เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 295 ความพลิกผัน

ตอนที่ 295 ความพลิกผัน

 

 

“ อะไรนะ ? มีคนบอกว่าพบเห็นร่องรอยการปรากฏตัวของเยี่ยจงแล้วอย่างงั้นหรือ ยังไม่รีบไปอีก “ ภายในป่า ก็ได้มีคนเอยขึ้นมาเสียงเบา วินาทีนั้น สำนักเสวียนหวิน สี่ผู้แข็งแกร่งเขาหลิงซานต่างก็เคลื่อนไหวดุจดังพายุ มุ่งหน้าไปทางด้านนั้น

 

ภายในกลุ่มคนเหล่านี้เรียกได้ว่ามีคนที่หวังจะสังหารเยี่ยจง นั้นก็เพราะว่าเด็กน้อยผู้นี้เป็นอุปสรรคชิ้นใหญ่เลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะยอดฝีมือสำนักเสวียนหวิน หากว่าเยี่ยจงไม่ตาย เกรงว่าวันข้างหน้าของพวกเขาแม้แต่จะนอนก็ยังหลับไม่ลง ยิ่งไปกว่านั้นในสถานที่แห่งนี้ ยังมีผู้คนมากมายที่คิดจะครอบครองหัวใจพสุธา สมบัติโลหิตมังกรแท้เป็นต้นอยู่ พวกเขาต่างก็ไม่ต้องการที่จะพลาดจากวัตถุเทพเหล่านี้

 

ก่อเกิดการรวมตัวของยอดฝีมือและขุมกำลังมากมายเหล่านี้เหมือนดั่งสายธารก็มิปานวนเวียนอยู่ที่ป่าเขาแห่งนี้ มุ่งหน้าไปทางด้านที่มีการปรากฏตัวของเยี่ยจงเข้าไปอย่างรวดเร็ว ทุกผู้คนต่างก็เกิดความตื่นเต้นขึ้น

 

“ ในครั้งนี้อย่าได้ให้เขาหนีไปได้อีกเป็นอันขาด “

 

“ ยังไงก็ตาม ช่วงเวลาที่มีการปรากฏตัวขึ้นเมื่อครั้งก่อน เจ้าหนูนั้นก็เหมือนกับตะเกียงที่ไร้น้ำมันแล้ว ต่อให้เป็นสี่ราชันเผ่ามนุษย์แล้วจะเป็นไร ? เป็นราชันแล้วจะทำอะไรได้ ? ในที่สุดก็ยังต้องตายลงอยู่ดี “

 

“ ไป อย่าได้พลาดสมบัติที่อยู่ในตัวของเขาไป ที่นับร้อยปีจะพบพานสักครา “

 

“……”

 

ขุมกำลังแต่ละฝ่ายต่างก็ส่งเสียงออกมาไม่ขาดสาย เห็นได้ชัดว่า คนเหล่านี้ต่างมีความตื่นเต้นเต็มสิบส่วน ถึงแม้ว่าหลายวันมานี้เยี่ยจงจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย จนทำให้มีคนไม่น้อยคิดว่าเขาหลบหนีไปได้แล้ว การปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งนี้ มีหรือที่จะไม่ตื่นเต้นขึ้นมาได้

 

“ อยู่ที่ไหน “

 

มีคนมองเห็นลางๆ เข้าไปภายในของผืนป่าด้วยความตื่นเต้นเต็มสิบส่วน นั้นก็เพราะว่าเขาถึงกับเป็นผู้ที่พบเจอเยี่ยจงเป็นคนแรก

 

คนอื่นๆที่เงียบงันแต่ละก็ได้กวาดตาจ้องมองเข้าไปทีละคนอย่างรวดเร็ว จากนั้นภายในดวงตาก็ได้ปรากฏความยินดีขึ้น หากว่าเป็นก่อนหน้านี้ เด็กน้อยเหล่านี้ไม่เพียงแต่ไม่ต้องการที่จะพบเจอกับเยี่ยจง แต่ว่าพวกเขาในตอนนี้ก็ทราบได้ว่าเยี่ยจงได้ตกอยู่ในสภาพที่อ่อนแออย่างถึงที่สุด เหมือนดั่งตะเกียงไร้น้ำมัน ดังนั้นจึงไม่มีผู้ใดที่เกิดความหวาดกลัวแม้แต่น้อย

