เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! – ตอนที่ 193

< < 132 Sec5 > >

งานประชุมกำลังจะเริ่มแบบจริงๆจังๆแล้ว ณ เวลาราวๆบ่ายโมง

ผมเดินไปรวมอยู่หน้าทางเข้าตามที่รินเทียบอกมาว่าหน้าที่ของผมคือการดูแลความปลอดภัยโดยรอบในงานประชุม จริงๆผมจะเดินให้ทั่วเลยก็ได้แต่–เป้าหมายผมคือการแอบฟังเนื้อหางานประชุมด้วยน่ะนะ

ตามปกติผมไม่ควรจะฟังได้ แต่ผมใช้การตัดมิติช่วยในการฟังเสียงจากอีกฝากของกำแพงเอา

“ยืนอยู่เฉยๆจะดีจริงๆหรือคะ?”

รินเทียเอ่ยถามด้วยความสงสัยผมจึงพยักหน้ารับไป

“แบบนี้แหละดีแล้ว ก็ใช่ว่าทางนี้จะฝ่าฝืนหน้าที่สักหน่อย พวกยูจิก็ด้วย”

อนึ่งยูจิกับหนิงก็แยกกันดูแลกับผม ไม่ทราบรายละเอียดว่าเลือกจะแอบฟังอย่างผมรึเปล่า แต่ค่อยข้างแน่ใจเลยว่า—ยูจิน่าจะทำเหมือนกัน

“..หึม? เสียงอะไรน่ะ”

“เสียงขบวนสเด็จค่ะ เป็นธรรมเนียมของราชาในแต่ละอาณาจักร”

“สมกับเป็นงานประชุมโลกดีแฮะ”

****

ภายในงานประชุมที่มีรูปร่างราวกับโคลอสเซียม ขบวนเสด็จของราชาแต่ละอาณาจักรค่อยๆทยอยเข้ามาจากทั้งสี่ทาง เมื่อราชาจากทุกอาณาจักรนั่งที่เป็นที่เรียบร้อยแล้วก็เป็นอันจบท้ายด้วย ‘อาณาจักรสี่มหาอำนาจ’ 

ขบวนแรกที่เข้ามาคือขบวนของแซร์อิซ แม้แต่ละคนในขบวนจจะดูป่าเถื่อนแต่ทั้งหมดก็มีออร่าในฐานะนักรบแฝงเอาไว้จนไม่มีใครกล้าจะปริปากดูถูก 

ส่วนหนึ่งเป็นเพราะมีแต่ผู้แข็งแกร่ง แต่อีกส่วนหนึ่งเป็นเพราะ ‘ราชาแห่งแซร์อิซ’ ผู้เดินนำหน้าทหารในขบวนทุกคนอย่างองอาจ

ราชาแห่งแซร์อิซ นาม ‘การันเต้’ เขาคือชายร่างยักษ์ผิวสีน้ำตาล ตัวใหญ่ขนาดที่ต้องใช้ผู้ชายโตเต็มวัยราวๆสองคนกว่าๆถึงจะมีขนาดเท่ากับร่าง และราชาการันเต้ก็มีส่วนสูงที่สูงเกือบจะถึงสามเมตร ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลแต่ก็ไม่ใช่บาดแผลที่ร้ายแรงอะไร กลับกันกล้ามเนื้อที่มากมายของเขาทำให้บาดแผลดูเป็นเพียงแค่แผลจิ๊บจ๊อยไปเสียด้วยซ้ำ เป็นชายที่ไว้หนวดและมีผมที่ตั้งสีน้ำตาล และเหนือสิ่งอื่นใด สิ่งที่เป็นจุดเด่นที่สุดของเขาก็คือ ‘ดวงตาสีมรกต’ ที่ดูสง่างามและทรงปัญญาขัดกับรูปร่างอันป่าเถื่อน

การันเต้ในเวลานี้สวมใส่ชุดราชการของแซร์อิซแบบจัดเต็ม และบริเวณเอวของเขาก็มีดาบคู่ใจที่ถูกติดตั้ง ‘มณีวายุ’ เอาไว้

