บทที่สิบสอง
อรุณรุ่งเช้าวันใหม่หยาเหยานางตื่นขึ้นมาพร้อมอากับอาการที่ต่างไปต่างเช้าวันก่อนวันนี้แม้นเมื่อคืนนางจะนอนไม่ค่อยหลับนัก แต่วันนี้ใบหน้าของนางดูสดใสอยู่มาก แต่ด้วยเหตุใดนั้นนาง…. เผิงอวิ๋น แล้วก็ชิงชิงคงจะทราบเหตุนั้นดีเช่นกัน
“คุณหนู” ชิงชิงนางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ขณะที่นางกำลังสางผมให้กับเจ้านายของตน
“เจ้ายิ้มอะไรชิงชิง” หยาเหยาที่นางเองก็ยิ้มอยู่เอ่ยถามชิงชิง
“คุณหนูของชิงชิง ชิงชิงอยากให้ถึงวันแต่งงานของท่านไวๆ คุณหนูของชิงชิงต้องเป็นเจ้าสาวที่งดงามที่สุดแน่นอนเจ้าคะ” ชิงชิงกล่าวไปก็สางผมให้เจ้านายนางไปด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มและเปี่ยมสุข
……….
เวลาต่อมา
วันนี้หยาเหยานางก็ยังคงออกมาสอนหนังสือ ตามที่นางสัญญากับเด็กน้อยเหล่านั้นไว้ วันนี้นางมายังสถานที่เดิมแต่ด้วยใจที่เป็นสุขเสียยิ่งกว่า ใบหน้าของนางนั้นแสดงออกอย่างชัดเจนว่ายามนี้ใจนางนั้นมีความสุขเพียงใด
หยาเหยานางก้มหน้าจรดปลายพู่กันลงไปบนกระดาษ…… ในตอนนั้นมีเด็กหญิงน้อยนางหนึ่งเดินเข้ามาหานาง
“นายหญิง” เด็กหญิงน้อยนางนั้น ย่อกายเคารพและนั่งลงที่เบื้องหน้าของนาง
“ว่านเอ่อร์” หยาเหยานางเอ่ยกับเด็กน้อยนางนั้นอย่างเอ็นดู ในหมู่เด็กที่นางสอนหนังสืออยู่นั้นว่านเอ่อร์เด็กที่สุด นางเพียงห้าขวบปีเท่านั้น
“ว่านเอ่อร์อยากฟังท่านดีดพิณ” ว่านเอ่อร์ทำหน้าเศร้า
“หืม…. เจ้ามิอยากเรียนแล้ว?”
“มิกล้าๆ มิใช่ๆ เพียงแต่ว่านเอ่อร์คิดถึงเสียงพิณของท่าน” ว่านเอ่อร์หน้าเศร้ามากไปอีก
หยาเหยานางยิ้ม
“ชิงชิง ให้คนไปนำพิณที่จวนของข้ามา ข้าจะมาเล่นให้ว่านเอ่อร์น้อยฟัง”
……..
