ตั้งแต่ต้นจนจบ ซูจิ่นซีไม่กล้าปฏิบัติอย่างประมาทเลินเล่อแม้แต่น้อย
หลังจากฝังเข็มเงินเล่มสุดท้ายแล้ว ซูจิ่นซีก็ตรวจชีพจรซูอวี้อีกครั้ง สักพักรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า
“พระชายาพ่ะย่ะค่ะ เป็นอย่างไรบ้าง? ” อวิ๋นจิ่นถามขึ้น
“ชีพจรกลับมาเป็นปกติแล้ว”
อวิ๋นจิ่นตรวจชีพจรของซูอวี้ด้วยเช่นกัน คิดไม่ถึงว่าชีพจรของซูอวี้จะกลับมาเป็นปกติจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้นอวิ๋นจิ่นยังพบว่าวิธีการห้ามเลือดที่ซูจิ่นซีใช้นั้นมีประสิทธิภาพมากเช่นกัน เลือดที่ไหลออกจากบาดแผลมีปริมาณไม่มากแล้ว
“ในที่สุดก็นำชีวิตของซูอวี้กลับคืนมาได้แล้ว” อวิ๋นจิ่นยิ้ม
“แม้ชีพจรจะกลับมาเป็นปกติแล้ว ทว่าไม่ได้หมายความว่าจะพ้นขีดอันตราย ทุกอย่างต้องรออวี้เอ๋อร์ตื่นขึ้นมาจึงจะสามารถยืนยันได้ ทว่าไม่รู้ว่าอวี้เอ๋อร์จะตื่นขึ้นมาเมื่อใด” การแสดงออกของซูจิ่นซีเศร้าสลดเล็กน้อย
ใช่! ไม่รู้ว่าซูอวี้จะตื่นขึ้นมาเมื่อใด ข้างนอกยังมีการแข่งขันรอเขาอยู่!
เวลานี้ด้านนอกคงสับสนวุ่นวายจนกลายเป็นก้อนกลมรวมกันไปแล้วกระมัง?
การคาดเดาของซูจิ่นซีนั้นถูกต้อง ณ เวลานี้หอกุ้ยเหรินนั้นสับสนวุ่นวายจนกลายเป็นก้อนกลมรวมกันไปแล้ว
ตัวแทนไกล่เกลี่ยการตัดสินหลายคนกำลังรออยู่ที่ประตูห้องรับรองด้านหลัง พวกเขารอให้ซูจิ่นซีและอวิ๋นจิ่นออกมาหลังจากช่วยเหลือซูอวี้ บนลานประลองแข่งขันมีเพียงฮั่วซื่อและบุคคลที่เข้าร่วมไม่กี่คนเท่านั้น
“การแข่งขันนี้ยังสามารถจัดต่อได้หรือไม่? หากวันนี้แข่งขันไม่ได้ก็พูดมาเถิด ให้ทุกคนรออยู่ที่นี่ก็ไม่มีประโยชน์อันใด! ”
“เมื่อครู่ท่านยังมองไม่เห็นหรือ? นายน้อยอวี้ได้รับบาดเจ็บเช่นนั้น พระชายาโยวอ๋องพานายน้อยอวี้ไปที่ห้องโถงด้านหลัง แน่นอนว่านางกำลังช่วยนายน้อยอวี้ แล้วการแข่งขันยังจะดำเนินต่อไปได้อย่างไร? ”
“ใช่ การแข่งขันนี้เจ้าภาพคือพระชายาโยวอ๋อง พระชายาโยวอ๋องไม่พูดอันใด ผู้ใดจะกล้าเริ่มการแข่งขันโดยไม่ได้รับอนุญาต! ”