ใช่แล้ว การันเต้คือเจ้าผู้ถือครองแห่งสายลม เป็นชายที่ถูกสายลมของโลกใบนี้เลือก

ด้วยรูปลักษณ์ที่น่าเกรงขามและผลงานระหว่างที่เขาขึ้นปกครองบ้านเมือง ผู้คนพากันจดจ้องการันเต้ ในฐานะของ ‘ราชาผู้ทรงพลัง’ 

ถัดจากการันเต้ก็คือ—เจ้าหญิงของอาณาจักรแซร์อิซ ‘เจ้าหญิงมรกต’ ผู้เลื่องชื่อด้านดวงตาที่งดงามซึ่งได้มาจากพ่อ และสติปัญญาที่เข้าขั้นอัจฉริยะในตัว

นามของเธอคือ ‘อาเบล’

อาเบลสวมใส่ชุดเจ้าหญิงอย่างเป็นทางการ เมื่อเธอเข้ามาสู่ในตัวงานด้วยรถม้าแล้วเธอก็โบกมือให้กับทุกคนด้วยรอยยิ้ม ทำเพียงแค่นั้น ราชากว่าครึ่งก็ตั้งใจจะเสนอตัวหมั้นกับเธอโดยไม่สนเหตุผลอะไรแล้ว

เจ้าหญิงมรกตหรืออาเบล ถูกระบุไว้ว่าเป็นผู้หญิงที่งดงามที่สุดในโลก เหมือนกับเจ้าหญิงมังกรของฟัฟนิร์และเจ้าหญิงโทมิเรียของเนลยอน 

เมื่อไปถึงปลายแถวของขบวน ผู้คนก็พากันหยุดหายใจต่อตัวตนที่ก้าวเข้ามาภายในงาน—แน่นอนว่าผู้ที่เด่นที่สุดในขบวนนี้มิใช่ราชาแห่งแซร์อิซหรือว่าเจ้าหญิงมรกตผู้ทรงด้วยปัญญาและหน้าตา

ทั้งหมดเมื่อเทียบความโดดเด่นกับชายคนสุดท้ายย่อมไม่ได้ ทำไมน่ะหรือ? นั่นก็เพราะว่า—เขาคือ ‘ผู้กล้า’ ยังไงละ

ฮีโร่ของโลกใบนี้ ตำนานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดบทหนึ่งบนโลก นั่นคือผู้กล้า

เกราะสีขาวที่ทำจากแร่ Aเทียร์ ดาบแห่งผู้กล้าที่เหน็บไว้ข้างเอว และเหนือสิ่งอื่นใดคือรูปร่างที่หล่อเหลาเกินกว่าใครๆ

เหมือนกับอาเบล ‘ผู้กล้าแอสทอเรียส’ ถูกระบุไว้ว่าเป็นผู้ชายที่งดงามที่สุดบนโลกใบนี้

เจ้าหญิงจากทุกอาณาจักรรู้สึกราวกับได้เจอรักแรก—อาเบลเห็นอย่างนั้นก็เล่ห์มองผู้กล้าอย่างนึกสนุก ด้วยระยะห่างที่ไกลทำให้พูดคุยไม่ได้ แต่ทั้งสองก็สื่อสารได้ทางสายตา

‘วันนี้คิดจะหิ้วเจ้าหญิงคนไหนกลับไปบ้างไหมคะ?’ อาเบลถามเช่นนั้นในใจ

‘อย่าล้อเล่นสิครับ กระผมคือผู้กล้านะ มิอาจทำพฤติกรรมเช่นนั้นได้หรอก’ ผู้กล้าตอบกลับตามสถานะของตัวเอง

สิ้นสุดการสนทนาในใจของทั้งสอง เมื่อราชา เจ้าหญิงและผู้กล้าได้เข้าที่แล้ว ขบวนเสด็จต่อไปก็มาเลย

