บรรพบุรุษสกุลเถาเป็นพ่อค้าใหญ่ แม้จะค้าขายแต่ก็ร่ำเรียนตำรา หลังจากรับราชการ กิจการของสกุลพวกเขาก็ขยับขยายรุ่งเรืองขึ้นไปอีก จากกว่างโจวไปจนถึงทางใต้นับว่าเป็นหนึ่งในสกุลที่มั่งคั่งที่สุด การค้าทางทะเลเป็นเพียงกิจการส่วนหนึ่งของสกุลพวกเขา กลุ่มเรือในสกุลก็มีเจ็ดถึงแปดสาขา คนมากพรสวรรค์ที่เข้าใจแผนที่เช่นนี้ ทั้งสามารถลอกภาพวาด แม้จะมีไม่มาก แต่ก็ไม่ถึงกับหาไม่ได้ จากความหมายของพ่อบ้านใหญ่เถา หากไม่ใช่ว่าแผนที่นี้สำคัญอย่างยิ่งต่อสกุลเถา เพื่อต้องเก็บรักษาความลับแล้ว สกุลเถาส่งคนออกมาก็คงไม่วางแผนจะพากลับไปอีก
เผยเยี่ยนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ลอกแผนที่ให้เสร็จก่อนค่อยว่ากันเถิด”
ผู้ที่สามารถลอกแผนที่ สำหรับสกุลอวี้กล่าวได้ว่ายากดั่งหาทองพันชั่ง แต่สำหรับเขาแล้ว กลับง่ายดายอย่างยิ่ง
เขา ‘ขอความช่วยเหลือ’ เถาอัน เจตนาที่แท้จริงก็เพื่อล่อให้สกุลเถาเข้าร่วมการประมูล คำพูดของพ่อบ้านใหญ่เถาตรงกับความต้องการในใจเขาพอดี เพียงแต่นอกจากเขาจะบอกกล่าวสกุลเถาแล้ว ยังให้คนกระจายข่าวให้ศิษย์พี่รองของเขา ซึ่งก็คือ เจียงหวา เจ้ากรมโยธาธิการควบตำแหน่งมหาบัณฑิตหอตงเก๋อ
พี่สะใภ้คนโตของเจียงหวา เป็นบุตรีของสกุลอู่แห่งหูโจว
สกุลอู่ตั้งหลักปักฐานได้เพราะกิจการขนส่งทางน้ำ
ในสกุลมีกลุ่มเรือห้าหกสาขา
อย่างไรก็ต้องรอคนสกุลอู่มา เขาจึงจะสามารถดูสถานการณ์ว่าจะตอบรับสกุลเถาหรือไม่
เผยเยี่ยนมีทีท่าไม่ชัดเจน พ่อบ้านใหญ่เถาย่อมคิดมาก
เขาครุ่นคิด หรือเผยเยี่ยนคิดว่าเขาไม่มีค่าพอให้พูดคุยเรื่องนี้ด้วย? เช่นนั้นเรื่องนี้ยังต้องเชิญเถาชิง ผู้นำสกุลเถาในยามนี้ ทั้งเป็นพี่ชายของเถาอันเดินทางมาหลินอันด้วยตัวเอง
แน่นอนว่าก่อนหน้านั้น เขาต้องเห็นแผนที่ก่อน ยืนยันว่าแผนที่นั้นเป็นดั่งที่เผยเยี่ยนกล่าวจริงหรือไม่ เส้นทางเดินเรือใหม่ตั้งแต่กว่างโจวไปยังอาหรับ
เขาส่งสายตาให้ผู้ช่วยของเถาอันที่มาด้วยกัน ผู้ช่วยของเถาอันเดินขึ้นมาแนะนำตัว ทำความรู้จักกับเผยเยี่ยน สัมผัสได้ว่าเผยเยี่ยนมีความจริงใจต่อพวกเขาไม่น้อย เวลานี้จึงทิ้งอาจารย์คัดลอกภาพสองคนไว้ ก่อนขอตัวออกไปพัก
