เย่เฟิงมองรถวอลโว่ขับออกไป ถึงแม้จะรู้สึกโกรธ แต่กลับอดที่จะรู้สึกดีใจไม่ได้
โกรธ เพราะเย่เฉิน มันไม่ไว้หน้าเขาแม้แต่นิดเดียว
“ไม่ไว้หน้าฉันเป็นแค่เรื่องรอง ประเด็นคือมันยังลูบคลำมือสวยๆของคู่หมั้นฉันอีก!”
“นี่มันมีอย่างที่ไหนกัน!”
แต่ว่า สิ่งที่เขาแอบดีใจก็คือ“คราวนี้เย่เฉินตอแหลเกินไปหน่อย เขากลับไปไม่จำเป็นต้องใส่สีตีไข่อะไร เอาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเล่าให้คุณปู่ฟังก็พอแล้ว คุณปู่จะต้องโกรธเพราะเรื่องนี้แน่”
“ก่อนหน้านี้สิ่งที่ฉันกลัวมากที่สุดคือ คุณท่านลำเอียงเย่เฉิน แต่ครั้งนี้เย่เฉินไม่เพียงแต่ทำอะไรไม่ระวัง กระทั่งยังไม่เห็นคุณท่านอยู่ในสายตาอีก ครั้งนี้คุณท่านน่าจะไม่ลำเอียงเขาหรอกมั้ง?”
“ขอแค่คุณท่านไม่พอใจเย่เฉิน ฉันก็ชนะเลยน่ะสิ?”
แต่ทว่า เย่เห้าที่อยู่ข้างๆเขา ยังคงคิดไม่ถึงระดับนี้ เขาพูดอย่างหงุดหงิดว่า“พี่เฟิง เย่เฉินไอ้หมอนี่มันไม่เห็นใครในสายตาเลย!ถึงไม่ได้ไว้หน้าพี่เลย!”
เย่เฟิงหัวเราะอย่างเย้ยหยัน แล้วกล่าวว่า“ไอ้เด็กนอกคอกที่มาจากบ้านนอก ไม่มีใครสั่งสอน ในเมื่อชอบตอแหลขนาดนี้ งั้นก็ช่างเขาเถอะ”
พูดจบ เขาก็โบกมือไปมา แล้วกล่าวว่า“เรากลับกันเถอะ คุณปู่กำลังรออยู่!”
เย่เห้าพยักหน้า แล้วอดไม่ได้ที่จะถุยน้ำลาย แล้วสบถว่า“แม่งเอ้ย ทำไมกูถึงมีญาติแบบนี้เนี่ย ซวยจริงๆ!”
เย่เฟิงหันไปมองเฮเลน่า เห็นสีหน้าของเธอเสียเล็กน้อย จึงรีบถามอย่างอ่อนโยนว่า“เฮเลน่า คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?”
เฮเลน่าจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เมื่อได้ยินคำพูดของเย่เฟิงเธอถึงจากภวังค์ แล้วรีบโบกมือไปมาพลางพูดว่า“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันแค่เหนื่อยนิดหน่อย รบกวนคุณช่วยส่งฉันกลับโรงแรมด้วย”
เย่เฟิงรีบถาม“นี่ก็ใกล้เที่ยงแล้วนะครับ คุณกลับไปโรงแรมก็ต้องทานอาหารอยู่ดี ไปทานที่บ้านผมกันเถอะนะครับ”
“ไม่ล่ะค่ะ”เฮเลน่ากล่าว“ขอโทษจริงๆนะคะ ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบาย ฉันอยากกลับไปพักผ่อนหน่อยน่ะค่ะ”
เมื่อเย่เฟิงเห็นดังนั้น จึงไม่ได้ยืนกรานอีกต่อไป แต่พูดอย่างเป็นสุภาพบุรุษว่า“ก็ได้ครับ งั้นผมส่งคุณกลับโรงแรมแล้วกัน คุณไปพักผ่อนดีๆนะครับ ตอนเย็นถ้าคุณรู้สึกดีขึ้น ผมค่อยพาคุณออกไปเที่ยว”
“ค่ะ”
เฮเลน่าตอบรับหนึ่งคำ หลังจากนั้นก็เข้าไปนั่งในรถ
เย่เฟิงรู้สึกทุกข์ใจเล็กน้อย แต่ก็พูดอะไรมากไม่ได้ เขาเข้าไปนั่งในรถโรลส์-รอยส์ที่เพิ่มความยาวกับเย่เห้า
ระหว่างทางที่เดินทางออกจากสนามบิน เฮเลน่านั่งอยู่หลังเบาะรถโรลส์-รอยส์คนเดียว เธอจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
ตอนนี้ ในสมองของเธอหวนคิดถึง อุปสรรคต่างๆในชีวิตของตัวเอง
ถึงแม้เฮเลน่าจะเกิดในราชวงศ์ แต่กลับโชคร้าย
คุณยายของเธอเป็นราชินีแห่งยุโรปเหนือ และพ่อของเธอ เดิมทีถูกสถาปนาเป็นมกุฎราชกุมารมาตั้งแต่เด็ก แต่เพราะปัญหาเรื่องโรคหัวใจที่เป็นมาตั้งแต่กำเนิด เขาจึงจากโลกนี้ไปในวัยเพียงสี่สิบกว่า
ในตระกูลของเฮเลน่า โรคหัวใจที่เป็นแต่กำเนิดพบได้ทั่วไป เพียงแต่แต่ละคน มีอาการหนักเบาต่างกันไป
สาเหตุหลักก็คือ ในช่วงสองสามร้อยปีที่ผ่านมา การแต่งงานระหว่างเครือญาติเป็นเรื่องปกติในหมู่ราชวงศ์ยุโรป
ดังนั้นจึงมีความบกพร่องทางพันธุกรรมหลายอย่างในยีน รวมทั้งโรคฮีโมฟีเลียที่รู้จักกันดี และโรคที่มีมาแต่กำเนิดทางพันธุกรรมอื่นๆ
พ่อของเฮเลน่า รู้ว่าสุขภาพร่างกายของตัวเองไม่แข็งมาตั้งแต่เด็ก และรู้ว่าแม่ของตนเองสุขภาพร่างกายแข็งแรงดี ตนอาจจะไม่สามารถมีชีวิตอยู่สืบทอดราชบัลลังก์ ดังนั้นเลยฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่ลูกสาวของตัวเอง
แต่สิ่งที่ทำให้เขาสิ้นหวังก็คือ ในตอนที่เฮเลน่ากำเนิด ได้เป็นโรคหัวใจจากพันธุกรรม กระทั่งรุนแรงกว่าตัวเขาเอง
โรคของเฮเลน่า คือโรคTOFหัวใจพิการแต่กำเนิด
โรคแบบนี้ แสดงว่าระบบในหัวใจของเธอ มีความบกพร่องใหญ่ถึงสี่ประการ
คนที่เป็นโรคแบบนี้ มีแนวโน้มการตายภายในสามขวบ50% ผู้ป่วย90%ไม่สามารถมีชีวิตรอดไปถึงวัยผู้ใหญ่
ในตอนที่เฮเลน่าเกิด พ่อของเธออายุ25ปี และยายของเธอ ก็เป็นราชินีแห่งยุโรปเหนือวัย60ปี
ตอนนั้นเพราะว่าพ่อของเธอเป็นมกุฎราชกุมาร และเป็นรัชทายาทองค์แรกในลำดับ ดังนั้นเธอจึงได้รับการยอมรับว่าเป็นรัชทายาทลำดับที่สอง