลับเป็นเช่นนี้ทุกครั้ง มันยากที่พวกเราจะไม่คิดสงสัยนะเจ้าคะ ท่านควรปฏิบัติอย่างตรงไปตรงมา! พวกเราล้วนเป็นคนนอก หรือว่าท่านกลัวพวกเราจะขโมยทักษะการแพทย์ของท่านเช่นนั้นหรือ? ”

        น้ำเสียงของเว่ยเหม่ยเจียค่อนข้างแดกดัน

        “ซูจิ่นซี ไม่มีความสามารถพอก็อย่าแสร้งทำเป็นเก่งเลย ข้าเคยบอกแล้ว ขอเพียงเจ้ากลับไปกับข้า เรื่องก่อนหน้านี้ข้าก็จะลืมเสียให้หมด หากมิเช่นนั้น ต่อไปนี้เยี่ยโยวเหยาจะไม่มีภรรยาเช่นเจ้าอีก เจ้ากับหนานย่วนของข้าและจวนโยวอ๋องก็จะไม่มีอันใดที่เกี่ยวข้องกันอีกต่อไป”

        เฉินไท่เฟยกำลังกดดันซูจิ่นซี

        “เสด็จแม่ มีคำพูดบางอย่างที่ตอนนี้ไม่สามารถอธิบายได้ รอกลับไปก่อนแล้วหม่อมฉันจะอธิบายให้ท่านฟังเพคะ” ซูจิ่นซีพูดจบ ยังไม่ทันรอให้เฉินไท่เฟยตอบ นางก็กล่าวกับฮ่องเต้ทันทีว่า “ฝ่าบาท ตอนที่หม่อมฉันรักษาผู้ป่วยมักไม่คุ้นเคยกับการที่มีผู้อื่นรบกวนเพคะ นี่เป็นความเคยชิน หากไม่สามารถปฏิบัติตามคำขอนี้ได้ โปรดอภัยโทษให้หม่อมฉันด้วยที่ไม่สามารถช่วยได้เพคะ”

        ทำได้ดีนี่ซูจิ่นซี ข่มขู่ข้าครั้งแล้วครั้งเล่า เจ้าคิดว่าข้าไม่กล้าฆ่าเจ้าจริงๆ อย่างนั้นหรือ?

        ดวงตาของฮ่องเต้หรี่ลงอย่างอันตราย เขามีเจตนาฆ่าซูจิ่นซีจริงๆ ทว่ามันถูกซ่อนไว้ในชั่วพริบตาเดียว

        “ซูจิ่นซี อย่าลืมว่าเจ้าสัญญากับข้าก่อนหน้านี้ว่าหากโรคของฮองเฮารักษาไม่หาย ข้าจะไม่ปล่อยจวนโยวอ๋องและหนานย่วน แม้แต่ผู้เดียวข้าก็จะไม่ละเว้น”

        หลังจากตรัสด้วยน้ำเสียงเย็นชา พระองค์ก็เหลือบมองไปยังเฉินไท่เฟย และเสด็จตรงไปยังประตูตำหนัก

        ฮ่องเต้เสด็จไปแล้ว เยี่ยเซินกับข้ารับใช้ก็ออกไปด้วยเช่นกัน มีเพียงเฉินไท่เฟยที่ยังดื้อรั้นไม่ยอมออกไป

        “เสด็จแม่…”

        คำพูดของซูจิ่นซียังไม่ทันได้พูดจบ เฉินไท่เฟยก็เอ่ยขึ้นมา “ซูจิ่นซี หากเจ้ารักษาฮองเฮาไม่หาย เจ้าก็ไม่ต้องกลับมาให้ข้ากับโยวเหยาเห็นหน้าอีก! ”

        ซูจิ่นซีตกตะลึงเล็กน้อย ทว่าในไม่ช้าก็เข้าใจความหมายของเฉินไท่เฟยและพยักหน้าอย่างมีความสุข  “เพคะ เสด็จแม่! หม่อมฉันจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง! ”

        หลังจากนั้น ซูจิ่นซีก็เข้าไปในห้องของฮองเฮากับอวิ๋นจิ่น

        เว่ยเหม่ยเจียคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่าท้ายที่สุดแล้วเฉินไท่เฟยจะเห็นด้วยกับการรักษาฮองเฮาของซูจิ่นซี นางประหลาดใจและตกใจเล็กน้อย ทว่าความริษยาและความขุ่นเคืองมีมากยิ่งกว่า ที่พักแขนด้านหลังรถเข็นของเฉินไท่เฟยถูกมือของนางจับอย่างแรง จนใกล้จะหลุดติดมือออกมาแล้ว