แผนที่เป็นของจริงหรือไม่ อาจารย์ทั้งสองคนล้วนมีประสบการณ์เดินเรือ มองพริบตาเดียวก็ตัดสินได้แล้วว่าเป็นของจริงหรือปลอม สิ่งเดียวที่ไม่อาจยืนยันได้คือ เส้นทางเดินเรือที่ปรากฏบนแผนที่นี้ปลอดภัยหรือไม่
จวบจนยามเย็น พ่อบ้านใหญ่เถาได้รับข่าวที่แม่นยำ เขาจึงจัดการส่งคนที่ตามมาอย่างลับๆ ไปส่งจดหมายให้เถาชิง
เมืองหลินอันอยู่ในอิทธิพลของสกุลเผย ขอเพียงเผยเยี่ยนสังเกต มีคนไม่คุ้นตามา เขาย่อมรู้ได้ทันที นับประสาอะไรกับเขาที่ส่งคนไปจับตามองคนของสกุลเถา
มิใช่เพียงเพื่อให้เถาชิงรู้เรื่องนี้ ยามนี้เขาแทบอยากให้พ่อบ้านใหญ่เถาแอบนำแผนที่ส่วนหนึ่งส่งกลับไปด้วยซ้ำ สกุลเถาจะได้ส่งกลุ่มเรือไปทดสอบเส้นทางเสียหน่อย
ห่านป่าบินอพยพย่อมเหลือร่องรอย รอจนสกุลใหญ่พวกนั้นรู้ว่าแผนที่นี้เป็นของจริง ทั้งยังสามารถเดินเรืออย่างปลอดภัย นั่นถึงจะเป็นโอกาสดีในการประมูลราคา
ด้วยเหตุนี้เขาจึงกำชับกับเผยหม่าน “แผนที่ส่วนเล็กๆ ด้านหน้าสามารถให้พวกเขานำกลับไปสกุลเถาได้ แต่ด้านหลังอย่าให้พวกเขาเอาไปได้”
เผยหม่านผงกศีรษะระรัว ดวงตาประกายความสนใจขึ้นมา แตกต่างจากภาพลักษณ์ในวันปกติของเขาอย่างสิ้นเชิง
เผยเยี่ยนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “นี่เจ้าเบื่ออย่างนั้นรึ?”
เผยหม่านระบายยิ้ม “ไม่ถึงกับเบื่อขอรับ เพียงแต่ในเมืองหลินอันไม่ค่อยมีเรื่องราวอะไร รู้สึกว่ามีดขึ้นสนิมหมดแล้ว”
นั่นยังไม่เรียกว่าเบื่ออีกรึ?
เผยเยี่ยนหัวเราะ “อีกไม่นานเจ้าย่อมจะยุ่งตัวเป็นเกลียว”
เผยหม่านรู้ว่าเผยเยี่ยนต้องเชิญสกุลที่มีอำนาจจำนวนมากเข้าร่วมการประมูล เพียงแค่เผยเยี่ยนยังไม่ได้กำหนดรายชื่อแขก ทั้งเทียบเชิญก็ยังไม่ได้ส่งเท่านั้น เขาคิดว่าตัวเองยังต้องเตรียมตัวสักระยะหนึ่ง ใครจะรู้ว่าเขาเพิ่งออกมาจากห้องหนังสือของเผยเยี่ยน หูซิ่งก็เดินเข้ามาอย่างดีอกดีใจ
ทั้งสองคนพบกันย่อมทักทายเป็นพิธี
เผยหม่านถามเขา “เกิดอะไรขึ้นรึ?”