“ใช่ ที่จริงแล้วข้าคิดว่าประเด็นสำคัญที่สุดของการแข่งขันในวันนี้คือพระชายาโยวอ๋องและเด็กน้อยซูอวี้ที่นางโปรดปราน บัดนี้พระชายาโยวอ๋องและซูอวี้ไม่อยู่ที่นี่แล้ว แม้การแข่งขันจะเริ่มต้นขึ้นก็ไม่มีความหมายกระไร”
“นี่คือเหตุผล ในตอนนี้ไม่รู้ว่าเกิดเหตุอันใดขึ้นที่ห้องโถงด้านหลัง ทั้งยังไม่มีผู้ใดออกมารายงานข่าวเลยสักคน! น่ากังวลเสียจริง! ”
ผู้คนนอกห้องโถงเริ่มพูดคุยกันขึ้นมาอีกครั้ง ทุกคนที่นั่งในห้องโถงต่างได้ยินชัดเจน
แม้ใบหน้าของฮั่วซื่อจะดูเหมือนว่าไม่มีกระไร ทว่ามือที่วางอยู่บนที่วางแขนกลับกำหมัดแน่น
ซูจวิ้นมีอารมณ์เดือดดาลและกระสับกระส่ายมากที่สุด เขาตบโต๊ะและยืนขึ้นกล่าวว่า “ยังจะแข่งหรือไม่เล่า? จะให้พวกเรารอไปจนถึงเมื่อใดกัน”
ตัวแทนผู้ไกล่เกลี่ยตัดสินของหอกุ้ยเหรินได้ยินเข้าก็รีบออกมาจากห้องโถงด้านหลังและกล่าวว่า “นายน้อยจวิ้น ท่านไม่ต้องกังวล ซูอวี้ได้รับบาดเจ็บ เวลานี้พระชายาและอวิ๋นจิ่นกำลังช่วยชีวิตอยู่ที่ห้องโถงด้านหลัง! ”
“ให้พวกเขาช่วยชีวิตคนของพวกเขา ส่วนพวกเราก็แข่งของพวกเราไป หรือว่าไม่มีซูจิ่นซีแล้ว วันนี้การแข่งขันจะดำเนินต่อไปไม่ได้หรือ? ”
ใบหน้าของตัวแทนผู้ไกล่เกลี่ยตัดสินมีความลำบากใจ แท้จริงแล้วก็เหมือนกับที่ทุกคนพูดในตอนนี้ เมื่อพระชายาไม่ฝากคำพูดอันใดไว้ ผู้ใดก็ไม่กล้าเริ่มการแข่งขันโดยไม่ได้รับอนุญาต!
“ท่านหมายความว่าอย่างไร? ” ซูจวิ้นคว้าคอเสื้อของตัวแทนผู้ไกล่เกลี่ยตัดสิน
ใบหน้าของตัวแทนผู้ไกล่เกลี่ยตัดสินเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน “นายน้อยจวิ้น ท่านปล่อยมือ! ข้า…ข้าเป็นพียงผู้รับคำ ไม่สามารถตัดสินใจได้! ”
ซูจวิ้นปล่อยตัวแทนผู้ตัดสิน “ในเมื่อท่านไม่สามารถตัดสินใจได้ ก็หาคนที่สามารถตัดสินใจได้มา ให้พวกเรารอที่นี่หมายความว่าอย่างไรกัน? หากซูจิ่นซีและซูอวี้อยู่ในนั้นไม่ออกมาเป็นเวลาสามวันสามคืน? พวกเรามากมายถึงเพียงนี้ก็ต้องรอที่นี่ถึงสามวันสามคืนหรือ? ”
“นี่… ” ผู้รับผิดชอบรู้สึกลำบากใจอย่างแท้จริง
“พวกเจ้าว่าอย่างไร! ” ซูจวิ้นตะโกนใส่ฝูงชนที่อยู่ด้านนอกห้องโถง
ผู้ชมส่วนใหญ่เอนเอียงไปทางซูจิ่นซี เมื่อครู่พวกเขายังแอบพูดแทนซูจิ่นซี เมื่อซูจวิ้นถามเช่นนี้ ทุกคนก็ไม่รู้จะพูดว่ากระไร
