อวิ๋นเจี่ยวเปิดจดหมายในมือออก แสงสีขาวส่องประกายขึ้น เสียงของเหวินชิงดังก้องขึ้นภายในห้องทันที
“ศิษย์หลาน ไม่เจอกันนาน อาจารย์สบายดีหรือไม่ ท่านพูดถึงข้าบ้างหรือไม่ ไม่เป็นไร แค่เพียงจำข้าได้ก็พอ! แล้วศิษย์หลานไป๋สบายดีหรือไม่ เฮ้อ จากกันมาเดือนกว่า ข้าคิดถึงพวกเจ้าอย่างมาก คิดถึงเจ้า คิดถึงอาจารย์ คิดถึงศิษย์หลานไป๋ แม้แต่ดอกไม้และพื้นหญ้าในอารามก็คิดถึง”
หยวนเจียงที่ไม่ได้ถูกคิดถึง “…”
“พวกเจ้าวางใจได้ ข้าและหานซูได้พบกับอาจารย์อาใหญ่ของเจ้าแล้ว มีเขาคอยดูอยู่ อีกทั้งพลังวิญญาณในยมโลกเข้มข้น ฝึกฝนอีกหลายสิบปีก็คงหายดีแล้ว เดิมทีข้าคิดจะกลับในวันนั้น แต่เจ้าไม่รู้ว่าศิษย์พี่ใหญ่ข้าช่างโรค…เฮ้อ! อย่างไรก็ตามข้ากลับไปไม่ได้ในเร็วๆ นี้แล้ว! แต่หานซูเป็นยมราช เมื่อเขาจากมา เรื่องของเมืองโยวหลิงจึงไม่มีคนดูแล พื้นที่ของยมโลกที่เขาดูแลห่างไม่ไกลจากโลกมนุษย์ ไม่อาจให้เกิดเรื่องวุ่นวายได้ ดังนั้นอาจารย์อาอยากจะขอให้ศิษย์หลานช่วยศิษย์พี่เจ้าดูแลเมืองโยวหลิงชั่วคราว เมื่อเขาหายดีค่อยกลับมา
จริงสิ! เจ้าจำตราประทับที่เก็บได้หรือไม่ ตรานั้นเป็นตราประจำตัวของเขา แค่เพียงมีตราประทับนั้น ร่วมกับป้ายยมราช เจ้าก็จะสามารถสั่งการยมทูตในเมืองโยวหลิงได้ ป้ายยมราชข้าได้ให้จี้ฉีส่งมาด้วย ศิษย์หลานมีความสามารถเกินคน อีกทั้งอาจารย์ก็ให้ความสำคัญ ดูแลพื้นที่ยมโลกต้องไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน อาจารย์อาเชื่อใจเจ้า! นอกจากนี้ ช่วยทักทายอาจารย์ให้ข้าด้วย เหวินชิง!”
พูดจบ แสงสีขาวบนกระดาษก็ดับลงไป
อวิ๋นเจี่ยว “…”
สีหน้าของนางดำทะมึน ทันใดนั้นมีความรู้สึกอยากโยนกระดาษใส่หน้าคนบางคน นี่เขาโยนภาระมาให้นาง?
จี้ฉีไม่รับรู้ถึงอารมณ์ของนางแม้แต่น้อย เขาหยิบป้ายไม้สี่เหลี่ยมสีดำชิ้นหนึ่งออกมา “ศิษย์น้องอวิ๋น นี่คือป้ายยมราช เมืองโยวหลิงต้องรบกวนเจ้าแล้ว”
สีหน้าของอวิ๋นเจี่ยวยิ่งดำลงไป มองไปยังป้ายแผ่นนั้น ก่อนจะหายใจเข้าลึกๆ “อาจารย์อาเหวินทำไมต้องให้ข้าดูเมืองโยวหลิง ให้ศิษย์พี่จี้ฉีท่านดูไม่ได้เหรอ”
จี้ฉีผงะไป ก่อนจะพูด “ศิษย์น้องไม่รู้ ถึงแม้ยมโลกจะแบ่งออกเป็นเจ็ดเมือง แต่ราชายมโลกออกกฎไว้ตั้งแต่หลายพันหมื่นปีมาก่อน แต่ละเมืองไม่อาจรุกรานซึ่งกันและกัน ข้าดูแลเมืองตี้หยิน ดังนั้นถึงแม้ข้าจะมาจากสำนักเดียวกันกับศิษย์พี่หาน แต่ก็ไม่อาจดูแลเมืองโยวหลิงได้”
“ท่านเป็นหนึ่งในยมราช?!”