ต่อจากนั้นก็เป็นขบวนของเกรล

ทุกอย่างในอาณาจักรเกรลนั้น—ธรรดมามาก ทุกคนต่างรู้กันดีว่าอาณาจักรเกรลคือมหาอำนาจตกอับ ภายในอาณาจักรมีดีเพียงแค่เทคโนโลยีเวทมนตร์และปราการลอยฟ้าซึ่งเป็นพลังของมหามังกรเท่านั้น นอกจากนั้นไม่มีอะไรเลย ทั้งทหารที่อ่อนแอยิ่งกว่าอาณาจักรทั่วๆไป เทคโนโลยีเวทมนตร์ที่บางด้านได้ถูกจักรวรรดิราชามังกรแซงไปแล้ว วิชาเล่นแร่แปรธาตุที่เริ่มไร้ค่าขึ้นทุกวัน สุดท้ายก็—ราชาที่น่าสิ้นหวังที่สุดในประวัติศาสตร์ของเกรล

ราชาคนปัจจุบัน ‘จูเลียส เลอว์ฟานเซียส’ รึ ‘ฟานเซียสที่เก้าสิบ’ ทุกคนต่างรู้จักเขาในฐานะราชาไม่ได้เรื่อง

เขานั่งอยู่บนบังลังค์ด้วยท่าทีตื่นสนามจนสร้างความขายหน้าให้แก่อาณาจักรอื่น ทหารเองก็รู้สึกเอือมระอาต่อราชาคนนี้ ..ท่ามกลางบรรยากาศที่สิ้นหวังนั้น เหล่าทหารแม้จะไม่ได้มองผู้เป็นราชาอย่างยกย่อง แต่ก็มีบุคคลหนึ่งที่ทุกคนต่างให้การยอมรับ

“โตขึ้นเยอะเลยไม่ใช่รึไง”

การันเต้พึมพำขึ้นขณะมองข้ามหัวจูเลียสไป—-การันเต้ให้ความสนใจแก่ ‘เจ้าชายแห่งเกรล ลีออน’

ทันทีที่ลีออนปรากฏ ผู้คนก็พากันเงียบกริบ ไม่มีใครกล้าเยาะเย้ยรึดูถูกอาณาจักรเกรลในตอนที่ลีออนยังอยู่

เจ้าชายผู้มีชะตาจะต้องเป็นราชาผู้ยิ่งใหญ่ในอนาคต มิใช่ราชาที่น่าผิดหวังดั่งพ่อของตัวเอง นั่นแหละคือลีออน

ลีออนนั่งอยู่บนเครื่องจักรเวทมนตร์โดยที่ข้างๆมีมนุษย์ผ้าคลุมร่างเล็กอยู่ข้างกาย

“เหมือนจะพาของแปลกมาด้วยแฮะ—เห้ ไอ้หนูลีออน ไม่ได้เจอกันตั้งนาน เป็นยังไงบ้างล่ะ”

การันเต้เดินมาลีออนแบบไม่สนใจจูเลียสเลย นั่นถือว่าเป็นการหักหน้าอย่างหนึ่ง—ถึงอย่างนั้นราชาอย่างจูเลียสก็ไม่กล้าพอจะสู้หน้ารึตำหนิการันเต้เลย ได้แต่ก้มหน้าขดตัวหนีอย่างขี้ขลาด

“สบายดีเหมือนเดิมครับ ..ท่านเรลันต้าต่างหากเป็นเช่นไรบ้างครับ”

“แข็งแกร่งกว่าเก่าเสียอีก ถ้าเป็นตอนนี้ข้าคงไม่โดนอุบายกระจอกของเจ้าหรอกเอาเหมือนคราวก่อนแล้วละ”

ลีออนกับเรลันต้ายิ้มให้กันอย่างเป็นกันเอง

“อยากพิสูจน์เหมือนกัน แต่ไว้ทีหลังดีกว่าครับ”

“คงต้องอย่างนั้น ไว้หลังจบงานแล้วค่อยเจอกันละกันไอ้หนู”

เมื่อคุยกันเสร็จอาณาจักรเกรลก็เข้าที่ประชุมให้เรียบร้อย เพื่อรออาณาจักรต่อไปนั่นก็คืออาณาจักรเนลยอน