คล้ายกับฉลองปีใหม่มิปาน ใบหน้าเปล่งความดีใจสว่างไสวไปหมด
หูซิ่งไม่คิดปิดบังเผยหม่าน หนึ่งคือเผยหม่านเป็นพ่อบ้านใหญ่ ควบคุมบ่าวทั้งนอกและในจวนสกุลเผยทั้งหมด สองคือฝีมือของเผยหม่านเยี่ยมยอด รับตำแหน่งไม่กี่เดือน ก็สามารถทำให้บ่าวรับใช้น้อยใหญ่ทั้งในและนอกเรือนเชื่อฟังและให้ความเคารพ หากเขาไม่บอกเผยหม่าน ย่อมมีคนอยากประจบประแจงบอกเขาอยู่ดี ไฉนเขาต้องทำตรงข้าม รนหาที่ตายด้วยเล่า?
เขายังอยากจะนั่งในตำแหน่งนี้ไปนานๆ หากสามารถส่งต่อให้ลูกชายเขาได้ นั่นก็ยิ่งดีไปอีก
“เป็นคนสกุลอู่ของหูโจว” หูซิ่งเอ่ยอย่างกระปรี้กระเปร่า “นายท่านใหญ่สกุลพวกเขามาส่งของขวัญให้สกุลพวกเราด้วยตัวเอง ฟังจากคำพูดนั้น ยังมีของที่ต้องให้นายท่านสามของพวกเราเพียงลำพังด้วย”
นายท่านใหญ่สกุลอู่แห่งหูโจว ผู้นำสกุลอู่
นายท่านสามเป็นผู้นำสกุลเผยแทนบ้านใหญ่ บ้านอื่นของสกุลเผยดูเหมือนจะยอมรับ ไม่มีบ้านใดโวยวายอะไร แต่ในความคิดของหูซิ่ง บางทีบ้านพวกนั้นอาจจะเพราะให้ความเคารพกับท่านผู้เฒ่าเผย เวลานี้จึงอดทนไว้ ในใจลึกๆ ยังไม่รู้ว่าคิดอย่างไร? ไม่แน่ว่ารอจนไว้ทุกข์ท่านผู้เฒ่าเผยจนครบ ถอดชุดไว้ทุกข์แล้วจะแก่งแย่งชิงดีขึ้นมาหรือไม่ โดยเฉพาะไม่กี่วันมานี้บ้านสายตรงสกุลหลี่แยกสายสกุลกับบ้านของหลี่ตวน ใครกล้าพูดว่าเรื่องราวภายในไม่เกี่ยวข้องกับคนสกุลเผย? ทั้งใครกล้าพูดว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่บ้านอื่นของสกุลเผยกำลังหยั่งเชิงเผยเยี่ยนอยู่?
นี่เป็นเทศกาลขึ้นปีใหม่ครั้งแรกหลังจากเผยเยี่ยนรับช่วงต่อเป็นผู้นำสกุล เวลานี้คนมาส่งของขวัญมากเท่าใดก็ยิ่งแสดงให้เห็นถึงความสามารถ มิตรภาพเส้นสายของนายท่านสามชัดเจนมากขึ้นเท่านั้น หากเป็นสกุลอู่แห่งหูโจว สกุลร่ำรวยมากบารมีที่เมื่อก่อนแทบไม่เคยไปมาหาสู่กับสกุลเผยก็ยิ่งดีไปใหญ่…นี่เป็นมิตรภาพของเผยเยี่ยนเอง ไม่เกี่ยวข้องกับสกุลเผย หากไม่ใช่เผยเยี่ยน ผู้นำสกุลอู่จะออกหน้ามาส่งของขวัญให้สกุลเผยด้วยตัวเองได้อย่างไร?