 

ไม่นานนัก ร่างกายของเยี่ยจงก็ได้ปรากฏแก่สายตาของผู้คนที่มองมามากมาย เขาในตอนนี้ที่สวมด้วยชุดสีขาว ไขว้มือยืนอยู่บนหุบเขาสายหนึ่ง จ้องมองไปยังปลาที่เวียนว่ายอยู่ในลำธารอย่างเงียบเชียบ ราวกับกำลังเบื่อหน่ายอยู่

 

ในตอนนี้ เสื้อผ้าที่เขาสวมอยู่นั้นสะอาดสะอ้าน จนมองไม่ออกถึงคราบโลหิตอันใด จนทำให้ผู้คนทั้งหมดเกิดความสงสัยขึ้นมา ยังคิดว่าเขาฟื้นฟูพลังกลับมาได้ คิดหมายที่จะถอยออกไปตั้งแต่แรก

 

“ ไม่ถูกต้อง แล้วพลังของเขาเล่า พลังของเขา “

 

มีคนที่พบเห็นบางอย่างขึ้นมากะทันหัน ตะโกนออกมาด้วยเสียงที่ดัง

 

ยอดฝีมือเหล่านั้นที่ความจริงเตรียมการจะถอยหนีก็ได้ขยับร่างกายอีกครั้ง แล้วก็ได้มองไปทางด้านเยี่ยจงอย่างละเอียด ภายในดวงตายากที่จะเชื่อในสิ่งที่เห็น

 

“ เขาจบสิ้นแล้ว เขาจบสิ้นจริงๆแล้ว ในตอนนี้บนร่างของเขาตรวจสอบไม่พบรังสีของพลังได้เลยแม้แต่น้อย เขาเป็นเหมือนกับคนธรรมดาก็มิปาน ดูเหมือนว่าจะกลายเป็นพิการไปแล้ว “ มีคนเอ่ยขึ้นมาอย่างยินดี ดูเหมือนว่าเยี่ยจงในตอนนี้จะทราบถึงพลังของตนเอง จึงได้เปลี่ยนไปสวมไว้ด้วยชุดที่สะอาดชุดหนึ่ง นี้คือออกมารับความตายอย่างงั้นหรือ ?

 

“ เพียงแค่อัจฉริยะเผ่ามนุษย์เพียงคนเดียว กระนั้นกลับต้องตายลงในที่แห่งนี้ ถือได้ว่า …….. จำให้พวกข้ามีความสุขนัก “ ผู้เฒ่าแห่งสำนักเสวียนหวินหลายคนก็ได้เดินออก พวกเขาหัวเราะอย่างเย็นชาติดต่อกัน สถานการณ์ของเยี่ยจงในตอนนี้ได้ทำให้พวกเขาชื่นมืนเป็นอย่างยิ่ง ในตอนนี้ พวกเขาเหม่อมองไปที่เงาของเยี่ยจง แทบจะไม่ได้คิดถึงเรื่องหัวใจพสุธาสมบัติโลหิตมังกรแท้อะไรนั้น เพียงแค่นึกถึงภาพที่เยี่ยจงตกตายอย่างอนาจเยี่ยงไร

 

ยอดฝีมือจากขุมกำลังอื่นๆต่างก็หัวเราะขึ้นมา ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่เพียงห่วงว่าเยี่ยจงจะหลบหนีไปได้ แต่ว่าในตอนนี้จากที่เขามองแล้วที่เหมือนดั่งคนธรรมดาก็มิปาน อีกทั้งยังมิได้มีความคิดที่จะหลบหนี เช่นนั้นเขาในตอนนี้ ก็เหมือนกับปลาที่ติดอยู่ในแห รอคอยคนมาช้อนออกไป เรื่องที่ยุ่งยากที่สุดต่อจากนี้ เกรงว่าจะเป็นการแบ่งสิ่งของที่อยู่บนตัวของเขาอย่างไรกันดี ?