พระชายาโยวอ๋องก็มีอุปสรรคความยากลำบากของนาง ทว่าสิ่งที่ซูจวิ้นพูดนั้นก็ใชว่าจะไม่สมเหตุสมผล
หลังจากฝูงชนเงียบไปครู่หนึ่ง ไม่รู้ว่าผู้ใดตะโกนขึ้นว่า “นายน้อยจวิ้นมีเหตุผล ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจชะลอการแข่งขันได้ ตอนนี้ผ่านยามฉือมานานมากแล้ว หากพระชายาโยวอ๋องและซูอวี้ไม่สามารถดำเนินการแข่งขันนี้ได้ เหตุใดทุกคนต้องสิ้นเปลืองแรงเช่นนี้เล่า! ”
“ใช่แล้ว! แข่งเลย! รีบแข่งเถิด! ”
“ฮูหยินฮั่ว แท้จริงแล้วท่านเป็นฮูหยินของสกุลซู ตามหลักแล้วท่านควรเป็นเจ้าภาพการแข่งขันในครานี้ ตอนนี้พระชายาโยวอ๋องมีสิ่งสำคัญที่ต้องจัดการในห้องโถงด้านหลัง เช่นนั้นก็ให้ท่านเป็นเจ้าภาพเถิด! ”
“ใช่ ฮูหยินฮั่ว ทุกคนตั้งตารอให้ท่านเป็นเจ้าภาพตัดสิน! ท่านจะทำให้ทุกคนผิดหวังไม่ได้! ”
บางคนในฝูงชนเริ่มเรียกร้องให้ฮั่วซื่อเป็นเจ้าภาพการแข่งขัน แม้แรงผลักดันจะน้อย ทว่าก็ไม่มีผู้ใดยืนขึ้นเพื่อคัดค้าน
แสงในดวงตาของฮั่วซื่อเปร่งประกายขึ้น ทว่านางกลับพยายามอย่างเต็มที่เพื่อระงับอารมณ์ตื่นเต้นภายในใจตนเอง และแสร้งเอ่ยขึ้นว่า “ข้า… คงไม่ดีกระมัง? ”
“มีกระไรไม่ดีกันเล่า! ท่านแม่ ข้าคิดว่าท่านใจดีเกินไป จึงเป็นเหตุให้ซูจิ่นซีนั่งบนศีรษะของท่าน” ซูเซียนฮุ่ยลุกขึ้นยืนและพูดขึ้น
“เจ้าจะรู้กระไร? ” ฮั่วซื่อพูดด้วยใบหน้าเย็นชา
ซูเซียนฮุ่ยไม่สะดุ้งตกใจแม้แต่น้อย “ท่านแม่เจ้าคะ แม้ซูจิ่นซีตอนนี้จะเป็นพระชายาโยวอ๋อง มีฐานะสูงส่ง ทว่าข้าต้องขอบอกว่า สตรีที่ออกเรือนแล้วไม่สมควรยื่นมือเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของจวนบิดามารดา การให้นางเป็นเจ้าภาพแข่งขันในครานี้ก็เห็นแก่หน้าโยวอ๋องไม่น้อย ทว่าอย่างไรเสียนี่ก็เป็นเรื่องของจวนสกุลซูเราทั้งหมด เมื่อซูจิ่นซีเกิดปัญหาบางอย่างจนทำให้การแข่งขันตามเวลาปกติต้องเลื่อนออกไป ในสถานการณ์เช่นนี้ท่านแม่ควรยืนขึ้นเป็นเจ้าภาพนะเจ้าคะ”
การแสดงออกของฮั่วซื่อราวกับกำลังลังเล นางไม่ได้ตอบรับทว่าก็ไม่ได้คัดค้าน
“ฮูหยินฮั่ว ท่านยืนขึ้นเป็นเจ้าภาพเพื่อควบคุมสถานการณ์โดยรวมเถิด! ”