เขาพึ่งใบบุญนายท่านสาม
ยามนี้ได้มัดตัวเองติดกับรถของนายท่านสามแล้ว
หนึ่งโรจน์ทุกคนรุ่ง หนึ่งร่วงทุกคนล้ม
สกุลเฉกเช่นสกุลอู่แห่งหูโจว แน่นอนว่ายิ่งมาเข้าร่วมการประมูลมากก็ยิ่งดี
เผยหม่านไม่ต้องเดาก็ล่วงรู้ความคิดนั้นของหูซิ่ง เขาเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เช่นนั้นเจ้ารีบไปรายงานนายท่านสามเถิด นายท่านใหญ่สกุลอู่จะได้ไม่รอนาน” ก่อนจะเดินผ่านหูซิ่งไป จัดการสะสางธุระของตัวเอง
หูซิ่งอดเกาหัวไม่ได้
เผยหม่านทำเช่นนี้เย็นชาไปหน่อยแล้ว!
หรือตัวเองทำเรื่องอะไรผิดต่อเผยหม่าน?
เพียงแต่เวลานี้ก็ไม่ใช่เวลาที่จะมาคิด หูซิ่งเดินเข้าไปในห้องหนังสือเผยเยี่ยนอย่างอารมณ์ดี
—
เผยหม่านหมุนกายกลับพบอาเสาที่มาส่งของขวัญของสกุลอวี้
อาเสาสามารถพบเผยหม่าน ไม่ใช่เพราะเขาโชคดีบังเอิญพบเผยหม่าน แต่เพราะเผยเยี่ยนให้ความสำคัญกับสกุลอวี้ เผยหม่านที่รับใช้ข้างกายเผยเยี่ยนย่อมใส่ใจสกุลอวี้ตามความประสงค์ของเขา
เผยหม่านพบอาเสาที่ระเบียงด้านหน้าห้องโถงเล็ก ไถ่ถามถึงของขวัญสกุลอวี้อย่างเป็นมิตร
พวกผู้ดูแลสกุลอื่นที่รอลงทะเบียนส่งของขวัญให้กับสกุลเผยในห้องโถงเล็กพากันอิจฉาตาร้อน ซุบซิบนินทาสกุลอวี้ ทั้งมีบางคนที่ทนเห็นสกุลอวี้ ‘โดดเด่น’ ขึ้นมาอย่างกะทันหันไม่ได้ กลับไม่ว่าร้ายสกุลอวี้ต่อหน้าคนของสกุลเผย ข่มความเกลียดไว้ในใจ พอออกจากจวนสกุลเผยก็ห้ามปากตัวเองไม่อยู่ “ได้ยินว่าคุณหนูใหญ่สกุลอวี้หน้าตางดงามอย่างยิ่ง ชายหนุ่มหลายคนล้วนหมายปองอยากแต่งเป็นลูกเขยเข้าสกุลพวกเขา ก็ไม่รู้ว่านายท่านอวี้พิถีพิถันอะไร? หรือมีความคิดอื่นแฝงอยู่กันแน่?”
เพราะต่างก็เป็นผู้ดูแลที่มีหน้ามีตาของแต่ละสกุล แม้ในใจจะขุ่นเคือง ก็ไม่อาจทำตัวเหมือนหญิงปากร้ายบ้านนอก กล้าพูดนินทาออกไปเสียหมดได้
ย่อมมีคนที่คิดเหมือนกันรับบทสนทนาต่อ “ได้ยินว่าคุณหนูใหญ่สกุลอวี้ผู้นั้นแต่งกายเป็นบ่าวรับใช้ ทั้งยังยุ่มย่ามเรื่องในบ้าน หากข้ามีหลานชาย ย่อมไม่อาจให้แต่งผู้หญิงเช่นนี้แน่!”
