บทที่ 56 บุกทะลวง
“หยุด! คุณจะเข้าไปไหน? คุณได้นัดเอาไว้ก่อนรึเปล่า?”
ทันทีที่อวี้ฮ่าวหรานเดินไปถึงหน้าประตูตึกก่วงผิงและกำลังจะ เดินเข้าไป เขาพลันถูกหยุดเอาไว้ทันทีจากเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของตึก 2 คน
อวี้ฮ่าวหรานไม่มีเจตนาที่จะเสียเวลากับคนพวกนี้ เขาจับร่างเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดทั้ง 2 คนโยนทะลุประตูกระจกเข้าไปด้านในทันที!
“เพล้ง!!”
“กรี๊ดดดด!!”
บรรดาพนักงานประชาสัมพันธ์ที่อยู่หลังโต๊ะข้างในตึกกรี๊ดลั่นทันทีเมื่อเห็นว่า จู่ ๆ ร่างของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของตึกถูกโยนลอยทะลุประตูกระจกเข้ามา “นั่นใครกัน ทำไมเขาถึงได้น่ากลัวขนาดนี้!”
“รีบโทรแจ้งตำรวจเร็ว!”
“อย่านะห้ามโทรแจ้งเด็ดขาด! นี่เธอไม่รู้รึไงว่าบริษัทของเรามีกฎระเบียบห้ามโทรแจ้งตำรวจทุกกรณีไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม!”
อวี้ฮ่าวหรานซึ่งเดินเข้ามาในตึกแล้ว เมื่อได้ยินบทสนทนาเหล่านี้เขารู้สึกโล่งใจทันที
ดูเหมือนว่าสถานที่แห่งนี้น่าจะเป็นที่ซ่อนของพวกอาชญากร จริง ๆ!
“สารเลวเอ๊ย! ใครบังอาจมาสร้างความเดือดร้อนให้กับพวกเราวะ!”
ไม่นานนัก เสียงตะโกนโหวกเหวกก็ดังขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวของกลุ่มชายสิบกว่าคนที่สวมชุดเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เหมือน ๆ กัน
สีหน้าของพวกเขาทุกคนเต็มไปด้วยความเดือดดาล
หัวหน้ากลุ่มเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเมื่อเห็นว่าประตูกระจกบริษัทแตกยับเยิน และเห็นลูกน้องของเขาสองคนนอนร้องโอดโอย อยู่ที่พื้นพร้อมกับชี้นิ้วไปที่อวี้ฮ่าวหรานเพื่อส่งสัญญาณว่านี่คือตัวการ เขาก็ยิ่งโมโหมากกว่าเดิม
ไอ้หนุ่มนี่มันวอนหาที่ตายซะแล้วที่มากำแหงที่นี่!
“ฮึ่ม ไอ้หนุ่ม! หากแกยอมคุกเข่าขอขมาต่อหน้าฉัน ฉันจะหักแขนแกแค่ข้างเดียวแล้วโยนแกออกไป แต่ถ้าหากแกไม่ยอมฉันจะหักทั้งแขนและขาของแกทิ้งให้หมด!”
หัวหน้าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตะโกนขึ้นเสียงดังด้วยสีหน้าเดือดดาล ตั้งแต่เขาทำงานที่นี่มาเขายังไม่เคยเจอใครที่กล้าบุกบริษัท ของเขาแบบนี้มาก่อนเลย
“หัวหน้า! มันน้อยไปรึเปล่าที่จะหักแขนไอ้เวรนี่แค่ข้างเดียว มันทำร้ายคนของเราไปสองคนอย่างน้อยๆ พวกเราก็ต้องหักขามันอีกสักข้างหนึ่งด้วยมันถึงจะสาสม!”
“ใช่! พวกเราต้องให้มันคลานกลับออกไปมันถึงจะดี!”
“บังอาจมาหยามพวกเราถึงถิ่นแบบนี้มันต้องสั่งสอนให้รู้สำนึก!”
บรรดาเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเมื่อเห็นว่าฝั่งตรงข้ามมาแค่คนเดียว พวกเขาต่างก็พากันพูดจาเย้ยหยันไม่กลัวอวี้ฮ่าวหราน แม้แต่น้อย
ทางด้านของอวี้ฮ่าวหราน เมื่อเห็นตัวตลกพวกนี้พูดจาใหญ่โต เขาก็เริ่มรำคาญ ต้องรู้ว่าตอนนี้ความอดทนของเขาต่ำมากเพราะ คนพวกนี้คือคนขององค์กรที่ทำร้ายครอบครัวของเขา “มดแมลงอย่างพวกแกนี่มันเสียงดังกันดีจริง ๆ เอาล่ะฉันไม่มีเวลามาเถียงอะไรกับพวกแกนักฉันขอจบเรื่องนี้เร็ว ๆ เลยก็แล้วกัน!”
เมื่อพูดจบ อวี้ฮ่าวหรานพุ่งตัวเข้าไปกลางดงเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทันที
“ผลั่ก ผลั่ก ผลั่ก!!”
“กร๊อบ อ๊าก!!”
