ประสิทธิภาพในการทำงานของอวิ๋นจิ่นนั้นรวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง ในไม่ช้านางกำนัลในวังหลวงก็นำยากลับมาให้ซูจิ่นซี
ซูจิ่นซีเปิดดูและยิ้มด้วยความพึงพอใจ นางรู้ว่าหากไปหาอวิ๋นจิ่น เรื่องที่ให้จัดการจะต้องสมบูรณ์แบบเป็นแน่
“น้ำในอ่างต้มเสร็จแล้วใช่หรือไม่? ”
ซูจิ่นซีถามขึ้น
“พระชายา เรียบร้อยแล้วเพคะ”
นางกำนัลตอบกลับ
“ฮองเฮาเพคะ พวกกระหม่อมได้เตรียมอ่างยาให้พระองค์แล้ว รบกวนฮองเฮาถอดฉลองพระองค์แล้วเข้าไปแช่น้ำในอ่างเพคะ”
“ได้! ”
ฮองเฮาทรงพระสรวลและตรัสขึ้น พระองค์เข้าไปในห้องแล้วถอดฉลองพระองค์ออก ซูจิ่นซีเดินไปด้านข้างอ่างอาบน้ำเพื่อทดสอบอุณหภูมิและนำยาทั้งหมดเทลงในอ่างน้ำ
ไม่นานหลังจากนั้น ฮองเฮาก็เสด็จออกมาจากห้องชั้นในพระวรกายสวมเพียงผ้าไหมเนื้อนิ่ม “พระชายาโยวอ๋อง เหตุใดข้าได้กลิ่นของน้ำแล้วรู้สึกว่ามันเหม็นคาวเล่า? ”
“ฮองเฮาเพคะ โดยธรรมชาตินั้น ยาที่ดีกับยาปกติไม่สามารถเปรียบเทียบกันได้ พระองค์ทรงเชื่อหม่อมฉันนะเพคะ! ”
“อืม! ”
ฮองเฮายังคงสงสัยอยู่บ้างเล็กน้อย
“จริงสิเพคะฮองเฮา เพื่อให้พระวรกายสามารถซึมซาบยาได้ดี ฉลองพระองค์ผืนนี้ก็ใส่ไม่ได้นะเพคะ” ซูจิ่นซีชี้ไปยังผ้าไหมเนื้อนิ่มบนตัวของฮองเฮา
“กลางวันแสกๆ เช่นนี้ หากไม่ใส่ชุดนี้แล้วข้าจะอาบยาได้อย่างไร? ”
ฮองเฮาพิถีพิถันเป็นอย่างมาก ทุกครั้งที่สรงน้ำจะต้องสวมใส่ผ้าไหมเนื้อนิ่มผืนบาง พระองค์ไม่ทรงโปรดการเปลือยกายสรงน้ำนัก
“ไม่ได้นะเพคะฮองเฮา หากจะถอนพิษก็ต้องรีบแล้วเพคะ”
“เช่นนั้นก็ได้! ”
ฮองเฮาทำได้เพียงประนีประนอม พระองค์กางแขนเพื่อให้นางกำนัลถอดผ้าไหมเนื้อนิ่มออก
ทว่าน้ำนี้มีกลิ่นคาวที่แปลกประหลาดเสียจริง! ฮองเฮาเหยียดพระบาทออกไป พระองค์ทำท่าเหยียบน้ำข้างในอยู่หลายครั้ง ทว่ายังคงไม่กล้าลงไปแช่พระวรกาย กลิ่นนี้ช่างน่าอาเจียนเหลือเกิน
“พระชายาโยวอ๋อง ยาที่เจ้าให้ข้าใช้นี้คือยากระไรกัน? กลิ่นช่างน่าอาเจียนเสียจริง เจ้าแน่ใจหรือว่ามันสามารถรักษาพิษบนร่างกายข้าได้? ”
“เป็นสูตรลับเฉพาะ ไม่อาจบอกได้เพคะ ฮองเฮา…พระองค์ทราบดีถึงกฎการรักษาผู้คนของหม่อมฉัน ทว่ายาอาบนี้เป็นเพียงขั้นตอนแรกเท่านั้น ต่อไปภายหลังยังมีอีกหลายขั้นตอนนะเพคะ! หากพระองค์ไม่เต็มใจยอมรับแม้แต่การรักษาในขั้นแรก เช่นนั้นก็โปรดประทานอภัยให้หม่อมฉันที่ไม่มีความสามารถ ขอพระองค์เชิญผู้มีฝีมือมาเถิดเพคะ! ”
ไร้สาระ หากสามารถหาผู้อื่นมาถอนพิษได้ ข้าก็ไม่ต้องแบกหน้าไปหาเจ้าแล้วซูจิ่นซี
“สามารถเปลี่ยนเป็นยาตัวอื่นได้หรือไม่? ”
ฮองเฮาถามด้วยน้ำเสียงขอร้องอย่างแผ่วเบา
ทว่าท่าทีของซูจิ่นซีนั้นจริงจังเป็นอย่างมาก นางยกแขนขึ้นกอดอก พร้อมกับส่ายศรีษะอย่างเชื่องช้า
ไม่มี! อย่าคิดเลย!