 

หลังจากที่ครุ่นคิดได้เช่นนี้ ยอดฝีมือทั้งหมดต่างก็หัวเราะได้สดชื่นเสียยิ่งกว่าดอกไม้ผลิบานก็มิปาน

 

“ เยี่ยจง ข้าจะเห็นแก่ที่เจ้าเป็นถึงอัจฉริยะแห่งยุคที่ยังไม่ดับสูญ ขอเพียงในตอนนี้เจ้าส่งมอบหัวใจพสุธาออกมาด้วยตนเอง ข้าจะรับรองว่าเจ้าจะตายอย่างไม่ทรมาน ร่างกายอยู่ครบทุกส่วนชิ้น “ มีคนเดินหน้าออกมา กล่าวด้วยเสียงแผ่วเบา

 

“ เจ้าเป็นตัวอะไร ? เจ้าหนูนี้มีความแค้นกับสำนักเสวียนหวินข้า จะต้องให้สำนักเสวียนหวินเราเป็นคนจัดการ เจ้าอย่าได้เข้าใจผิดไป “ อีกทางด้านหนึ่ง ยอดฝีมือสำนักเสวียนหวินก็ได้เดินออกมา พวกเขาก็ได้กวาดสายตาอันดุดันมองไปยังบุคคลที่เอ่ยปากออกมา ทอสีหน้าดุร้ายออกมา

 

และบุคคลที่เดินออกมาเป็นบุคคลแรกนั้นที่แท้มีที่มาที่ไปไม่ธรรมดา ในตอนนี้ก็ได้หัวเราะเสียงเย็นชาออกมา โบกมือคราหนึ่ง ก็ได้มียอดฝีมือกลุ่มใหญ่ก้าวเดินออกมา

 

วินาทีนั้น ด้านหนึ่งเป็นขุมกำลังใหญ่กับอีกทางที่เป็นสำนักเสวียนหวินที่คล้ายดังลูกศรที่พร้อมถูกปล่อย ยังไม่ทันที่จะเริ่มต่อกรกับเยี่ยจง ก็ได้เกิดศึกขึ้นมาแล้ว อีกทั้งเยี่ยจงในตอนนี้จากที่พวกเขามองดูเหมือนดั่งไม่สามารถคุกคามพวกเขาได้แม้แต่น้อย ในทางกลับกันผู้ใดได้เยี่ยจงไปได้ ก็คงจะได้รับประโยชน์อยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว

 

“ ข้าว่าพวกเจ้ายังคงอย่าได้แย่งกันแล้ว มาจัดการเจ้าเด็กน้อยผู้นี้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน หากว่าเขาหลบหนีไปได้อีก คงจะเป็นเรื่องตลกไม่น้อย หลังจากที่ฆ่าเขา คำถามที่ว่าจะแบ่งสิ่งของกันอย่างไรนั้นค่อยกันอีกครา “ ชายหนุ่มสี่ผู้แข็งแกร่งแห่งเขาหลิงซานก็ได้เดินออกมา เขามองไปที่เยี่ยจงอย่างเย็นชา ครุ่นคิดแล้วกล่าวออกมา

 

หลังจากที่เงียบงัน สำนักเสวียนหวินและขุมกำลังฝ่ายนั้นต่างก็ถอยออกไปอย่างลังเล ขึ้นชื่อว่าเป็นสี่ความแข็งแกร่งแห่งเขาหลิงซานนั้นถือว่าเกรียงไกรไม่น้อย พวกเขาไม่คิดที่จะมีปัญหาด้วยอย่างแน่นอน

 

“ ถ้างั้นก็ลงมือพร้อมกัน “ หนึ่งในผู้อาวุโสสำนักเสวียนหวินก็ได้ส่งเสียงดังเชอะออกมา หันกายจ้องมองไปที่แผ่นหลังของเยี่ยจง

 

เมื่อพบเห็นความเคลื่อนไหวเช่นนี้ ยอดฝีมือกลุ่มนี้ก็ได้ก้าวออกมาทีละคน บนร่างของทุกผู้คนก็ได้เต็มเปี่ยมไปด้วยรังสีสังหาร กระนั้น นอกจากสมบัติที่อยู่ในของเยี่ยจงแล้ว ชื่อเสียงของเยี่ยจงก็เรียกได้ว่ามีอยู่ไม่น้อย การที่พอจะสามารถสังหารเยี่ยจงด้วยมือตนเอง เกรงว่าคงจะได้รับชื่อเสียงได้ไม่น้อยเลยทีเดียว

 