        เมื่อมีเพียงซูจิ่นซีและอวิ๋นจิ่นในห้องด้านใน ซูจิ่นซีก็หายใจเข้าลึกๆ หนึ่งครั้ง

        เมื่อครู่การขัดขวางเฉินไท่เฟยกับไขข้อสงสัยของทุกคนนั้นไม่ยากเท่าไร ความยากลำบากที่แท้จริงพึ่งจะเริ่มต้นขึ้น!

        แม้ว่าก่อนหน้านี้ซูจิ่นซีจะพูดจาเกินความสามารถต่อพระพักตร์ฮ่องเต้ไปเสียหน่อย นางพูดว่าตนเองสามารถรักษาโรคของฮองเฮาให้หายได้อย่างแน่นอน ทว่าความจริงแล้ว แม้ตอนนี้นางจะมีจื่อจูและอวิ๋นจิ่นอยู่ นางก็มั่นใจเพียงครึ่งเดียวว่าจะสามารถรักษาโรคของฮองเฮาได้ อีกครึ่งหนึ่งที่เหลือล้วนเป็นความเสี่ยงทั้งหมด

        ตั้งแต่เล็กจนโต นี่เป็นครั้งแรกที่ซูจิ่นซีทำเรื่องที่นางไม่มั่นใจ ในตอนนี้ฝ่ามือของนางจึงเต็มไปด้วยเหงื่อที่เย็นเฉียบ

        “พระชายา ท่านวางใจเถิดพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะใช้ความสามารถทั้งหมดช่วยท่านอย่างเต็มที่แน่นอนพ่ะย่ะค่ะ! ”

        เหมือนว่าอวิ๋นจิ่นจะดูออกว่าซูจิ่นซีกำลังเคร่งเครียดจึงช่วยทำให้นางลดการกดดันตนเองลง

        ซูจิ่นซียิ้มอย่างอ่อนโยนให้อวิ๋นจิ่น นางเดินไปที่แท่นบรรทมของฮองเฮาอย่างมุ่งมั่น และไม่ทราบว่าเมื่อไรที่มีเม็ดยาสีดำปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของนาง

        “หมอหลวงอวิ๋น นี่เป็นยาเม็ดชุยเชวี่ย หลังจากที่ฮองเฮากลืนมันลงไป ไม่นานสิ่งมีชีวิตในท้องก็จะกลายเป็นเลือด ข้าจะใช้เข็มเพื่อคอยบังคับเลือดให้ออกจากร่างกาย เมื่อฮองเฮาหลั่งโลหิตเป็นจำนวนมาก เจ้ามีหน้าที่บดจื่อจูให้เป็นผงผสมกับน้ำแล้วให้ฮองเฮาเสวยลงไป จะต้องกระทำอย่างรวดเร็ว! ”

        อวิ๋นจิ่นพยักหน้า

        ซูจิ่นซีวางยาในมือของนางลงในปากของฮองเฮาด้วยสีหน้าจริงจัง ฮองเฮาเริ่มแสดงออกถึงความเจ็บปวดทีละน้อย สิ่งมีชีวิตในท้องของพระองค์ก็เริ่มมีการเคลื่อนไหวมากขึ้นเรื่อยๆ หลังจากนั้นไม่นานความถี่ในการขยับตัวของสิ่งมีชีวิตก็ค่อยๆ ลดลง ซูจิ่นซีรีบหยิบเข็มเงินออกมาจากกระเป๋าแพทย์และเริ่มฝังเข็มให้ฮองเฮา

        เวลาเพียงไม่นาน เข็มจำนวนมากถูกฝังไปตามจุดสำคัญทั่วพระวรกายของฮองเฮา กระแสโลหิตสีดำไหลออกมาอย่างต่อเนื่องจากพระวรกายส่วนล่างของพระองค์ สีหน้าของซูจิ่นซียังคงจริงจังมาก นางไม่กล้าละเลยแม้เพียงนิด

        “หมอหลวงอวิ๋น จื่อจู เร็ว! ”

        “พ่ะย่ะค่ะ! ”

        อวิ๋นจิ่นตอบรับอย่างจริงจังเช่นกัน ในมือถือจื่อจูหนึ่งช้อนที่เขาเตรียมไว้ก่อนหน้าและป้อนให้ฮองเฮาเสวย

        ซูจิ่นซีไม่ห่างออกไปที่ใดเลยแม้แต่วินาทีเดียว การแสดงออกของนางดูแล้วสงบนิ่งเป็นอย่างมาก นางจับชีพจรของฮองเฮาอยู่ตลอด แม้ว่าสภาวะชีพจรของฮองเฮาจะค่อยๆ คงที่ หลังจากที่โลหิตสีดำไหลออกมา โลหิตสีปกติในพระวรกายส่วนล่างของพระองค์ก็ไหลน้อยลงเรื่อยๆ ทว่าซูจิ่นซีก็ยังไม่กล้าคลายความกังวลลง

        “พระชายา ดูเหมือนว่าเจ้าตัวกู่ที่อยู่ในท้องของฮองเฮาจะกลายเป็นเลือดไปแล้ว จื่อจูก็ใช้ได้ผลเช่นกัน ภายหลังหากบำรุงรักษาอย่างระมัดระวังเสียหน่อย ฮองเฮาก็จะสามารถหายเป็นปกติพ่ะย่ะค่ะ”

        ซูจิ่นซีหลับตาลง หายใจเข้าลึกๆ หายใจออกยาวๆ นางรู้สึกเหงื่อเย็นเต็มไปทั่วแผ่นหลังของนาง

        ยาเม็ดชุยเชวี่ยที่นางให้ฮองเฮากลืนลงไปก่อนหน้านั้นแท้จริงแล้วเป็นยาพิษชนิดหนึ่งซึ่งใช้ในการเปลี่ยนตัวกู่ในช่องท้องของฮองเฮาให้เป็นเลือด ต่อมาขั้นตอนการฝังเข็มและใช้จื่อจูนั้นสำคัญมาก หากไม่สามารถฝังเข็มให้ยาเม็ดชุยเชวี่ยเข้าไปทำให้ตัวกู่นั้นกลายเป็นเลือดและไหลออกมาทั้งหมดภายในครึ่งชั่วยามแล้วละก็ มันจะทำให้พิษของชุยเชวี่ยหลงเหลืออยู่ในพระวรกายของฮองเอา และฮองเฮาก็จะถูกยาชุยเชวี่ยกัดกินจนสิ้นพระชนม์ในทันที

        ทว่านี่เป็นเพียงขั้นตอนที่สอง ขั้นตอนที่สามที่ต้องใช้จื่อจูก็สำคัญมากเช่นกัน เลือดที่ไหลออกมาจะทำให้ฮองเฮาเสียโลหิตไปมาก หากจื่อจูออกฤทธิ์ไม่ทันหรือผลการแข็งตัวของเลือดไม่ดี ฮองเฮาก็จะเสียโลหิตไม่หยุด ท้ายที่สุดก็ต้องสิ้นพระชนม์

        สวรรค์รู้ดีว่าเวลาเกือบหนึ่งชั่วยามนี้ในใจของซูจิ่นซีทรมานเพียงใด

        หากทุกอย่างราบรื่นได้ก็ไม่เป็นไรแล้ว

        “พระชายา ท่านพักผ่อนสักหน่อยเถิด! ต่อไปมอบให้เป็นหน้าที่กระหม่อมจัดการก็พอแล้วพ่ะย่ะค่ะ! ”

        อวิ๋นจิ่นเอ่ยขึ้น

        ฮองเฮาผ่านพ้นช่วงอันตรายไปแล้ว เรื่องต่อไปคือการควบคุมยา ซูจิ่นซีได้สั่งยาและเตรียมเครื่องปรุงยาจีนเอาไว้แล้ว เพียงแต่ให้อวิ๋นจิ่นทำยานี้ออกมาให้ฮองเฮาเสวยก็พอ

        ซูจิ่นซีพยักหน้า นางเดินไปนั่งที่เก้าอี้อีกด้าน รินน้ำหนึ่งแก้วเตรียมจะดื่ม ทว่าอวิ๋นจิ่นที่อยู่ด้านหลังกลับส่งเสียงดังขึ้นมาอย่างกะทันหัน “แย่แล้ว พระชายา ฮองเฮาโลหิตทะลักแล้วพ่ะย่ะค่ะ! ”