ถึงมีก็ไม่ให้พระองค์ใช้
“เอาเถิด! ข้าไม่ลงไปแช่ได้หรือ? ”
เพื่อถอนพิษ เพื่อมีชีวิต ฮองเฮาต้องสู้
ฮองเฮาหลับตาและกระโดดเข้าไปในอ่างอาบน้ำ
เพราะการเคลื่อนไหวที่มากเกินไป ยาในน้ำจึงกระเด็นออกมา กลิ่นคาวประหลาดนั้นก็โชยขึ้นอย่างรุนแรงครู่หนึ่ง น่าขยะแขยงเป็นอย่างยิ่ง
ฮองเฮาที่อยู่ในอ่างน้ำนั่งคลื่นไส้อยู่เป็นเวลานาน อีกนิดเดียวก็คงอาเจียนเอาอวัยวะภายในทั้งหมดออกมาแล้ว
“พระชายาโยวอ๋อง เจ้าให้ข้าใช้ยาอันใดกันแน่? เหตุใดข้าดมแล้วได้กลิ่นของส้วม”
“ฮองเฮาเพคะ จมูกของพระองค์มีปัญหาแล้วกระมังเพคะ? ของจำพวกนั้นหม่อมฉันจะนำมาให้พระองค์ใช้ได้อย่างไร? วางใจเถิดเพคะ! เมื่อถึงเวลาแล้วหม่อมฉันจะเรียกพระองค์เอง! เชื่อหม่อมฉันเถิดเพคะ! ”
ซูจิ่นซีขยิบตาอย่างซุกซนให้ฮองเฮาอีกครั้ง นางยกยิ้มอย่างไร้เดียงสา และสั่งให้นางกำนัลที่ยืนอยู่ด้านข้างคอยเติมไฟใต้อ่างอาบน้ำ
จมูกของฮองเฮาไม่ได้ดมกลิ่นผิดแต่อย่างใด มันคือกลิ่นของห้องส้วมจริงแท้แน่นอน เพียงแต่มันไม่ใช่กลิ่นที่อยู่ในโถส้วม ทว่าเป็นอย่างอื่น
วั่งเยวี่ยซา เป็นมูลของกระต่ายป่า
เยี่ยหมิงซา เป็นมูลของค้างคาว
อู่หลิงจือ เป็นมูลของกระรอกบิน
ไป๋ติงเซียง เป็นมูลของนกกระจอก
จีสื่อไป๋ เป็นมูลไก่
สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นยาจีนขนานแท้
ซูจิ่นซีไม่ได้ใส่เหรินจงหวง [1] ไปก็ถือว่าใจดีที่สุดแล้ว
ก่อนหน้านี้ผู้ใดใช้ให้ซูจิ่นซีทำงานหนักเพื่อสืบหาฆาตกรให้ฮองเฮากัน ทว่าท้ายที่สุดฮองเฮากลับไร้มนุษยธรรมยิ่งนัก อีกทั้งยังทรยศนางอีก
นี่คือชะตากรรม จุดจบของคนที่รุกรานซูจิ่นซี
สิ่งอื่นใดของซูจิ่นซีล้วนดีทั้งนั้น เพียงแต่นางเป็นคนใจแคบ แคบมาก แคบยิ่งนัก
ทั้งยังผูกพยาบาทเป็นอย่างยิ่ง
แม้ว่าตอนนั้นซูจิ่นซีจะไม่สามารถแก้แค้นได้ทันที ทว่าครั้งต่อไป นางจะต้องหาโอกาสตอบแทนกลับคืนให้หนักยิ่งกว่าเดิมอย่างแน่นอน
“โอ้ย… เหม็นมาก! เหม็นจะตายอยู่แล้ว! พระชายาโยวอ๋อง ยังเหลือเวลาอีกนานหรือไม่? ข้าแทบจะทนไม่ไหวแล้ว”
“ฮองเฮาเพคะ หม่อมฉันดูเวลาให้พระองค์อยู่ ใกล้แล้วเพคะ อีกนิดเดียวก็สำเร็จแล้ว พระองค์อดทนอีกนิดนะเพคะ”
ในห้องชั้นใน ฮองเฮาส่งเสียงจวนเจียนจะระเบิดแล้ว
ในห้องนั่งเล่น ซูจิ่นซีนั่งไขว้ขาอย่างสบายใจ น่องโยกเป็นจังหวะไปมา อีกทั้งยังฮัมเพลงเล่นอย่างอารมณ์ดี
ซูจิ่นซีใช้ผ้าแพรไหมผืนบางผูกปมผีเสื้อไว้อย่างสวยงามที่จมูก เพื่อป้องกันอากาศที่ไม่พึงประสงค์ทั้งหมดออกไป
ซูจิ่นซีบอกว่าอีกไม่นาน ทว่าฮองเฮาตะโกนเรียกกว่าครึ่งชั่วยามแล้ว ซูจิ่นซีก็ไม่ให้พระองค์ออกจากอ่างน้ำ
เวลาต่อมา ฮองเฮาบอกว่าอุณหภูมิของน้ำเริ่มสูงเกินไปแล้ว
“พระชายาโยวอ๋อง น้ำร้อนลวกจนข้าจะตายแล้ว! นางกำนัลชั่วพวกนี้ ต้องการลวกข้าให้ตายใช่หรือไม่? โอ้ย… เจ็บ… เจ็บ… เจ็บยิ่งนัก! “
“ฮองเฮา พระองค์อดทนไว้ น้ำลวกแล้วดี ลวกแล้วยิ่งสามารถดูดซับยาได้ดีขึ้นเพคะ”
จากนั้นซูจิ่นซีก็สั่งให้คนเพิ่มฟืนไฟต่อไป
นี่เรียกว่ากบต้มในน้ำอุ่น
ตอนที่ฮองเฮาลงอ่างสรงน้ำในคราแรก อุณหภูมิของน้ำไม่สูงเกินไปนัก ทว่าหลังจากนั้น ซูจิ่นซีได้สั่งให้นางกำนัลคอยควบคุมความร้อนจากด้านล่างของอ่างอาบน้ำให้อยู่ในระดับต่ำ เมื่อเวลาผ่านไปอุณหภูมิของน้ำจึงเพิ่มสูงขึ้น ความเจ็บปวดเหล่านี้เป็นความเจ็บปวดที่แทงทะลุถึงกระดูก เปรียบได้ยิ่งกว่าความเจ็บปวดเมื่อถูกน้ำร้อนเทลงบนผิวหนังโดยตรงเสียอีก
ทว่าซูจิ่นซียังคงยับยั้งชั่งใจ นางไม่อาจต้มฮองเฮาให้สุกได้
นางมั่นใจในระยะเวลาและความร้อนดี เมื่อใกล้จะถึงเวลาก็ให้คนไปเอาไฟออก รอจนน้ำอุ่นเย็นแล้วก็ให้คนไปจุดไฟอีกครั้ง
สิ่งที่เติมลงไปในน้ำเหล่านั้น เมื่อเจอเข้ากับน้ำอุ่นที่เดี๋ยวเย็นเดี๋ยวร้อน ทำให้เมื่อเทียบกับตอนที่พึ่งใส่สิ่งเหล่านั้นลงไปแล้ว มันยิ่งมีกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์มากกว่าเดิมเสียอีก
ทว่าเมื่อไม่มีคำพูดจากซูจิ่นซี ฮองเฮาก็ยังไม่กล้าลุกออกจากอ่างสรงน้ำ
นางเป็นผู้ที่กลัวความตายเป็นอย่างมาก
กลัวว่าหากรีบออกจากน้ำจนทำให้การถอนพิษล่าช้าแล้วจะทำอย่างไร?
