รถโดยสารประจำทางในเมืองหลวงช่วงเวลาเลิกงานนั่นยังวุ่นวายและแออัดเหลือเกิน หล่อนยืนโหนราวเหล็กบนรถเมล์มาตลอดทาง และเมื่อถึงป้ายรถเมล์ที่จะลง ก็ถูกชนจนแทบล้มกองกับทางเท้า แว่นตาที่ใส่อยู่กระเด็นหายไปกับตา
รถโดยสารวิ่งจากไป พร้อมกับไอ้คนที่มันชนหล่อนก็เดินหายไปเช่นกัน ในขณะที่หล่อนยังคงยืนเซ่อ และมองหาแว่นตาของตัวเองกับพื้นอย่างทุลักทุเล
“แว่น… ไปไหนเนี่ย”
สายตาที่สั้นมากทำให้หล่อนต้องก้มลงมองแทบติดพื้นเลยทีเดียว แต่ก็ยังหาไม่พบ จนกระทั่งมีมือของใครบางคนยื่นแว่นตามาให้
“หาเจ้านี่อยู่ใช่ไหมครับ”
หล่อนฉีกยิ้มกว้าง รีบกล่าวขอบคุณ และรับแว่นตามาสวมทันที โลกทั้งใบสว่างสดใสและกว้างไกลได้เหมือนเดิมแล้ว
“ขอบคุณอีกครั้งนะคะ”
หล่อนช้อนตาขึ้นมองผู้ชายที่มีน้ำใจกับตัวเอง และก็เห็นว่าเขาหน้าตาดีมาก และตัวสูงพอๆ กับคริสเตียโนเลยทีเดียว
“ผมยินดีครับ”
เขายิ้มให้กับหล่อน และชวนคุย
“ถ้าไม่รังเกียจ ไปกินข้าวกับผมสักมื้อสิครับ ถือว่าเป็นการขอบคุณที่ผมเก็บแว่นให้คุณน่ะ”
หล่อนฟังเขาพูดแล้วก็หัวเราะออกมาอย่างงงๆ
“คุณจะมาเลี้ยงข้าวตอบแทนฉันทำไมคะ ในเมื่อคุณเป็นคนช่วยเก็บแว่นตาให้กับฉัน”
“งั้นคุณก็เลี้ยงข้าวผมแทนก็ได้ครับ”
พราวฟ้านิ่งไปสักพักก็จำต้องพยักหน้าตอบรับผู้ชายตรงหน้า
“ก็ได้ค่ะ แต่ว่าฉันมีเงินไม่มาก คงเลี้ยงคุณได้แค่ก๋วยเตี๋ยวนะคะ”
“ผมกินง่ายครับ อะไรก็ได้”
หญิงสาวมองผู้ชายลูกครึ่งตรงหน้าด้วยความขบขัน ก่อนจะตอบตกลง
“ก็ได้ค่ะ งั้นตามมาทางนี้ค่ะ”
แล้วในที่สุดหล่อนก็ได้เพื่อนใหม่ เป็นผู้ชายลูกครึ่งที่หน้าตาหล่อไม่เบาเลยทีเดียว หล่อนกับเขาคุยกันอย่างสนุกสนาน และการพูดคุยกับเขาก็ทำให้หล่อนลืมเรื่องเศร้าๆ ไปได้ชั่วขณะ
“ขอบคุณมากนะครับที่เลี้ยงก๋วยเตี๋ยวผมน่ะ อิ่มมากเลยครับเนี่ย”
เขาเอามือลูบท้องตัวเอง
หล่อนหัวเราะออกมาอีกครั้ง
“คุณทำเหมือนกับไม่เคยกินก๋วยเตี๋ยวมาก่อนอย่างนั้นแหละค่ะ”
“เคยเห็นน่ะ แต่ไม่เคยลองกินสักที วันนี้ได้กินแล้ว ก็เลยรู้ว่ามันอร่อยมาก”
พราวฟ้าเรียกเจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวมาเก็บเงิน ก่อนจะถูกเจ้าของร้านแซว
“มีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ยหนูพราว”
พราวฟ้าหน้าตื่น รีบส่ายหน้าปฏิเสธ ในขณะที่คนตรงกันข้ามอมยิ้ม ไม่พูดอะไร
“ไม่ใช่ค่ะอาเจ้ก เราเป็นเพื่อนกันค่ะ”
“เพื่อนหล่อจัง”
“ขอบคุณครับ”
ผู้ชายตรงหน้าของหล่อนกล่าวขอบคุณเจ้าของร้านที่เอ่ยชมด้วยหน้าตาบานเฉ่ง ก่อนจะหันมาตั้งคำถามกับหล่อน
