ชั้นกล่าวด้วยรอยยิ้มให้อาจารย์คลายกังวลเรื่องอาโอยางิ
ทว่า
“ฮั่นแน่ นี่สินะความในใจที่แท้จริงของเธอ”
อาจารย์ฮานาซาว่าส่งรอยยิ้มทะเล้นตอบกลับ
“ป..เปล่านะคะ ตะกี้ที่พูดมัน…”
“เอาน่าเอาน่า ดีใจด้วยนะที่ความสัมพันธ์พวกเธอทั้งคู่ไปได้ด้วยดี”
“อาจารย์….!”
“โอ๊ะ จะหมดเวลาพักกลางวันแล้ว เธอรีบกลับห้องเรียนได้แล้ว ชาร์ล็อต”
หลังจากนั้นชั้นจำใจต้องกลับห้องเรียนเพราะเหตุนี้
******
“อาโอยางิคุง อดีตของเธอผ่านอะไรมาบ้างนะ”
ชั้นรำพึงกับตัวเอง มองไปที่อาโอยางิที่ตอนนี้กำลังหลับอย่างสงบ
แน่นอนว่าเขาหลับอยู่ ยังไงก็ไม่ได้ยินและลุกมาตอบคำถามชั้นได้แน่
สภาพอาโอยางิที่ตอนแรกแข็งแรงดี แต่จู่ๆก็เป็นไข้กระทันหันทำให้ชั้นกังวลเรื่องของเขา
ถ้าสมมติว่าเขาเป็นไข้ขึ้นสูงแล้วอยู่ในห้องแบบนี้คนเดียว เขาจะมีใครให้พึ่งพาบ้าง
วันนี้แม่ของชั้นติดต่อมาว่าจะค้างคืนที่บริษัท ถึงชั้นไม่กลับห้องวันนี้ก็ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด
ชั้นไม่มีกุญแจห้องอาโอยางิ ถ้าเกิดกลับห้องตัวเอง จะไม่สามารถล็อคห้องอาโอยางิคุง และทิ้งเขาไว้ตามลำพังแบบนี้ ก็น่าเป็นห่วงสวัสดิภาพของเขา
หลังจากประเมินสถานการณ์แล้ว สิ่งแรกที่ชั้นทำคือ กลับห้องเอาตัวเอง เอาฟูกนอนของเอมม่าไปปูไว้อีกห้องหนึ่ง ให้น้องไปนอนที่นั่นจะได้ไม่ติดหวัดจากอาโอยางิ
จากนั้นชั้นกลับไปเอาผ้าขนหนูชุบน้ำ เช็ดหน้าอาโอยางิคุง และแปะเจลลดไข้ที่หน้าผากเขา
หลังจากนั้นชั้นได้แค่รอเขาจนกว่าจะตื่นมาเป็นปกติ
น่าตลกดี เขาเป็นคนที่เพิ่งจะรู้จักกันได้ไม่กี่วันแท้ๆ ไม่รู้ทำไมชั้นถึงดูแลเขาขนาดนี้
สิ่งที่ชั้นกำลังคิดในตอนนี่คือ ชั้นเคารพความคิดของอาโอยางิ แต่ว่า ถ้าอาโอายางิต้องผจญกับความทุกข์ยาก จะให้ชั้นเมินเฉยก็ไม่ใช่นิสัยชั้นแน่นอน
***
“หาวววว”
แสงสว่างยามเช้าลอดผ่านผ้าม่าน แยงตาปลุกผมให้ตื่น
แปลกใจกับตัวเองว่าตื่นก่อนเสียงนาฬิกาปลุกดังแบบนี้แสดงว่าหลับลึกเอาเรื่อง ผมยื่นมือคว้าโทรศัพท์มือถือจะตัดเสียงปลุกนาฬิกาก่อนที่มันจะดัง จากนั้นเตรียมตัวลุกขึ้นล้างหน้าล้างตา
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ อาโอยางิคุง อาการป่วยดีขึ้นแล้วใช่มั้ยคะ”
“…………..เอ๋?”