เวลาผ่านไป
พิณก็ได้ถูกนำมาจัดวางไว้….. หยาเหยานางกวักมือเรียกว่านเอ่อร์ให้มานั่งที่ข้างๆ กายนาง นางลูบศีรษะของว่านเอ่อร์อย่างเอ็นดูสองสามหน ก่อนที่นาวจะหันมาจรดปลายนิ้วของนางบรรเลงเพลงพิณที่หวานซึ้งที่สุด แสดงถึงความรู้สึกในเวลานี้ของได้ชัดเจน
เด็กน้อย…. ชิงชิง รวมทั้งนางเองแต่ละคนที่อยู่ศาลาเหลียนฮวานั้นต่างมีใบหน้าที่เปี่ยมด้วยสุขกันทั้งสิ้นก็มีแต่เพียงบุรุษผู้หนึ่งที่แอบมองนางอยู่จากที่เดิม ที่เดียวกับเมื่อวาน หลู่เมิ่ง
วันนี้หลู่เมิ่งมาพบนางอีกครั้งมามองนางจากที่ไกลๆ เขามิเข้าใจตนเองเช่นกันว่าเหตุใดถึงเป็นเช่นนี้ เพราะเหตุใดทำไมเขาถึงวางนางลงไม่ได้
เขาเฝ้ามองรอยยิ้มหวานซึ้งอันอบอุ่นของนางนั้น รอยยิ้มของสตรีที่ไม่ใช่ของเขานางไม่ใช่ของเขาอีกต่อไป
“ท่านแม่ทัพ” เสียงหวานของหลงจูดังขึ้น นางตามเขามานางพบว่าระยะนี้หลังจากที่เขาหย่าขาดกับซื่อหยาเหยาแม่ทัพเขาก็เปลี่ยนไปมาก เศร้าซึมลงไปอย่างมิทราบสาเหตุทั้งยังดื่มสุราราวกับน้ำเปล่า
“หลงจู” หลู่เมิ่งเอ่ย
“ข้าจะไปอธิบายกับนาง นางต้องเข้าใจท่าน” หลงจูเอ่ย
“ไม่…. เจ้าไม่ต้องทำอะไร เวลานี้เวลาอะไรแล้วสายไปแล้ว” หลู่เมิ่งเอ่ยอย่างปลงตกทั้งที่ใจมิได้เป็นเช่นนั้น
“ท่านแม่ทัพรักนาง?” หลงจูนางกึ่งถามหากแต่คำตอบก้ชัดอยู่ตรงหน้านี้แล้ว
“รักแล้วอย่างไรไม่รักแล้วอย่างไร สิ่งที่ปล่อยให้หลุดมือไปแล้วนั้น แม้นอยากจะคว้ากับคืนมาสักเพียงใด แล้วนี้ตกไปอยู่ในมือของผู้ที่เห็นค่าแล้ว ข้ายังจะทำสิ่งใดได้” หลู่เมิ่งคล้ายจะมีน้ำตา
“วันนั้นท่านเพียงหวังกลั้นแกล้งนางเพียงเท่านั้น ท่านมิได้มีใจให้หลงจู แต่ก็เลี่ยงมิได้ท่านสูญเสียนางก็เพราะจูเอ่อร์เป็นเหตุ” หลงจูนางปลอบประโลม
“เอาเถิดไม่ใช่เพราะเจ้าแต่เพราะข้าเอง…. เพราะตัวข้าเอง” หลู่เมิ่งน้ำตาหยดหนึ่งรินไหล ก่อนที่จะหมุนกายจากไปจากที่นั้น
หลู่เมิ่งได้เดินจากไป…. ท่าทางของเขาดูสิ้นหวัง ในเวลานั้นหลงจูนางเจ็บปวดแทนเขา นางมิอยากให้เขาต้องทนทุกข์ นางตัดสินใจเดินไปหาซื่อหยาเหยาที่ยังศาลานั้น
…..
ภายในศาลา
การมาถึงของหลงจูทำให้เสียงพิณเงียบลงไป
“หลงจู” หยาเหยาเอ่ยขึ้น นางมิยินดียินร้ายนัก
“คุณหนูหยาเหยา” หลงจูนางย่อกายเคารพหยาเหยาอย่างนอบน้อม
นางเดินไปหยุดตรงหน้านั้น
“เจ้ามาที่นี้เพราะ?” หยาเหยานางเอ่ยถาม
“ท่านพอจะมีเวลาว่างสักหน่อยออกไปพูดคุยกับหลงจูที่ด้านนอกได้หรือไม่?” หลงจูนางเอ่ยอย่างขอร้องนางนอบน้อมมาก
“จะมีอะไรต้องคุยกันอีก ที่พวกเจ้าทำ….” ชิงชิงนางร้องขึ้น
“ชิงชิง” หยาเหยาร้องคัดค้านเสียงของชิง
“ได้ข้าจะไปคุยกับเจ้า….” หยาเหยานางเดินนำหลงจูไป
…..