“ใช่” เขาพยักหน้า
อวิ๋นเจี่ยวผงะไป อาจารย์อาเหวินชิงเป็นคนของสวรรค์ไม่ใช่เหรอ ทำไมลูกศิษย์ที่รับมาล้วนอยู่ในยมโลก
“แล้วอาจารย์อาเหวินชิงล่ะ?” อวิ๋นเจี่ยวถาม “หากท่านไม่สะดวก เขาสามารถดูแลเองได้” โยนให้นางทำไม
“อาจารย์ยังอยู่กับอาจารย์ลุงใหญ่…” จี้ฉีราวกับนึกอะไรบางอย่างได้ ตัวของเขาสั่นเทา สักพักถึงเค้นออกมา “ไม่สะดวก”
“…” ไม่สะดวกตรงไหน อาจารย์อาใหญ่เป็นประจำเดือนเหรอถึงจะไม่สะดวกทุกเดือน
“อาจารย์บอกว่าอาจารย์ปู่ไม่อยากให้คนอื่นรบกวน เรื่องนี้ไม่อาจแจ้งให้อาจารย์ลุงในโลกบนช่วยเหลือ ดังนั้นศิษย์น้องจึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด” จี้ฉีทำสีหน้าลำบากใจ
เมื่อพูดถึงอาจารย์ปู่ หยวนเจียงที่อยู่ด้านข้างก็พยักหน้าเห็นด้วย “มีเหตุผล” ศิษย์หลานเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
“…” มีเหตุผลตรงไหนกัน!
“ศิษย์น้องอวิ๋นวางใจ ยมทูตในเมืองโยวหลิงมีมาก อีกทั้งมีผู้พิพากษาอยู่หลายคน คุมไม่ยาก…น่าจะ”
“…” ท่านเอาคำหลังสุดออกได้ไหม
“เมืองตี้หยินข้าห่างจากเมืองโยวหลิงไม่ไกล หากศิษย์น้องมีปัญหาอะไร มาถามข้าได้” เขายิ้มอย่างเป็นมิตร
อวิ๋นเจี่ยวปากกระตุก สูดลมหายเข้าลึกๆ ก่อนจะพูดขึ้น “ตอนนี้ข้ามีหนึ่งคำถาม”
“ศิษย์น้องเชิญถาม”
นางสูดลมหายใจเข้า ก่อนจะพูด “พวกท่านลืมไปหรือไม่ว่า ข้า…เป็นคน!” ให้นางไปคุมฝูงผีในยมโลก เห็นนางตายยากหรือไง
จี้ฉี “…” เอ๊ะ? ศิษย์น้องไม่ใช่วิญญาณหรือ
หยวนเจียง “…” เอ๊ะ? ศิษย์หลานยังไม่ได้บรรลุเป็นเทพหรือ
…
สุดท้ายอวิ๋นเจี่ยวก็ตกลงรับเอาไว้
หนึ่งคือเรื่องของพลังชีวิต หากนางต้องการสืบต่อไปจะต้องใช้นามของใครบางคน
สองเป็นเพราะเสวียนเหมินในตอนนี้ ห่างจากยมโลกมากเกินไป หากยมโลกเกิดเรื่องขึ้นจริง โลกมนุษย์คงจะซวยไปด้วย เมื่อมีโอกาสสร้างความสัมพันธ์อันดีกับยมโลกเช่นนี้ก็ไม่เลว
สามคือจี้ฉีบอกว่า ป้ายยมราชดึงออกมาจากร่างวิญญาณของหานซูแล้ว ต้องมีคนมารับ ไม่อย่างนั้นมันจะเลือกหลอมเข้าร่างวิญญาณอื่นเอง ถึงตอนนั้นคงจะมีเพียงราชายมโลกที่จะดึงออกมาได้ ดังนั้นไม่อาจลังเลได้นาน