ท่ามกลางบรรยากาศเช่นนี้ ในตอนนี้ราวกับรู้สึกกดดันอย่างถึงที่สุด รังสีสังหารปกคลุมกระจายเต็มเปี่ยม

 

เยี่ยจงมือไพร่หลังอยู่บนหุบเขา ในขณะนี้เอง เขาราวกับตรวจสอบพบว่าคนเหล่านี้ต้องการที่จะลงมือ เขาก็ได้หันกายไปอย่างช้าๆ ดวงตาตาเป็นประกาย แล้วก็ได้กวาดมองเข้าไปยังกลุ่มผู้คนมากมายเหล่านี้ แล้วก็กล่าวเสียงดังกังวาน “ พวกเจ้าแย่งกันเสร็จแล้วสินะ “

 

หลังจากที่เงียบงัน ผู้คนทั้งหมดต่างก็งงงัน ทว่าคิดก็พึ่งจะนึกถึงสถานการณ์ของเยี่ยจงในตอนนี้ ผู้อาวุโสสำนักเสวียนหวินคนหนึ่งก็ได้ยิ้มอย่างเย็นชาแล้วกล่าวออกมา “ เยี่ยจง มาจนถึงขั้นนี้แล้วเจ้ายังจะเสแสร้งไปทำไมกัน เจ้าในตอนนี้ก็เป็นแค่เพียงคนพิการเท่านั้น เจ้ายังคิดว่าเจ้ายังเป็นยอดอัจฉริยะอยู่หรือไง “

 

“ เส้นทางที่ไม่บรรจบ ในเผ่าพันธุ์ข้ามีคัมภีร์บันทึกเอาไว้ คนที่ล้มเหลวก็มักจะทำตัวเหมือนกันคนพิการ ถึงแม้ว่าจะมีโอกาสในการกลับคืน เพื่อที่จะคืนสู่เส้นทางวิทยายุทธ์ แต่ว่าน่าเสียดายเหลือเกิน เจ้ากลับไม่มีเวลาเช่นนั้น “ ชายหนุ่มของสี่ผู้แข็งแกร่งเขาหลิงซานเอ่ยขึ้นอย่างเย็นชา เพื่อที่จะเอ่ยถึงประเด็นขึ้นมา เขาคิดที่จะทำให้เยี่ยจงเกิดความสิ้นหวัง

 

 

“ ดูเหมือนว่าเจ้ายังคงเป็นคนดีเสียจริงนะ เจ้าคิดที่จะให้ความหวังแก่ข้างั้นหรือ ? “ เยี่ยจงอมยิ้ม เขามองไปที่ชายหนุ่มผู้นี้ กล่าวเสียงดังกังวาน “ ในเมื่อเจ้าเห็นแก่หน้าเช่นนี้ เช่นนั้นเพื่อเห็นแก่สถานะของเจ้า ข้าจะให้โอกาสครั้งหนึ่งแก่พวกเจ้าทั้งหมดนี้ก็แล้วกัน ……. นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ภายในสามลมหายใจ ให้นำสิ่งของมีค่าทั้งหมดบนตัวส่งมอบออกมาด้วยตนเอง ข้าก็จะไว้ชีวิตคนผู้นั้นในหมู่พวกเจ้า “

 

“ อะไรกัน เจ้า ……”

 

มีคนที่เกิดความสงสัยขึ้นมา นั้นก็เพราะว่าความแข็งแกร่งของเยี่ยจงก่อนหน้านี้มีอยู่มาก คำพูดที่กล่าวออกมาในตอนนี้ ก็ได้มีผู้คนไม่น้อยที่ถอยหลังไปครึ่งก้าวอย่างไม่ตั้งใจ

 

“ ฮาฮาฮา เจ้าขยะเพียงคนเดียวถึงกับยังหนังหนาได้ขนาดนี้ เจ้าหาที่ตายเองนะ “ ผู้อาวุโสสำนักเสวียนหวินก็ได้หัวเราะดังยาวขึ้นมากะทันหัน ทอสีหน้าเย้ยหยัน

 

“ อือ หาที่ตายเองนะ “ เยี่ยจงพยักหน้า แล้วก็ได้ยกมือชี้ออกไป แล้วก็ได้พบเห็นจากความเคลื่อนไหวของเขา บนร่างกายของผู้อาวุโสสำนักเสวียนหวินผู้นั้นก็ได้มีเสียงดัง”เพียะ”ขึ้นมาจนกลายเป็นก้อนเนื้อลอยกระเด็นออกไปท่ามกลางอากาศ