ผมเกิดอาการสตันไปเลยเพราะงงว่าทำไมชาร์ล็อตถึงอยู่ที่นี่ เธอมองหน้าผม ส่งยิ้มให้อย่างดีใจ
“ดูแล้วไข้น่าจะลดลงเป็นปกติแล้วแต่เพื่อความชัวร์ชั้นขอวัดอุณหภูมิร่างกายอีกรอบนะ ชั้นเตรียมปรอทวัดไข้ไว้แล้ว”
ดูเหมือนว่าช่วงที่ผมหลับไป เธอไปเตรียมพร้อมอุปกรณ์ให้ทุกอย่าง ก่อนส่งปรอทวัดไข้ให้ผม
ผมรับปรอทมาทั้งที่ยังงงๆ สูดหายใจเข้า นั่งนึกถึงเรื่องเมื่อวานว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง
ที่นึกออกก็มีว่าเธอเข้าใจผิดว่าผมเป็นไข้เพราะเป็นหวัด เลยให้ผมรีบนอน .. แต่ว่าแล้วทำไมตอนผมตื่น เธอถึงอยู่ที่ห้องผมล่ะ
อย่าบอกนะว่าเธอยังไม่ได้กลับไปนอนที่ห้องตัวเองตั้งแต่เมื่อวาน
“คุณชาร์ล็อตครับ อย่าบอกนะว่าคุณเฝ้าไข้ผมตั้งแต่เมื่อคืน”
“ไม่ต้องใส่ใจเรื่องนั้นหรอกนะ ชั้นทำเพราะอยากทำเองไม่ได้ถูกบังคับ”
เธอไม่ได้ตอบคำถามผมชัด แต่ในประโยคมันก็บอกชัดเจนว่าเธอไม่ได้ปฏิเสธสิ่งที่ผมถาม
ความรู้สึกผิดเริ่มเกาะกุมในใจผม
ผมเป็นไข้จริง แต่ผมสามารถบอกกล่าวให้ชัดเจนได้ว่าต้นสายปลายเหตุเกิดจากอะไร แต่ดันชิงหลับไปเองซะก่อนแบบนี้ ในฐานะมนุษย์ ผมโคตรเลวเลย
“ขอโทษด้วยนะครับคุณชาร์ล็อต”
“บอกแล้วไงคะว่าไม่ต้องใส่ใจ ชั้นเป็นคนตัดสินใจทำเรื่องนี้โดยพลการด้วย”
“เปล่าครับ ที่ผมขอโทษไม่ใช่เรื่องนัั้น เมื่อวานที่ผมไข้ขึ้นมันไม่ได้เป็นเพราะหวัดครับ”
“เอ๋?”
“คือว่าคุณแตะหน้าผากผม ผมอาย อุณภูมิในร่างกายเลยสูง แต่คุณชาร์ล็อตเข้าใจผิดว่าผมไข้ขึ้นเพราะเกิดจากหวัดครับ”
การสารภาพบอกความจริงมันก็ออกจะเป็นเรื่องที่น่าอาย แต่ให้เก็บเรื่องนี้ไว้โดยไม่บอกเธอ ผมจะรู้สึกแย่กว่าอีก และผมอยากขออภัยเธอในเรื่องนี้ด้วย
“แต่ว่าเธอมีไข้นะ…?จะบอกว่าแค่ชั้นแตะตัวเธอไข้เลยขึ้นได้เลยเหรอ”
ชาร์ล็อตกล่าว หน้าแดงเป็นลูกตำลึง
“สรุปว่าที่ไข้ขึ้นเพราะชั้นใช้หน้าผากแตะเธอ รวมถึงไปนั่งตักเธอด้วยใช่มั้ย”
ชาร์ล็อตกล่าวอึกอัก หน้ายังไม่หายแดง
แต่แน่นอนว่า ชาร์ล็อตในมุมนี้ก็ดูน่ารักอยู่ดี
“เพราะงั้นผมถึงขอโทษไงครับ ไม่ได้ป่วยเพราะไข้แท้ๆแต่คุณต้องเสียเวลามาเฝ้าไข้ผม”
“ม..ไม่ต้องขอโทษหรอกค่ะ เป็นเพราะชั้นด่วนตัดสินใจคิดเองเออเอง ทางชั้นต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายขอโทษ”
ชาร์ล็อตกล่าว สบตามองผมอย่างเขินอาย ทั้งที่เธอเฝ้าไข้ทั้งคืนเพราะความไม่ชัดเจนของผม มันคือความผิดผมแท้ๆแต่เธอกลับเลือกขอโทษและมองว่าเป็นความผิดของตัวเองซะอย่างนั้น มันทำให้ผมมองเธอกลับแล้วรู้สึกตื้นตันใจแทน
ขณะที่ผมจะพูดต่อ มีเสียงบางเสียงดังขึ้น
“ล็อตตี้อยู่ไหนนนนนนนนนนนน! “
“!”