สี่คือจี้ฉีลืมบอกข้อที่สาม ทำให้พวกนางลังเลนานเกินไป ป้ายยมราชจึงหลอมเข้าไปในตัวของชายแก่ที่กลับมาช้า…
อวิ๋นเจี่ยว “…”
หยวนเจียง “…”
จี้ฉี “…”
ช่างเป็นป้ายยมราชที่มีเอกลักษณ์
สักพัก…
“แค่ก!” จี้ฉีกระแอมไออย่างแก้เก้อ ก่อนจะพูดขึ้น “ของส่งมาถึงแล้ว เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน” พูดจบก็หายตัวไปในทันที
“…” อาจารย์อาเหวินชิงไม่มีลูกศิษย์ที่เพิ่งพาได้เลยจริงๆ
ชายแก่ที่ถูกบางอย่างกระแทกจนวิญญาณหลุดออกจากร่าง กำลังลอยอยู่กลางอากาศด้วยสีหน้างงงวย “…” เกิดอะไรขึ้น?!
“เจ้าหนู! อาจารย์อาหยวน!” ไป๋อวี้ก้มมองร่างกายของตนเองบนพื้น เขาตายแล้ว? ทำไมถึงได้กลายเป็นวิญญาณอย่างกะทันหันแบบนี้! เขาพยายามจะลอยกลับเข้าร่างกายของตนเอง แต่กลับทะลุร่างไป “ทำไมข้ากลับไปไม่ได้”
“ติดจิตเอาไว้ เก็บป้ายยมราชเข้าจิต” หยวนเจียงที่ตกตะลึงกับเหตุการณ์ตั้งสติได้ จึงรีบพูดขึ้น
ไป๋อวี้ผงะ ก่อนจะหลับตาลงทำตามที่อีกฝ่ายพูด เพียงชั่วครู่ก็รู้สึกร่างกายหนักอึ้ง เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง เขาก็กลับเข้าสู่ร่างกายของตนเอง เพียงแต่รู้สึกเย็นบริเวณหน้าผาก ราวกับมีบางอย่างเพิ่มขึ้น
“เจ้าหนู นี่…นี่มันอะไรกัน”
“เอ่อ…” อวิ๋นเจี่ยวมองดูผนึกสีดำที่ปรากฏขึ้นบนหน้าผากเขา ปากของนางกระตุกเล็กน้อย ก่อนจะเบี่ยงเบนประเด็นอย่างรวดเร็ว “คือ…ชายแก่ ข้าจำได้ว่าตอนที่ท่านถูกผีร้ายไล่ตามนั้น เหมือนเคยพูดไว้ว่า รอจนเจ้าฝึกฝนสำเร็จ จะทำให้วิญญาณในยมโลกเกรงกลัวท่าน?”
ชายแก่ผงะไป ก่อนจะพยักหน้า “ใช่?” นี่มันเกี่ยวอะไรกับที่วิญญาณหลุดออกจากร่าง
อวิ๋นเจี่ยวเดินขึ้นหน้าก้าวหนึ่ง ก่อนจะหยิบตราประทับในถุงออกมา แล้วยัดใส่มือเขา พร้อมพูดว่า “ยินดีด้วย ท่านทำได้แล้ว!”
“ฮะ?”
“ตั้งแต่นี้ต่อไป ท่านก็คือผู้คุ้มครองของยมโลกแล้ว!” ผีทั้งหมดต้องเกรงกลัวแน่!
“…”