 

“ อะไรกัน ? “

 

ผู้คนทั้งหมดต่างก็กรอกตาไปมา ตัดสินใจที่จะถอยไปหลายก้าว สีหน้าแปลกใจอย่างยิ่ง ไม่ใช่บอกมาว่าเด็กน้อยผู้นี้ไม่มีวิทยายุทธ์แล้วหรือไง ? ทำไมถึงแข็งแกร่งได้ถึงเพียงนี้ เพราะแค่ดัชนีเดียว ก็ได้ทำให้หนึ่งในราชันของสำนักเสวียนหวินร่างแตกกระจายได้เลยงั้นหรือ ?

 

“ พวกเจ้าหลงลืมไปแล้วงั้นหรือ ในมือของเขายังมีสมบัติเซียนประหลาดอยู่ ถึงทั้งนำพาเขาจากไปได้ ในตอนนี้เขาใช้ออกมาคงจะไม่ยากนัก …… เขาในตอนนี้ก็เหมือนตะเกียงที่ไร้น้ำมัน ก็แค่คิดที่จะข่มขู่ให้พวกเราจากไปเท่านั้น ทุกท่านอย่าได้หลงกลเชียว “ มีคนที่ไม่ถอยส่งเสียงดังขึ้นมา

 

“ ใช่แล้ว ก่อนหน้านี้ที่พบกับเขาหลายครั้ง สุดท้ายต่างก็รอดและหลบหนีไปได้ วันนี้อย่าได้ให้เขาหลบหนีไปได้อีกครั้ง “ แล้วก็ได้มีคนส่งเสียงดังสนับสนุน เสียงดังก้อง

 

หลังจากที่เงียบงัน มียอดฝีมือไม่น้อยที่สีหน้านิ่งเฉย มีผู้คนมากมายในสถานที่แห่งนี้ ถ้าหากถูกเยี่ยจงที่ได้รับบาดเจ็บหนักจนทำให้หนีไปได้อีกครั้งแล้วละก็ เช่นนั้นพวกเขาก็คงจะขายหน้าอย่างยิ่งแล้ว

 

“ พวกเจ้ายังพอมีเวลาอีกหนึ่งลมหายใจ ชีวิตนั้นมีค่า ฉกฉวยด้วยตนเอง อย่าได้หลงผิดไป “ เยี่ยจงยังคงทอสีหน้าดุดัน เขาปัดมือไปมา เอ่ยเสียงเย็นเยียบขึ้นมา

 

ผู้คนมากมายหัวเราะอย่างเย็นชาติดต่อกัน ในครั้งนี้กลับไม่มีผู้ใดที่ถูกคำขู่ของเยี่ยจงทำให้ตกใจได้อีกแล้ว

 

“ ลงมือพร้อมกัน หั่นเขาเป็นชิ้นๆ ให้เขาตายอย่างไร้ที่กลบฝัง “ ในที่สุด ยอดฝีมือผู้หนึ่งของสำนักเสวียนหวินก็อดไว้ไม่อยู่ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เยี่ยจงยังถึงกับสามารถสังหารผู้อาวุโสของพวกเขาลงได้ ทำให้พวกเขาขายหน้ายิ่งกว่าเดิมอย่างมาก

 

“ ตูมตูมตูม “

 

วินาทีนั้นเอง ยอดฝีมือสำนักเสวียนหวินนับสิบก็ได้ลงมือในเวลาเดียวกัน วินาทีที่มีประกายแสงทอขึ้นมา ทักษะยุทธ์ก็ได้เปล่งประกาย ฟาดฟันออกมาอย่างบ้าคลั่ง

 

“ หมดสามลมหายใจแล้ว ช่างน่าเสียดาย ยากนักที่ข้าจะจิตใจดี ทั้งยังไม่ต้องการที่จะฆ่าคน “ เยี่ยจงถอนหายใจออกมา ในตอนนี้เขาก็ได้เหม่อมองไปยังยอดฝีมือสำนักเสวียนหวินที่มีสีหน้าบ้าคลั่งเหล่านี้ แล้วก็ได้พลิกมือขวาเล็กน้อย กวาดออกไปบริเวณทางด้านหน้า