ผมกับชาร์ล็อตสบตากัน ได้ยินเสียงเด็กร้องไห้จากอีกห้องหนึ่ง
จะบอกว่าชาร์ล็อตอยู่ห้องข้างๆแต่เอมม่าไม่รู้เหรอว่าเธออยู่ที่นี่
“ล็อตตี้!”
“เอมม่า พี่อยู่นี่แล้ว”
ชาร์ล็อตรีบเดินไปห้องที่เอมม่านอน ส่งเสียงบอกเธอ พอเอมม่าเห็นชาร์ล็อต น้องหยุดร้องไห้ วิ่งเตาะแตะเตาะแตะหาชาร์ล็อต
ภาพในหัวตอนนี้ของผมที่คิดไว้คือ น้องต้องวิ่งไปกอดชาร์ล็อตแน่ เพราะน้องวิ่งกางมือสองข้างพร้อมโผเต็มที่เลย ส่วนชาร์ล็อตก็อ้าแขนรอรับน้องสแตนบายรอแล้ว
แต่ทว่า
“โอนี่จัง”
ทิศทางน้องดริฟท์เฉยเลย น้องวิ่งมากอดผมแทนซะงั้น
คุณชาร์ล็อตที่แสตนบายรอกอดน้องออกตัวล้อฟรีอีกตามเคยตัวแข็งทื่อไปอีกแล้วครับ
ผมเห็นสภาพคุณชาร์ล็อตก็ไม่รู้จะทักเธอยังไงดี ส่วนเจ้าตัวต้นเหตุที่ทำให้ชาร์ล็อตสตัน ส่งเสียงหัวเราะแหะแหะกอดผมอยู่เงยหน้าสบตาผม
“เน่เน่ โอนี่จัง ตั้งแต่วันนี้โอนี่จังย้ายมาอยู่บ้านเอมม่าแล้วใช่มั้ยคะ”
“เอ๋ ทำไมถึงคิดแบบนี้รึครับ”
“เพราะอยู่บ้านเอมม่า มีฟูกให้โอนี่จังนอนได้ค่ะ”
“เอ่อ ที่นี่ไม่ใช่ห้องเอมม่านะครับ ที่นี่ห้องของพี่นะครับ”
“อะเร๊…? นี่หนูอยู่ห้องโอนี่จังจริงเหรอ”
เอมม่าฟังคำตอบผมจบ แสดงอาการตกใจ สีหน้าออกอย่างเห็นได้ชัด
แสดงว่าตอนเอมม่าตื่น น้องไม่ได้สังเกตแน่นอนว่าห้องที่ตัวเองนอนอยู่เป็นห้องใคร แค่ลืมตาตื่นมาแล้วไม่เห็นชาร์ล็อตอยู่ข้างตัวก็ชิงร้องไห้ก่อนเลย
ดูแล้วชาร์ล็อตลำบากในการเลี้ยงน้องไม่น้อย แต่ก็นะ ในฐานะพี่ที่มีน้องสาวน่ารัก น้องจะติดพี่หรือขี้อ้อนไปบ้างก็ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด
“แปลว่า ตั้งแต่วันนี้หนูเป็นลูกของบ้านโอนี่จังแล้วใช่มั้ยคะ”
“คือว่า..มันก็ยังนะครับ”
“เอ๋…เอมม่าอยากเป็นลูกของบ้านโอนี่จังอะ”
ฟังแล้วปวดหัวเลย จะตอบยังไงดีนะ
เอาจริงๆถ้าผมมีน้องสาวน่ารักแบบเอมม่าจริงๆผมก็ยินดีอย่างยิ่งแหละ
แต่ในทางกฏหมายแล้ว ยังไงชาร์ล็อตไม่อนุมัติแน่
“เฮ้อ แสดงว่าถ้าพี่ไม่อยู่เอมม่าจะรู้สึกดีกว่าใช่มั้ย”