ขบวนเริ่มด้วยการเสด็จของเจ้าหญิงตระกูลอามาเทราซึ— ‘อามาเทราซึ โทมิเรีย’ เธอนั่งอยู่บนบังลังค์ที่ถูกปกคลุมด้วยผ้าบางๆ สวมใส่ชุดเต็มยศของเจ้าหญิง และข้างๆของเจ้าหญิงตระกูลอามาเทราซึผู้เป็นประมุขให้แก่ระบบการปกครองของเนลยอนก็คือ ‘ราชาดาบมาร ไรเดน อาคาสะ’ นักรบผู้แข็งแกร่งที่สุด

ทั้งโทมิเรียทั้งไรเดนต่างมีออร่าที่สุดยอด จนทำให้หลายคนในที่แห่งนี้รู้สึกเคราพนับถือทั้งๆที่ไม่เคยได้พูดคุยกันมาก่อนเลย

“นั่นน่ะเหรอ ไรเดน อาคาสะ” ลีออนพึมพำขึ้นอย่างเคร่งเครียด “ก็ว่าทำไมท่านเซียนถึงได้เตือนนักเตือนหนาว่าอย่าตั้งตนเป็นศัตรูกับคนๆนี้”

“ชื่อนักรบที่แข็งแกร่งที่สุดไม่ได้มาเล่นๆหรอกนะครับ ท่านลีออน”

ผู้กล้าเอ่ยขึ้นจากข้างหลัง

อนึ่ง เหล่าผู้นำของอาณาจักรมหาอำนาจและผู้ติดตามอันดับหนึ่งจะได้ยืนอยู่ตรงกลางของงานประชุม เพราะพวกเขาต่างเป็นตัวหลักของงานประชุมกันทั้งนั้น

“ไรเดน อาคาสะ เป็นมนุษย์เพียงคนเดียวที่สามารถต่อกรกับสัตว์ประหลาดได้อย่างสมน้ำสมเนื้อครับ”

ผู้กล้ากล่าวอย่างนับถือ ยังไงซะ ในฐานะนักดาบด้วยกัน ไรเดนก็ถือว่าเป็นรุ่นพี่ที่ยังเดินตามหลังอยู่อีกไกล

ถัดจากเจ้าหญิงและไรเดนก็คือ ‘นายกรัฐมนตรี’ ของอาณาจักรเนลยอน ‘ทานากะ ฮิโรชิ’ ชายแก่ร่างเล็กผู้ทรงไปด้วยปัญญา

เขาเป็นคนที่ได้รับเลือกให้ดูแลอาณาจักรเนลยอนโดยประชาชน ในที่แห่งนี้มีเพียงอาณาจักรเนลยอนเท่านั้นที่มีระบบการปกครองต่างกับทุกที่ ถึงกระนั้น การปกครองของฮิโรชิก็ทำให้อาณาจักรเยลยอนพัฒนาขึ้นจนสามารถพูดได้เต็มปากว่าอาณาจักรเนลยอน คือสถานที่ที่ยอดเยี่ยมที่สุดบนโลกแล้ว

ฮิโรชิ เจ้าหญิงโทมิเรียและไรเดน เดินไปนั่งตรงกลางของที่ประชุม

“ไม่ได้พบกันนานนะ ท่านจูเลียส ท่านเรลันต้า”

ฮิโรชิเอ่ยทักเหล่าผู้นำ แต่ปฏิกิริยาที่ได้กลับดูไม่ค่อยน่าพอใจเสียเท่าไหร่

“มะ ไม่พบกันนานตั้งแต่สมัยของท่านพ่อเลยนะ ท่านฮิโรชิแล้วก็เจ้าหญิงโทมิเรียด้วย ฮะๆๆ”

ราชาจูเลียสตอบกลับโดยไร้ซึ่งมาด ส่วนเรลันต้านั้น—

“ไม่เจอกันนาน วันก่อนได้ข่าวว่าแก่ตายแล้วแท้ๆ ยังอุตส่าห์คืนชีพมาได้อีกนะ”

“เกรงว่าท่านเรลันต้าจะได้ข่าวสารผิดๆมานะครับ ยังไงก็ช่ายไตร่ตรองเรื่องราวให้ดีขึ้นด้วยนะครับ”

ทั้งสองจ้องหน้ากัน เพียงแค่นั้นบรรยากาศภายในงานประชุมก็เปลี่ยนไป

“นั่งลงเถอะ”