“ผมหล่อจริงไหมเนี่ย”
พราวฟ้าอมยิ้ม และก็ตอบตามความเป็นจริง
“หล่อค่ะ หล่อมากเลยล่ะ”
“ถ้าผมหล่อขนาดนั้น คุณตกหลุมรักผมหรือยังล่ะครับ”
พราวฟ้าหัวเราะขบขัน
“ถ้าฉันไม่มีคนที่ชอบอยู่แล้ว ฉันก็คงจะตกหลุมรักคุณไม่ยากหรอกค่ะ”
“หว้า… ผมอกหักเหรอเนี่ย”
“คุณหมายความว่ายังไงคะ”
ชายหนุ่มระบายยิ้ม
“เปล่าหรอกครับ ผมก็แค่พูดไปงั้นแหละ”
แล้วเขาก็ลุกขึ้นยืน หล่อนเดินตามออกไปจากร้านก๋วยเตี๋ยวข้างทาง
“ผมจะกลับอยู่แล้ว ยังไม่ได้แนะนำตัวกับคุณเลย”
“อ้อ… ฉันก็ลืมไปเลยค่ะ ฉันชื่อพราวฟ้านะคะ”
“ชื่อเพราะจังนะครับ”
หล่อนระบายยิ้มเขินๆ
“แล้วคุณล่ะ ชื่ออะไรคะ”
“ผมชื่อราฟาเอล แต่พี่ชายของผมเรียกผมว่าราฟครับ”
“ชื่อเพราะเหมือนกันนะคะ”
ชายหนุ่มอมยิ้ม
“เอาไว้ถ้าบังเอิญเจอกันอีก ผมจะเป็นฝ่ายเลี้ยงคุณบ้างนะครับ”
“คงไม่บังเอิญแล้วมั้งคะ”
“ไม่แน่หรอกครับ บางทีเราอาจจะเจอกันทุกเย็นก็ได้”
หล่อนทำหน้างงๆ ก่อนจะยกมือขึ้นโบกลา
“คุณนี่พูดจางงๆ ฉันไปล่ะ ป่านนี้แม่รอแล้ว”
“เดินดีๆ นะครับ ระวังสะดุดหกล้ม”
คนที่เดินอยู่ชะงักเท้า ก่อนจะหันกลับมาทำหน้าย่นใส่
“ฉันไม่ได้ซุ่มซ่ามสักหน่อย ว๊ายยย”
พูดยังไม่ทันขาดคำเลย ร่างของหล่อนก็ร่วงลงกองกับพื้นคอนกรีต
“นั่นไง ผมบอกแล้วให้ระวัง”
ราฟาเอลรีบเดินเข้ามาประคองร่างของหล่อนให้ลุกขึ้นยืน และถามด้วยน้ำเสียงตำหนิ แต่ในกระแสเสียงก็เต็มไปด้วยความห่วงใย จนหล่อนอดที่จะแปลกใจไม่ได้
“ทำไมไม่มองทางล่ะครับ เห็นไหมเจ็บตัวกันพอดี”
“ขอบคุณค่ะ แต่แค่นี้เอง ไม่เป็นไรหรอก”
หล่อนขืนตัวออกห่างจากเขา ซึ่งราฟาเอลหนุ่มหล่อก็ยอมแต่โดยดี
“ตอนเด็กๆ ฉันหกล้มบ่อยจะตายไป”
เขาหัวเราะจนเห็นฟันสีขาวแทบทุกซีกในปากเลยทีเดียว หล่อนมองเห็นก็อดอมยิ้มไม่ได้
“หัวเราะเยาะฉันสิท่า”
“เปล่าครับ ผมก็แค่เห็นว่าคุณตลกดี”
หล่อนระบายยิ้มหวานให้กับชายที่เพิ่งรู้จักกันแค่เพียงวันเดียวโดยไม่รู้ตัว
“ยังไงก็ขอบคุณมากนะคะ ฉันกลับบ้านก่อนล่ะ”
“บ้านคุณอยู่ในซอยนี้หรือครับ”
“ใช่ค่ะ แต่ท้ายซอยเลยล่ะ”
“งั้นผมไปส่งไหม”
“เฮ้ย… อย่าเลยค่ะ ฉันไปเอง”
“แต่คุณขาเจ็บอยู่นะ”
เขามีน้ำใจ แต่หล่อนก็ไม่อยากจะรับเอาไว้ เพราะเกรงใจ แถมยังเพิ่งรู้จักกันอีก
“ฉันไม่เป็นไรมากหรอกค่ะ เห็นไหมคะเนี่ย สบายมาก อ๊ะ…”
หล่อนสะบัดขาโชว์แต่กับต้องอุทานด้วยความเจ็บแปลบที่ข้อเท้า
“เห็นไหมล่ะ ผมบอกแล้ว”
เขาขยับเข้ามาใกล้ยิ่งขึ้น จนหล่อนได้กลิ่นตัวอ่อนๆ จากเขาเลยทีเดียว
กลิ่นตัวของเขาหอมแปลกๆ ไม่คุ้นจมูกมาก่อน แต่มันกลับทำให้รู้สึกสดชื่น