ชาร์ล็อตที่เพิ่งโดนน้องทอดทิ้งไม่อยู่ในสายตา เอ่ยปากถามด้วยเสียงงอน
ผมเห็นสภาพเธอแล้วคิดในใจว่าภายนอกมีมุมเจ้าหญิงสูงศักดิ์แต่จริงๆแล้วแอบเป็นเด็กขี้น้อยใจด้วยแฮะ
“ไม่ดี ล็อตตี้ไม่อยู่หนูก็ไม่เอา เพราะฉะนั้นล็อตตี้ต้องมาเป็นลูกของบ้านโอนี่จังด้วย”
เอมม่าเอ่ยคำตอบออกมาพร้อมรอยยิ้มแป้น คำพูดน้องมาง่ายๆใสซื่อแต่เล่นเอาชาร์ล็อตไปไม่เป็นเลย
“ไม่ได้หรอก เอมม่า เรื่องนั้นมันเป็นไปไม่ได้”
คือถ้าเป็นพล็อตในการ์ตูนมังงะหรือการ์ตูนตาหวาน ป่านนี้พระเอกหรือนางเอกคงตอบอะไรสักอย่างแล้วก็ได้ย้ายมาใช้ชีวิตด้วยกันในห้องแน่นอน แต่ชีวิตจริงมันไม่ใช่ ผมฟังคำตอบของชาร์ล็อตก็ได้แต่แอบเสียดาย เพราะเราก็แอบหวังให้เธอมาอยู่ด้วยกันนะ
“บูบูบูบูบู”
เอมม่าเจอคำตอบปฏิเสธของชาร์ล็อต ส่งเสียงไม่พอใจ
ผมที่เห็นสองพี่น้องคุยกันแบบนี้ก็คิดในใจว่า “พี่น้องเบนเนตในวันนี้ก็ยังสดใสร่าเริงชวนหัวเราะเหมือนเดิม”
****
“อาหารที่คุณชาร์ล็อตทำเองวันนี้ก็ยังอร่อยไม่เปลี่ยนนะครับ”
วันนี้ชาร์ล็อตทำอาหารเผื่อในส่วนของผมด้วย เมนูวันนี้ลานตามาก มีมิโสะซุป เบคอน ปลาซันมะย่าง ไข่ม้วนชีส ทุกอย่างทำออกมาดี อร่อยมาก
“ฮะฮะ ถึงเธออวย ชั้นก็ไม่มีอะไรให้หรอกนะคะ”
“ผมไม่ได้อวยเวอร์ครับ อาหารอร่อยจริง เล่นเอาผมอยากทานทุกวันเลยครับ”
“เอ๋ ประโยคสุดท้ายมัน…”
ผมงงสิ ทำไมคุณชาร์ล็อตอายม้วนต้วน หน้าเธอแดงไปถึงใบหูขนาดนั้น ผมแค่พูดสิ่งที่อยู่ในใจตามที่คิดแค่นั้นเองนะ หรือผมพูดอะไรผิดไปหว่า
ส่วนเอมม่าตอนนี้นั่งอยู่บนตักผม เธอกระตุกเสื้อผม
“มีอะไรรึเปล่าครับ”
“อยู่กับโอนี่จังแล้วอิ่มหนำสำราญอาหารเต็มโต๊ะไปหมด หนูอยากกินข้าวกับโอนี่จังทุกวันเลยค่ะ”
“เอม..เอมม่า พูดอะไรออกมา”
ชาร์ล็อตอายหน้าแดงเแป๊ดเมื่อเจอคำพูดเอมม่าที่ใสซื่อไม่ได้มีเจตนาร้ายใดๆ
******
จบ ch 5-1จ้า
หมายเหตุ อยากอ่านไวกว่าใครนิดหนึ่ง คลิกติดตามเพจผู้แปลได้ตรงนี้เลยจ้า kurakon