        เสียง “เพล้ง” ดังขึ้น แก้วสีเขียวมรกตที่อยู่ในมือของซูจิ่นซีตกลงไปบนพื้นทันที นางรีบหันกลับมาและเดินไปยังแท่นบรรทมของฮองเฮา ภาพที่เห็นทำให้นางตกใจจนสั่นสะท้าน ใบหน้าซีดเผือดทันใด

        เลือดจำนวนมากไหลมาจากพระวรกายส่วนล่างของฮองเฮา ซึ่งปริมาณนั้นมากกว่าเลือดที่ไหลออกมาในคราวที่ฝั่งเข็มเงินเสียอีก ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีจุดเลือดสีม่วงอมน้ำเงินจำนวนมากปรากฏขึ้นที่คอและแขนของฮองเฮา แม้แต่ทวารทั้งเจ็ดก็ค่อยๆ หลั่งเลือดออกมาแล้ว

        เหตุใด… เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้?

        “จื่อจู… จื่อจูไม่ได้ออกฤทธิ์ใช่หรือไม่? ”

        มุมปากของซูจิ่นซีสั่นระริก

        ใบหน้าของอวิ๋นจิ่นซีดเผือด ร่างกายไม่หยุดสั่น “แย่แล้ว… แย่แล้ว… ครั้งนี้จบสิ้นแล้วเป็นแน่ พระชายา จื่อจู… จื่อจูผลนี้เป็นจื่อจูที่ยังไม่สุกพ่ะย่ะค่ะ! ”

        กระไรนะ???

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน สามพันปีก่อนที่แผ่นดินเทียนเหอจะได้รับการจดบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ สกุลซู ตระกูลแพทย์ที่เก่าแก่และร่ำรวยแห่งแคว้นจงหนิง ภายในห้องที่รกร้างทรุดโทรมห้องหนึ่ง บุตรสาวคนที่เจ็ด ‘ซูจิ่นซี’ เสื้อผ้าขาดลุ่ย ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลถูกมัดติดกับเสา ข้างกายคือสาวงามนางหนึ่ง นางสวมอาภรณ์หรูหรา ในมือถือกริชค่อยๆ เฉือนลงบนร่างกายของซูจิ่นซี “ไอ้โง่ เจ้ายังไม่ยอมอ้าปากพูดอีกหรือ หยกกิเลนอยู่ที่ใด” ร่างของซูจิ่นซีสั่นสะท้านด้วยความเจ็บปวด ทว่าปากก็ยังถูกปิดสนิทให้ไม่สามารถพูดได้แม้แต่คำเดียว ดวงตาสีเข้มมืดมนคลอด้วยหยาดน้ำตา ส่งสายตาวิงวอนต่อสาวงามนางนั้น หญิงสาวยิ้มมุมปากอย่างพอใจแล้วดึงผ้าที่อุดปากซูจิ่นซีออก สาวงามตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด “พูด! ” แต่นางกลับคาดไม่ถึงว่าซูจิ่นซีจะร้องไห้ส่งเสียงดังสนั่นราวกับเด็กน้อยขึ้นมา “พี่หญิงเป็นคนหลอกลวง ฮือ…ฮือฮือ…บอกว่าจะให้ข้ากินปลา ท่านพี่หลอกข้า ฮือฮือ ลวี่หลี… ข้าเจ็บเหลือเกิน! ลวี่หลี…ฮือฮือฮือ…ข้าเลือดไหล ลวี่หลี…” ดวงตาส่องประกายของสาวงามหม่นแสงลงทันที กริชในมือยกขึ้นจ่อคอของซูจิ่นซีอย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย “หุบปาก! หากยังตะโกนอีก ข้าจะฆ่าเจ้าเสียตอนนี้! ” ซูจิ่นซีหวาดกลัวเสียจนหยุดส่งเสียงร้องไห้ในทันใด อีกทั้งยังมองสาวงามด้วยแววตาขยาด ทว่าในขณะที่ดวงตาอันสับสนของซูจิ่นซีมองทะลุผ่านสาวงามไปยังบุรุษผู้มีรังสีมืดมนบนเก้าอี้ไม้จันทน์สีแดงแปดเหลี่ยมข้างหลังนาง ซูจิ่นซีก็รู้สึกกระสับกระส่ายขึ้นมา

Comment

Options

not work with dark mode
Reset