เหมือนกับเสือที่กระโจนเข้าไปในฝูงแกะ บรรดาเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยต่างล้มระเนระนาดจากทั้งหมัดและลูกเตะของ อวี้ฮ่าวหราน
แค่เพียงเวลาไม่กี่วินาทีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งหมด ก็นอนร้องโอดโอยด้วยสภาพแขนขาหักอย่างหมดสภาพ แน่นอนว่า นับจากนี้ต่อให้รักษาหายแล้วแขนขาของพวกเขาคงไม่กลับมาดีได้เหมือนเดิมแน่นอน
อวี้ฮ่าวหรานจงใจให้เป็นเช่นนั้น เขาไม่ต้องการฆ่าคนพวกนี้ให้ตายไปแบบสบาย ๆ เขาต้องการให้คนพวกนี้เจ็บปวดไปจนชั่วชีวิตในข้อหาที่มาทำร้ายคนที่เขารัก!
เมื่อจัดการพวกตัวประกอบเหล่านี้จนหมด อวี้ฮ่าวหรานก็เดิน ตรงไปที่ลิฟต์ต่อและกดลิฟต์ขึ้นไปที่ชั้นบนสุด
ที่ชั้นบทสุดของตึกก่วงผิง
ในห้องผู้จัดการใกล้กับลิฟต์
“ผู้จัดการเจา อย่าดึงแรงนักสิเดี๋ยวเสื้อของฉันก็ขาดหมดหรอก”
“เอาน่า ถ้ามันจะขาดก็ให้มันขาดไปสิ…เดี๋ยวฉันซื้อให้ใหม่เอง…”
เสียงของชายหญิงซึ่งกำลังหยอกล้อกันอยู่ดังออกมาถึงนอกห้อง
อวี้ฮ่าวหรานซึ่งขึ้นมาถึงชั้นบนสุดแล้ว เขาใช้เนตรเทวะส่องเข้าไปในห้องทันที และเขาก็เห็นว่าภายในห้องมีชายร่างอ้วนคนหนึ่งกำลัง กอดรัดเลขาสาวของตัวเองอยู่
“โครม!!”
อวี้ฮ่าวหรานตัดสินใจถีบประตูห้องจนกระเด็นและเดินเข้าไปด้านในทันที
คู่ผู้จัดการกับเลขาต่างตกตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก เมื่อจู่ ๆ ประตูห้องที่ล็อคอยู่ถูกถีบจนกระเด็นและเห็นว่ามีชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังเดินเข้ามาด้วยสีหน้าเย็นชา
“กรี๊ดด!!”
เมื่อได้สติ เลขาสาวรีบวิ่งหนีออกไปจากห้องทันทีปล่อยให้ผู้จัดการเจายืนแสดงสีหน้าโง่งม
“ไอ้ลูกหมาเอ๊ย แกเป็นใครวะถึงได้มาพังประตูของฉันแบบนี้!”
เมื่อได้สติ ผู้จัดการเจาตวาดขึ้นเสียงดังใส่อวี้ฮ่าวหราน
ในตึกก่วงผิง มันไม่ควรมีใครกล้าทำอะไรแบบนี้ไม่ใช่หรือไง?
แล้วไอ้หนุ่มเวรนี่มันเป็นใครถึงได้กล้ามาถีบประตูของเขา จนหลุดออกมาทั้งยวงแบบนี้?
“แกไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นฉันสาบานเลยว่าจะทำให้แก ต้องนอนกินข้าวต้มไปอีกหลายเดือน!”
ผู้จัดการเจาตะโกนขึ้นอีกรอบเมื่อเห็นว่าฝั่งตรงข้ามไม่ตอบกลับเขา ฝั่งตรงข้ามเอาแต่มองหน้าเขาด้วยสายตาเย็นชาอยู่ตลอดซึ่งมันทำให้เขาโมโหเป็นอย่างมาก
ในบริษัทของเขามีคนที่ไม่ให้เกียรติเขาแบบนี้อยู่ได้ยังไง? เขาคือผู้บริหารระดับสูงของที่นี่ เขาไม่เคยเจอใครที่ไม่ให้เกียรติเขาแบบนี้มาก่อน แถมเขาถามฝั่งตรงข้ามไปแล้วสองรอบ ฝั่งตรงข้ามกลับยังคงเงียบได้อยู่อีก นี่ฝั่งตรงข้ามเป็นใบ้รึไงกัน?
จากนั้นต่อมา ผู้จัดการเจาก็ยิ่งพูดไม่ออกมากกว่าเดิมเพราะแทนที่ฝั่งตรงข้ามจะตอบอะไรกลับเขา ฝั่งตรงข้ามกลับเดินไปที่โซฟาและนั่งลงด้วยสีหน้าเย้ยหยันอีกต่างหาก!
“แกเป็นคนขององค์กรอสรพิษใช่ไหม? ฉันมาที่นี่เพราะมาหาแกโดยเฉพาะ!” เมื่อนั่งลงบนโซฟา อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยขึ้นทันทีด้วยสีหน้าเย้ยหยัน
“อสรพิษบ้าบออะไร? ฉันไม่เคยได้ยินโว๊ย ถ้าหากแกยังไม่ออก ไปอีกฉันจะเรียกคนของฉันให้มาลากตัวแกออกไปเดี๋ยวนี้!” เมื่อได้ยินคำว่าองค์กรอสรพิษ ผู้จัดการเจาอึ้งไปเสี้ยววินาทีแต่แล้วเขาก็สามารถปกปิดสีหน้าของตัวได้อย่างรวดเร็วและแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง
“คนของแก? หมายถึงไอ้พวกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของตึกแกใช่ไหม? โอ้ ถ้างั้นก็เอาเลย ลองโทรเรียกพวกมันขึ้นมาให้หมดเลย!”