ด้านข้างศาลาไม่ไกลนัก
ในบริเวณนั้นมีดอกไม้นานาพันธุ์อยู่มากมายจัดว่าเป้นสวนไม้ดอกที่งดงามมากสวนหนึ่ง
“หลงจูเจ้ามีธุระอันใดก็เอ่ยออกมาเถิด” หยาเหยาเอ่ย
“หลงจู มีเรื่องขอร้องคุณหนู หลงจูอยากขอร้องท่านโปรดอภัยให้ท่านแม่ทัพได้หรือไม่ เรื่องของหลงจูกับท่านแม่ทัพไม่เคยเกิดขึ้นจริง ท่านแม่ทัพเพียงอยากให้ท่านโมโห…..” หลงจูนางไม่ทันจะเอ่ยจบหยาเหยานางก็เอ่ยขึ้นมาก่อน
“อยากให้ข้าโมโห อยากให้ข้าเสียใจ ทั้งหมดล้วนก็เพราะอยากให้ข้าไปจากจวนสกุลหยางมิใช่หรือ วันนี้ก็สมใจแล้ว ยังมีสิ่งใดให้ขอร้องกันอยู่อีก” หยาเหยาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยใบหน้านางเรียบเฉยยิ่งกว่า
“หรือท่านมิเคยรักท่านแม่ทัพจริงๆ ….. เหตุใดท่านจึงเย็นชาเช่นนี้ เพราะเหตุใดกัน ทุกวันนี้ท่านแม่ทัพดื่มสุราหนักขึ้นทุกวัน เขาคิดถึงท่านมาก” หลงจูเอ่ย
“เจ้าก็ดูเป็นห่วงเขาดี เจ้าก็ดูแลเขาเอาเถิด ความเสียใจอะไรนั้นหาได้มีอยู่จริง หลงจูเจ้าเข้าใจท่านแม่ทัพผิดเสียแล้วเขามิได้รู้สึกใดๆ ต่อข้าสักน้อยนิด ข้าแต่งเข้าจวนสกุลหยางหนึ่งปี แต่ที่เขาดีต่อเจ้าในวันนั้น มากมายกว่าที่ดีต่อข้ามาปีหนึ่งเสียอีก” หยาเหยานางยิ้ม
“คุณหนู…. ท่านได้โปรดหากท่านยังรัก หากท่านเคยรักท่านแม่ทัพได้โปรดให้อภัยเขา” หลงจูนางคุกเข่า
“เจ้าจะทำสิ่งนี้ไปเพื่ออะไรกัน? หรือเพื่อแสดงว่าเจ้านั้นมีใจที่ดีเพียงใด แสดงให้หลู่เมิ่งทราบซึ้งเช่นนั้นหรือ? ตัวข้าหากว่ารักนั่นคือรัก หากว่าชังก็คือชัง แต่วันนี้ข้ากับเขามิได้รู้สึกใดๆ ต่อกัน ไม่มี ไม่โกรธ ไม่แค้น ไม่ชิงชัง ไม่รัก ไม่คิดถึง” หยาเหยาเอ่ยจบนางก็เดินไปประคองไหล่ของหลงจูให้ลุกขึ้น
“หยาเหยาพบบุรุษที่รักหยาเหยาด้วยใจจริงแล้ว” นางยิ้มก่อนที่จะเดินจากไป
……………………….
เมื่อหยาเหยาเดินออกมาได้ครู่หนึ่งผ่านสวนดอกไม้ที่ลดเลี้ยว นางเห็นหลังของบุรุษผู้หนึ่ง บุรุษที่นางเพิ่งเอ่ยถึงเมื่อครู่ บุรุษที่นางหวังฝากชีวิตน้อยๆ ของนางไว้
“เผิงอวิ๋นเกอเกอ” หยาเหยานางเอ่ยขึ้น
เผิงอวิ๋นเขาหันมายิ้มอบอุ่นให้แก่นาง…. บุรุษที่สวมอาภรณ์สีขาวสะอาดตา วันนี้เขามาหานางหวังจะช่วยสอนเด็กน้อยๆ เป็นเพื่อนาง วันนี้สิ่งที่เขาได้ยินหยาเหยาเอ่ยกับหลงจูนั้น ใจเขาเป้นสุขอย่างมาก