“อย่างกับว่าหลานชายพวกเจ้าจะแต่งกับสกุลอวี้ได้” มีคนหยอกล้อขึ้นมา “สกุลอวี้เอ่ยวาจาแล้ว ลูกสาวนั้นต้องทิ้งไว้รับลูกเขยให้สกุล ไม่เห็นรึ กระทั่งคุณชายรองสกุลหลี่ก็ไม่เป็นผล”
“ใครจะรู้ว่าไม่อยากแต่งลูกสาวออกไป หรืออับจนหนทาง แต่งไม่ออกกันแน่! ข้าว่าคุณหนูผู้นั้นใจกล้าเกินงาม กระทำเรื่องเก่งกาจไม่น้อย นั่นไม่ใช่คุณสมบัติที่คุณหนูทั่วไปควรจะมี” พูดจาแฝงความนัย ก่อนจะพากันหัวเราะเกรียวกราวแยกย้ายไปทางใครทางมัน
สกุลอวี้กลับไม่รู้ว่าอวี้ถังถูกคนติฉินนินทาลับหลัง
อาเสาชี้ไปที่กล่องผ้าไหมที่อยู่ หนึ่งในกองพวกนั้น เอ่ยอย่างตั้งใจ “นี่คือสิ่งที่นายท่านเราได้มาจากร้านโบราณวัตถุ กล่าวว่าน่าสนใจเป็นอย่างมาก มอบให้นายท่านสามเอาไว้ประดับไม่ก็ใช้วางทับกระดาษ” ส่วนของอย่างอื่นก็เป็นเพียงหมู เห็ด เป็ด ไก่ ชา สุรา ผลไม้ ไม่แตกต่างจากของที่เพื่อนบ้านส่งมาในยามปกตินัก
ตามปกติแล้ว สกุลดั่งเช่นสกุลอวี้ สกุลเผยย่อมไม่มีเวลาไปส่งของขวัญคืน ลงทะเบียนไว้ ก็ส่งมอบของขวัญที่มูลค่าไม่ต่างกันคืนไป ไม่ก็ส่งพวกของแห้งหรือบะหมี่น้ำมัน บางครั้งก็มีซองแดงอะไรอื่นๆ ติดไปด้วย แต่สกุลอวี้ในเวลานี้ เผยหม่านคิดว่ายังคงต้องให้คนไปส่งของขวัญดีๆ เสียหน่อย นำกล่องผ้าไหมไปลงบัญชีไว้ด้วยรอยยิ้ม พอถึงพลบค่ำ ก็นำไปส่งให้เผยเยี่ยนถึงในห้องด้วยตัวเอง
เผยเยี่ยนอาบน้ำสางผมเรียบร้อยแล้ว เปลี่ยนเป็นชุดเฉกเช่นยามปกติ บนร่างพาดด้วยผ้าคลุมขนสัตว์ กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนตั่ง ฟังอาหมิงร่ายรายการของขวัญแผ่นหนา
อาหมิงสวมชุดนวมผ้าต่วนสีแดงสด ใบหน้ากลมดิก ตัวอ้วนฉุ คล้ายดั่งลูกเศรษฐีอันมีจะกิน พาให้คนรู้สึกสบายหูสบายตาไม่น้อย
เห็นเผยหม่านเข้ามา เผยเยี่ยนก็บอกเป็นนัยให้อาหมิงพักก่อน “มีเรื่องอันใดรึ?”