หลังจากเป็นเช่นนี้ไปมาหลายรอบก็จวนจะค่ำแล้ว ซูจิ่นซีก็เหนื่อยแล้วเช่นกัน นางจึงสั่งให้คนไปพยุงฮองเฮาออกมาจากอ่างน้ำ
พระวรกายของฮองเฮาถูกน้ำร้อนลวกและเต็มไปด้วยตุ่มน้ำขนาดเล็กใหญ่ สภาพน่าอนาถเป็นอย่างยิ่ง นอกจากนี้พระองค์ยังไม่ได้เสวยอันใดทั้งวัน อีกทั้งยังอาเจียนตลอดเวลา บัดนี้ทั้งร่างแทบจะล้มลงไปเสียให้ได้ แม้แต่แรงจะเดินก็ไม่มี นางกำนัลจึงพากันอุ้มฮองเฮาขึ้นไปบนแท่นบรรทมที่ห้องชั้นใน
ซูจิ่นซีไม่ใช่คนโง่ หลักฐานแผลลวกบนพระวรกายของฮองเฮามากมายถึงเพียงนี้ หากฮ่องเต้เห็นเข้า แม้จะอยู่ภายใต้การถอนพิษ นางก็อาจถูกพาตัวมาวิพากษ์วิจารณ์เป็นการใหญ่ เมื่อถึงตอนนั้นคงยากที่นางจะผ่านไปได้ด้วยดีอย่างแน่นอน
ดังนั้นซูจิ่นซีจึงเตรียมยาไว้เรียบร้อยแล้ว ยาแผนปัจจุบันสำหรับน้ำร้อนลวกรวมกับยาจีนโบราณเป็นยาทาตัวให้กับฮองเฮา แผลพุพองพวกนั้นก็จะหายไปอย่างรวดเร็ว
เพียงแต่ผิวหนังจะยังคงแดงก่ำอยู่เล็กน้อย
อย่าคิดว่าทำถึงเพียงนี้แล้วซูจิ่นซีจะปล่อยฮองเฮาไป นั่นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน
ซูจิ่นซีใส่ยาแก้อักเสบและขจัดก้อนเลือดอีกชนิดเข้าไป และยังใส่น้ำเกลือลงไปด้วย
ยาแก้อักเสบและขจัดก้อนเลือดสามารถทำให้รอยแผลเป็นที่น่าเกลียดเหล่านั้นบนพระวรกายของฮองเฮาหายไปอย่างรวดเร็ว ทว่าน้ำเกลือจะซึมเข้าไปในบาดแผลทำให้ฮองเฮารู้สึกเจ็บปวด
หลังทายาเสร็จ ซูจิ่นซีก็ได้ทิ้งยาบางส่วนให้นางกำนัลข้างกายฮองเฮา สั่งให้นางทายาให้ฮองเฮาอีกครั้งก่อนเข้านอนและในเช้าวันรุ่งขึ้น
“โยว… พระชายาโยวอ๋อง นี่เจ้าจะ… ทิ้งให้ข้าตายแล้ว”
ฮองเฮากัดฟันด้วยความเจ็บปวดและกล่าวขึ้นอย่างเกลียดแค้น
ซูจิ่นซีมีรอยยิ้มบางเบาชวนโมโหปรากฎอยู่บนใบหน้า “ฮองเฮาเพคะ ท่านอย่าพึ่งรีบร้อน นี่ยังไม่เสร็จเลยนะเพคะ! ”
ฮองเฮาคิดอยากจะบีบคอซูจิ่นซีเสียจริงหรือไม่ก็สั่งให้ผู้ใดสักคนนำนางออกไปประหารให้รู้แล้วรู้รอดเสียเลย ทว่าเห็นแก่การถอนพิษ พระองค์ยังต้องอดทนอย่างเข้มแข็ง
“ยัง… ยังมีอันใดอีก? ” ฮองเฮาถามขึ้นอย่างอ่อนแรง
……