“ใช่ ฮูหยินฮั่ว เมื่อครู่คุณหนูเซียนฮุ่ยพูดถูก นี่เป็นเรื่องของครอบครัวสกุลซู ตอนนี้ท่านเป็นคนสำคัญที่สุดในสกุลซู! ”
“เป็นเจ้าภาพเถิด! ฮูหยินฮั่ว ทุกคนเฝ้ารอท่านอยู่นะ! ”
ไม่รู้ว่าเมื่อใดที่ความสนใจของฝูงชนที่มีต่อฮั่วซื่อยิ่งดังขึ้นเรื่อยๆ
“ท่านแม่! ” ซู่เซียนฮุ่ยตะโกนขึ้น
ทันใดนั้น การแสดงออกของฮั่วซื่อก็ชัดเจนขึ้นในทันที นางยืนขึ้นและกล่าวว่า “ในเมื่อทุกคนไว้วางใจในตัวข้าถึงเพียงนี้ ข้าจะยืนขึ้นเป็นเจ้าภาพในการแข่งขันครานี้”
“ดี! ”
“ดี! ”
“ดี! ”
ฝูงชนด้านนอกห้องโถงร้องอย่างต่อเนื่องครั้งแล้วครั้งเล่า
แม้ฮั่วซื่อจะยอมจำนนอย่างมุ่งมั่น ทว่าความตื่นเต้นบนใบหน้าของนางไม่สามารถปกปิดไว้ได้ เนื่องจากอดกลั้นไว้นานเกินไป ดวงตาที่ตื่นเต้นจึงเริ่มแดงก่ำเล็กน้อย
มือของนางในแขนเสื้อกว้างกำหมัดแน่น
ซูจิ่นซี ครานี้สวรรค์ช่วยข้า เจ้าไม่สามารถตำหนิผู้อื่นได้ ตราบใดที่การแข่งขันเริ่มต้นขึ้น ซูอวี้ก็ต้องออกจากการแข่งโดยปริยาย
ส่วนคนที่เหลืออยู่เหล่านั้น…
ฮั่วซื่อจ้องมองไปยังผู้ที่เข้าร่วมการแข่งขันเหล่านั้น ผู้ใดจะเทียบได้กับซูจวิ้นของนาง?
รอจนจวิ้นเอ๋อร์ชนะการแข่งขัน เรื่องราวทั้งหมดก็จะตกสู่กำมือของนาง เป็นไปตามที่นางคาดไว้ใช่หรือไม่?
“ท่านแม่! ”
เมื่อซูเซียนฮุ่ยเห็นว่าฮั่วซื่อกำลังคิดสิ่งใดอยู่และไม่พูดอันใดแม้แต่น้อย นางจึงร้องเรียกขึ้น
ทันใดนั้นฮั่วซื่อก็กลับมารู้สึกตัว นางตระหนักได้ว่าเมื่อครู่ตนเองใจลอยมากเกินไป คาดไม่ถึงว่านางจะลืมไปแล้วว่ายังอยู่ในสนามประลอง
ดังนั้นฮั่วซื่อจึงยืดตัวตรง นางปรับสีหน้าเล็กน้อยและกล่าวดวยเสียงอันดังว่า “ทุกท่าน ข้าขอประกาศว่าการแข่งขันคัดเลือกทายาทประมุขสกุลซูได้เริ่มต้นขึ้น ณ บัดนี้! ”
“ช้าก่อน! ”
ทันทีที่ฮั่วซื่อกล่าวจบ เสียงของซูจิ่นซีก็ดังขึ้นมาจากทิศทางห้องโถงด้านหลัง
พระชายาโยวอ๋องออกมาแล้ว?
สายตาทุกคนอดไม่ได้ที่จะหันไปมองยังทิศทางของเสียง
ฮั่วซื่อ ซูเซียนฮุ่ย และซูจวิ้นต่างเปลี่ยนสีหน้า
“ฮั่วซื่อ ท่านกล้าหาญยิ่ง ข้ายังไม่ตาย! ผู้ใดอนุญาตให้เจ้าเป็นเจ้าภาพตัดสิน? ”