เวลานี้ใกล้ขึ้นปีใหม่แล้ว ทุกวันล้วนมีคนมาหาเผยเยี่ยนไม่หยุดหย่อน
เผยหม่านยืนตรงระเบียงที่มีตี้หลง[1]กว่าค่อนวัน เข้าไปในห้องเผยเยี่ยนที่ไม่มีกะละมังไฟ[2]แม้แต่อันเดียว ความอบอุ่นในร่างกายแทบจะสลายหายไปหมด หนาวเย็นที่ปลายนิ้วอยู่บ้าง
“สกุลอวี้ส่งให้ท่านขอรับ” เขาส่งกล่องผ้าไหมให้เผยเยี่ยน ก่อนจะซ่อนมือทั้งสองข้างไว้ในแขนเสื้อ เอ่ยกับอาหมิงอย่างเห็นใจอยู่บ้าง “เจ้าออกไปเถิด! เดี๋ยวข้าดูแลที่นี่ให้ก่อน”
เผยเยี่ยนธาตุไฟสูง หากในห้องมีตี้หลง ก็จะเลือดกำเดาไหล ทั้งทนต่อกลิ่นเถ้าถ่านไม่ค่อยได้ เมื่อถึงฤดูหนาวก็เพียงคลุมผ้าคลุมขนสัตว์ สวมเสื้อกันหนาวเท่านั้น คนที่รับใช้ข้างกายเขาจึงทำได้เพียงทนหนาวไปด้วย
อาหมิงคิดว่าเผยหม่านมีธุระอยากจะพูดกับเผยเยี่ยนตามลำพัง พยักหน้าระรัว คำนับให้เผยเยี่ยน ก่อนจะส่งต่อรายการของขวัญให้เผยหม่าน วิ่งกลับไปรับความอบอุ่นจากตี้หลงในห้องตัวเอง
เผยเยี่ยนชื่นชอบอากาศของสี่ฤดูที่แบ่งแยกอย่างชัดเจน กลับไม่คิดขัดขวางคนข้างกายที่ชอบอากาศดีอย่างฤดูใบไม้ผลิแต่อย่างใด รับกล่องผ้าไหมเอ่ยถาม ‘นี่คืออะไร’ พลางเปิดกล่องออก ห่วงเคาะประตูสำริดก็ปรากฏแก่ครรลองสายตา
“นี่คือของสิ่งใดกัน?” เผยเยี่ยนเลิกคิ้ว นำออกมาส่องดูใต้แสงไฟ
เผยหม่านถ่ายทอดคำพูดของอาเสาอีกครั้ง
ไม่นานเผยเยี่ยนก็พบความลับในห่วงประตูสิงโตนั้น
“น่าสนใจไม่น้อย” เขาวางห่วงประตูที่ลดขนาดลงเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยไว้ด้านข้าง “นี่คาดว่าจะเป็นของเล่นในราชวงศ์ก่อน นับว่าสกุลอวี้ใส่ใจจริงๆ”
ตั้งแต่เด็กเขาก็ชื่นชอบของประดิษฐ์สลับซับซ้อน ในมือมีของเช่นนี้ไม่น้อย ค่อนข้างละเอียดประณีต น่าสนใจกว่านี้มาก ห่วงประตูนี้ก็นับว่าไม่ได้หายากมากมาย แต่ในเมื่อผู้อื่นส่งมา เขาก็ไม่ควรทิ้งขว้างส่งเดช
ใช้เป็นที่ทับกระดาษ วางไว้ในห้องก็แล้วกัน
เผยเยี่ยนเอ่ยกับเผยหม่าน “คนของสกุลอู่ ข้าให้หูซิ่งพาไปที่ห้องรับรองแขกทางตะวันออกแล้ว พรุ่งนี้ข้าวางแผนจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับพวกเขา เจ้าก็เตรียมตัวเสียหน่อย หากคนของสกุลเถามาสืบเรื่องราวอันใด ก็ไม่ต้องขัดขวาง”
นอกจากอาจารย์คัดลอกภาพสองคน ก็มีคนจากสกุลเถาที่อยู่ห้องรับรองแขกทางตะวันออกเฉียงใต้ ห่างกับคนของสกุลอู่เพียงสวนดอกไม้กั้นเท่านั้น อยากจะสืบข่าวอันใด ย่อมสะดวกอย่างยิ่ง
————————-
[1]ตี้หลง คือวิธีสร้างความอบอุ่นในโบราณ มีการสร้างช่องไฟใต้พื้นห้อง โดยจุดไฟจากด้านนอก ถ่ายทอดความร้อนส่งผ่านช่องไฟเข้าไปในห้อง เพื่อให้ความอบอุ่น
[2]กะละมังไฟ คืออุปกรณ์ให้ความอบอุ่นในสมัยโบราณ