“ขอทำตามนั้นนะครับ”

ทุกอย่างจบง่ายๆด้วยคำพูดปิดท้ายของเรลันต้า

“ต่อไปก็ไอ้ขี้ขลาดอัลเบโด้สินะ”

“ราชาอัลเบโด้ต่างหากค่ะ”

เจ้าหญิงอาเบลช่วยแก้คำพูดหยาบคายของพ่อตัวเองให้—ว่าแล้วขบวนของอาณาจักรฟัฟนิร์ก็ปรากฏขึ้น

บนรถม้ามีราชาแห่งอาณาจักรฟัฟนิร์ ‘อัลเบโด้’ และเจ้าหญิงของอาณาจักร ‘มิร่า’ อยู่ด้วย แน่นอนที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ ‘ราชาจอมเวทย์’ ที่ตามหลังรถม้าของอัลเบโด้ราวๆสองเมตร

ราชาจอมเวทย์อยู่ในชุดคลุมสีแดงลวดลายสีทอง สวมหมวกสมกับเป็นจอมเวทย์ต้นตำหรับ คทาที่ถืออยู่ในมือคือคทาเวทย์ที่สืบต่อกันมากว่าหลายร้อยปีอย่าง ‘เซปเตอร์เดธ’ คทาที่มีพลังทำร้ายล้างสูงสุดบนโลก นอกจากนั้นข้างๆเอวของเขาก็มี ‘มณีอัคคี’ ติดเอาไว้อยู่ด้วย ทั้งคทาเวทย์ ทั้งมณีอัคคี ต่างเป็นสัญลักษณ์ของราชาจอมเวทย์ที่สืบต่อกันมารุ่นสู่รุ่น

ทว่าหากตัดภายนอกที่แสนยิ่งใหญ่ไป เขาก็เป็นเพียงคนที่มีอายุมากแล้ว หากไม่ได้สวมใส่เครื่องแบบรึได้ชื่อว่าเป็นราชาของจอมเวทย์ เขาคงเป็นเพียงแต่ตาแก่ธรรมดาที่ควรเอาเวลาช่วงสุดท้ายไปนั่งเล่นกับหลาน

“ขอโทษที่พาคุณมาลำบากนะ ‘วินดาฟ’”

อนึ่งราชาจอมเวทย์มีนามว่า ‘วินดาฟ’ 

“ช่วยไม่ได้นี่ แม้ข้าจะไม่ชอบในแสงสีเสียงและผู้คนที่มากไปเสียเท่าไหร่ แต่นี่เป็นงานประชุมโลก ยังไงก็มีหน้าที่ต้องเข้าร่วมอยู่แล้ว คึๆ”

อนึ่งราชาจอมเวทย์วินดาฟติดนิสัยชอบหัวเราะเสียงแปลกๆในลำคอ

“ต่อไปก็ ..มาแล้วสินะ”

ไรเดน อาคาสะ หันไปมองที่ท้ายขบวน—-ส่งสายตาไปให้ ‘เอเธอร์’

“ตัวตนที่อยู่บนจุดสูงสุด”

ในฐานะสิ่งมีชีวิต

“หนึ่งในกฏของโลก”

กฏที่ว่าไม่มีทางโค่นเอเธอร์ได้

“ทางเดินสู่สวรรค์”

หนังสือที่ถูกเขียนเล่นๆโดยเอเธอร์ และเป็นที่โด่งดังไปทั่วโลก

“ผู้สยบเจ็ดคาบสมุทร”

วีรกรรมในตำนาน

“สัตว์ประหลาด”

สิ่งที่นิยามเอเธอร์ได้ง่ายที่สุด

ชื่อเรียกมากมาย ฉายามากมาย เรื่องราวมากมาย ต่างไหลเข้ามาในหัวเมื่อเอเธอร์ปรากฏในที่แห่งนี้ เพียงแค่สิบปี เอเธอร์ใช้เวลาเพียงแค่นั้นในการสลักชื่อของเขาลงบนหัวของทุกคน