 

“ เปรี้ยง “

 

สายลมบ้าคลั่งหอบหนึ่งก็ได้พัดออกมา วินาทีนั้น ก็ได้มีพลังอันมหาศาลสายหนึ่งแผ่กระจายออกมาจากร่างกายของเยี่ยจง จากนั้นเขาก็ได้ฟาดฝ่ามือออกไปอย่างสบายๆ จนทำให้ทักษะยุทธ์นับสิบสายแตกกระจายไปท่ามกลางอากาศในเวลาเดียวกัน

 

ความน่าหวาดกลัวของสายลมหอบนี้ แต่ว่าก็ไม่มีสายลมใดๆที่จะสามารถเข้าใกล้ตัวของเยี่ยจงได้เลย เขาในตอนนี้ เป็นเหมือนดั่งเทพเซียนหนุ่มก้าวเดินมายังผืนพิภพ สายลมหนุนเสริมเกิดบารมี

 

“ ฉึก “

 

เพียงแต่ว่าทันใดนั้นเอง ยอดฝีมือสำนักเสวียนหวินรวมทั้งยอดฝีมืออื่นๆที่ต่างก็ลงมือก็ได้แตกกระจายออกไปในทันที จนกลายเป็นเพียงฝนโลหิต แม้แต่ซากศพก็ยังไม่หลงเหลือ

 

พลังความแข็งแกร่งชนิดนี้ ทำให้ผู้คนมากมายในที่แห่งนี้ต่างก็เกิดความหวาดกลัว ในตอนนี้ทุกผู้คนต่างก็ร่างกายสั่นเทา ไม่อาจที่จะเชื่อได้ลง

 

ถึงแม้ว่าเยี่ยจงก่อนหน้านี้ แต่ว่าแน่นอนว่ามิได้แข็งแกร่งในถึงขั้นใด ด้วยลักษณะนิสัยการลงมือของเยี่ยจงในตอนนี้ เพียงแค่กระบวนท่าเดียวก็ ก็ได้ทำให้เกิดการสูญเสียได้มากถึงเพียงนี้ เพียงแค่กระบวนท่าเดียว ก็ได้มีความน่ากลัวอย่างมหาศาล อีกทั้งประกายสีทองที่รวมอยู่ภายในร่างกายของเขา ก็ได้แผ่พุ่งออกมา กดดันไปทั่วทั้งสี่ทิศ

 

“ เพราะอะไร เป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไรกัน ? ที่แท้เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ? “ มีคนสั่นเทาไปทั่วสรรพร่าง เกิดความหวาดกลัวขึ้นภายในใจอย่างถึงที่สุด จนคุกเข่าลงกับพื้นดิน ความกล้าที่แม้แต่จะลงมือของเขาก็ยังไม่มี นั้นก็เพราะว่าราวกับนึกอะไรบางอย่างออกมาได้ภายในห้วงสมองของพวกเขา จนทำให้พวกเขานิ่งทึ่ง จนทำให้พวกเขาคิดที่จะกราบลง

 

“ ที่แท้ ที่แท้ ระดับพลังยุทธ์ในตำนานขอบเขตนั้น “ มีคนร้องออกมา “ เป็นเช่นนี้ได้อย่างไรกัน ? เป็นไปได้ยังไง ? เขาถึงกลับทำสำเร็จได้แล้ว “

.

.

.

.

กลุ่มลับ ติดต่อได้หลังไมค์ครับ กลุ่มละ 80ตอน/กลุ่ม/100บาทครับ
โปรโมชั่น เข้ากลุ่ม 4/5/6/7/8 ราคา 450
กลุ่ม4 https://goo.gl/ESwaou ตอนที่ 291-370
กลุ่ม5 https://goo.gl/ekcF7V ตอนที่ 371-450
กลุ่ม6 https://goo.gl/4rqw89 ตอนที่ 451-530
กลุ่ม7 https://goo.gl/qrQ7GA ตอนที่ 531-610

กลุ่ม8 https://goo.gl/Uzqf2x ตอนที่ 611-690 ล่าสุด647 Update 09/06/18

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ INBOX ในเพจเลยครับ

https://www.facebook.com/ZuiQiangWuShen/

 

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset