ถึงแม้ว่าเรื่องที่เธอพูด ผมจะเข้าไม่ถึงมันนัก แต่ถ้าเธอสนุกกับการคุยเรื่องนี้ การเลือกเป็นผู้ฟังที่ดีก็ไม่ใช่ตัวเลือกที่แย่
“แล้วก็นะ… อ๊ะ ข…ขอโทษค่ะ”
คุณชาร์ล็อตที่เพลินกับการพูดคนเดียว เพิ่งรู้สึกตัวตัวเองจัดเต็มกับความโอตาคุตัวเอง กล่าวขอโทษ แม้ว่าจะเป็นกลางคืน แต่ผมเห็นสีหน้าเธอแดงแป้ดเลย เธอคงอายแหละที่รู้สึกตัวเองว่าตัวเองพูดคนเดียวเป็นต่อยหอย
“ไม่เป็นไรครับ อย่างน้อยก็ทำให้ผมรู้ว่าคุณชาร์ล็อตชอบมังงะ อนิเมะ และคนคอสเพลย์มากๆครับ”
ผมยิ้มตอบให้ชาร์ล็อตที่ขอโทษ เอาจริงๆผมได้เห็นด้านเปิ่นและด้านความชอบของชาร์ล็อตก็ไม่ได้รู้สึกแย่นะ
“อาโอยางิคุงเป็นคนอ่อนโยนจริงด้วย..”
ชาร์ล็อตกล่าวพึมพำกับตัวเอง
“มีอะไรรึเปล่าครับผมฟังไม่ชัด”
“ม..ไม่มีอะไรค่ะ.. จะว่าไป อาโอยางิคุงชอบมังงะเรื่องไหนบ้างเหรอ”
เอาละไง งานหยาบของผมละ
เอาจริงๆผมเป็นคนที่ไม่ค่อยอ่านมังงะ ถึงจะเคยขอยืมการ์ตูนจากอากิระ แต่ก็ไม่มีเรื่องไหนที่ผมชอบ ฉะนั้นเรื่องเนื้อหาการ์ตูนนี่ลืมไปได้เลย ทุกวันนี้อย่างมากก็จำได้แค่ชื่อเรื่องเท่านั้น
“ผมชอบเรื่อง….”
ผมจะตอบชาร์ล็๋อต แต่ความรู้สึกในใจผม ทำให้ผมไม่เอ่ยปาก
จะโกหกเธอยกเมฆมาสักเรื่องก็ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ถ้าโกหกเธอก็มีโอกาสที่เธอจะรู้ว่าผมไม่ได้พูดความจริง
สมมติผมเอ่ยชื่อการ์ตูนไป มีโอกาสที่คุณชาร์ล็อตจะถามเนื้อหา หรือ ตัวละครชอบก็ได้ มีโอกาสที่เธอจะจับโกหกผม
แต่ที่สำคัญกว่านั้น
ผมแอบมองคุณชาร์ล็อตอีกครั้ง แววตาของเธอเต็มไปด้วยประกายใคร่รู้ แสดงความใสซื่อไร้เดียงสา ผมเลยไม่อยากจะโกหกเธอ
ดังนั้นผมจังเลือกจะอธิบายตรงไปตรงมา
“ขอโทษนะครับ ปกติผมไม่ค่อยอ่านการ์ตูน ผมเลยไม่มีเรื่องที่ชอบครับ”
“เอ๋..งั้นเหรอคะ”
ชาร์ลอตแสดงท่าทีเสียดายเมื่อฟังคำตอบผมจบ
“ขอโทษด้วยครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ.. แล้วทำไมเธอถึงไม่อ่านการ์ตูนเหรอ”
“คือว่า…ไม่มีเวลาไปซื้อครับ”
ด้วยความที่ผมมีเป้าหมายบางอย่าง ผมถึงไม่ได้มีโอกาสออกไปซื้อการ์ตูนมาอ่านเท่าไรนัก
“…..”
สีหน้าท่าทางของเธอเต็มไปด้วยกริยาขอโทษ เล่นเอาผมว้าวุ่นใจ เธอจะคิดว่าผมเป็นผู้ชายน่าเบื่อรึเปล่า แค่ต่อยอดบทสนทนายังทำไม่ได้เลย
ขณะที่ผมกำลังคิดหัวข้อเพื่อหลีกเลี่ยงเด้ดแอร์ตอนนี้ว่าจะทำไง
“คือว่า…”
คุณชาร์ล็อตกล่าวพลางก้าวรุกคืบมาหาผม เล่นเอาผมผงะเล็กน้อย
“ชั้นมีข้อเสนอ ถ้าชั้นให้เธอยืมมังงะไปอ่าน เธอจะว่าไง”
“เอ๋ ทำไมล่ะครับ”
“ถ้าเธอไม่เคยอ่านการ์ตูน เธอก็ไม่เข้าใจถึงความมหัศจรรย์ของสิ่งที่เรีกว่ามังงะ ชั้นเลยอยากให้เธอยืมอ่านเผื่อจะได้เข้าใจ”
เป็นข้อเสนอมาพร้อมเหตุผลแพ็คคู่เลย
เอาจริงๆ พอฟังจบ ผมเกิดอาการเกรงใจนะ
เพราะว่าทุกวันนี้สองพี่น้องเข้ามาเล่นในห้องผม ผมเลือกลดเวลานอนเพื่อติวหนังสือแล้วด้วย ถ้าสละเวลาอ่านการ์ตูนอีก คราวนี้เวลานอนคงไม่เหลือแน่
“เอ่อ คือว่า…”
“
“แล้วก็ส่วนตัวชั้นเอง ชั้นอยากให้อาโอยางิรู้จักสิ่งที่ชั้นชอบ….ชั้นยืนยันนะว่ามังงะมันเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของจริง”
“……..”
พูดกันขนาดนี้ ใครจะไปปฏิเสธข้อเสนอเธอได้ล่ะครับ
ผมเข้าใจความรู้สึกของเธอด้วย ถ้าคุณมีสิ่งที่ตัวเองชอบ ก็อยากจะแบ่งปันฟีลนั้นให้คนอื่นรับรู้ด้วย และว่าตามตรง ผมก็นึกไม่ถึงว่าเพียงเพื่อเรื่องการ์ตูน เธอจะยอมพูดถึงขนาดนี้
“ขอบคุณในน้ำใจครับผม งั้นก็ขอรบกวนยืมอ่านสักเล่มนะครับ”
“ได้ค่ะ เรื่องนั้นไม่มีปัญหาเลย”
ชาร์ล็อตตอบกลับผมเสียงดังด้วยความดีใจ ใบหน้าเธอเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม
รอยยิ้มเธอดูกี่รอบก็รู้สึกดี เธอนี่เป็นผู้หญิงที่เปี่ยมล้นด้วยเสน่ห์จริง ผมอยากจะคุยกับเธอต่อเรื่อยๆแต่ว่า
“แงงงงงงงงงงง!”
เอมม่าตกใจกับเสียงดังของชาร์ล็อต เธอสะดุ้งตื่นขึ้นมา สรุปว่าทัวร์สนทนายามค่ำคืนของผมกับเธอก็จบลงด้วยประการเช่นนี้
****
“….โอนี่จัง…กอดหนูหน่อย”
วันรุ่งขึ้น เอมม่ายังคงมาเล่นจนหมดแรงที่ห้องผมเหมือนเดิม ผมอุ้มเธอไว้บนตัก เอมม่าค่อยๆหลับตานอน
ปกติเวลานอน น้องควรจะไปนอนบนฟูก แต่น้องเลือกที่จะมานอนบนตักผมแทน เป็นเด็กขี้อ้อนตัวจริงเสียงจริง ผมลูบหัวน้องอย่างอ่อนโยน
“ดูแล้วเหมือนเธอเป็นพี่ชายแท้ๆของเอมม่าไปแล้วนะ”
ชาร์ล็อตทีนั่งอยู่ข้างๆผมกล่าวด้วยรอยยิ้มขณะมองมาที่ผม
“ก็ถ้าผมเป็นพี่ชายของเธอได้จริงก็อยากเป็นนะครับ”
“ฮะฮะ ถ้าเป็นแบบนั้นได้ คนที่ดีใจสุดๆคือเอมม่านั้่นแหละ”
เธอพูดจบพร้อมรอยยิ้มทรงเสน่ราวเทพธิดา ยังไงก็ยืนยันได้เต็มปากว่าเธอสวยสะกดตาคนจริงๆ
“ตอนนี้เอมม่าหลับแล้ว เรามาเริ่มเลยดีมั้ยคะ”
จากรอยยิ้มเทพธิดาที่เห็นแล้วตกหลุมรัก ตอนนี้รอยยิ้มเธอเปลี่ยนไปเป็นรอยยิ้มของเด็กน้อยที่ได้คุยเรื่องของเล่นชิ้นโปรด
ถึงแม้ว่าจะเปลี่ยนภาพลักษณ์จากเทพธิดากลายเป็นเด็กซุกซน แต่ก็น่ารักอยู่ดี ปกติจะมีรอยยิ้มแบบเทพธิดาให้ความรู้สึกแบบผุ้ใหญ่ แต่เพิ่งจะได้รู้ตอนนี้ว่าเธอมีด้านรอยยิ้มที่เห็นแล้วเหมือนเด็กซะด้วย
“ก็ได้ครับผม แต่ที่ให้รอเอมม่าหลับก่อนเพราะไม่อยากให้เอมม่าอ่านการ์ตูนรึเปล่าครับ”
ผมเห็นชาร์ล็อตเช็คว่าเอมม่าหลับสนิทแล้วรึยัง ผมเกิดความสงสัยเลยถาม เพราะเคยได้ยินมาบ้างเหมือนกันว่าบางครอบครัวมีแนวคิดว่าการ์ตูนคือของไม่ดี
แต่ดุจากพี่สาวแล้วบ้าการ์ตูนขนาดนี้ก็ไม่น่าใช่ แต่เรื่องนี้มันติดใจจริงเลยต้องถามเธอ
“เปล่า ไม่ใช่ค่ะ เอมม่าคงอยากคุยเรื่องการ์ตูนกับอาโอยางิคุงมากกว่าอีก แล้วชั้นก็ไม่อยากจะขัดคอเอมม่าตอนน้องคุยกับเธอด้วย แล้วก็เอมม่ายังอ่านภาษาญี่ปุ่นไม่ออก ถ้าปล่อยชั้นกับเธอคุยสองคน น้องคงรู้สึกเหมือนโดนกีดกันด้วย”
เข้าใจแล้ว เพราะแบบนี้นี่เอง กะแล้วเชียวว่าชาร์ล็อตให้ความสำคัญกับเอมม่าเหนือสิ่งอื่นใด เธอเป็นคนใจดีจริงๆ
ผมมองดูความรักสองพี่น้องจนหลุดยิ้ม รู้สึกอบอุ่นหัวใจ ขณะที่ผมกำลังจะพูดต่อ ก็ต้องชะงักกึก เพราะตะลึงว่า ทำไมชาร์ล็อตเดินมานั่งเคียงข้างผมไหล่ชนไหล่
“ค..คุณชาร์ล็อตครับ ทำไมถึงมานั่งข้างผมเหรอ”
คือปกติถ้าให้ยิมการ์ตูน แค่ส่งหนังสือให้ก็จบ แต่นี่เธอมานั่งข้างๆผมมันคืออะไรกัน ผมไม่เข้าใจเลยถาม
ชาร์ล็อตฟังคำถามผมจบ เธอค่อยๆตอบกลับผมด้วยท่าทางเขินอาย
“คือว่า…ชั้นอยากลองอ่านการ์ตูนภาษาญี่ปุ่นด้วยกันกับเพื่อน แต่ว่าชั้นไม่มีเพื่อนที่อ่านภาษาญี่ปุ่นออก…. อ่านด้วยกัน…ไม่ได้เหรอคะ”
ชาร์ล็อตหน้าแดง เงยหน้าสบตาผม ผมคิดในใจว่าเธอนี่ขี้โกงชะมัด เล่นลูกอ้อนแบบนี้ใครจะปฏิเสธได้ลงคอ เจอลูกอ้อนสุดน่ารักชวนให้หลงไหล ผมก็ได้แค่พยักหน้าก่อนตอบเธอ
“เอ่อ ..คือ ..อ่านด้วยกันก็ได้ครับ..”
****
จบ ch4-6
หมายเหตุ อยากอ่านไวกว่าใครนิดหนึ่ง คลิกติดตามเพจผู้แปลได้ตรงนี้เลยจ้า kurakon