ผู้คนต่างชื่นชม หวาดกลัว อิจฉา หลงใหล เคียดแค้น มีหลากหลายความรู้สึกที่มีให้แก่เอเธอร์ก็จริง แต่ทุกคนก็รู้ดีว่าตัวเองไม่มีทางทำอะไรกับเอเธอร์ได้ ไม่มีทางจะเหมือนกับคนๆนี้ได้ เพราะว่ายังไงซะ–ตัวตนของเอเธอร์ก็เปรียบเสมือนกฏๆหนึ่งของโลก กฏที่มนุษย์ไม่อาจเข้าใจได้ว่าทำไม

ราชาอัลเบโด้ เจ้าหญิงมิร่า ราชาจอมเวทย์และเอเธอร์เข้าที่ประชุมของตัวเอง

เมื่ออัลเบโด้และมิร่าทักทายทุกคนในที่แห่งนี้จบแล้ว—-เอเธอร์ก็เริ่มเข้าหาไรเดน

“ไม่ได้เจอกันนานนะครับ ยังสบายดีอยู่สินะครับ”

“ก็อย่างที่เห็น ทางนั้นเองก็เถอะ ดูอารมณ์ดีเหมือนเดิมเลยนะ”

“นั่นสินะ—ชีวิตผมในช่วงนี้ ค่อนข้างมีความสุขเลยละ”

“เหรอ”

“..น่าเสียดาย อยากคุยกับคุณให้มากกว่านี้นะ แต่เหมือนจะไม่ได้”

เอเธอร์หันไปมองตรงหน้าที่มีคนๆหนึ่งเดินออกมา

ชายร่างยักษ์โผล่มาในชุดสวมใส่น้อยชิ้นประหนึ่งว่าตัวเองเป็นทวยเทพ

‘ราชามังกร กิโดร่า’ ได้เดินมายืนอยู่ตรงกลางสุด 

เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!!

เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!!

เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!!
Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! << 0 >> รู้สึกว่าโลกเราช่วงนี้จะฮิตต่างโลกกันสินะ? ถ้าจำไม่ผิดนวนิยายประเภทไลทโนเวลของญี่ปุ่นในยุค 2020 จะฮิตกันเอาเรื่องเลย ขนาดผมก็เคยอ่าน หรือเคยดูอนิเมที่ดัดแปลงจากนิยายมาอีกทีไม่น้อยเลย ใช่ มันค่อนข้างสนุกเลย อาจจะเป็นเพราะมันช่วยสนองนีทให้ผมก็ได้ เพราะปกติผมมักจะเป็นผู้แพ้เป็นประจำทั้งๆที่พยายามากแล้ว พอได้เห็นคนๆหนึ่งประสบความสำเร็จอย่างสวยงาม ซึ่งนั่นก็คือพระเอกมันก็ชวนให้รู้สึกภาคภูมิใจในตัวเขาด้วย พร้อมไปกับสาวๆในฮาเร็มของแกด้วยอะนะ แต่ด้วยความที่เป็นตลาดที่ใหญ่ ทำให้มีหลายความเห็นตามไปด้วย หลายครั้งที่นิยายแนวนี้จะถูกวิจารย์ในเชิงไม่ดี อาทิเช่น ส้ำซากจำเจ เดาทางง่าย ตัวละครผู้หญิงง่าย ทุกอย่างง่ายไปหมด บางเม้นต์ก็ร้ายแรงขนาดบอกว่า ‘นี่ไม่ใช่นิยายแต่เป็นสินค้า’ อืม ถ้าในมุมผมก็ไม่ได้รังเกียจอะไรหรอก ออกไปในทางชอบด้วยซ้ำ แต่ขอติหน่อยเถอะ ตัวร้ายส่วนใหญ่ในเรื่องแนวนี้โคตรจะไม่น่าให้อภัย คนอะไรมันจะเลวได้ขนาดนั้น เลวถึงแก่นแท้เลยพวกตัวร้ายในนิยายต่างโลกเนี่ย ไม่น่าให้อภัยที่สุด โง่ก็โง่ กระจอกก็กระจอกชิบหายเลย ไร้ความคิดความอ่าน กลับตัวก็ไม่เป็น

Comment

Options

not work with dark mode
Reset